Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ตะวันพลัดฟ้า (บทที่2) ติดต่อทีมงาน

อ่านบทที่หนึ่งที่นี่ค่ะ
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12115339/W12115339.html#2


๒.
ท้องฟ้านอกกรอบหน้าต่างบานเล็กยามนี้มืดสนิท มองไม่เห็นสิ่งใดนอกจากสีขาวของปีกเครื่องบิน ไม่อยากเชื่อว่าเธอกำลังลัดฟ้าจากบ้านเกิดเมืองนอนไปสู่ดินแดนแห่งใหม่ที่ไม่คุ้นเคย

ที่ปลายขอบฟ้านั้นจะมีสิ่งใดรอคอยเธออยู่ก็ไม่อาจทราบได้

หญิงสาวกระชับผ้าห่มแน่น บนเครื่องหรี่ไฟสลัวอยู่เพียงทางเดิน ผู้โดยสารส่วนใหญ่ทะยอยหลับกันไปบ้างแล้ว เช่นเดียวกับคุณท้าวบงกชที่ยามนี้หลับสนิท คงจะเหนื่อยมากจากการวิ่งวุ่นทั้งวัน อีกทั้งเมื่อเทียบดูเวลาตอนขึ้นเครื่องก็เลยเวลานอนของเธอไปมากแล้ว

ส่วนเจ้าคุณวัลลภที่ราชสำนักส่งมาคอยดูแลอำนวยความสะดวกในการเดินทางให้เจ้านางเอื้องอรินและคุณท้าวพี่เลี้ยงนั้นโดยสารชั้นประหยัด เนื่องจากเหตุผลทางขนบธรรมเนียมและวัฒนธรรมที่บ้านเมืองเธอยังค่อนข้างเคร่งครัด

‘อย่างไรเสียกระหม่อมก็เป็นบุรุษ อีกทั้งเป็นข้าบาทเจ้านาง มิควรนักหรอกที่จะนั่งตีเสมอเจ้า’

วัลลภเป็นเสนาบดีฝ่ายต่างประเทศที่คล่องแคล่วงานราชการและงานต่างประเทศเป็นอย่างดี นอกจากเจ้าหลวงและพระวงศ์ชั้นสูงบางองค์แล้ว เจ้าคุณวัลลภผู้นี้ดูจะเป็นเพียงผู้เดียวที่เจนจัดและรอบรู้เรื่อง ‘ต่างประเทศ’ เนื่องจากต้องคอยเป็นตัวประสานระหว่างราชสำนักเวียงสรองตาที่หลบซ่อนตัวอยู่ในเงื้อมเขากับประชาคมโลก

อันที่จริงเวียงสรองตาแทบไม่เป็นที่รู้จักเสียด้วยซ้ำ จะหาจุดพิกัดในแผนที่ก็ยังไม่ชัดเจนนัก ถ้าหากจะพอมีคนรู้จักอยู่บ้างก็คงสืบเนื่องมาจากยุคล่าอาณานิคมของชาวตะวันตกจนไปถึงสงครามโลกครั้งที่๑ และ ๒ ที่นานาประเทศโดยเฉพาะประเทศอังกฤษได้พยายามแผ่ขยายอำนาจและยึดครองดินแดนแว่นแคว้นใหญ่น้อยแถบนั้น เวียงสรองตาเองก็เป็นหนึ่งในอาณาจักรที่ถูกรุกราน กดขี่และเอาเปรียบจากประเทศมหาอำนาจในยุคนั้น

แม้จะไม่ได้สูญเสียเอกราชไปอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด เนื่องจากปราการธรรมชาติได้ทำให้การเดินทาง หรือโจมตีเป็นไปอย่างยากลำบาก หากแคว้นเล็กๆ ในขุนเขาก็บอบช้ำไปมากจากเหตุการณ์ครั้งนั้น
ทว่าเวียงสรองตาในวันนี้ยังคงสุขสงบ เงียบเชียบ อยู่ในเงื้อมเงาธรรมชาติ และยังมิปรารถนาที่จะเผยตัวออกมาสู่ประชาคมโลกมากมายนัก

หากเจ้าหลวงก็มิเคยประมาท เจ้าราชบุตรและเจ้านางราชธิดาจึงถูกส่งไปร่ำเรียนต่างประเทศตั้งแต่แรกรุ่น
และได้เจ้าคุณวัลลภผู้นี้ที่ทำหน้าที่เสมือนทูต และเสนาบดีในเวลาเดียวกัน คอ
ยอำนวยความสะดวก ดูแลความเรียบร้อยของเจ้านายที่ไปศึกษาต่อต่างประเทศ
เจ้าคุณเดินทางบ่อย คล่องแคล่ว อย่างครั้งนี้ก็สวมชุดสูทสากลดูสง่างามและกลมกลืนกับคนทั่วไป
อาจารย์เจมส์บอกเธอว่า

‘เจ้าคุณวัลลภจะรอเจ้านางอยู่ด้านใน คอยดูแลตอนตรวจพาสปอร์ตไม่ให้มีปัญหา เจ้านางได้โปรดอย่าถือสาท่านเจ้าคุณที่มิอาจมาอำนวยความสะดวกให้ตั้งแต่ตอนเช็คอิน เจ้าหลวงท่านไม่อยากให้เอิกเริก จะเป็นที่ผิดสังเกตเอา’

‘ข้าเจ้าจะไปถือสาได้อย่างไร ดีแล้วที่ไม่ต้องเอิกเริก เท่านี้ข้าเจ้าก็กลัวจะแย่แล้วว่า...ทางนั้น...จะจำข้าเจ้าได้’

‘เจ้านางอย่าวิตกเกินไป...’ บุรุษอาวุโสนัยน์ตาสีฟ้าสุกสว่างหัวเราะน้อยๆ ‘ทางนั้นไม่เคยเห็นหน้าเจ้านางเสียหน่อย จะมีก็แต่ว่าที่พระคู่หมั้นกระมังที่เคยเจอกัน แต่นั่นก็นานมาแล้ว ตั้งแต่เจ้านางยังเป็นเด็กน้อยอายุได้ห้าหกชันษาเท่านั้นกระมัง’

‘อาจารย์เย้าข้าเจ้าแรงอีกแล้ว...ว่าที่คู่หมั้นของข้าเจ้าจะมิใช่ทางเวียงสายเลืองอย่างแน่นอน คู่หมั้นของข้าเจ้าคือเจ้าพี่อุษณะเพียงองค์เดียวเท่านั้น’

บุรุษผมทองลอบสบตาคุณท้าวพี่เลี้ยง ขณะที่คุณท้าวที่เงียบ สงบเสงี่ยมมาตลอดตาเขียวปั๊ด ทูลเอ็ดทันที
‘เป็นแม่ญิงเที่ยวพูดจาเช่นนี้ได้อย่างไรเจ้า นี่อย่าเผลอไปพูดเช่นนี้ต่อหน้าท่านเจ้าคุณเป็นอันขาดนะเจ้า’
สายตาคุณท้าวบ่งชัดว่าเป็นห่วงเธอ หญิงสาวหันไปมองพี่เลี้ยงที่นอนกอดอกแน่น ก่อนจะเลื่อนคลุมผ้าห่มให้อย่างเบามือ

คุณท้าว...ขอบคุณที่ไม่ทิ้งเรานะ

เอื้องอรินถอนใจยาว
คุณท้าวคงจะหวั่นกลัวยิ่งกว่าเธอหลายเท่านัก เพราะคุณท้าวแทบไม่รู้จักประเทศสหราชอาณาจักรที่จะไปเยือนเลยแม้แต่น้อย ไม่รู้จักประเทศ ไม่รู้จักผู้คน ไม่รู้จักอากาศที่ว่ากันว่าหนาวเหน็บเย็นยะเยือก ไม่รู้จักวิถีชีวิต เช่นเดียวกับไม่รู้ภาษา ส่วนตัวเธอเองนั้นเล่า ใช่ว่าจะรู้จักเรื่องที่ว่าสักกี่มากน้อย ที่รู้ก็เป็นเพราะได้มีโอกาสร่ำเรียนเขียนอ่านกับอาจารย์เจมส์ บุรุษอาวุโสชาวอังกฤษที่เป็นอาจารย์กิติมศักดิ์ประจำราชสำนัก และเป็นชาวต่างชาติเพียงคนเดียวในแว่นแคว้นเวียงสรองตา อาจารย์ที่ประสิทประสาทวิชาความรู้ให้เจ้านายทุกพระองค์ในราชวงศ์อโณทัย

อาจารย์เจมส์ที่อุตส่าห์เดินทางมาส่งเธอขึ้นเครื่อง เขาทราบดีว่าเธอตื่นเต้นและหวาดหวั่นเพียงใดกับการเดินทางไกลครั้งแรก
‘เจ้านางอย่ากลัว ไปเรียนเอาความรู้ เปิดโลกกว้าง’
‘ข้าเจ้าจะต้องไปอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้...คนเดียว จะพูดกับเค้ารู้เรื่องไหมก็ไม่รู้ จะทนได้หรือเปล่า แล้วถึงตอนคุณท้าวกลับ ข้าเจ้าจะทำยังไง’
‘พูดไม่เหมือนเจ้านางเอื้องที่ดิ้นรนอยากไปเรียนต่อ มีทั้งความมุ่งมั่น มีไฟ มีฝัน ไม่ใช่เด็กขี้กลัวไปทุกเรื่องอย่างนี้’ อาจารย์ดุ
‘ได้รับโอกาสแล้วก็ทำให้ดีที่สุด’
เอื้องอรินพยักหน้า นึกถึงคำเจ้านางทิพย์สรวง พระมารดา

‘เจ้าเอื้อง โชคดีมากรู้ไหม ปกติเจ้านายเล็กๆ อย่างเราไม่มีโอกาสได้ร่ำเรียนวิชาอะไรมากมายเหมือนฝั่งนั้นเขา’

พระนางหมายถึงพระโอรสและพระธิดาที่ประสูติแต่พระราชเทวีซึ่งดำรงพระยศ อุปราชราชบุตร และราชธิดาที่มักได้รับการศึกษาด้วยศิลปวิทยาการชั้นสูง โดยเฉพาะวิชาสำหรับปกครองอาณาจักร ‘เจ้าพ่อของหญิงเป็นอนุชาองค์ที่สามของเจ้าหลวง และยังมิใช่อนุชาร่วมมารดา ปกติไม่ค่อยมีใครสนใจนักหรอก แต่นี่ดีเหลือเกินที่เจ้าหลวงพระทัยดี ให้เจ้าเอื้องได้เรียนเหมือนพวกพี่ๆ เขา ไม่ต้องครบสูตรเหมือนพระราชธิดาอรุณทิวาหรอก แค่ได้เรียนสังคมศาสตร์ มนุษยศาสตร์ ประวัติศาสตร์ เรียนศิลปะ ที่สำคัญได้เรียนภาษาอังกฤษ แม่ก็นับว่าวิเศษที่สุดแล้ว ท่านรับสั่งว่าโลกเราเดี๋ยวนี้หมุนไปเร็วเหลือเกิน เจ้านายไม่ว่าชั้นไหน หญิงหรือชายก็ควรมีการศึกษาสูงๆ มีความรู้รอบตัวมากๆ เวียงสรองตาของเราอยู่บนเขา
ลึกสูง ห่างจากโลกภายนอกมากเหลือเกิน แต่ก็ใช่ว่าเราจะปิดกั้นได้ตลอดไป’

ที่เจ้านางเอื้องอรินนึกในตอนนั้นคือเธออยากใช้ความรู้ที่เรียนมาบ้าง จากสิ่งที่ได้ร่ำเรียนมาทำให้เธออยากรู้จักโลกข้างนอกภูผาทะมึนที่เป็นปราการแบ่งกั้นเวียงสรองตาจากประเทศอื่น ทว่าเธอก็ทราบดีว่าโอกาสที่จะได้ไปศึกษาต่อ ‘ที่อื่น’ เพื่อ ‘เปิดหูเปิดตา’ และเรียนสรรพวิทยาการต่างแดนนั้นช่างน้อยนิดและริบหรี่

‘เราเป็นแคว้นเล็กๆ อยู่บนเขา เรามีป่าไม้ทรัพยากรสมบูรณ์ก็จริงแต่เราไม่ใช่ประเทศที่ร่ำรวย เราส่งเจ้านายทุกคนไปไม่ได้หรอก มีแต่ราชบุตรอย่างอุษณะ และราชธิดาอย่างอรุณทิวาหรอกที่จะได้ไป ท่านเป็นรัชทายาท’

เจ้าพี่อุษณะ...ราชบุตรแห่งเวียงสรองตา อีกเหตุผลเร้นลับในใจที่ทำให้เธอดิ้นรนอยากไปเรียนต่อต่างแดน เจ้าพี่พระทัยดี รูปงาม ทั้งเข้มแข็งห้าวหาญสมพระยศอุปราช หากก็อ่อนโยนกับพี่น้องเสมอ โดยเฉพาะกับขนิษฐา ‘เล็กๆ’ อย่างเอื้องอริน

เอื้องอรินทราบดี เธอเป็นเพียงเจ้านางเล็กๆ ไร้ซึ่งความสลักสำคัญใดๆ ในราชสำนัก หากพระเชษฐาองค์นี้ก็มิเคยละเลยน้องน้อยผู้นี้ กลับเอาใจใส่ดูแลเธอไม่ต่างจากที่ห่วงใยใส่ใจพระญาติพระวงศ์องค์อื่นๆ
‘ตั้งแต่จำความได้ ข้าเจ้าก็มีแต่เจ้าพี่อุษณะ เจ้าพี่เก่งล้ำเลิศ มีน้ำใจประเสริฐกว่าชายใดทั้งปวงที่ข้าเจ้าเคยพานพบ เจ้าพี่ยิ่งธนูเป็นเลิศ ฟันดาบไม่เป็นรองผู้ใด ราชการงานบ้านเมืองก็มิเคยบกพร่อง อีกทั้งยังมิหยิ่งผยองลำพองตัว หรือรังแกผู้ด้อยกว่า อย่างนี้จะไม่ให้ข้าเจ้าเทอดทูนเจ้าพี่ได้อย่างไร เหมือนอย่างที่ภาษาอังกฤษที่อาจารย์สอนหญิงไงคะว่า...เป็น ฮีโร่ เจ้าพี่เป็นฮีโร่ของหญิง’

‘อย่ากริ้วกระหม่อมเลยเจ้านางหากกระหม่อมจะทูลว่าเจ้านางรู้จักบุรุษสักกี่คนกันหรือ นอกจากในราชสำนักแล้ว รู้จักผู้ใดอื่นอีกกระนั้นหรือ’
อาจารย์เจมส์พูดจาตรงไปตรงมาเช่นนี้แล...เธอถึงอยากรู้จักโลกข้างนอกที่ว่านั้นเหลือเกิน โลกที่มีความแตกต่างกันมากมายอย่างที่อาจารย์เล่า แตกต่างกันทุกอย่าง ทั้งรูปร่างหน้าตา ภาษา วัฒนธรรม และภูมิประเทศ

อย่างมากสุดที่เธอนึกออกก็คือเชียงราย เชียงใหม่ ครั้งนั้นเธอโดยสารเฮลิคอปเตอร์มาเพื่อเยี่ยมเจ้าพ่อจากการผ่าตัดลำไส้ เป็นการเดินทางออกจากโลกแห่งขุนเขาครั้งแรก หากก็เพียงพอที่จะทำให้ตระหนักถึงโลกอันกว้างใหญ่ไพศาลที่เธอไม่เคยคาดคิดมาก่อน
เพียงแค่บ้านเมืองก็แปลกประหลาด อีกทั้งผู้คนไม่มีใครแต่งกายนุ่งผ้าซิ่นหรือโสร่งอย่างเวียงสรองตาสักคน ทั้งที่เคยได้ยินมาว่าล้านนา และเชียงตุง กับเวียงสรองตามีวัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิตคล้ายคลึงกันเพราะมีประวัติศาสตร์เกี่ยวข้องกันในอดีต

ที่เธอเห็นนั้นไม่ใกล้เคียงกันเลยสักนิด หากนั่นก็เป็นการมาเยือนต่างแดนสั้นๆ หลังจากนั้นเอื้องอรินก็กลับไปอยู่ในตำหนักริมเขาตามเดิม ใช้ชีวิตเรียบง่ายตามแบบกุลสตรีที่ดีที่ชีวิตประจำวันหมดไปกับการบ้านการเรือน หญิงสาวมีฝีมือทอผ้าปักผ้าเป็นเลิศ และการครัวไม่เป็นรองใคร หากที่พิเศษกว่าคือเธอได้รับการศึกษาศิลปศาสตร์เช่นเดียวกับเจ้านายชั้นสูงองค์อื่น

นึกถึงตรงนี้เอื้องอรินก็สูดลมหายใจลึก...ยาว นึกขอบคุณเจ้าหลวงเจ้าชีวิตที่ประทานโอกาสให้เธอได้ศึกษาเล่าเรียน และอาจารย์ทุกท่านที่ถ่ายทอดวิชาความรู้ให้ ยิ่งเธอได้เรียนมากเท่าไร ก็ยิ่งอยากรู้ อยากเห็นชีวิตนอกเวียงสรองตา ยิ่งเรียนมาก เธอก็ยิ่งนึกดีใจเพราะเธอจะ ‘ตาม’ เจ้าพี่อุษณะทัน
หากเธอมีวิชาการเรือนติดตัวอย่างเดียว เจ้าพี่อุษณะก็จะยิ่งอยู่ห่างไกลออกไปทุกที น้องเอื้องของเจ้าพี่ก็จะเป็นแค่สตรีที่ไม่มีความรู้ และ ‘ตาม’ เขาไม่ทัน
ยิ่งเจ้าพี่ไปเรียนต่อเมืองนอกเมืองนาเสียนมนาน ความคิดความอ่านคงกว้างไกลไปมากมายนัก
แล้วยังจะมีเรื่องผู้หญิงคนนั้นอีก...ผู้หญิงคนไทยคนนั้น ที่อยู่ดีๆ ก็ก้าวเข้ามาในชีวิตเจ้าพี่อุษณะ
เจ้านางเอื้องอรินข่มตาหลับไม่ลงเมื่อนึกถึงเรื่องนี้...เธอเดินฝ่ากฏเกณฑ์ ฝ่ากรอบประเพณีบ้านเกิดเมืองนอน เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมาเพื่อภารกิจที่หนักหนาเอาการ...ทั้งภารกิจหัวใจและภารกิจบ้านเมือง คิดถูกหรือคิดผิดก็ไม่รู้...รู้แต่ถอยหลังไม่ได้อีกแล้ว

ภาพทิวเขาสูงชันไล่เรียงเป็นเงาสลัวในม่านหมอกยามที่แสงแรกแห่งรุ่งอรุณค่อยฉาบไล้ผุดขึ้นมาในห้วงคำนึงของหญิงสาว ยอดฉัตรแหลมสีทองของหอคำหลวงเวียงสรองตาโผล่รำไรกลางละไอหมอกขาวและทิวเขาสูงต่ำ ดูสวยงามและลึกลับเหลือเกินในแสงแรกอรุโณทัย...ภาพที่เธอเห็นจนเจนตาเจนใจอยู่ทุกทิวา ทุกครั้งที่ตื่นนอนมองออกไปนอกหน้าต่าง

และภาพนี้ก็ตราอยู่ในจิตจนกระทั่งหญิงสาวม่อยหลับไปในที่สุด

แก้ไขเมื่อ 20 พ.ค. 55 21:50:32

แก้ไขเมื่อ 19 พ.ค. 55 22:49:08

จากคุณ : mezzanotte
เขียนเมื่อ : 19 พ.ค. 55 22:45:38




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com