Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
กนกนาคราช (บทที่ 3 แรงปรารถนานำพา) ติดต่อทีมงาน

กนกนาคราช (บทที่ 1 ผ้าไหมโบราณ)
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12086966/W12086966.html
กนกนาคราช (บทที่ 2 แรงดึงดูด)
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12103088/W12103088.html


บทที่ 3 แรงปรารถนานำพา

พงศกรคอยหันมามองผู้โดยสารสาวที่นั่งข้างกันเป็นระยะ ขณะขับรถฝ่าสายฝนมุ่งกลับไปยังที่พัก พิมพ์วารีซบหน้าลงพิงกับขอบกระจกรถ ดวงตาสีดำสนิทเหม่อมองสายฝนที่เทกระหน่ำลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา ขณะที่ภาพของใบหน้าชายหนุ่มคนนั้นคอยลอยวนเวียนไปซ้ำไปซ้ำมาอยู่อย่างนั้น

พงศกรเคยพบเขาครั้งหนึ่ง ตอนคุยเรื่องคอนเซ็ปต์การตกแต่งบ้านของเขา ตอนนั้นพิมพ์วารีติดงานอื่นอยู่จึงไม่ได้ไปด้วย

ธันย์ เป็นลูกชายของนักธุรกิจชั้นแนวหน้าของเมืองไทย เดินทางกลับมาจากอังกฤษหลังจบการศึกษาปริญญาโท เขาบอกกับมัณฑนากรหนุ่มที่ดูแลเรื่องการตกแต่งบ้านหลังใหม่เขาว่า ตัวเองอยากจะพักผ่อนสักสองสามเดือนก่อนที่จะเริ่มงานใหม่ อีกทั้งยังขอคำแนะนำเรื่องสถานที่ท่องเที่ยวจากพงศกร

ชายหนุ่มเป็นคนรูปร่างสูงใหญ่ ผิวสีแทนทำให้ใบหน้าคมเข้มยิ่งดูหล่อเหลา เขามีแววตาสดใสและบุคลิกที่มีชีวิตชีวา ขัดกับอายุที่ย่างเข้าสู่ปีที่ยี่สิบแปดแล้ว

พิมพ์วารียังจำแววตาเขาได้ดี สายตาที่ทอดมองมาคล้ายกับว่าซ่อนความหมายลึกซึ้งเอาไว้ ความรู้สึกคุ้นเคยและผูกพันทำให้หญิงสาวใจสั่นอย่างไม่รู้ตัว เธอเคยมีความรู้สึกดีเช่นนี้เพียงแค่ไม่กี่ครั้ง และเขาคนนั้นก็ทำให้ความรู้สึกรักได้ก่อตัวขึ้นในหัวใจเธอ

ภาพก่อนจะจากกัน เขาถือผ้าไหมผืนนั้นเดินตรงมาก่อนที่เธอจะเดินเข้าไปรับจากมือเขา สายตาของเขาเต็มไปด้วยความสงสัยงุนงง เมื่อรับมาแล้วสติของพิมพ์วารีก็ดับวูบลง และมารู้สึกตัวอีกทีที่โรงพยาบาลโดยมีพงศกรนั่งเฝ้าอยู่ข้างเตียงคนไข้ เธอเป็นลมไปครู่ใหญ่ก่อนจะฟื้นคืนได้สติ มือซ้ายยังกำผ้าไหมผืนนั้นไว้แน่นไม่ยอมปล่อย

สักวันเราคงได้พบกัน... เราต้องได้พบกันแน่ หญิงสาวบอกย้ำกับตัวเองในใจ หัวใจสูบฉีดแรงขึ้นด้วยความปรารถนาที่มีต่อชายหนุ่ม


หลังจากส่งใบหม่อนแล้วปลายฟ้าก็กลับมายังบ้านพักที่เงียบเชียบ แม่บ้านสองคนเดินปรี่เข้ามาหาเมื่อเห็นร่างระหงเปียกโชกไปทั้งตัว แต่คุณหนูของบ้านก็โบกมือปัดไม่ยอมรับผ้าขนหนูที่หญิงรับใช้ส่งให้ รีบเดินละลิ่วขึ้นห้องไปอย่างรวดเร็ว

หญิงสาวเปลื้องอาภรณ์ออกจากร่างกายจนหมดสิ้น เดินเข้าสู่ห้องอาบน้ำ สายน้ำอุ่นๆ ไหลผ่านฝักบัวลงใส่ร่างเนียนขาวเบื้องล่าง ผ่านศีรษะที่ปกคลุมด้วยผมยาวประบ่าสีน้ำตาลเข้ม ไหลลงสู่เรือนร่างอรชรสมส่วน ดวงตากลมรีค่อยๆ ปิดลงช้าๆ หวนนึกถึงภาพใบหน้าของธันย์ รัตนเวคินทร์ผู้นั้น

เขาทำให้เธอหลงใหลและอยากครอบครองเป็นเจ้าของ ภาพใบหน้าและสายตาของชายหนุ่มทำให้หญิงสาวคลี่ยิ้มอย่างเป็นสุข คล้ายกำลังตกอยู่ในภวังค์ของความฝัน ความปรารถนาอันรุนแรงฉุดให้หญิงสาวเห็นภาพในอดีตอันแสนหวาน  

ชายหนุ่มรูปร่างกำยำสูงใหญ่แนบกายลงทาบทับกับเรือนร่างขาวเนียนอวบอิ่มของเธอ บนแผ่นหินกลางธารน้ำที่แวดล้อมด้วยพฤกษชาตินานาชนิดที่ส่งกลิ่นหอมอบอวล ปลายฟ้ายกมือขึ้นจับแก้มเขาเบาๆ พลางลูบไล้ไปมา ก่อนที่ชายหนุ่มด้านบนจะโน้มหน้าลงมาสูดเอาความหอมจากซอกคอเนียนขาว เลื่อนใบหน้ามาพรมจูบเธอเบาๆ

แต่ขณะที่หญิงสาวกำลังพรึงเพริดกับรสรักที่ได้รับนั้น จู่ๆ ความอบอุ่นจากเรือนกายชายหนุ่มที่ทาบทับก็ค่อยๆ เลือนหายไป เมื่อเธอลืมตาขึ้นก็พบว่าร่างตรงหน้านั้นหายไปแล้ว ปลายฟ้าตะลีตะลานลุกขึ้นด้วยความตกใจ คว้าเอาแพรแถบสีฟ้ามาคลุมกายไว้อย่างทุลักทุเล สายตากวาดหาร่างของชายอันเป็นที่รักด้วยความร้อนรน ก่อนจะรู้สึกชาวาบไปทั้งร่าง เมื่อแลเห็นชายหนุ่มกำลังกอดรัดร่างหญิงสาวอีกคนอยู่บนผืนหญ้านุ่มนิ่มริมธารน้ำนั้น

พิมพ์วารีครางออกมาด้วยความสุขสม มือเรียวสวยลูบไล้ไปท่อนแขนอันแข็งแกร่ง ยึดแผ่นหลังหนาไว้แน่นคล้ายงูที่ยึดร่างเหยื่อไว้อย่างไม่ยอมปล่อยง่ายๆ จมูกโด่งของธันย์ก้มลงซุกไซ้เนินอกอวบอิ่ม ริมฝีปากหยักหนาพรมจูบไปทั่วเรือนร่างของหญิงสาว ขยับกายชิดใกล้ สอดประสานหลวมรวมเพื่อเป็นหนึ่งเดียว

ปลายฟ้ากัดฟันแน่นทั้งน้ำตาขณะที่พิมพ์วารีค่อยๆ เบิกสองตากลมโตขึ้นเหลียวมองมายังเธอ ส่งรอยยิ้มเหยียดหยันและสายตาเยาะเย้ย ก่อนปั้นจริตร้องครางเมื่อชายหนุ่มรุกเร้ารุนแรง ปลายฟ้าสุดจะทนได้อีกต่อไป ร่างเปลือยเปล่าเนียนขาวหยัดกายลุกขึ้นยืน วิ่งทะยานไปข้างหน้าอย่างสุดแรง ร่างระหงนั้นแปรเปลี่ยนกลายเป็นนางนาคาเกล็ดสีรุ้งเลื่อมพราย เลื้อยเข้าใส่สองร่างที่กำลังกอดรัดกันด้วยความสุขสม

พิมพ์วารีผลักร่างชายหนุ่มออก ก่อนหยัดกายขึ้นประจันหน้านางนาคสีรุ้งที่กำลังตรงดิ่งเข้ามาหา ดวงตาสีดำสองข้างเปล่งแสงสีเขียวเจิดจ้า ร่างมนุษย์อันเปลือยเปล่าคืนสู่กำเนิดเดิมอย่างรวดเร็ว นางนาคสองตัวทะยานเข้าหากันสุดแรง เป็นฉากการต่อสู้ที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า กระทั่งหญิงสาวที่ตกอยู่ในภวังค์นี้รู้สึกตัว ภาพเหล่านั้นจึงมลายหายไป

ปลายฟ้าเปิดเปลือกตาขึ้นอย่างช้าๆ สายน้ำอุ่นๆ ยังคงไหลผ่านฝักบัวลงมากระทบเรือนร่างเนียนขาวที่เริ่มเป็นสีอมชมพู หญิงสาวหอบหายใจน้อยๆ ราวกับว่าตัวเองเพิ่งไปทำอะไรที่ต้องใช้กำลังอย่างมากมา ภาพชั่วขณะที่หลับตาลงเมื่อครู่นั้นยิ่งทำให้เธอรู้สึกเกลียดชังผู้หญิงคนนั้นมากขึ้นเป็นเท่าทวีคูณ หากว่าธันย์ รัตนเวคินทร์ ถูกแย่งไปล่ะก็...เธอจะไม่มีวันยอมแน่


“เป็นเพราะพี่เยาว์ไม่มาด้วยกันน่ะแหละ ถึงเกิดเรื่องกับยัยพิมจนได้ แม่นั่นไม่รู้ว่ามาจากไหน จู่ๆ ก็เข้ามาแย่งเอาผ้าไหมจากมือของพิมไปซะดื้อๆ ส่วนยัยพิมก็ไม่ยอม เข้าไปฉุดกระชากเอากลับคืนมา ถึงขนาดตบตีกันเลยนะพี่เยาว์”

“ตายจริง...แล้วนี่ไอ้พิมเป็นอะไรรึเปล่ากร” นงเยาวว์เอามือทาบอก พงศกรรีบขยับเก้าอี้เข้าไปใกล้พนักงานรุ่นพี่

“ก็มีแผลถลอกแล้วก็ฟกช้ำนิดหน่อย กรอดสงสัยไม่ได้ว่าผู้หญิงคนนั้นจะเป็นคนเดียวกับที่แย่งผ้าไหมยัยพิมที่ร้าน กรถามแล้วแต่ยัยพิมก็ไม่ยอมพูด” พงศกรเบ้ปากอย่างหงุดหงิดก่อนที่พิมพ์วารีจะเดินมาถึงโต๊ะทำงานของนงเยาวว์ ทั้งคู่ลุกจากเก้าอี้พร้อมกัน ย่นคิ้วจ้องมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยความแปลกใจโดยเฉพาะพงศกร

“ไปกันได้แล้วกร ฉันกลัวว่ารถจะติด” พงศกรยังคงอ้าปากค้าง สายตาของชายหนุ่มกวาดมองหญิงสาวตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ผมสีดำสลวยที่ดัดเป็นลอน ดวงหน้าที่แต่งแต้มในแบบที่เขาไม่เคยเห็น เสื้อแขนกุดคอปกสีขาวเข้ารูปและกระโปรงสีเขียวจัดปักเลื่อมตรงชายขอบ นี่เขาต้องฝันไปแน่ๆ เลย ยัยพิมพ์วารีมาดเซอร์ของเขาเปลี่ยนไปมากถึงขนาดนี้เชียวหรือ ทุกครั้งที่นัดพบลูกค้า เธอเลือกที่จะใส่กางเกงและสูทสีดำตัวหนา ผมดำยาวก็รวบไว้ตรงท้ายทอย หน้าแทบไม่ได้แต่งแต้มอะไรมาก แต่นี่... กลับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน อะไรกันนะที่ทำให้เพื่อนเขาเปลี่ยนไปได้มากถึงขนาดนี้ หรือจะเป็นเพราะลูกค้าคนสำคัญที่จะต้องไปพบในวันนี้ ?

“เธอซื้อเสื้อใหม่เหรอพิม แล้วกระโปรงนี่อีก ไม่ยักกะรู้ว่าแต่งหน้าเป็นด้วย” เพื่อนสนิทหนุ่มเอียงคอถามอย่างเสียดสี อยากรู้นักว่ายัยพิมพ์วารีเกิดตกหลุกรักคุณธันย์ รัตนเวคินทร์จริงๆ รึเปล่า

“ไอ้กร แกก็พูดเกินไป ไอ้พิมมันก็เป็นผู้หญิงนะโว้ย ผู้หญิงเราก็ต้องรู้จักแต่งตัวกันบ้างแหละ” นงเยาวว์แทรกขึ้น ก่อนส่งยิ้มบางๆ ให้กับพิมพ์วารีหากแต่สายตายังสำรวจมองหญิงสาวด้วยความเคลือบแคลง รออยู่ว่าอีกฝ่ายจะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นวันนั้นให้ตนฟังรึเปล่า

คนถูกทักเอาแต่จุดยิ้มก่อนดึงแขนพงศกรและบอกลานงเยาวว์ “เดี๋ยวตอนบ่ายเจอกันนะคะพี่เยาว์” จบคำก็ลากหนุ่มร่างบางเดินตรงมายังลิฟต์พร้อมรอยยิ้มเบิกบาน

“แกกำลังคิดอะไรอยู่พิม...” เมื่ออยู่ด้วยกันสองคนในลิฟต์พงศกรจึงถามขึ้นตรงๆ ดวงหน้าสีน้ำตาลอ่อนหันมามองพร้อมกับเบิกตากว้างอย่างไร้เดียงสา

“คิดถึงเรื่องการนำเสนอแบบวันนี้ไง” ตอบกลับไปอย่างฉะฉาน พงศกรหรี่ตามองก่อนถามต่อ

“ตั้งแต่ทำงานด้วยกันมา ฉันไม่เคยเห็นแกกระตือรือร้นเท่านี้มาก่อน แค่เขาเก็บผ้าไหมผืนนั้นส่งคืนให้แล้วแกเกิดปิ๊งคุณธันย์เขาขึ้นมาว่างั้น”

พิมพ์วารีไม่ตอบ แต่ทั้งหน้าแดงซ่านขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว พร้อมกับรอยยิ้มที่เบ่งบานด้วยความเขินอาย แค่นี้ก็เพียงพอแล้วกับคำถามที่พงศกรอยากรู้



“เย็นนี้แม่ไม่ว่างจริงๆ จ้ะฟ้า ลูกช่วยไปงานเลี้ยงต้อนรับลูกชายคุณกำธรแทนแม่หน่อยนะ” พอได้ยินคำพูดของมารดาจากปลายสายหญิงสาวที่กำลังง่วนอยู่กับแฟ้มเอกสารกองโตบนโต๊ะทำงานถึงกับถอนหายใจยาว ปลายฟ้าเอนหลังลงกับพนังพิง ก่อนกดโทรศัพท์บนโต๊ะทำงานเรียกให้เลขานุการช่วยชงกาแฟให้สักแก้ว

“คุณลุงกำธร...เพื่อนสนิทของคุณพ่อน่ะเหรอคะ” เรียวคิ้วสีน้ำตาลเข้มเลิกขึ้นสูง

“ใช่จ้ะ เป็นลูกชายคนโตคุณกำธรน่ะจ้ะ งานนี้เราต้องไปให้ได้นะฟ้า จะได้รู้จักผู้หลักผู้ใหญ่และได้พบปะเพื่อนใหม่ในวงการธุรกิจ และจะได้ไปทำความรู้จักพี่เขาด้วย เดี๋ยวแม่จะโทร.ไปบอกคุณภารดาให้ว่าแม่จะให้หนูไปแทน”

“เอ่อ...แม่คะ เมื่อกี้แม่บอกว่าลูกชายคนโตของคุณลุงกำธรเหรอคะ...เขาชื่ออะไรคะ ฟ้าจำไม่ค่อยได้” เลขานุการสาวเดินถือกาแฟอุ่นๆ มาเสิร์ฟให้ที่โต๊ะ หญิงสาวยกกาแฟขึ้นจิบพร้อมกับรอฟังคำตอบจากมารดา

“ก็ตาธันย์ไงจ้ะ ตอนนี้ก็อายุยี่สิบแปดยี่สิบเก้าได้มั้ง เห็นว่ามาได้สองอาทิตย์แล้ว”

“ธันย์... ธันย์เหรอคะ...” ปลายฟ้าลากเสียงค้าง รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังลอยคว้างอยู่กลางอากาศอันเบาหวิว ภาพใบหน้าคร้ามคมของชายหนุ่มคนนั้นฉายวาบขึ้นมาในห้วงคำนึงทันที

“ธันย์ รัตนเวคินทร์ รึเปล่าคะคุณแม่”

“ใช่จ้ะ ถ้ายังไงแม่รบกวนฟ้าด้วยนะ งานจัดตอนเย็น ขอโทษด้วยที่ไม่ได้บอกลูกแต่เนิ่นๆ นี่ถ้าไม่ติดนัดทานข้าวกับผู้บริหารจากญี่ปุ่นแม่ก็คงไม่ต้องรบกวนเวลาพักผ่อนของลูก”

“มะ ไม่เลยค่ะคุณแม่ ไม่รบกวนหรอกค่ะตอนเย็นฟ้าว่าง...”

“ดีจ้ะ งั้นแม่ฝากด้วยนะ” นางปัทมาบอกลาเสียงหวานก่อนวางสายไปขณะที่ผู้เป็นลูกสาวใจเต้นแรงด้วยความดีใจ พอวางสายแล้วปลายฟ้าก็รีบยกตัวขึ้นจากเก้าอี้ คว้าเอากระเป๋าถือเดินออกจากห้องไปด้วยความเบิกบาน รีบกดโทรศัพท์หาใบหม่อนผู้เป็นเพื่อนรักทันที


ไม่นานนักสองสาวก็มาอยู่ในร้านเสื้อผ้าแบรนด์เนมบนห้างสรรพสินค้าชื่อดัง ปลายฟ้าเดินหยิบเสื้อผ้าชุดนู้นชุดนี้ดูอย่างเบิกบานใจส่วนใบหม่อนก็คอยเดินตามเพื่อนสาวต้อยๆ อย่างกับนางบ่าวผู้ภักดี

“ลูกชายของคนรู้จักแม่เธอที่ว่านี่...อายุเท่าไหร่เหรอ?” คำถามจากเพื่อนสนิททำให้คนที่กำลังเอาชุดเดรสสีชมพูอ่อนมาทาบตัวต้องหันมามองพร้อมรอยยิ้ม

“ยี่สิบแปด ก็คนที่เราพบเมื่อวันก่อนที่วัดนั่นไง...” คำพูดของอีกฝ่ายทำให้ใบหม่อนต้องย่นคิ้ว ใบหน้ากลมอิ่มเต็มไปด้วยคำถาม

“เขาชื่อธันย์ รัตนเวคินทร์” น้ำเสียงมาดมั่นเอ่ยบอกก่อนที่ใบหม่อนจะอ้าปากค้างด้วยความตกใจ

“ผู้ชายที่เธอกำลังสนใจน่ะเหรอฟ้า อะไรมันจะบังเอิญได้ขนาดนี้”

“ก็พรหมลิขิตยังไงล่ะ...” หญิงสาวว่าเสียงใส ใบหน้าขาวเนียนแดงระเรื่อด้วยความรักที่กำลังเบ่งบาน เมื่อได้ชุดที่ถูกใจแล้วจึงเดินนำหน้าใบหม่อนไปยังเคาน์เตอร์เพื่อชำระเงิน

“แล้วเธอจะซื้ออะไรไปเป็นของขวัญให้เค้า...” ใบหม่อนเอียงคอถามขณะที่อีกคนยื่นมือออกไปรับถุงกระดาษที่ใส่ชุดซึ่งหญิงสาวตั้งใจจะใส่ไปงานเย็นนี้จากพนักงานขาย

“เดี๋ยวก็รู้...ตามฉันมาเถอะ”



ยิ่งเมื่อใกล้ถึงเวลานัดเท่าไหร่หัวใจของพิมพ์วารีก็ยิ่งเต้นแรงขึ้นเท่านั้น ไม่รู้ว่าวันนี้เธอจะแต่งตัวสวยถูกใจเขารึเปล่า เธออยากจะทำให้เขาประทับใจในตัวเธอ อยากจะทำให้เขาสนใจเธอ

“นั่นไง คุณธันย์มาแล้ว” พงศกรว่าขึ้น ก่อนลุกขึ้นยืนเมื่อแลเห็นลูกค้าหนุ่มเดินเข้าร้านมา พิมพ์วารีรีบลุกขึ้นยืนเช่นกัน ร่างสูงสง่าในชุดเสื้อโปโลสีเหลืองอ่อนกับกางเกงยีนสีดำเดินดุ่มๆ มาหาทั้งคู่พร้อมใบหน้าที่ประดับด้วยรอยยิ้ม

ชายหนุ่มเอ่ยทักทายสองมัณฑนากรอย่างเป็นกันเอง พิมพ์วารีเอาแต่มองเขาพร้อมกับยิ้มไม่ยอมหุบขณะที่พงศกรรีบยื่นแฟ้มหนาส่งให้เขาดูรายละเอียดการตกแต่งภายในบ้านพักทันที

“คุณธันย์อยากได้อะไรเพิ่มเติมก็บอกพวกเราสองคนได้นะครับ” พงศกรเอ่ยถามขณะชายหนุ่มกำลังดูรายละเอียดในแฟ้มอย่างตั้งใจ

“เอ่อ...คือ วอลเปเปอร์ห้องนอนเนี่ย ขอเป็นลายไทยได้มั้ยครับ” ใบหน้าคร้ามคมเงยขึ้น หันมองระหว่างพงศกรกับพิมพ์วารีสลับไปมา ก่อนที่หนุ่มร่างบางจะหันไปสะกิดเพื่อนสาวที่เอาแต่มองอีกฝ่ายอย่างตาค้าง

“อ๋อค่ะ...เดี๋ยวพรุ่งนี้พิมจะเอาลายมาให้ดูนะคะ” บอกไปอย่างตะกุกตะกัก ยิ่งเขายิ้มตอบกลับมาทั้งตัวเธอก็ร้อนวูบวาบ

“แล้วก็...ผมอยากได้กรอบหน้าต่างเป็นไม้ สลักลวดลายพวกไทยๆ เป็นลายพญานาคก็ได้ครับ...” ธันย์จดจ้องดวงหน้าสีน้ำตาลอ่อนของหญิงสาวตรงๆ ความรู้สึกคล้ายมีกระแสไฟฟ้าแล่นผ่านทำให้เขาประหลาดใจอย่างบอกไม่ถูก หากแต่ก็ยังคงรักษาความเป็นสุภาพบุรุษเอาไว้ ชายหนุ่มก้มลงดูรายละเอียดในแฟ้มตรงหน้าขณะที่พิมพ์วารีขยับเก้าอี้ให้ชิดขอบโต๊ะ เอ่ยถามสิ่งที่เขาต้องการเพิ่มเติมนอกเหนือจากนี้

“ที่อยากให้เพิ่มก็มีแค่นี้แหละครับ พวกคุณทั้งสองคนเก่งมาก แต่ที่อยากจะแก้ไขนิดหน่อยก็คือห้องนอนของผม อยากจะให้เป็นสไตล์ไทยทั้งหมดเลย ถ้ายังไงก็รบกวนคุณพิมด้วยนะครับ”

“ค่ะ...ไม่ต้องห่วงค่ะ เป็นหน้าที่ของพิมอยู่แล้ว” หญิงสาวรับคำเสียงหวานก่อนที่ฝ่ายตรงข้ามจะเบิกตากว้างคล้ายนึกบางอย่างขึ้นได้

“อ้อ ว่าแต่วันนั้นที่คุณเป็นลมไป...” ธันย์ลากเสียง คล้ายรอให้อีกฝ่ายเล่าเหตุการณ์วันนั้นให้ฟัง เมื่อเห็นเพื่อนสาวกระอึกกระอักพงศกรจึงแทรกขึ้น

“ยัยพิมไม่เป็นอะไรแล้วหละครับคุณธันย์ เรื่องวันนั้น...ก็เป็นการเข้าใจผิดกันนิดหน่อยน่ะครับ ว่าแต่วันนั้นคุณบังเอิญผ่านไปที่วัดนั้นเหรอครับ?” ชายหนุ่มเปลี่ยนประเด็น ธันย์ยิ้มบางๆ ก่อนบอกเสียงใส

“ครับ ผมไปกราบพระที่วัดพนัญเชิง พอดีบ้านเพื่อนอยู่แถวนั้นเลยว่าจะแวะไปทำบุญที่วัดนั้นด้วย...”

“อ๋อครับ...บังเอิญจัง” พงศกรยิ้มแห้งๆ ส่งให้ ระหว่างการสนทนาชายหนุ่มก็คอยหันมาชำเลืองมองพิมพ์วารีตลอด เหมือนอยากอ่านจิตใจของหญิงสาวในตอนนี้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่

“เอ่อ...คือ...เย็นนี้ผมจะจัดงานเลี้ยงที่บ้านน่ะครับ เป็นงานเลี้ยงต้อนรับ” ธันย์พูดขึ้นเมื่อเห็นทั้งสองกำลังเก็บแฟ้มและเตรียมบอกลาหลังจบการนำเสนองาน

พิมพ์วารีหันมามองหน้าพงศกร ก่อนหันไปหาลูกค้าหนุ่มที่ส่งสายตาเหมือนอยากจะสนทนากันต่อ

“อันที่จริงแล้วผมก็ไม่อยากจัดงานอะไรให้วุ่นวายหรอกครับ แต่คุณแม่กับน้องสาวก็จัดให้จนได้ เป็นงานเลี้ยงต้อนรับผมนี่แหละครับ ถ้าคุณสองคนว่างๆ ก็...เชิญได้นะครับ”

“เย็นนี้เหรอครับคุณธันย์... แต่จะดีเหรอครับ พวกเราเป็นแค่พนักงานบริษัท แล้วก็เพิ่ง...” พงศกรรู้ดีว่าชายหนุ่มอยู่ในวงสังคมชั้นสูง แขกที่มาในงานคงต้องมีแต่พวกคนมีระดับแน่นอน

“ทำไมพูดแบบนั้นล่ะครับ ผมรู้จักพวกคุณแล้ว พวกคุณก็ถือเป็นเพื่อนผมเหมือนกัน ไปกันเถอะนะครับ นี่ครับการ์ดเชิญ” ธันย์ล้วงการ์ดสีขาวสองใบส่งให้ ปรายตามองพงศกรก่อนหันมาหาพิมพ์วารี

“แล้วพบกันคืนนี้นะครับ ผมจะรอพวกคุณนะ”



แทนที่จะเข้าร้านกิ๊ฟต์ช็อปแต่ปลายฟ้ากลับพาใบหม่อนเดินเข้าร้านขายสัตว์เลี้ยงเสียอย่างนั้น ร่างระหงเดินวนไปมาภายในร้านอยู่หลายรอบแต่ก็ยังไม่เจอสัตว์ที่ถูกใจเสียที

“ตกลงว่าแกจะซื้ออะไรให้คุณธันย์น่ะฟ้า หนูแฮมสเตอร์ กระต่าย กระรอก หรือลูกหมา...” ใบหม่อนลากเสียงถาม ร้านนี้เป็นร้านค่อนข้างใหญ่โตโอ่อ่า มีสัตว์เลี้ยงให้เลือกมากมายหลายชนิด ปลายฟ้ายืนนิ่งคิดอยู่กลางร้านพักหนึ่ง ก่อนหันหลังขวับ เดินกลับไปยังมุมด้านซ้ายที่เพิ่งเดินผ่านมา

หญิงสาวย่อตัวลงต่ำ จ้องมองสัตว์เลื้อยคลานตัวยาวในตู้กระจก ดวงตากลมรีเบิกกว้างด้วยความสนใจขณะที่ใบหม่อนทำหน้าหยีและถอยกายออกห่าง

“นี่เธออย่าบอกนะฟ้าว่าจะซื้องูให้คุณธันย์เค้าน่ะ”

ปลายฟ้าไม่ตอบ หากแต่หันซ้ายขวาเพื่อหาพนักงานในร้าน ไม่ทันไรก็มีชายวัยสามสิบคนหนึ่งเดินดุ่มๆ เข้ามาหาเมื่อเห็นว่าหญิงสาวมีทีท่าสนอกสนใจงูในตู้กระจก

“สนใจเจ้าตัวนี้เหรอครับ มันชื่อเรนโบว์ โบ นี่เป็นสายพันธุ์ขนาดเล็กครับ จุดเด่นของเจ้านี่อยู่ที่ลักษณะความมันวาวเป็นสีรุ้งของเกล็ด...”

ปลายฟ้าเอียงคอมองเจ้างูตัวน้อยที่ยาวราวหนึ่งฟุตด้วยความหลงใหล ลำตัวตั้งแต่หัวจรดหางเป็นสีน้ำตาลเข้มปนอ่อน ที่สันหลังเป็นรูปวงกลมไล่ลงไปตั้งแต่หัวจรดหาง แต่ที่พิเศษกว่านั้นคือเมื่อแสงสาดส่องลงกระทบกับเกล็ดของเจ้างูน้อยก็จะทอประกายเป็นสีรุ้งแวววาว

“ค่ะ ฉันสนใจตัวนี้” หญิงสาวบอกกับพนักงานหนุ่มพร้อมรอยยิ้ม ก่อนเดินนำหน้าใบหม่อนมายังส่วนรับรองลูกค้าที่เป็นห้องนั่งเล่นบริเวณหน้าร้าน รอให้พนักงานจัดการนำเจ้างูตัวน้อยใส่ตู้กระจกใบใหม่และยกออกมาให้ ส่วนเพื่อนสาวคนสนิทก็เอาแต่จ้องมองเธออย่างสงสัย ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่ในใจ แล้วนี่ถ้าหากว่าคุณธันย์เกิดกลัวงูขึ้นมาจะว่ายังไง





*****************************************************

เรนโบว์ โบ
Rainbow Boa [Epicrates cenchria]

แก้ไขเมื่อ 19 พ.ค. 55 15:44:23

 
 

จากคุณ : ผีเสื้อสีดำ
เขียนเมื่อ : 19 พ.ค. 55 13:16:26




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com