ฝากเรื่องนี้ด้วยนะคะเป็นเรื่องแรกค่ะ
เรื่องราวของเจ้านางน้อยแห่งแคว้นเมืองเหนือในหุบเขาที่โชคชะตา ผสานกับความมุ่งมั่นทำให้เธอได้เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลไปสู่ดินแดนสหราชอาณาจักร ทั้งภาระหน้าที่ต่อบ้านเมือง ปริศนาที่ต้องไข และยังภารกิจหัวใจที่เธอต้องเผชิญ
ไม่รู้เลยว่าสิ่งใดรอเธออยู่ที่นั่น
กรุ่นกลิ่นอายรักหลากรูปแบบทั้งบรรยากาศภาคเหนือบ้านเรา และไอเย็นหิมะโปรยปรายแถบยุโรป
-----
บทที่๑ ข้ามฟ้า
ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิยามห้าทุ่มผู้คนแน่นขนัดทั้งผู้โดยสารชาวไทยและต่างประเทศ ต่างคนต่างสาละวนอยู่กับข้าวของสัมภาระของตัวเอง ไม่มีใครใส่ใจใครมากนัก หากกระนั้น
หญิงสาวร่างเพรียวในชุดกระโปรงยาวสีครีมทับด้วยแจ็กเก็ตสีงาช้างเข้ารูปก็อดประหม่ามิได้เมื่อเข็นรถขนกระเป๋าเดินตรงไปยังเคาน์เตอร์เช็คอินของสายการบินสัญชาติอาหรับ หัวใจเต้นระรัว นึกอุปาทานไปว่า คนรอบข้างกำลังจ้องมองเธออยู่พร้อมกับส่งสายตาสงสัย
ราวกับจะรู้ว่าเธอเป็นใคร หญิงสาวหันไปหาสตรีร่างท้วมวัยสี่สิบเศษในชุดกางเกงผ้าป่านสีน้ำตาลเข้ม ตัดเย็บอย่างประณีต พยักหน้าเป็นสัญญาณรู้กัน จากนั้นหญิงวัยกลางคนจึงหยิบหนังสือเดินทางของเธอส่งให้สตรีสาวอย่างนอบน้อม ไปแมนเชสเตอร์ ไฟลท์ตีสอง พนักงานสายการบินรับหนังสือเดินทางทั้งสองเล่มมาแล้วทวนเที่ยวบินเพื่อความมั่นใจ ผู้โดยสารสาวยิ้มรับน้อยๆ พยายามระงับความตื่นเต้นที่ทำให้มือของเธอสั่นระริก พนักงานสาวพิจารณาหนังสือเดินทางของหญิงชุดน้ำตาลอย่างไม่สู้ใส่ใจนัก หากเมื่อถึงหนังสือเดินทางของสาวน้อยหน้าตาพริ้มเพราตรงหน้า หล่อนก็ชะงักไปหน่อยเมื่อเห็นนามที่ปรากฏ อีกทั้งยังมีบัตรทำจากหนังสีน้ำตาลนิ่ม ลงตราประทับสีทองรูปดวงอาทิตย์พร้อมอักษรย่อสองตัวไขว้กันเสียบไว้ด้านในหนังสือเดินทาง หล่อนจึงเงยหน้ายิ้มอย่างสุภาพอ่อนโยนที่สุด จะอัพเกรดเป็นเฟิร์สคลาสไหมคะ ดวงตากลมโตมีร่องรอยลังเลพาดผ่าน หล่อนจดจำมาเพียงแต่ว่าจองบัตรโดยสารเดินทางชั้นประหยัด แต่ ที่บ้าน ยืนกรานว่าแม้ไม่ต้องการเป็นจุดสนใจยามเดินทาง หากชั้นประหยัดจะทำให้คนไม่เคยคุ้นกับการเดินทางด้วยเครื่องบินอย่างหล่อนลำบาก จึงจองชั้นธุรกิจให้เพราะหล่อนยืนยันว่าไม่ต้องการความเอิกเริก หรือฟุ่มเฟือยโดยไม่จำเป็น อันที่จริงหล่อนก็ไม่รู้หรอกว่าชั้นเฟิร์สคลาสที่ว่านั้นเป็นอย่างไร จะว่าไปชั้นประหยัดหรือชั้นธุรกิจเป็นอย่างไรเธอก็ไม่ทราบแน่ชัด เนื่องจากไม่เคยโดยสารเครื่องบินร่วมกับผู้โดยสารแปลกหน้ามาก่อน ไม่ค่ะ แต่เรียนเชิญที่เลานจ์ของเฟิร์สคลาสได้นะคะ พนักงานภาคพื้นดินส่งยิ้มหวานให้อีกครั้ง ก่อนจะหันไปพยักเพยิดให้ชายหนุ่มที่ยืนจังก้าอยู่ตรงสายพานกระเป๋า ต๋อม มาช่วยยกกระเป๋า...ท่านหน่อย ชายร่างใหญ่ที่ชื่อต๋อมรับคำแข็งขัน กุลีกุจอช่วยยกกระเป๋าของสตรีสาวร่างอรชรและสตรีวัยกลางคนที่ดูจะมีความสำคัญ หญิงสาวหันไปมองเคาน์เตอร์ข้างเคียง ผู้โดยสารล้วนต้องยกกระเป๋าวางบนสายพานเพื่อวัดน้ำหนักด้วยตัวเอง ไม่มีใครมีคนช่วยอย่างหล่อน หญิงสาวบิดมือไปมาด้วยความกังวล นึกกลัวไปสารพัดว่าคนจะจำได้ กลัวว่านาทีใดนาทีหนึ่ง จะมีคนปราดเข้ามาขัดขวางการเดินทางและพาหล่อน กลับบ้าน หญิงสาวไม่เคยคุ้นมาก่อนจึงไม่รู้ว่าสนามบินนานาชาติแห่งนี้มีบุคคลสำคัญที่มากด้วยยศศักดิ์ ฐานันดร หรือทรัพย์สินเดินทางสัญจรตลอดเวลา มิมีใครนำพาหรือเพ่งเล็งผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างหล่อนมากมายนัก พนักงานสาวยื่นบัตรโดยสารให้หล่อนอย่างนอบน้อม รอยยิ้มยังคงประดับแต่งแต้มไว้อย่างงดงาม เรียบร้อยค่ะ ขึ้นเครื่องได้เวลา...ที่ประตู... หล่อนวงตัวเลขเวลาบนบัตรโดยสารให้ เดินทางโดยสวัสดิภาพนะคะ ร่างในชุดสีงาช้างพยักหน้าน้อยๆ ก่อนจะค่อยหันหลังเดินจากมาโดยมีร่างท้วมในชุดผ้าป่านเดินตามอย่างนอบน้อม ขณะที่หญิงสาวดูลังเลเหมือนไม่รู้จะทำอย่างไรต่อ ครู่หนึ่งหล่อนเห็นร่างสูงใหญ่ ผมสีทองแซมเงินแบบชาวยุโรปของชายที่คุ้นเคยจึงค่อยฉีกยิ้มกว้าง สาวเท้าเดินตรงไปที่นายฝรั่งชราหน้าตาเป็นมิตร อาจารย์เจมส์ นึกว่าจะไม่มาส่งข้าเจ้าเสียแล้ว
เจ้าที่ไหนล่ะพี่เอ๋ เมื่อคล้อยหลังสาวน้อยร่างอรชรที่บัดนี้กำลังยืนสนทนากับฝรั่งสูงอายุท่าทางภูมิฐาน นายต๋อมคนขนกระเป๋าก็ถามเอวิกาทันที เวียงสรองตา หญิงสาวตอบทันควัน เวียงอะไรมีสองตา สามตาไม่ได้รึ ชายหนุ่มหัวเราะร่วน ขณะที่อีกฝ่ายค้อนควับ ลามปามนะเรา...สะกดว่า สรอง เหมือนอ่าน สะ-หรอง แต่อ่านว่าสอง แปลว่าดินแดนสวรรค์ชั้นฟ้า โอ้โห ความรู้แน่นมาก ว่าแต่ประเทศอะไรเนี่ย ไม่เคยได้ยินชื่อเลย อยู่แถวไหนหรือ ทางเหนือนู่น แถวเชียงรุ้ง สิบสองปันนา แต่อยู่สูงกว่านะ มีแต่ภูเขา ไปยาก โห...เดี๋ยวนี้ยังมีคุ้ม มีเวียง เจ้าหลวง เจ้านางอะไรอย่างนี้อยู่อีกหรือนี่ แล้วคนเมื่อกี้เขาเป็นเจ้าหญิงหรือ น่ารักดีนะ เขานึกถึงสาวน้อยหน้ารูปไข่ ดวงตากลมโต ผมยาวดำขลับถักเป็นเปียยาวเรียบร้อย กิริยาดูนิ่มนวล ดูสบายตา เอวิกาทำหน้าคิดครู่หนึ่ง ก็คงใช่มั้ง แค่รู้สึกว่าดูเรียบง่ายมากๆ เลยเจ้าหญิงประเทศนี้ หล่อนนึกถึงท่าทางของเจ้านายเวียงสรองตาเมื่อครู่ ดูเรียบร้อย ไม่ถือตัวหากสง่างามอยู่ในที เสื้อผ้าสีนวลสวยงามประณีตดูพอเหมาะพอเจาะหากไม่สามารถระบุไปได้ว่าเป็นสินค้าแบรนด์ดังยี่ห้อใด ทั้งที่เอวิกาก็มั่นใจว่าหล่อนมีสายตาคมเฉียบแหลม มองปราดเดียวก็บอกได้ว่าเครื่องแต่งกายสวยงามนั้นมาจากดีไซเนอร์คนใด อีกทั้งหล่อนเองก็เคยชินว่าพวกเจ้านายราชวงศ์ต่างๆ หรือคนเด่นคนดังทั้งหลาย ล้วนแต่งกายด้วยเสื้อผ้าอาภรณ์หรูหราจากห้องเสื้อชั้นนำทั้งนั้น หากชุดกระโปรงยาวผ้ามัสลินสีครีมเรียบนั้นหล่อนแน่ใจว่าไม่เคยผ่านตามาก่อน หากมันก็ทำให้ผู้สวมใส่ดูภูมิฐานหากก็ลำลองสบายเหมาะแก่การเดินทางดี ส่วนกระเป๋าทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าสีเบจที่เจ้าตัวคล้องไว้อยู่นั่นเล่า ช่างเรียบแสนเรียบ หากตัวผ้าต่างหากเล่าที่สวยงามจนแทบไม่ต้องมีลวดลายหรือลูกเล่นใดๆ คงจะเป็นผ้าไหมผ้าทอจากทางบ้านเมืองนั้นกระมัง ไม่มีคนติดตามแวดล้อมอะไรเลยนะ มีแต่คุณป้าคนนั้น คนพูดหมายถึงสตรีร่างท้วมที่ดูอย่างไรก็คงเป็นผู้ติดตาม ฝรั่งคนนั้นก็คงมาส่ง ฉันว่าคงมีสักคนล่ะที่คอยดูแลตอนตรวจพาสปอร์ต ตม. หล่อนหมายถึงขั้นตอนตรวจคนเข้า-ออกเมืองที่จะต้องมีการตรวจหนังสือเดินทางและวีซ่าอย่างเป็นทางการ จะให้เจ้าหญิงเจ้านางต่อคิวตรวจพาสปอร์ตก็คงแปลกๆ ล่ะ อายุเท่าไหร่ล่ะ ผมว่าไม่ถึงสิบแปดแน่ๆ ย่างสิบเก้าแล้วย่ะ อีกฝ่ายตอบทันควัน โห พี่แม่นมาก ดูพาสปอร์ตเค้าแป๊บเดียวจำได้ทุกรายละเอียด ชมใช่ไหม แล้วเค้าไปทำอะไรที่แมนเชสเตอร์ล่ะพี่ ไปเชียร์บอลเหรอ ชายหนุ่มถามยียวน ฉันจะไปรู้เหรอ อยากรู้ทำไมแกไม่ถามเค้าเองล่ะเมื่อกี้ เอวิกาแหวเสียงเขียว มัวแต่ดูเพลิน เพราะน่ารักดี ต๋อมหัวเราะร่วน ว่าแต่เจ้านาง เจ้าหญิงองค์นี้ชื่ออะไรล่ะพี่...เผื่อผมจะลองไปเสิร์ชกูเกิ้ลดู เอวิกาตรึกตรองถึงนามบนหนังสือเดินทางและบัตรหนังประทับตราอาทิตย์สีทอง เอ่ยชัดถ้อยชัดคำ เอื้องอริน แห่งราชสกุลอโณทัย เวียงสรองตา
จากคุณ |
:
mezzanotte
|
เขียนเมื่อ |
:
19 พ.ค. 55 12:45:00
|
|
|
|