ภูตคราม บทที่ 3 ความปรารถนาของภูธรา
|
 |
บทที่ 1 พิมมาดา http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12010319/W12010319.html
บทที่ 2 ภูตคราม http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12050897/W12050897.html
บทที่ 3 ความปรารถนาของภูธรา ต้นไม้โยกตัวโอนเอนไปมาตามแรงลม กิ่งก้านใบสั่นไหวกระทบกันส่งเสียงดังซู่ซ่าเพิ่มความน่าสะพรึงต่อผู้ที่กำลังยืนอยู่ท่ามกลางความมืดมิดยังเบื้องล่าง ลุงแคล้วดึงยาเส้นออกมาจากกระเป๋าอีกครั้งหลังจากพูดประโยคสุดท้ายจบลง ดวงตาชำเลืองมองหญิงสาวที่กำลังยืนนิ่งเหมือนไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เขาเล่าให้ฟัง
ภูตคราม พิมมาดาพูดขึ้นหลังจากยืนนิ่งเงียบอยู่ครู่ใหญ่ เธอหันไปมองลุงแคล้วที่กำลังดึงก้านไม้ขีดออกจากกล่อง ฉันเคยได้ยินเรื่องของผีป่ามามากไม่ว่าจะเป็นผีโป่ง ผีโขมด ผีโพรงหรือผีก็องกอย แต่ไม่เคยได้ยินใครพูดถึงภูตครามเลยสักครั้ง มันเป็นเรื่องจริงหรือคะ
ลุงแคล้วจุดไม้ขีดและจ่อไว้ที่ปลายยาสูบจากนั้นจึงดูดเข้าปอดอึกใหญ่อย่างใจเย็น หญิงสาวมองแสงไฟที่ลุกแดงวาบด้วยความรู้สึกอึดอัดที่เจ้าหน้าชราไม่ยอมตอบเธอเสียที หลังจากมองอีกฝ่ายดูดยาเส้นติดต่อกันสองสามครั้งเธอจึงเอ่ยปากถาม
ตกลงเรื่องที่เล่ามามันไม่ใช่ความจริงใช่ไหมคะ
ลุงแคล้วไม่ตอบแต่กลับดีดยาเส้นมวนนั้นไปยังต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง พิมมาดาอ้าปากค้างด้วยความตระหนกเพราะคาดไม่ถึงว่าเจ้าหน้าที่อุทยานผู้คร่ำหวอดอยู่ในป่าเกือบทั้งชีวิตจะทำอะไรมักง่ายอย่างนั้น เธออ้าปากเตรียมจะต่อว่าแต่ต้องชะงักค้างเมื่อเห็นสิ่งผิดปรกติบางอย่างกับเกิดขึ้นกับยาเส้นมวนนั้น แทนที่ตกลงไปบนพื้นหญ้า มันกลับลอยนิ่งอยู่กลางอากาศ ควันสีขาวที่แม้จะมองเห็นไม่ชัดนักแต่หญิงสาวก็สามารถดูออกว่ามันกำลังหมุนวนรอบอะไรบางอย่าง ไฟที่กำลังลุกแดงมอดดับลงอย่างรวดเร็วเหมือนถูกใครบางคนบดขยี้ เมื่อไฟถูกดับลงเรียบร้อยยาเส้นมวนนั้นจึงร่วงลงสู่พื้น ยังไม่ทันจะได้ตั้งสติเสียงลุงแล้วก็พูดขึ้น
ภูตครามต่างจากผีป่าตรงที่พวกเขาต้องดำรงอยู่กับต้นไม้และไม่เคยปรากฏตัวให้ใครเห็นเลยสักครั้งแม้กระทั่งตอนที่กำลังกินเหยื่อก็ตาม
หมายความว่ายังไงกันคะ
พิมมาดาหลุดปากถามอย่างลืมตัว ลุงแคล้วมองเปลือกของต้นไม้ที่กำลังเคลื่อนไหวเหมือนเงาสะท้อนผิวน้ำก่อนจะหันมาตอบเธอ
ที่ไม่มีใครรู้จักเพราะพวกเขาต้องการเช่นนั้น คนที่รู้เรื่องภูตครามมีแค่พรานคง ปู่ทวดของผมเพียงคนเดียวและท่านจะเล่าเรื่องนี้ให้ลูกชายที่สืบทอดความเป็นพรานโดยมีข้อแม้ว่าทุกคนจะต้องปกป้องฝืนป่าด้วยชีวิต
ทำไม...หญิงสาวกลืนน้ำลายและสูดลมหายใจเข้าเพื่อรวบรวมสติทำไมปู่ทวดของลุงถึงรู้เรืองภูตคราม และทำไมพวกเขาถึงไม่ทำอะไรท่านทั้งที่อยู่กลางป่า
เพราะภูตครามจะกินเฉพาะพวกตัดต้นไม้หรือทำลายป่าเท่านั้นลุงแคล้วตอบพลางพยักหน้าไปทางบ้านพักเจ้าหน้าที่ตราบใดที่ยังคงซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ พวกนั้นก็ไม่มีวันทำร้ายพวกเรา
ฟังเหมือนพวกเขาเป็นภูตที่ดี
ตรงกันข้าม ภูตครามเป็นภูตที่โหดร้ายและน่ากลัวที่สุด ที่ไม่ยอมทำร้ายเจ้าหน้าที่เพราะพวกเราคอยดูแลต้นไม้ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นส่วนหนึ่งของพวกเขาเท่านั้น ส่วนพวกนักท่องเที่ยวถ้าปฏิบัติตนอยู่ในกฏ อาจจะรอดชีวิต ส่วนคนไหนไม่ก็จะถูกภูตครามกินทันทีโดยไม่มีข้อละเว้น จะต่างกันก็ตรงที่คนพวกนั้นจะถูกกลืนวิญญาณไปจนเกือบหมด พวกเขาจะไม่ตายในทันทีแต่จะค่อยๆอ่อนแอลงและเสียชีวิตในที่สุด
เรื่องเล่าเกี่ยวกับนักท่องเที่ยวที่ตายโดยไม่ทราบสาเหตุหลังจากกลับการเดินป่าหวนกลับเข้าในความคิด ตอนแรกพิมมาดาเองยังคิดว่าพวกเขาคงได้รับเชื้อโรคหรืออะไรบางอย่างที่ไม่มียาแก้ แต่ไม่คิดเลยว่าเป็นการกระทำของสิ่งเร้นลับอย่างภูตคราม
ทั้งที่ไม่เคยมีใครเคยรู้เรื่องภูตพวกนี้มาก่อน ทำไมปู่ทวดของลุงจึงรู้จักภูตครามได้ล่ะคะ
พิมมาดาถามด้วยความสงสัย ลุงแคล้วไม่ตอบแต่กลับยิ้มและเงยหน้าขึ้นมองดวงจันทร์บนท้องฟ้า
ดึกมากแล้ว ผมจะพาคุณกลับที่พัก เขาก้าวนำออกไปทันที พิมมาดารีบเดินตามพร้อมกับพูด
ลุงยังไม่ได้ตอบคำถามฉันเลยนะคะ
ผมตอบเฉพาะสิ่งที่คุณควรรู้เท่านั้น ลุงแคล้วพูดแค่นั้นและไม่กล่าวอะไรต่ออีกเลย เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่อาวุโสไม่ตอบอะไรพิมมาดาจึงจำต้องหยุด ทั้งสองเดินตามกันไปอย่างเงียบเชียบจนกระทั่งถึงจุดตั้งเต้นท์ของบริษัทลุงแคล้วจึงหยุด
ถึงแล้วครับ นอนพักให้สบาย พรุ่งนี้ขอให้เดินทางกลับโดยสวัสดิภาพนะครับ
แกทำท่าจะเดินออกจากที่นั่นแต่ต้องหยุดเมื่อพิมมาดาเรียก
ลุงบอกว่าคนที่รู้เรื่องภูตครามมีแค่คนในตระกูลเท่านั้น ทำไมถึงยอมเล่าให้ฉันฟังล่ะคะ
หญิงสาวถาม ลุงแคล้วมองหน้าเธอและยิ้มอย่างเมตตา
เพราะคุณเป็นคนแรกที่รอดชีวิต ขอให้เก็บความลับนี้ไว้กับตัวและอย่าเข้าป่าอีกเป็นครั้งที่สอง ไม่ว่าจะที่ไหนก็ตาม เพราะที่ใดมีต้นไม้ ที่นั่นย่อมมีภูตคราม
เตือนย้ำด้วยความเป็นห่วงจากนั้นจึงเดินจากไป พิมมาดายืนมองจนกระทั่งร่างของลุงแคล้วกลืนหายไปกับความมืด เธอเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าด้วยความรู้สึกสับสน ใจหนึ่งยากจะเชื่อในสิ่งที่เจ้าหน้าที่อาวุโสเล่าแต่อีกใจหนึ่งพยายามหาเหตุผลมาแย้งว่าอาจจะเป็นแค่ปรากฏการณ์ธรรมชาติอย่างหนึ่งเท่านั้น หญิงสาวยืนนิ่งปล่อยให้สายลมเย็นยามดึกที่พัดผ่านยอดเขาสูงเสียดฟ้านำพาความเย็นยะเยือกมากระทบจนเรือนผมสีดำสะบัดพลิ้วไหว ความหนาวของอากาศกลางป่าทำให้เธอต้องยกมือขึ้นกอดตัวเองเพื่อสร้างความอบอุ่น เมื่อหาข้อยุติสำหรับเรื่องราวที่เกิดขึ้นไม่ได้พิมมาดาจึงมุดเข้าไปในเต้นท์และเอนตัวลงนอน หลังจากนอนมองผืนผ้าใบที่สั่นไปตามแรงลมอยู่ครู่หนึ่งเธอจึงหลับตาลงและม่อยหลับไปในที่สุด
โดยไม่รู้ว่าด้านนอกห่างจากเต้นท์เพียงไม่กี่ก้าว ภูตหนุ่มนามภูธรากำลังจับจ้องมองเธอไม่วางตา
สายลมกลุ่มเดียวกันพัดผ่านร่างผึ่งผายองอาจแต่ก็เปรียบประดุจความว่างเปล่าไร้ตัวตนเพราะไม่ว่าลมจะแรงสักเท่าใดก็ไม่อาจทำให้เรือนผมหรือแผ่นหนังที่เขานุ่งอยู่ขยับเลยแม้แต่น้อย ภูตหนุ่มเฝ้าติดตามพิมมาดามาตั้งแต่บ้านพักเจ้าหน้าที่และยามที่ยืนอยู่เพียงลำพัง เขาก็จับจ้องมองเธอไม่วางตา ใบหน้ามักจะเรียบเฉยปราศจากความรู้สึกฉายแววประหลาดออกมาวูบหนึ่ง เขาเอื้อมมือออกไปหมายจะแตะหลังคาเต้นท์แต่ต้องหยุดชะงักเมื่อแสงไฟหน้ารถของเจ้าหน้าที่อุทยานส่องวาบผ่านมา คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันอย่างนึกขัดใจก่อนที่ร่างจะเลื่อนถอยกลับไปหาต้นไม้ แต่ถึงกระนั้นภูธราก็ยังไม่ยอมละจากหญิงสาวไปโดยง่าย เขามองเธออย่างใช้ความคิด สมองหวนนึกถึงคำของวิษธร
จงกระทำตามที่ใจเจ้าปรารถนาเถิดภูธรา
ภูตหนุ่มจ้องตรงไปยังผู้ที่อยู่หลังผืนผ้าใบ ใบหน้าที่มักจะมีแต่ความเฉยชาอยู่เป็นนิจฉายความลังเลออกมาอย่างเจือจาง
ข้ายังไม่รู้เลยว่าแท้จริงแล้วปรารถนาในสิ่งใด
เสียงพูดคุยของเจ้าหน้าที่อุทยานที่เดินตรวจตราความเรียบร้อยดังใกล้เข้ามา ภูธรามองพวกเขาด้วยหางตาก่อนเลื่อนกลับมายังเต้นท์ที่พิมมาดานอนพัก กายกำยำค่อยๆแทรกเข้าไปในต้นไม้จากนั้นจึงเลือนหายไป
เช้าวันใหม่เริ่มต้นขึ้นอย่างสดใส นิลเนตรซึ่งตื่นก่อนใครรีบคว้ากล้องถ่ายรูปตรงไปยังจุดชมวิวและบันทึกภาพพระอาทิตย์ยามรุ่งอรุณอันแสนงดงามสมใจอยาก จากนั้นจึงเดินมารวมกลุ่มกับเพื่อนและช่วยกันขนข้าวของขึ้นรถเพื่อเตรียมตัวเดินทางกลับ
เฮ้อ พอนึกว่จะต้องกลับไปทำงานแล้ว เรี่ยวแรงมันก็หดหายไปจนหมด
เจ้าฤทธิ์พนักงานหนุ่มตัวแสบบ่นขณะวางกระเป๋าไว้หลังรถ นิลเนตรเขกศีรษะเขาไม่แรงนัก
ที่คุณองอาจพามาเที่ยวก็เพื่อเพิ่มพลัง ถ้ากลับไปแล้วยังทำเป็นเหี่ยวแห้งแบบนี้ฉันจะแกล้งใช้งานนายให้ตายคาบริษัท
ฤทธิ์คลำหัวป้อยและทำเป็นมองหญิงสาวด้วยดวงตาแสนบริสุทธิ์
โธ่ อย่าใจดำกับผมนักเลยคุณนิลเนตร รอยยิ้มซุกซนผุดบนริมฝีปากก่อนจะเอนตัวเข้าไปใกล้เลขานุการสาวและกระซิบเข้มงวดมากๆรอยตีนกามันจะมาเร็วนะครับ
นายฤทธิ์! นิลเนตรแหวเสียงลั่นพร้อมกับเงื้อกำปั้นขึ้นแต่อีกฝ่ายกระโดดหนีไปหลบข้างหลังพิมมาดาพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะดังลั่น นายองอาจซึ่งกำลังคุยกับคุณนวลศรีจึงหันมาดุ
อย่ามัวแต่เล่น รีบขนของขึ้นรถจะได้ออกเดินทาง
ฤทธิ์รับคำและรีบไปช่วยเพื่อนๆ หลังจากนำอุปกรณ์และชำระเงินส่วนที่เหลือกับเจ้าหน้าที่อุทยานเสร็จเรียบร้อยแล้ว รถตู้ทั้งสองคันจึงเคลื่อนออกจากที่ทำการ พิมมาดามองต้นไม้ใหญ่ที่ขึ้นเรียงรายอยู่สองฝั่งถนนพลางหวนนึกถึงเรื่องเล่าของลุงแคล้วกับสิ่งประหลาดที่เกิดขึ้นกับเธอ
ภูตคราม
หญิงสาวพึมพำพร้อมกับชำเลืองตามองด่านอุทยานที่กำลังเคลื่อนห่างออกไป
เขาจะเป็นอะไรก็ช่าง เราคงไม่มีวันได้เจออีกเป็นครั้งที่สอง
เธอพูดอย่างโล่งใจโดยไม่รู้ว่าสูงขึ้นไปบนยอดเขาเหนือผืนป่า ผู้ที่เธอกล่าวถึงกำลังยืนอยู่ภายใต้เงาไม้ใหญ่ ดวงตาสีน้ำตาลอันลึกล้ำจ้องมองรถที่กำลังเคลื่อนที่ไกลออกไป ในใจของภูธราเต็มไปด้วยความสับสน ด้านหนึ่งกระตุ้นเตือนให้เขาสถิตย์อยู่ในป่าและดำรงอยู่อย่างภูตคราม แต่อีกด้านหนึ่งกลับโหยหาถึงใบหน้าของหญิงสาวผู้ซึ่งเกือบจะกลายเป็นเหยื่อ หัวใจที่ด้านชาปราศจากความรู้สึกบัดนี้กลับร่ำร้องให้เขารีบติดตามเธอไป ภูตหนุ่มสะบัดหัวสองสามครั้งเหมือนต้องการจะไล่ความคิดที่กำลังวิ่งวนอยู่ในสมอง ในช่วงที่อยู่ในความว้าวุ่นเขาก็ได้ยินเสียงใครคนหนึ่งเอ่ยเรียก
ภูธรา
ความคิดทั้งหลายหยุดนิ่งในทันทีเพราะแม้ตัวผู้กล่าวจะไม่ได้อยู่ในบริเวณนั้นแต่เสียงทุ้มเต็มไปด้วยพลังอำนาจสามารถดึงสติแตกกระเจิงของภูตหนุ่มให้กลับเข้าที่ เขามองรถตู้ที่กำลังหายไปจากสายตาก่อนจะหวนกลับไปนึกถึงคำสนทนาระหว่างเขากับท่านหัวหน้าวิษธร
ได้ยินมาว่าเจ้าปล่อยเหยื่อให้มีชีวิตรอด
ภูธราเลิกคิ้วขณะที่มุมปากยกขึ้นเล็กน้อยคล้ายกับจะรู้ว่าผู้ใดเป็นคนนำข่าวนี้มารายงานต่อหัวหน้าของชนภูตคราม
มฤต เขาพึมพำออกมาเบาๆก่อนก้มศีรษะลง ข้าละเว้นคนผู้นั้นเพราะความเมตตา
เมตตาวิษธรทวนคำด้วยน้ำเสียงแปลกใจไม่คิดว่าเจ้าจะรู้จักคำนี้
ข้าหมายถึงตัวมนุษย์ผู้นั้นต่างหาก เพราะนางยอมบุกป่าเพียงเพื่อเข้าไปช่วยลูกเม่นตัวหนึ่ง ข้าจึงมอบรางวัลด้วยการไว้ชีวิต
นาง...มนุษย์ผู้นั้นเป็นหญิงอย่างนั้นหรือ วิษธรถามพลางจ้องหน้าภูธรานิ่ง เขาผงกศีรษะรับ
ใช่
ผู้นำเผ่าภูตครามมองภูตหนุ่มอย่างพิจารณา เมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่แสดงอาการใดเป็นพิรุธ เขาจึงพูด
หากข้าบอกให้เจ้าไปจัดการเหยื่อรายนี้ให้เรียบร้อย
ข้าคงต้องขอปฏิเสธ ภูธราตอบแทบจะทันที วิษธรหรี่ตาลงเล็กน้อยเหมือนคาดเดาเอาไว้อยู่แล้วว่าภูตหนุ่มจะตอบเช่นนี้ เขาไขว้มือไว้ข้างหลังและเดินออกไปสองสามก้าวราวใช้ความคิดจากนั้นจึงหยุดพร้อมกับหมุนตัวหันกลับมาถาม
พอจะบอกได้ไหมว่าเพราะอะไร
ภูธรายืนนิ่งเพราะตัวเขาเองก็ไม่รู้สาเหตุเหมือนกันว่าทำไมเขาจึงปล่อยหญิงสาวให้รอดพ้นจากการเป็นเหยื่อ และเมื่อมีคำสั่งให้ไปจัดการกับเธอให้เสร็จสิ้น เขากลับกล้าที่จะปฏิเสธ หลังจากพยายามนึกหาเหตุผลอยู่นานในที่สุดภูตหนุ่มจึงก้มศีรษะลง
ข้าไม่รู้จะอธิบายยังไง
งั้นก็ไม่ต้องวิษธรกล่าวพลางวางมือลงบนไหล่ของภูธรา ภูตหนุ่มรู้สึกเหมือนมีความอบอุ่นกำลังไหลพร่างพรูเข้ามาในร่างกายของตน คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันด้วยความแปลกใจเพราะไม่เคยปรากฏว่าภูตครามตนใดจะสามารถสร้างอารมณ์เช่นนี้ได้
ท่านวิษธร
เจ้าอาจจะมีชะตาชีวิตที่แตกต่างไปจากภูตครามตนอื่นซึ่งข้าเองก็ไม่อาจบอกได้ว่ามันคือสิ่งใด
ผู้นำภูตเร้นลับลดมือลงและมองภูธราด้วยแววตาที่ไม่เคยใช้กับผู้ใดมาก่อน
ข้าจะไม่บอกให้เจ้าทำในสิ่งที่ขัดกับความรู้สึก เมื่อนึกเช่นไรก็จงทำไปตามนั้นมุมปากกระตุกรอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความปรานี
อย่าให้ความกังขาค้างคาอยู่ในความคิด จงกระทำตามที่ใจเจ้าปรารถนาเถิดภูธรา
แรกกระแทกที่เกิดภายใต้แผ่นอกทำให้ภูธราต้องยกมือขึ้นกดบนทรวงด้วยความแปลกใจ ยิ่งนึกถึงใบหน้าของสตรีที่เขายอมละเว้นชีวิต หัวใจของภูตหนุ่มก็ยิ่งเพิ่มจังหวะการเต้นเร็วขึ้น มันเป็นความรู้สึกที่ไม่เคยเกิดขึ้นนับตั้งแต่เขาถือกำเนิดขึ้นมา
เกิดอะไรขึ้นกับตัวข้า
ภูธราพูดกับตัวเองด้วยความงุนงง เขามองถนนที่ทอดยาวออกไปจนสุดสายตา ภาพดวงหน้างดงามของพิมมาดาผุดขึ้นมาในดวงจิต แม้จะพบผู้หญิงมามากมายและหลายคนมีความสวยกว่าเธอมากแต่มีบางอย่างที่ทำให้หญิงสาวผู้นี้แตกต่างไปจากสตรีอื่น บางอย่างที่ทำให้หัวใจของ ภูธราบังเกิดความสุขสงบ มันเป็นความรู้สึกที่ทำให้ภูตหนุ่มอยากจะเก็บแนบเอาไว้กับตัว และผู้ที่สามารถสร้างสิ่งนั้นได้มีแค่เพียงคนเดียว
พิมมาดา
ภูธราสูดลมหายใจเข้าจนเต็มปอดพร้อมกับยืดตัวขึ้น ในที่สุดเขาก็รู้ว่าแท้จริงแล้วตนเองปรารถนาในสิ่งใด ภูตหนุ่มไล่สายตามองไปตามถนนอันเป็นเส้นทางของรถที่เพิ่งหายลับไปพลางกำหนดจิตจับไว้ที่พิมมาดา เมื่อสัมผัสถึงหญิงสาวได้แล้วเขาจึงก้าวเท้าออกไปข้างหน้า ร่างสูงสง่าเลื่อนไหลไปตามยอดไม้และหายลับไปอย่างรวดเร็ว
*/*/*/*/*
ช่วงนี้กว่าจะพิมพ์เสร็จแต่ละตอนเหมือนผจญภัยอยู่ภายใต้เปลวเพลิงอันร้อนระอุ บางทีเหงื่อท่วมมือจนลื่นต้องไปล้างน้ำกันหลายครั้ง ซักวันคงโดนไฟดูดคาเครื่อง = = ครั้นจะเปิดแอร์ก็ไม่ไหวกับค่าไฟค่ะ ขึ้นพรวดแบบ ดับอนาถคาหม้อมิเตอร์กันเลยทีเดียว
เพ้อเจ้อมาเยอะแล้ว คุยกันดีกว่านะคะ
เล่นเป็นเด็กเลย^^ จากคุณ : GTW - คงหมายถึงคุณองอาจ อยากจะให้นึกถึงคนมีอายุเวลาคิดเกมส์การละเล่น น่าจะไม่พ้นแนวๆนี้ อีกอย่างคือมันให้ความรู้สึกน่ารักดีด้วย
มาให้กำลังใจคนเก่าคนแก่ ค้า เอ้ยไม่ใช่ ด้วยความคิดถึงต่างหาก จากคุณ : Setakan - ขอบคุณค่า (แอบสะดุ้งกับ แก่ ><)
สนุกดีคะ แล้วจะติดตามอ่านนะคะ จากคุณ : คุณนายชั้น 4 - ขอบคุณมากๆค่ะ ชอบไม่ชอบยังไงแนะนำติชมได้นะคะ ^^
เพิ่งเคยได้ยินคำว่าภูติครามล่ะ อันนี้แต่งเองหรือเคยได้ยินมาก่อนคะ จากคุณ : scottie - อันนี้แต่งขึ้นเองค่ะ ตามหัวข้อสนพ.ที่ว่าต้องเป็นความรักเกี่ยวกับภูต ความที่เคยได้ยินได้ฟังเรื่องราวของผีป่า โขมด ก็องกอยมาตั้งแต่เด็ก เลยคิดว่าควรจะสร้างภูตขึ้นมาเป็นอีกเผ่าพันธุ์หนึ่ง สะดุดกับคำว่า ภูตคราม เลยนำมาผูกเป็นเรื่องราวค่ะ
ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านที่ติดตามนิยายของมูนนี่นะคะ ภูตครามนี่จะต้องปิดประมาณเดือนมิถุนายน หากทำได้ตามกำหนดน่าจะวางจำหน่ายประมาณเดือนสิงหาคมหรือช้ากว่านั้นนิดหน่อยค่ะ แต่เป็นของสนพ.อะไรนั้น มูนนี่จะนำมาแจ้งให้ทุกท่านได้ทราบในภายหลังนะคะ
วันนี้ขอปิดท้ายด้วยรูปของภูธรา เพิ่งวาดเสร็จเมื่อวันนี้ค่ะ ยังอ่นๆอยู่เลย
จากคุณ |
:
Moony_Lupin
|
เขียนเมื่อ |
:
15 พ.ค. 55 14:08:04
|
|
|
|