ตอนที่ 1 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11943534/W11943534.html
ตอนที่ 2 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12019719/W12019719.html
3
แม้บางครั้งชายหนุ่มจะแอบคิดเข้าข้างตัวเองว่าธารทิพย์มีใจตรงกันกับเขา แต่... จะเชื่อเช่นนั้นได้อย่างไร ในเมื่ออุปนิสัยและบุคลิกของเธอก็เป็นเช่นนี้ เป็นคนเงียบ เขินอาย ไม่ค่อยพูด เขาจะสรุปได้อย่างไรว่าเธอก็รู้สึกเช่นเดียวกัน
ถ้าพี่ชายของธารไปด้วยก็ดีเหมือนกัน เวลาพี่กับพ่อของพี่ไปทำงานจะได้หายห่วง เขาตอบแบบไม่สบตา เพราะเป็นคำตอบที่ไม่ได้ตรงกับใจ
แสดงว่าถ้าเราสองคนไปที่นั่น ก็ต้องพักที่บ้านพี่สนต์หรือคะ รบกวนแย่เลย
รบกวนอะไรกัน ไม่ต้องคิดมาก พี่พักอยู่กับพ่อแม่แค่สามคนเอง พี่จะบอกให้ฟังว่าในศูนย์น่ะ มีพิพิธภัณฑ์ที่แสดงเกี่ยวกับพันธุ์ไม้แทบทุกชนิดในประเทศไทยเลยนะ ทุกๆ อย่างจะมีป้ายบอกไว้บรรยายข้อมูลเอาไว้ทั้งหมด ธารเรียนด้านนี้ น่าจะได้ไปศึกษาดูบ้าง พี่เคยชวนมีนหลายครั้งแล้ว แต่ก็ไม่มีโอกาสได้ไปสักที เปิดเทอมก็เรียน ปิดเทอมวันหยุดก็ยังต้องช่วยงานที่ร้านอีก
ฟังแล้วน่าสนใจจังเลยค่ะ ธารชักอยากไปเร็วๆ ซะแล้วสิ ธารทิพย์ตอบ
พื้นที่ของศูนย์มีอาณาบริเวณที่กว้างใหญ่มาก นอกจากพิพิธภัณฑ์แล้ว ยังมีส่วนที่เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ต้นกล้าที่มีทั้งพันธุ์ไม้หายากที่สูญพันธุ์ไปแล้วหรือใกล้จะสูญพันธุ์ก็มี แล้วยังมีห้องสมุดข้อมูลของพันธุ์ไม้แต่ละชนิดด้วยนะ
ดูเหมือนว่าไปแค่ที่นี่ที่เดียว จะได้ข้อมูลครบวงจรเลย เอ่อ... ธารเคยอ่านเจอว่าที่ทองผาภูมิมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจเยอะแยะเลย พูดแบบนี้แสดงว่าน้องธารอยากเที่ยวด้วยใช่ไหมล่ะ ชายหนุ่มกระเซ้า อีกฝ่ายยิ้มพร้อมกับพยักหน้า
ที่นั่นมีอุทยานแห่งชาติหลายแห่ง ทั้งทองผาภูมิ เขื่อนศรีนครินทร์ แล้วก็ลำคลองงู มีน้ำพุร้อน มีน้ำตกสวยๆ ตั้งหลายที่ เอาไว้พี่จะพาไปเที่ยว อ้อ! แล้วมีที่พักแบบโฮมสเตย์กับแพริมน้ำด้วยนะ น้องธารชอบพักสไตล์ไหนล่ะ ชายหนุ่มสาธยายจนอีกฝ่ายเก็บความตื่นเต้นในแววตาไม่อยู่
จริงเหรอคะ ยิ่งพูดยิ่งอยากไปเลย ส่วนตัวธารอยากนอนแพมากกว่า แต่ก็ต้องถามมีนด้วย รายนั้นเดาใจยากค่ะ
อืม... พี่ก็เลยไม่ได้ขออนุญาตคุณย่าด้วยตัวเองเลย ดันมาตอนท่านไม่อยู่เสียนี่
ธารคิดว่าถ้าคุณย่าทราบว่ามีพี่สนต์เป็นแกนนำ ท่านคงจะอนุญาตนะคะ ธารทิพย์พูดกลั้วหัวเราะ
เป็นแกนนำเลยเหรอ อีกฝ่ายก็พลอยหัวเราะกับคำว่า แกนนำ ที่หญิงสาวนำมาใช้
แหม... หัวเราะอะไรกันยะ มีความสุขกันจริ๊ง แม่จ๋า... สงสัยเราสองคนจะออกมาขัดจังหวะเขาแล้วล่ะ เพื่อนสาวที่เพิ่งเดินออกมาจากครัวแกล้งแซว พร้อมกับวางชามแกงส้มปลาช่อนลงบนโต๊ะ
สนธยารีบลุกจากที่นั่งไปช่วยผู้เป็นน้าถือถาดที่มีจานผัดกะเพราไข่เยี่ยวม้า และแหนมปลากรายทอด ส่วนอุ๊ถือโถข้าว จานเปล่าซึ่งมีช้อนส้อมวางอยู่ ธารทิพย์จึงช่วยรับมาวางบนโต๊ะ
ขอบคุณค่ะพี่อุ๊
ไม่เป็นไรค่ะ กับข้าวอร่อยๆ ทั้งนั้นเลย ทานเยอะๆ นะคะคุณสนต์ คุณธาร โดยเฉพาะคุณธารน่ะผ๊อมผอม ต้องกินให้เยอะกว่าเพื่อนเลย อุ๊พูดพลางมองสำรวจรูปร่างของธารทิพย์ที่ยืนยิ้มอย่างเขินๆ ก็ดันมาพูดเรื่องรูปร่างทรวดทรงต่อหน้าชายหนุ่มที่ตัวเองแอบมีใจ จะไม่ให้อายได้อย่างไร
เค้าเรียกว่าหุ่นนางแบบต่างหากล่ะพี่อุ๊ อมีนาแก้ต่างแทน ฝ่ายอุ๊คดข้าวในโถตักลงจานอย่างคล่องแคล่ว
เอ่อ... น้าทิพย์ครับ สนธยาเริ่มเรื่อง แม้น้ำเสียงจะอึกอักเล็กน้อย
ผมจะขออนุญาตพามีนไปหาข้อมูลทำรายงานที่ทองผาภูมิน่ะครับ
ผู้เป็นแม่ขมวดคิ้วสงสัย แล้วไหนมีนบอกแม่ว่าวันนี้กลับไปที่ร้านต้นไม้อะไรนั่นแล้วไง ยังได้ข้อมูลไม่ครบอีกหรือ ทำไมต้องไปถึงทองผาภูมิเลยล่ะ
คืออย่างนี้จ้ะแม่ วันนี้น่ะมีนกับธารไปที่นั่นมา แต่ร้านดันปิดปรับปรุงตั้งเดือนนึง แล้วทีนี้มีนก็เลยกลับไปที่ห้องสมุด บังเอิญไปเจอพี่สนต์ที่นั่นพอดี พี่สนต์ก็เลย... อมีนาอธิบายเล็กน้อย ก่อนเหลือบสายตาไปทางพี่ชายเพื่อหาตัวช่วย
ครับน้าทิพย์ คือแม่ของเพื่อนผมเปิดร้านขายต้นไม้อยู่ใกล้ๆ กับศูนย์พัฒนาและอนุรักษ์พันธุ์พืชทองผาภูมิ แล้วภายในศูนย์ยังมีห้องสมุด พิพิธภัณฑ์ และแหล่งเพาะพันธุ์ไม้ด้วย ถ้าสองคนนี้ไปที่นั่นคงได้ข้อมูลมาครบเลย สนธยาอธิบายต่อ
แต่ไปถึงทองผาภูมิ คงจะไปเช้าเย็นกลับไม่ได้แน่ จากนี่ไปร่วมสองร้อยโลเชียวนะ
ก็ไปพักที่บ้านลุงทัพไงแม่ อมีนาบอก
ถ้าหนูไปพักกับลุง แม่ก็หายห่วง แต่ยังไงก็ต้องขออนุญาตย่าก่อน แล้วธารไปด้วยหรือเปล่าลูก ทิพย์ระวีหันไปถามเพื่อนสนิทของลูกสาว
ไปค่ะ เดี๋ยวกลับไปวันนี้ธารจะขออนุญาตพ่อกับแม่ ธารทิพย์ตอบ หญิงวัยกลางคนโล่งใจไปเปราะหนึ่งที่รู้ว่าธารทิพย์ก็ไปด้วย อีกทั้งยังมีทัพพิทักษ์ และสนธยา เท่านั้นก็คงวางใจได้
แล้วต้องไปค้างกี่คืนกันล่ะ
ประมาณอาทิตย์หนึ่งจ้ะแม่ แต่ถ้ายังไม่เสร็จก็อาจจะเลยไปอีกสองสามวัน แม่ช่วยพูดขอย่าให้มีนด้วยนะ นะแม่นะ บุตรสาวขอร้องมารดาด้วยน้ำเสียงออดอ้อน
ขอน่ะขอได้ แม่คิดว่าถึงย่าอนุญาตก็คงอนุญาตแบบจำใจ เพราะหนูจะไปหาข้อมูลทำรายงานนี่นะ เอาไว้แม่จะไปพูดให้แล้วกัน
ลูกค้าสองโต๊ะที่เหลือเช็คบิล ออกจากร้านไปร่วมชั่วโมงแล้ว บรรยากาศภายในร้านอาหารทรงไทยแวดล้อมด้วยแมกไม้จึงเงียบสงัด ไม่แตกต่างไปจากทุกวัน
เมื่อเจ้ากี้เจ้าการให้สนธยาขับรถไปส่งธารทิพย์ที่บ้านเป็นอันเรียบร้อย อมีนาเดินออกประตูหลังร้านเข้าไปในตัวบ้าน ส่วนคุณทิพย์ระวีก็แยกตัวเข้าไปในครัวเพื่อดูแลความเรียบร้อยของลูกจ้างที่กำลังเก็บร้านอย่างเช่นทุกวัน
ร่างบางเดินฮัมเพลงขึ้นบันไดอย่างอารมณ์ดี นิ้วเรียวหมุนปลายผมเล่นไปพลาง จู่ๆ ก็รู้สึกราวกับว่ามีใครมาสะกิดบริเวณไหล่ขวา หญิงสาวหันขวับทันที
สิ่งที่พบเพียงความว่างเปล่า...
อมีนาจึงแหงนหน้ามองบนเพดานเผื่อว่าจะมีรอยรั่วแล้วน้ำหยดลงใส่ แต่กระนั้นก็ไม่มีรอยรั่วใดๆ
คิดไปเองมั้ง เธอพึมพำ แล้วก้าวต่อไม่ถึงสามขั้น ก็รู้สึกว่าใครมาสะกิดเรียกเหมือนเดิม
พฤติกรรมอย่างกับกรอเทปกลับไป หญิงสาวหันขวับ และพบเพียงความว่างเปล่าเช่นเดิม หญิงสาวลูบไหล่ข้างที่รู้สึกเหมือนถูกสะกิดเบาๆ เหลียวมองโดยรอบอย่างหวาดๆ ทันทีที่จะก้าวต่อ ก็รู้สึกราวกับว่ามีลมวูบหนึ่งพัดสวนทางปะทะร่างทั้งร่างจนหงายหลังตกบันไดลงมา สะโพกกระแทกกับพื้นอย่างแรง
โอ๊ย!! ก้นฉัน หญิงสาวร้องโอดครวญพลางใช้มือบีบนวดบริเวณสะโพกที่รู้สึกชาลงไปยันปลายเท้า ดูท่าจะช้ำในและระบมแน่ๆ อมีนาพยายามจะลุกยืนแต่ก็ลุกไม่ขึ้น หากสายตาเจ้ากรรมเหลือบเห็นใครบางคนเดินขึ้นบันไดไป จากนั้นขนก็ลุกซู่ขึ้นมาทันที
อมีนาขยี้ตายิกๆ อยู่หลายครั้ง แล้วเพ่งมองไปยังจุดเดิม แต่ก็ไม่เห็นใคร
เพี้ยนใหญ่แล้วเรา ท่าจะตาฝาด โอ๊ย!! หญิงสาวปลอบใจตัวเอง รู้สึกทั้งเจ็บทั้งระบมจนหน้าเริ่มซีด เธอพยายามฝืนตัวเองจะลุกขึ้นอีกครั้งแต่ก็ไม่สำเร็จ โชคยังดีที่คุณมณฑากลับมาพอดีเห็นหลานสาวทรุดนั่งอยู่กับพื้นด้วยสีหน้าซีดเซียว ผู้เป็นย่าก็ตกใจ
มีน เป็นอะไรลูก หญิงชรารีบเดินไปพยุงหลานสาวให้ค่อยๆ ลุกขึ้นพาไปนั่งที่โซฟาตัวยาวในห้องรับแขก
เอ่อ... มีน มีนสะดุดบันไดน่ะจ้ะย่า เด็กสาวเลี่ยงที่จะเล่าตามจริง
นี่คงจะวิ่งขึ้นบันไดอีกใช่ไหม ย่าเคยบอกแล้วว่าอย่าวิ่งเวลาขึ้นลงบันไดก็ไม่เคยเชื่อ ไปกระแทกถูกตรงไหน ขอย่าดูซิ
ตรงนี้จ้ะย่า โอ๊ย
อมีนาตอบพร้อมกับชี้ไปตรงจุดที่ถูกกระแทก
คุณมณฑาจึงถลกปลายเสื้อของหลานสาวขึ้นมา พินิจบริเวณที่หลานสาวชี้ให้ดูอยู่สักพัก ก็พบว่ามีรอยเขียวช้ำเป็นดวงใหญ่
ช้ำในนะเนี่ย เดี๋ยวคอยดูเถอะพรุ่งนี้เช้าจะยิ่งระบมเลย เดี๋ยวย่าไปหยิบยามาทาให้ แล้วนี่กินข้าวกินปลาหรือยัง
กินแล้วจ้ะย่า
คุณมณฑาพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะเดินไปหยิบหลอดยาทาและยาเม็ดแก้ปวดที่ตู้ยาสามัญประจำบ้านซึ่งติดอยู่ข้างผนังมาทาบริเวณรอยช้ำให้หลานสาวที่หวนคิดถึงเหตุการณ์เมื่อครู่นี้ก็อดขนลุกไม่ได้ ต้องเป็นผีบ้านผีเรือน เจ้าที่เจ้าทาง หรือไม่ก็ดวงวิญญาณที่ชนเธอจนล้มหงายหลัง แล้วปรากฏให้เธอเห็นเพียงแว่บเดียวแน่ๆ
เป็นอย่างที่ผู้เป็นย่าบอกไว้ไม่มีผิด เช้าวันถัดมาหญิงสาวรู้สึกปวดเคล็ดๆ ยิ่งกว่าตอนล้มใหม่ๆ เสียอีก อาจเป็นเพราะยาทาเริ่มออกฤทธิ์ก็เป็นได้ หลังจากอาบน้ำอาบท่าเรียบร้อยแล้ว อมีนาก็เดินมาเท้าแขนตรงริมระเบียงมองไปทางร้านอาหาร เห็นลูกค้าชายหนุ่มสองคน แต่เห็นหน้าไม่ชัดนัก เห็นแต่เพียงคนหนึ่งสวมเสื้อเชิ้ตสีดำ กางเกงยีนส์ รูปร่างสูงใหญ่ดูภูมิฐาน ผิวค่อนข้างขาว แต่ดูเหมือนอายุอานามยังไม่มากนัก กับชายร่างผอมอีกคนสวมเสื้อยืดสีน้ำเงินกางเกงยีนส์มีรอยขาด ไม่รู้ว่าจงใจให้ขาดหรือว่าเพราะมันเก่ากันแน่
เฮ้อ... ยิ่งขาเจ็บแบบนี้ด้วย ย่าจะอนุญาตให้ไปเหรอเนี่ย หญิงสาวรำพันกับตัวเองอย่างหน่ายๆ
เอ... พระมารับบาตรหรือยังนะ ไปถามแม่ดีกว่า
อมีนาก้าวลงบันไดอย่างช้าๆ มาจนถึงประตูหน้าบ้านก็ชะงักเท้า ก่อนจะสอดส่ายสายตามองหาจูดี้ แต่ไม่เห็น คงจะไปเที่ยวเล่นที่ไหนอีกแน่ๆ เดี๋ยวถ้าหิวข้าวคงกลับมาเอง หญิงสาวจึงค่อยๆ ประคองตัวเองเดินไปยังร้านอาหาร ทันทีที่ก้าวเข้ามา หนึ่งในสองหนุ่มที่นั่งรออาหารมาเสิร์ฟก็แอบมองหญิงสาวตาเป็นมัน หากผู้ที่ถูกมองไม่รู้ตัวเลย
กลิ่นไม้ชื้นๆ อบอวลอยู่ในร้าน ระคนกับกลิ่นดินหมาดฝนของต้นไม้ใบหญ้ารอบๆ บริเวณบ้านระรวยริน เป็นกลิ่นหอมของธรรมชาติที่น่าหลงใหลยิ่งนัก
โอ้โห... วันนี้คุณมีนตื่นแต่เช้า สงสัยฝนจะตกใหญ่แล้ว ยังไม่ทันจะเดินพ้นประตูครัว อุ๊ก็แซวเสียงดัง
ฝนตกก็เพราะว่านี่เป็นหน้าฝนต่างหากล่ะ พี่อุ๊เนี่ย ตอบกลับลูกจ้างสาวรุ่นพี่ที่นับถือเหมือนพี่สาวแล้วอมีนาจึงหันไปถามแม่ แม่ มีนว่าจะใส่บาตรซะหน่อย พระยังไม่มาใช่ไหมจ๊ะ
ยังหรอก นี่แม่ก็เตรียมกับข้าวอยู่ เอ้อ! เห็นย่าบอกว่าเมื่อคืนนี้หนูสะดุดล้มตรงบันได เป็นอะไรมากหรือเปล่าลูก
ก็ปวดเคล็ดๆ นิดหน่อยเอง แม่ไม่ต้องห่วงนะ บุตรสาวตอบเพื่อให้แม่สบายใจ ทั้งที่จริงนั้นมันระบมมากทีเดียว
เดี๋ยวกินข้าวแล้วก็กินยาแก้ปวดอีกเม็ดหนึ่ง เมื่อคืนแม่ก็ว่าจะเข้าไปดู แต่ย่าบอกว่าหนูนอนหลับไปแล้ว แม่ก็เลยไม่อยากกวน
อมีนายิ้มแห้งๆ ก่อนจะเหลือบไปเห็นถาดอาหารเซ่นไหว้ศาลพระภูมิหน้าบ้าน แม่ เดี๋ยวมีนไปไหว้ศาลพระภูมิก่อนแล้วกันนะ แล้วถือไปไหวเหรอ ให้อุ๊ช่วยถือไปดีกว่าไหม ผู้เป็นแม่ถามด้วยความเป็นห่วง
ไหวสิแม่ มีนไม่ได้เป็นอะไรมากซะหน่อย
ถ้าอย่างนั้นหนูถือถาดอาหารไปก่อนแล้วกัน แม่จะให้ปานขึ้นไปเอาธูปเทียนที่ห้องพระมาก่อน เมื่อคืนฝนตกหนักไม่ได้เก็บธูปเทียนเข้ามา ท่าจะเปียกหมดแล้วล่ะมัง
จ้า แม่
อมีนาตอบเสียงทะเล้น แล้วเดินถือถาดอาหารเซ่นไหว้ออกจากครัวไป ระหว่างนั้นเสียงกรุ๋งกริ๋งจากประตูหน้าร้านก็ดังขึ้นอีกครั้ง หญิงสาวเดินสวนทางกับชายหนุ่มกับหญิงสาวคู่หนึ่งที่กำลังเดินเข้ามา
สวัสดีค่ะ เชิญด้านในก่อนนะคะ หญิงสาวเชื้อเชิญลูกค้าอย่างนอบน้อม ก่อนจะร้องบอกลูกจ้างสาวรุ่นพี่ พี่อุ๊ เอาเมนูให้ลูกค้าหน่อย
ด้วยสัญชาตญาณบางอย่างที่ทำให้อมีนารู้สึกว่ามีใครจ้องมองอยู่ เธอจึงหันไปทางโต๊ะของลูกค้าหนุ่มสองคนที่เธอเห็นตั้งแต่ตอนยืนอยู่ที่ระเบียงห้องนอน หากพิทตะวันไม่รู้ตัว ทั้งคู่จึงประสานสายตากันอย่างจัง
จะรับอะไรเพิ่มหรือเปล่าคะ อมีนาร้องถามเพราะคิดว่าลูกค้าต้องการอะไรเพิ่มเติม ไม่ได้เอะใจในเรื่องอื่นเลย
มะ... ไม่... ครับ พอดีรอยำกุ้งแห้งอยู่ พิทตะวันตอบเลี่ยงๆ
อ๋อ กำลังทำอยู่ค่ะ ไม่น่าจะเกินสามนาที รอสักครู่นะคะ หญิงสาวตอบพร้อมกับยิ้มอย่างเป็นมิตร ก่อนจะเดินออกนอกร้านไปทางด้านข้างซึ่งเป็นที่ตั้งของศาลพระภูมิ ทิ้งให้ชายหนุ่มมองตามไป
ฉากหลังของศาลพระภูมิเป็นแมกไม้นานาพันธุ์ปลูกไว้อย่างร่มรื่น บริเวณที่วางถาดอาหารเซ่นเปียกโชกไปด้วยน้ำฝน ถัดจากศาลพระภูมิเป็นบ่อเลี้ยงปลาขนาดกลาง ซึ่งมีทั้งปลาตัวเล็กตัวน้อย รวมไปถึงปลาแฟนซีคราฟตัวใหญ่สีสันสดใสแหวกว่ายอยู่เป็นสิบตัว ท่ามกลางพืชน้ำสีเขียว อีกทั้งใบบัวชูช่อสลอน
นายเซียงคนขับรถและคนสวนของบ้านเดินหาวปากกว้างออกมาจากบ้านพักซึ่งอยู่ด้านหลังพอดี
พี่เซียง ไปหาผ้าเช็ดโต๊ะมาเช็ดตรงนี้ให้หน่อยสิ เปียกหมดเลย
รอเดี๋ยวนะคุณมีน เดี๋ยวเซียงจัดให้
นายเซียงเดินหายเข้าไปในร้านสักพัก ก็กลับออกมาพร้อมกับผ้าขี้ริ้วผืนเล็กๆ เดินเคียงคู่ออกมากับปานที่ในมือถือห่อธูปเทียนมาด้วย นายเซียงใช้มือปัดน้ำออกก่อน จึงเช็ดโต๊ะหินที่วางถาดอาหารด้วยผ้าที่ไปหามา
ขอบใจจ้ะ ลูกสาวของนายจ้างเอ่ยอย่างเป็นกันเอง แล้ววางถาดอาหารลง
มีนเห็นพี่เซียงกับพี่ปานเดินคู่กันมานี่เหมาะสมกันอย่างกับกิ่งทองใบหยกแน่ะ ทิ้งท้ายด้วยการแซว
หมามุ่ยกับใบตำแยน่ะสิคุณมีน แหวะ ปานย้อน คนแซวหัวเราะชอบใจ ส่วนนายเซียงหน้าสลด
คุณมีนนะคุณมีน เที่ยวจับคู่ให้คนนั้นคนนี้ไปทั่ว ไม่คิดจะหาคู่ให้ตัวเองบ้างเหรอ ปานถามต่อ หากแต่อีกฝ่ายที่กำลังเอาพวงมาลัยไปคล้องบนหน้าจั่วของศาลพระภูมิกลับทำหน้าเบ้ทันที
ไม่เอาหรอก อยู่แบบคี่ๆ นี้แหละดีแล้ว หญิงสาวตอบพลางจุดเทียนตั้งบนเชิงเทียน
เหงาแย่เลยนะคะ ปานยังไม่เลิกกระเซ้า
พูดเหมือนพี่อุ๊เป๊ะเลยนะ อมีนาตอบห้วนๆ พลางรับธูปที่จุดไฟเรียบร้อยแล้วจากนายเซียง
บทสนทนาหยุดลง ขณะที่อมีนานั่งคุกเข่า ประนมมือที่ถือธูปเอาไว้ ตั้งจิตมั่น ดวงตาภายใต้คิ้วเรียวค่อยๆ ปิดลง สวดบทนะโมฯ ตั้งแต่ต้นจนจบ ก่อนจะเริ่มอธิษฐานขอพร
พักหนึ่ง ก็ลุกยืนและปักธูปลงในกระถางที่เถ้าธูปชื้นน้ำจากเม็ดฝนที่สาดเข้าไป
ปากบอกไม่เหงา แต่ใครจะไปรู้เนอะพี่เซียง เมื่อกี๊อาจจะกำลังขอให้พบเนื้อคู่อยู่ก็ได้ หรือไม่ก็กำลังเก็บใจไว้ให้พี่ชายคุณธาร ปานยังไม่เลิกค่อนแคะ
แซวกันอยู่นั่นล่ะ ไม่เบื่อหรือไง
แล้วคนตอบก็หันหลังทำท่าจะเดินไป โดยไม่ได้ดูว่ามีใครยืนอยู่ด้านหลัง ทำให้ร่างบางปะทะกับร่างสูงใหญ่ของเขาคนนั้นอย่างจัง แรงปะทะด้วยรูปร่างที่แตกต่างทำให้หญิงสาวแทบกระเด็น เคราะห์ดีที่มือใหญ่ของฝ่ายตรงข้ามรั้งแขนของหญิงสาวไว้ได้ก่อน
โอ๊ย... ร่างบางร้องเสียงหลง เพราะแรงกระแทกทำให้อาการปวดระบมจากที่ล้มกระแทกพื้นเมื่อคืนปวดแปล๊บขึ้นมาอีก
ขอโทษครับคุณ เจ็บตรงไหนหรือเปล่า น้ำเสียงทุ้มนั้นอบอุ่น อ่อนโยน แม้แต่คำขอโทษที่พรั่งพรูออกมาจากปากก็แสดงออกถึงความรู้สึกผิดจริงๆ
หญิงสาวชะงักนิ่งเมื่อสบตาอีกฝ่าย เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มผู้นี้เป็นลูกค้า หญิงสาวจึงเก็บอาการ ก่อนจะรีบผละออกจากอ้อมแขนอบอุ่นนั้นอย่างพยายามซ่อนอาการประหม่าเอาไว้
มีนต่างหากที่เดินไม่ระวังเอง ต้องขอโทษด้วยนะคะ เอ่อ... ยำกุ้งแห้งได้หรือยังคะ หญิงสาวเอ่ยพร้อมกับค้อมศีรษะ
ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ได้มีธุระอะไร ผมรอได้
ถ้าอย่างนั้นมีนไปเร่งให้นะคะ หญิงสาวจึงเลี่ยงขอตัวกลับเข้าไปในร้าน น่าแปลกที่หัวใจดวงน้อยเต้นตุบตับไม่เป็นจังหวะ กับรอยยิ้มอ่อนโยน กับน้ำเสียงทุ้มนุ่มของชายหนุ่มแปลกหน้าผู้นี้
พิทตะวันทำท่าจะเดินกลับเข้าไปในร้านเช่นกัน หากแต่เหลือบเห็นนายเซียงกับปานยืนกอดอก จ้องมองด้วยสายตาราวกับจับผิด โดยนิสัยที่เก็บความสงสัยไว้ไม่ได้ ปานจึงเอ่ยถาม
เอ๊ะ ถ้าหนูจำไม่ผิด เมื่อวานนี้คุณก็มาใช่ไหม
เอ่อ... ลูกค้าหนุ่มกระอึกกระอัก
ถึงกับพูดไม่ออกเลยทีเดียว เอ... ไม่รู้ว่าติดใจรสชาติอาหารหรือว่าติดใจอะไรกันแน่เอ่ย... ปานยังแซวต่อด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม เซียงพยายามสะกิดไหล่ของปานเป็นเชิงบอกให้เลิกแซว
ที่นี่บรรยากาศดีออก รอบๆ ร้านก็ร่มรื่น ตกแต่งร้านแบบไทยๆ ที่สำคัญอาหารก็อร่อย พิทตะวันสรรหาเหตุผลอธิบายอย่างพยายามซ่อนความพิรุธเอาไว้
พี่เซียงดูสิ มีการหน้าแดงด้วย ปานยังแซวไม่หยุดด้วยความสนุกปาก
อย่าไปแซวเขาสิ คุณเขาเป็นลูกค้านะ เดี๋ยวเถอะคุณทิพย์รู้ ต้องมีโดนเอ็ดกันบ้างล่ะ เซียงปรามหญิงสาวรุ่นน้อง ก่อนจะถามลูกค้าหนุ่มต่อ
ว่าแต่คุณเดินออกมาตรงนี้ทำไมครับ
ผมอยากมาเดินเล่น หรือว่าคนนอกมาเดินชมไม่ได้ เป็นเขตหวงห้ามอะไรหรือเปล่าครับ พิทตะวันถามลองเชิง
นายเซียงโบกมือโบกไม้เป็นพัลวัน เปล่าๆ ครับเปล่า ผมเห็นว่าฝนตก พื้นเฉอะแฉะไปหมด กลัวจะเลอะเทอะ ถ้าคุณอยากเดินดูรอบๆ ร้านก็ตามสบายเถอะครับ ในฐานะที่กำลังพูดอยู่กับชายหนุ่มผู้เป็นลูกค้า นายเซียงจึงตอบกลับอย่างนอบน้อม แต่หญิงสาวอีกคนกลับยังจดจ้องลูกค้าหนุ่มไม่วางตาด้วยหน้าตาอันหล่อเหลา ประกอบกับรูปร่างสูงใหญ่ บุคลิกเป็นผู้ใหญ่ดูอบอุ่นนั้นดึงดูดใจให้ปานยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียว
แม่คุณ ไปทำงานได้แล้ว เอ็งนี่เสียมารยาทจริงๆ นังปาน นายเซียงเอ็ดแล้วจึงฉุดแขนของหญิงสาวจนแทบปลิวราวกับเป็นวัตถุเบาหวิว พิทตะวันมองตามไปพร้อมกับส่ายหน้ายิ้มๆ กับท่าทางของคนทั้งสอง
อาหารใส่บาตรเตรียมพร้อมแล้ว อมีนาเดินนำออกมาเพื่อเปิดประตูให้มารดา แถวๆ บ้านมีวัดที่อยู่ไม่ไกล ทุกเช้าจะมีพระสงฆ์สามเณรมารับบิณฑบาตที่หน้าร้าน เพราะย่ามณฑาและทิพย์ระวีจะใส่บาตรทุกวัน ยกเว้นถ้าวันไหนอมีนาอยู่บ้าน ท่านก็จะให้หลานสาวใส่บาตรแทน
หญิงสาวต่างวัยสนทนากันไปพลางระหว่างรอพระสงฆ์มารับบิณฑบาต หาได้รู้ไม่ว่ามีดวงตาคมเข้มของใครคนหนึ่งแอบชำเลืองมองผ่านกระจกประตูหน้าร้าน
แม่ได้คุยกับย่าเรื่องที่มีนจะไปหาข้อมูลทำรายงานที่ทองผาภูมิหรือยังจ๊ะ เด็กสาวเอ่ยถามมารดา
แม่ก็ว่าจะบอกเมื่อคืนนี้แหละ แต่ย่าเล่าว่าหนูลื่นตกบันไดก่อน แม่เลยยังไม่มีโอกาส แม่คิดว่ารอให้หนูหายดีกว่านี้ก่อนดีไหมลูก ยังมีเวลาอีกร่วมสามอาทิตย์กว่าหนูจะเปิดเทอม คุณทิพย์ระวีแนะ แล้วหนูเดินยังไงถึงได้ตกบันไดได้ มัวแต่เหม่ออะไรอยู่
หญิงสาวคิดไว้แล้วเชียวว่ามารดาต้องติดใจเรื่องนี้ และก็ต้องรู้เหตุผลให้ได้ตามวิสัยของท่าน ถ้าอยากรู้อะไรก็จะต้องรู้ให้ได้ แล้วเธอควรจะบอกไปตามตรงดีไหม แต่หากเล่าความจริงว่าที่ลื่นตกบันไดเพราะมีลมวูบใหญ่พัดสวนทางไป และราวกับลมวูบนั้นเป็นบางสิ่งที่เคลื่อนไหวอย่างไร้ตัวตน ผู้เป็นแม่จะต้องคิดว่าเธอเพ้อเจ้อแน่ๆ ก็มีนวิ่งขึ้นบันได ก็เลยก้าวพลาดน่ะจ้ะ สุ้มเสียงแม้จะติดๆ ขัดๆ และก็รู้สึกว่ามารดาคงไม่เชื่อสักเท่าไหร่ อมีนาจึงเฉเปลี่ยนเรื่องไป
แม่ว่าย่าจะให้มีนไปไหม
ถ้าเอาเหตุผลเรื่องงานเรื่องเรียนไปอธิบาย ย่าคงให้นะ ทิพย์ระวีตอบแม้ลังเล
แม่ต้องช่วยพูดให้ย่าอนุญาตให้ได้เลยนะ บุตรสาวน้ำเสียงออดอ้อน พลางเกาะแขนแล้วซบแก้มลงไปบนบ่าของแม่
หญิงวัยกลางคนยิ้มพร้อมกับลูบศีรษะบุตรสาวอย่างเอ็นดู จริงๆ แล้วแม่เองก็ไม่อยากให้หนูไปไกลขนาดนั้นหรอกนะ แถมยังต้องไปค้างอ้างแรมอีก แม่ก็อดเป็นห่วงหนูไม่ได้เหมือนกัน
มีนไม่ได้ไปคนเดียวซะหน่อย ธารก็ไป แล้วบางทีพี่ชายไอ้ธารก็อาจจะไป แถมพี่สนต์ก็อยู่ที่นั่น ไม่มีอะไรน่าห่วงเลย จริงไหมจ๊ะแม่ ผู้เป็นลูกเอ่ยเสียงทะเล้น
เราน่ะนะ ไว้เป็นแม่คนแล้วจะรู้
พระสงฆ์สามรูปกำลังเดินมา พร้อมกับเด็กวัดสองคนหิ้วถุงกระสอบซึ่งมีอาหารเต็ม ก่อนท่านมาคงมีคนรอใส่บาตรอยู่ก่อนหน้า สองแม่ลูกจึงหยุดบทสนทนาไว้เพียงเท่านั้น
คุณทิพย์ระวีใช้ทัพพีตักข้าวสวยใส่บาตร แล้วหันมารับถุงกับข้าวซึ่งลูกสาวส่งให้ ตามด้วยขนมหวาน ผลไม้และดอกไม้ธูปเทียน
พิทตะวันแอบมองด้วยรอยยิ้ม ด้วยความรู้สึกแปลกในหัวใจ ยุคสมัยที่เปลี่ยนไปเช่นนี้ การทำบุญใส่บาตรช่างห่างไกลกับวิถีชีวิตคนไทยมากพอควรหากเปรียบเทียบกับอดีต ยิ่งหญิงสาวรุ่นๆ แทบไม่เคยเห็นใครใส่ใจกับสิ่งเหล่านี้ ผู้หญิงสมัยนี้มีแต่ก้าวล้ำเทคโนโลยี ความเป็นไทย หญิงไทย แทบหาไม่ได้แล้วกับหญิงสาวสมัยนี้
แม้ว่าเมื่อวานที่เขาเกือบเบรกรถไม่ทันตอนที่เธอลุกลี้ลุกลนหันกลับมาเหมือนกับลืมของ แล้วสักพักก็วิ่งตรงไปที่รถมอเตอร์ไซค์รีบร้อนจะออกไปข้างนอก ช่างแตกต่างจากวันนี้ที่หญิงสาวคนนี้มีมุมอ่อนหวานและอ่อนโยน จิตใจดี แฝงความเมตตาให้แก่เพื่อนมนุษย์ เขารู้สึกถึงความน่าค้นหาในตัวเธอ
จากคุณ |
:
dayydream_m
|
เขียนเมื่อ |
:
15 พ.ค. 55 06:28:20
|
|
|
|