Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
หนึ่งในสิบเรื่องสั้นเข้ารอบอิสรา "ของขวัญ..ให้แม่" ติดต่อทีมงาน

ของขวัญ...ให้แม่
                                จ.นันทภาคย์

ฉันไม่เคยเกลียดใครมากเท่านี้มาก่อน ภาพเขาเอารองเท้าแตะหนัง ตบหน้าแม่ล้มคว่ำและใช้ตีนกระทืบซ้ำยังติดตา ใบหน้าของแม่มีรอยเรื่อแดง เสื้อที่สวมมีรอยเลือดแดง ยิ่งพนมมืออ้อนวอนขอความเมตตา ก็เหมือนยุให้ผีนรกที่สิงในร่างเขาลงมือหนักขึ้น
ฉันไม่เคยเกลียดใครมากเท่านี้มาก่อน แขนเสื้อฉันไม่ได้เปื้อนเลือดแม่ มันเป็นฤทธิ์ฝ่ามือกึ่งหมัดที่ประเคนใส่หลังเข้าไปห้ามไม่ให้กระทืบแม่ตายคาต่อหน้าต่อตา จากนั้นเขาก็ให้เราสองแม่ลูกถ่ายทอดความเจ็บปวดให้กันและกัน ทิ้งกลิ่นกายเหม็นเปรี้ยวผสมกลิ่นเหล้าขาว 40 ดีกรี คอยหลอกหลอนให้ตกเป็นทาสของฝันร้าย
สิ่งเหล่านี้มันวนเวียนเหมือนภาพที่ถูกย้อนกลับและเปิดใหม่ซ้ำไม่รู้จบ ความทรงจำอื่นๆ ของฉันดูเลือนลาง จำไม่ได้ว่าเขาเคยจูงมือเที่ยวสวนสนุกครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ และจำไม่ได้ว่าเรียกเขาว่าพ่อครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ ทั้งที่ฉันเพียงผ่านวัยเด็กมาแค่ไม่กี่วันวาน
ตอนฉันเรียนอนุบาล ฉันอาศัยซอกตู้ผ้าใบกับโต๊ะตัวเก่าซ่อนตัวให้รอด ส่วนแม่ก็ซ่อนตัวในมุมหนึ่งของความกลัว เพียงแค่ยกมือขึ้นป้อง ยอมรับการประเคนใส่ทั้งมือไม้หมัดอย่างเมามัน ก่อนขอเมตตาเมื่อการระบายอารมณ์มีขึ้นระยะหนึ่ง
พอโตขึ้นช่องว่างซอกตู้กับโต๊ะตัวนั้นเล็กเกินไป ฉันต้องนั่งคุดคู้ก้มหน้าชันเข่าปิดเบ้าตา ใช้สองมือปิดหู เพื่อไม่ให้รับรู้เรื่องที่เกิดขึ้น เพราะไม่ว่าจะกี่วัน กี่เดือน หรือกี่ปี ภาพก็ซ้ำไปซ้ำมา ด้วยเหตุผลเช่นเดิม
แต่วันนี้ต่างออกไป ฉันเชิดหน้าจากท่าคุดคู้ ใช้สองมือสองขายันตัวลุกขึ้นปกป้องแม่ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ลิ้มรสขมของเลือดที่กลบปาก และรับรู้ความเจ็บปวดบนใบหน้า หลังอาการชาตึงจากรอยฝ่ามือหยาบใหญ่
“อย่าโกรธพ่อเลยน่ะ อย่าเกลียดพ่อเลยน่ะ”  
  เสียงอ้อนวอนของแม่เรียกฉันสู่ความจริง แม่ต้องต่อสู้กับอาการจุกเสียด และปวดที่อกอย่างยากลำบาก เธอเข้าโอบกอดเพื่อปลอบฉัน และย้ำคำเดิม
“ไม่” เสียงรอดจากฟันที่ขบแน่น ฉันดึงแขนไว้ไม่ให้แม่กอด แต่เปลี่ยนเป็นโอบกอดเพื่อปลอบเธอแทน ดูเหมือนเธอชะงัก แววตาเธอสั่นไหวยิ่งกว่าตอนกลัวเขาทำร้าย ยิ่งเธอรู้สึกว่าอาการสั่นของฉันไม่ใช่ความกลัว เธอยิ่งพร่ำบอกไม่ขาดปาก
“ลูกต้องให้อภัยน่ะ เขาเป็นพ่อของลูก ลูกต้องให้อภัย ไม่โกรธเขาน่ะลูก”
“ไม่”  
เมื่อก่อนเคยคิดว่าอีกไม่นาน บรรดาคุณหญิงคุณนายหรือนักช่วยเหลือสังคม จะพาตำรวจ มายุติเหตุร้ายในสลัมแห่งนี้ ที่ไม่ได้มีเฉพาะบ้านของฉันหลังเดียว มันผุดเป็นเห็ดพิษในท่อน้ำทิ้งเหม็นเน่าสลัมกลางกรุง เสียดายที่มันซ่อนอยู่ลึกจนผู้คนมองไม่เห็น หรือมองผ่านอย่างเฉยชา พวกเขาคงถือว่าเป็นเรื่องผัวเมีย และภายในครอบครัว หรือมันไม่มีสื่อมาทำข่าว เพื่อเชิดชูคุณธรรมให้สูงเด่นดั่งเทพธิดาบนสรวงสวรรค์
เราทั้งสองโอบกอดกันจนตะวันใกล้ตกดิน ความเย็นแผ่ไปทั่วเสื่อน้ำมันบนพื้นซีเมนต์ ลมยังพัดผ่านร่องไม้ผุบ้านเช่าสองชั้น เหมือนแม่รู้สึกตัว เธอผละจากฉันขอปลีกตัวเข้าห้องน้ำที่ก่อด้วยไม้และสังกะสีเก่า เสียงไอถี่และแรงดังลอดออกมา
อาการนี้ไม่ได้เกิดจากถูกทำร้ายเพียงอย่างเดียว เบียร์ราคาถูกหนึ่งกระป๋องแต่ละมื้อก่อนอาหารยังมีส่วนสำคัญในการทำร้ายแม่พอๆ กับอารมณ์ร้ายของผู้ชายคนหนึ่ง จากผู้หญิงค่อนข้างสวยผิวขาวมีน้ำมีนวล จากรูปถ่ายใบเก่าที่ตั้งอยู่บนหลังทีวี บัดนี้ฤทธิ์เบียร์ส่งผลต่อสุขภาพอย่างชัดเจน เมื่อหน้าแห้งตอบ น้ำหนักลดฮวบ ผิวเหี่ยวคล่ำ เธอดูแก่กว่าอายุจริงถึง 20 ปี
เธอออกจากห้องน้ำ หน้าตาดูสดชื่นกว่าเดิม แต่ดูลุกลี้ลุกลน และยิ้มอย่างเอียงอายเหมือนเด็กอยากได้ของเล่น ทั้งที่ใบหน้ายังปูดบวม และเขียวเรื่อๆ
“แม่ขอกระป๋องเดียว แก้ปวดแก้เครียดน่ะลูก”
“แม่ไปเถอะ”
ฉันเห็นแม่ดีใจ และยิ้มเป็นครั้งแรกของวัน รีบค้นเศษเงินจากลิ้นชักโต๊ะ มันเป็นส่วนที่เหลือจากเขากวาดธนบัตรไปหมด นั่นเป็นก้อนสุดท้ายจากรายได้ขายหมูปิ้ง ทั้งที่ฉันอยากเห็นแม่นำไปใช้ประโยชน์มากกว่านี้ เธอหันมายิ้มอีกครั้งก่อนปิดประตูบ้านแล้วจากไป
ยายเพ็ญ ไอ้ชาติ ผัวเมียขี้เมาเป็นฉายาที่เด็กแถวนี้เรียกล้อเลียนทั้งต่อหน้าและลับหลัง มันกระทบถึงฉันด้วย เพราะมันลุกลามกลายเป็นคำล้อประจำโรงเรียนตั้งแต่ประถมถึงชั้นมัธยมต้น ฉันจึงเหลือเพียงรีบกลับมาซุกอยู่ในบ้านผุพังหลังนี้ โดยมีมด หนู แมลงเป็นเพื่อน
เป็นครั้งแรกที่ถามตัวเองว่าฉันทนสภาพนี้ได้ไง จากความโหดร้ายของคนที่กระทำต่อครอบครัว และอาการเฉยเมยต่อเสียงกรีดร้องของเด็ก และผู้หญิงของคนในสังคมนี้
ฉันทนอยู่ได้ยังไง กับบ้านไม้เก่าหลังสุดท้ายของสลัมที่เหม็นเน่าที่สุดในกรุงเทพมหานคร  ไม้ใหญ่ที่เป็นโครงบ้านอย่างเสา และขื่นคา ถูกทาสีซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ไม่อาจลบร่องลึกจากการกัดกินของมด มอด แมลง ฝาบ้านก็แตกร่อนเป็นรูต้องใช้ไม้ลังตอกทับเพื่อปะรอยผุ บ่อยเข้าสภาพกลายเป็นลังไม้ใหญ่มุงสังกะสี
ในหน้าฝนต้องคอยย้ายโทรทัศน์และพัดลม ให้พ้นจากรอยรั่วที่ไหลซึมตามขื่อคา ไม่มีหรอกเสาตกน้ำมันเหมือนหนังสือการ์ตูนผีไทยมือสองเล่มละบาท มีแต่เสาบ้านเป็นร่องเป็นทางให้น้ำฝนไหลเจิ่งนองทั่วบ้าน
ขณะกะละมัง และหม้อทุกใบก็มีหน้าที่เพิ่ม มันใช้สำหรับรองรับน้ำฝนที่รั่วจากสังกะสี มันเป็นฤดูที่ฉันนอนหลับได้ยากลำบากที่สุด เมื่อเขากับแม่ต้องอพยพลงมานอนเบียดในชั้นล่าง ฉันจึงมีที่สำหรับนอนพลิกตัวแค่เพียงครั้งเดียว ก่อนกลิ้งออกด้านหลังทางออกไปห้องน้ำ
ฉันทนมันได้ยังไง ท่อน้ำทิ้งที่ผ่านหน้าบ้าน มันพาทั้งกลิ่นของเน่า สิ่งปฏิกูลและน้ำสีย้อมด้ายทอผ้าที่ทั้งเหม็นทั้งหอมคลุ้งคละกันตลอดเวลา ด้านนอกสลัมฉันเห็นผู้คนมักชื่นชมสีสรรสดใสของผ้าไหมลายสวย แต่หากพลัดหลงลึกเข้ามาในพื้นที่ผลิต ก็ต้องรีบจ้ำออกจากรัศมีของกลิ่น ทิ้งความเน่าเหม็นไว้ที่นั่น ขอเสพเฉพาะสิ่งที่สวยงามตามที่เห็นก็น่าจะเพียงพอ
ความคิดไปจากที่นี่มีหลายครั้ง ความพร้อมเป็นปัจจัยหนึ่ง อีกหนึ่งต้องช่วยแม่ให้ได้เสียก่อน เพราะการหารายได้จุนเจือครอบครัว ต้องมีฉันเป็นกำลังหลักเพราะคุ้นเคยกับการขายหลังจากแม่จับฉันโยนขึ้นรถเข็นขายหมูปิ้งตั้งแต่แบเบาะ
โตขึ้นหน่อยฉันออกแรงมากขึ้นชดเชยแรงแม่ที่ลดถอยลง เมื่อต้องเข็นรถขึ้น-ลงสะพานข้ามคลองแสนแสบเพื่อไปตั้งขายหน้าโรงเรียน และนอกจากขายหมูปิ้งก่อนและหลังเลิกเรียน ยังมีหน้าที่ในการหั่น และฝานเนื้อหมูให้บางที่สุด เพื่อให้ต้นทุนต่ำและได้กำไรมากที่สุดในแต่ละไม้
ที่จริงถ้าเขาไม่ติดเหล้าและตั้งใจช่วยแม่ขายหมูปิ้ง ครอบครัวฉันอาจไม่ต้องซุกตัวอยู่ในสลัมเช่นนี้ และคงมีความสุขตามประสาพ่อแม่ลูกที่ไหนสักแห่ง แต่เมื่อคนหนึ่งติดเหล้า คนหนึ่งติดเบียร์ ฉันจึงต้องติดอยู่ในนรกขุมสุดท้ายนี้ต่อไป
ขุมนรกที่แวดล้อมด้วยโปสเตอร์และปฏิทินขายเหล้าที่มีนางแบบในชุดผ้าผืนน้อย หรือบางภาพใช้แค่สัดส่วนปิดบังบางส่วน เพื่อให้แจกจ่ายได้ตามกฎหมาย ขุมนรกที่พอเปิดละครโทรทัศน์ก็มีตัวละครดื่มฉลองความสำเร็จ หรือใช้เป็นเครื่องบรรเทาอาการเศร้าจากความรัก และเป็นขุมนรกที่การขายเหล้า-เบียร์เสรี แบบที่ฉันเดินไม่ถึงสิบเก้าก็ซื้อเหล้าติดมือกลับตามที่เขาสั่งแล้ว
เมื่อยังไม่พร้อมฉันก็ได้แต่จำใจและอดทน จากนั้นก็เริ่มลงมือเก็บถ้วยชาม หม้อที่กระจัดกระจายจากแรงโทสะของเขา จุดสุดท้ายที่ต้องเก็บคือ บริเวณเตาแก๊สตั้งโต๊ะ และแผงไม้แขวนหม้อ กะทะ รวมทั้งมีดขนาดต่างๆ
ขณะสาละวนตรงจุดนี้ เสียงเปิดและปิดประตูดังขึ้นทางด้านซ้ายมือ ห่างสองเมตร กลิ่นตัวเหม็นเปรี้ยวและเหล้าขาวลอยมา ก่อนที่เงาดำทะมึนบังแสงสุดท้ายของตะวัน
ไรขนจากแผ่นหลังลุกชันถึงไรผม สัญชาตญาณกำลังส่งสัญญาณอันตรายให้กับฉันเพื่อเตรียมป้องกันตัว แต่ขากลับสั่นและอ่อนแรงแทบลมพับ ดีที่มือยังยันอยู่ที่เตาแก๊ส ฉันพบว่าความกลัวยังยึดกุมจิตใจมากกว่าที่ฉันคิดเสียอีก
ยังไม่ทันหันกลับเพื่อตั้งตัว มือซ้ายหยาบใหญ่กุมท้ายทอยราวคีมเหล็ก ใช้แรงจากท่อนแขนกำยำกดให้แก้มขวาฉันแนบหัวเตาแก๊ส และต้องเจ็บจากแรงกดมากขึ้นถ้าพยายามใช้เสียงไม่ว่าจะร้องขอความเมตตา หรือขอความช่วยเหลือ
ส่วนแขนและมือขวาใช้สำหรับล็อคแขนทั้งสองข้างของฉันไพล่ไว้ด้านหลัง ใช้ลำตัวและขาขวากดตัวให้หยุดดิ้น ถึงตอนนี้ฉันหมดหนทางต่อสู้ น้ำตาเริ่มเอ่อและรู้สึกได้ถึงใบหน้าที่บิดเบี้ยวเพราะความเจ็บปวดของตัวเอง
เขายื่นหน้าเข้าใกล้อย่างช้าๆ หางตาฉันเห็นแววตาที่ลึกดำไร้แววความเป็นมนุษย์ พร้อมแสยะยิ้มยั่ว น้ำลายยืดไหลย้อยลงบนแก้มและไหลเข้าปากฉันอย่างช้าๆ ยิ่งใกล้มาขึ้นเท่าไหร่ กลิ่นปากยิ่งชวนให้คลื่นเหียน เขาเริ่มหัวเราะเบาๆ เหมือนหมาป่ารอลิ้มชิมรสชาติเหยื่อ ทั้งที่มันรู้อยู่แก่ใจว่านี่เป็นลูกของมัน
“แกรู้ไหม บางทีข้าไม่แน่ใจว่าแกเป็นลูกจริงรึเปล่า ผิวพรรณแกมันผู้ดีเกินกว่าเชื้อข้าหรือแม่แกจะผลิตออกมาได้” มันเริ่มแล้ว เหตุผลสำหรับการกระทำของมัน  
“ถึงแกจะเป็นผู้ชาย แต่อ้อนแอ้น ผิดขาวนวลเหมือนเด็กผู้หญิง นี่ต้องโทษแม่แกที่มันหมดสภาพเร็วเกินไป แกทนหน่อยน่ะเจ็บนิดเดียว เดี๋ยวก็เสร็จเหมือนวันนั้น แกจำได้ไหม”  
ฉันเกลียดเสียงหัวเราะในลำคอต่อจากคำถาม มันเป็นเช่นเสียงหัวเราะที่เกิดขึ้นในวันนั้น ฉันจำได้ ฉันจำได้ คืนปีใหม่ที่ผ่านมา แม่เมาหนักต้องแบกกลับบ้าน เขามุดเข้ามุ้งและกระทำเหมือนเช่นตั้งใจจะทำในวันนี้ วันนี้นฉันร้องด้วยความเจ็บปวด ด้วยทั้งกายและใจเหมือนถูกแยกออกเป็น 2 ส่วนจากขาสองข้างไปที่ช่องท้อง ลำตัว หัวใจ สมอง และมโนสำนึก
แต่ไม่ใช่วันนี้ ฉันเจ็บมามากพอแล้ว และที่สำคัญแม่กำลังกลับมา เธอต้องไม่เห็นภาพอุบาทว์นี้เด็ดขาด เธอเจ็บปวดมากเกินไปแล้ว และฉันรักแม่เกินกว่าจะให้เธอรู้ว่า สามีกับลูกของเธอเป็นอะไรกัน ฉันรอโอกาสรอดพ้นเงื้อมมือของปีศาจชั่วร้ายตนนี้ ซึ่งเป็นโอกาสเดียวที่ต้องรวดเร็วและไม่พลาด ไม่เช่นนั้นฉันต้องตกนรกไปตลอดกาล
เขาเริ่มยิ้มแบบดีใจ เมื่อเห็นฉันมีท่าทีอ่อนลง ความพยายามดิ้นรนและขัดขืนหมดไป โดยเฉพาะเมื่อไม่มีเสียงสะอื้นเบาๆ เช่นเคย เขาเริ่มชะล่าใจปล่อยมือขวาที่ล็อคแขน พร้อมขยับตัวเพื่อเปิดทางให้การปลดกางเกงของฉันทำได้สะดวกขึ้น
แต่ที่เขาต้องสำนึกเสียใจในความผิดพลาดก็คือ การเผลอตัวด้วยความกระหยิ่ม และอิ่มเอมในความสุขที่ใกล้จะมาถึงเหมือนครั้งก่อน เขาใช้มืออีกข้างเร่งปลดเปลื้องตัวเอง ซึ่งมันเป็นการคลายแรงกดที่มีต่อฉัน ซึ่งมันคือจังหวะเดียวของฉันที่จะหลุดพ้นพันธนาการนี้ไปชั่วชีวิต
เหมือนมีเวทย์มนต์บางอย่างเสกให้ฉันเรียกพลังเร้นลับในตัว มันเป็นดั่งน้ำทิพย์หยดตรงช่องท้องก่อเกิดพลังขึ้นภายใน จากนั้นมันแผ่พลังไปให้กล้ามเนื้อทุกส่วนผ่านทางกระแสเลือด เมื่อร่างกายพร้อมโอกาสพร้อม หัวใจก็สั่งการให้ฉันออกโบยบินทันที
ฉันใช้สองมือช่วยดันตัวขึ้น เพิ่มแรงโยกของหัวไปด้านหลังอย่างสุดแรง หัวโขกไปที่ครึ่งจมูกครึ่งปากจนเขาผงะถอยไปกุมจมูกมีเลือดไหลลอดมาทางง่ามนิ้ว เขามองเลือดที่ไหลไม่หยุดและตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น ซึ่งนี่เป็นจังหวะสุดท้ายของฉัน
มือขวาคว้ามีดแล่หมูยาวแปดนิ้วจากกล่องเก็บ เหวี่ยงตัวไปด้านหลังให้เร่งความเร็วและแรงกับมือที่ถือมีดเพื่อเพิ่มอานุภาพเป็นสองเท่า ใบมีดวางเป็นแนวราบระดับเหนือไหล่ ความแข็งแต่คมของใบมีดทิ่มสวบครั้งเดียวผ่านผิวเนื้อและกระดูกแผงอกจนมิดด้าม
เขาหงายหลังล้มทั้งยืน จากนั้นอาการชักเกร็งทั้งตัวจึงตามมา พยายามเลื่อนมือไปประคองมีดที่ปักหน้าอกหวังลดอาการเจ็บก็ไม่สำเร็จ กระทั่งการหายใจยังติดขัด ต้องปล่อยให้เลือดจากปอดพุ่งผ่านลำคอสำลักออกทางปาก เมื่อหัวใจกำลังหมดประสิทธิภาพในการสูบฉีดเลือด
 ที่ช็อคความรู้สึกเขาไม่ใช่อาวุธสังหาร แต่เป็นการถูกตอบโต้จากคนที่อยู่ในอาณัติมากกว่า เขาไม่นึกว่ามันจะรวดเร็วและรุนแรงเช่นนี้
ฉันยังไม่หันไปมองคนที่นอนบนพื้น แต่ใช้เวลาช่วงนี้ดึงขากางเกงใส่กลับช้าๆ อย่างเดิม สลัดคอและแขนให้คลายปวดจากการถูกกดและจับกุม จากนั้นจึงหันไปคิดถึงความรู้สึกแรกที่ใช้สิ่งมีคมเฉือนผ่านเนื้อคนเป็นๆ แทนเนื้อหมู
ตอนนี้เลือดน่าจะค่อยๆ ไหลออกทางด้านหลัง อีกไม่นานก็จะนองทั่วเสื่อน้ำมัน มันเป็นความรู้สึกที่เหมือนลวดลายศิลปะของความตาย ฉันนั่งยองๆ ใกล้กับเขาเพื่อซึมซับความรู้สึกแรกของการฆ่าคน และต้องการเห็นสีหน้าที่บิดเบี้ยวอย่างเจ็บปวดแบบใกล้ชิด
“เป็นไง...” ผมเข้าไปกระซิบเบาๆ
“ที่จริงอยากเห็นคุณเจ็บปวดให้ยาวนานเหมือนกับที่ทำไว้กับแม่ และปวดลึกๆเหมือนทำไว้กับผม แต่เดี๋ยวแม่มาเห็นคุณเข้า แล้วนำตัวส่งโรงพยาบาล มันก็จะเป็นกรรมต่อกันไม่สิ้นสุด ขอพบกันแค่ชาตินี้ก็พอแล้วกันน่ะ ”
ฉันค่อมร่างเขาถอนมีดออกจากอกอย่างช้าๆ ได้ยินเสียงเขาครางตามแรงดึง จากนั้นผ่อนลมหายใจยาวเฮือกใหญ่ ก่อนพยายามหายใจเพื่อยื้อชีวิต แต่ยิ่งหายใจเท่าไหร่เลือดยิ่งไหลย้อนออกจากร่างมากเท่านั้น ถึงตอนนี้ดวงตาเขาคืนสู่ความเป็นมนุษย์ครั้งสุดท้าย และมีน้ำตาเหมือนรับรู้แล้วว่านี่คือลมหายใจสุดท้ายบนโลกมนุษย์ของเขา
ในใจฉันคิดว่า จบแบบนี้ดีกว่า ถ้าแทงผิดจุดและต้องมีการต่อสู้ จนต้องแทงซ้ำสภาพการจากกัน จะไม่น่าภิรมย์นัก อย่างน้อยเขาก็เป็นพ่อ ความตายที่รวดเร็ว ฉันถือเป็นการทดแทนบุญคุณที่ให้กำเนิดก็แล้วกัน
ฉันนั่งกับพื้นพิงผนัง มองดูร่างกระตุกครั้งสุดท้ายก่อนวิญญาณลอยออกจากร่าง ฉันยังนั่งในท่าเดิมเมื่อความเงียบและความมืดเข้าครอบงำบ้านหลังนี้ แล้วพึมพำกับผลงานตัวเอง
“แม่คงดีใจน่ะ ที่ได้หลุดพ้นจากนรกขุมนี้ ไปใช้ชีวิตที่มีแต่เราแม่ลูก ซึ่งน่าจะมีความสุขกว่า 15 ปีที่ผ่านมา ความตายของเขาเป็นของขวัญชิ้นแรกที่มอบให้กับแม่ และชิ้นต่อไปจะเป็นชีวิตใหม่ที่ฉันเตรียมไว้ให้”
ฉันสัญญาในใจ ทันทีที่แม่กลับมา ฉันจะเป็นลูกที่ดีและน่ารัก ตามที่แม่ต้องการ แต่ตอนนี้ฉันขอก่อนได้ไหม ขอให้แม่ช่วยคิดว่า จะทำยังไงกับศพเขาดี

จากคุณ : จ.นันทภาคย์
เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 55 13:16:33




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com