Ooo๐... เพียงดิน กลิ่นรัก...บทที่ 18 ๐ooO
|
 |
บทที่18
รักษ์ไทกลับมาถึงที่ไร่ด้วยจิตใจห่อเหี่ยว นับวันกลิ่นแก้วลูกสาวคนเดียวของกำนันเพิ่มศักดิ์ยิ่งจะมีอิทธิพลต่อหัวใจเขาอย่างไม่เคยมีใครทำให้เป็นมาก่อน ซึ่งข้อนี้รักษ์ไทยอมพ่ายแพ้ต่อความรู้นึกของหัวใจตนเองอย่างราบคาบไปเสียแล้ว
ถึงแม้เธอจะชอบทำกระฟัดกระเฟียดปึงปัง ทำปากดีใส่เขา แต่เขาก็สัมผัสได้ตามที่งามตาเคยบอกเขาว่า จริงๆ แล้วหญิงสาวเป็นคนที่มีจิตใจดีงาม ดูเข้าข่ายประเภท ปากร้ายใจดี ปากกับใจไม่ตรงกันนั่นแหละ
แต่ถึงแม้จะพยายามมองหาข้อดีที่ซ่อนอยู่ในนิสัยร้ายๆ ของเธอพบแค่ไหน สุดท้ายรักษ์ไทก็ต้องบอกกับตัวเองว่า คงต้องหักห้ามใจ เพราะหญิงสาวนั้นมีคนที่ตัวเองชอบพออยู่แล้วนั่นเอง
เขาปัดความรู้สึกเสียดแทงออกจากใจด้วยใบหน้าที่นิ่งขรึม ก้าวลงมาจากรถ กลับมาถึงไร่ด้วยอารมณ์หดหู่ไม่ทันไร นุชิตวิ่งหน้าตาตื่นมารายงานเรื่องบางเรื่องให้ตนทราบ
“พี่รักษ์ครับ!”
“มีอะไรหรือ นุชิต?” เขาถามชายหนุ่มตรงหน้า แล้วขมวดคิ้วเข้าด้วยกัน
“คนที่บ้านบริบูรณ์รักษ์มา” นุชิตรายงานด้วยสีหน้าไม่สู้จะดีกนัก พร้อมกับพยายามกลืนน้ำลายหนืดๆ ลงคอ ทางรักษ์ไทเองสามารถเดาท่าทางจากนุชิตได้ทันที มีได้แค่สองคนที่บ้านโน้นเท่านั้นที่สามารถทำให้นุชิตมีอาการเช่นนี้ ถ้าไม่ใช่คุณหญิงเก็จมณีมาที่นี่ ก็.. คงต้องเป็นอีกคน
‘นิธิภูมิ’ น้องชายต่างมารดาตัวแสบ…
และสิ่งที่รักษ์ไทสังหรณ์ใจแต่ตอนแรกก็เป็นจริงขึ้นมา ผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่ๆ พอๆ กันยืนหันหลังให้กับอยู่ที่ห้องรับแขกของบ้าน และยามที่ทางนั้นรู้สึกว่ารักษ์ไทก้าวมาอยู่ด้านหลังแล้ว เขาก็ค่อยๆ เห็นหลังมา พลางปลดแว่นตาสีชาอออก เผยให้เห็นแววตาและรอยยิ้มหยันบนใบหน้าคมคายนั้นทันที
“หวัดดี เจ้าน้องชาย” อีกฝ่ายแกล้งเอ่ยทัก ทั้งๆ ที่ทั้งสองต่างรู้อยู่เต็มออกมันไม่ใช่ความจริง รักษ์ไทคือพี่ชายต่างหาก แต่ด้วยการจำต้องทนยอมรับรักษ์ไทในฐานะลูกอีกคน คุณหญิงจำต้องรับรักษ์ไทเอาไว้แล้วให้ชายหนุ่มโพล่ไปอยู่ในฐานะบุตรชายคนสุดท้องของคุณหญิงเก็จมณีอย่างเลี่ยงไม่ได้
ซึ่งนั่นเป็นความจริงอันเจ็บปวดของใครหลายคน โดยเฉพาะของคุณหญิงเก็จมณีและของผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้ารักษ์ไทในยามนี้ด้วย
“หายหน้าไปเลยนี่หว่า” นิธิภูมิกล่าว ก่อนจะเดินตรงไปหา แล้วเดินวนรอบตัวชายหนุ่มที่ตนเองแสนเกลียดชังมาตั้งแต่เด็กจนโต ใช้สายตาประเมินในอาการหยามเหยียด นุชิตที่ยืนสังเกตการณ์อยู่ห่างๆ ต้องทนกดฟันกรอดแทนรักษ์ไทเอาไว้
ทางนิธิภูมิเองก่อนหน้านั้นที่อาศัยชายหนุ่มเจ้าของไร่พียงดินนี่ไม่อยู่ เขาก็เดินสำรวจที่ไร่แห่งนี้ตามอำเภอใจ ชนิดที่ใครหน้าไหนก็ไม่สามารถห้าม หรือทำอะไรกับตนได้
แม้แต่นุชิตเองก็เถอะ เพราะเขาถือตัวเองอยู่ในฐานะพี่ชายของเจ้าของไร่ อีกอย่างนุชิตยังเห็นแก่ที่มารดาและบิดาตนเองยังอาศัยบ้านบริบูรณ์รักษ์อยู่ด้วย ที่ชายหนุ่มสามารถทำได้คือ คอยตามติดนิธิภูมิอยู่ห่างๆ ดูว่า นิธิภูมิมาสำรวจที่ของไร่อย่างทุกซอกทุกมุมเพื่อมาทำอะไรที่ไม่ดีต่อคุณรักษ์ของตนหรือเปล่า
นิธิภูมิบอกกับตนเองว่า เพิ่งมาเห็นว่าผืนดินแห่งนี้ มันเป็นที่มันเป็นของบิดาตนนั้นสวยงามขนาดไหน ก็เมื่อได้มาเยือนมันในวันนี้นี้ หากเมื่อหลายๆ ปีก่อนหน้า
ถ้ารู้ว่าธุรกิจโรงแรม รีสอร์ตจะมาบูมเอาในยุคนี้ เขาคงไม่โง่ ให้มารดายกที่ดินผืนนี้มาให้มันหรอก นี่แสดงว่าเขาตาไม่ถึงหรือว่ามันเป็นฝีมือของไอ้ลูกคนใช้คนนี้ที่สามารถพลิกพื้นแผ่นดินหลังเขา ไกลห่างความเจริญให้กลายมาเป็นแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์อย่างนี้กันนะ
นิธิภูมิคิดด้วยความโลภ และเสียดายจนรู้สึกร้อนรุ่มแต่ก็ต้องพยายามกดให้ความโลภนั้นจมนิ่งอยู่ในอกก่อน ในขณะที่อีกฝ่ายก็ได้แต่ยืนนิ่งมีเพียงใบหน้าและแววตาเท่านั้น ที่นานๆ ครั้งจะเผยให้เห็นถึงอาการเคร่งเครียด ซึ่งนั่นแหละที่ทำให้คนอยากยั่วอารมณ์เช่นนิธิภูมิจะได้รู้สึกดีขึ้นมาบ้าง
นี่หากไม่ได้มาเห็นกับตาตัวเอง ตนคงไม่เกิดความรู้สึกเสียดายที่ดินผืนนี้หรอก เอ …แล้วถ้าหากเขาอยากจะได้มันคืนมาเล่า มันก็คงไม่ใช่เรื่องยากหรอกนะ เพราะตั้งแต่จำความได้ แต่เด็กจนโตอะไรที่เขาอยากได้ ถึงแม้มันจะตกไปอยู่ในมือไอ้ลูกคนใช้นี่ไปแล้วก็ตาม เขาก็ยังสามารถแย่งมันคืนมาได้
แล้วครั้งนี้เช่นกัน ถ้าเขาจะทำอีกทำไมจะทำไม่ได้เล่า !
นิธิดล ซุกซ่อนความคิดชั่วร้ายนั้นเอาไว้ในหัว จะเผยออกมาแค่รอยยิ้ม และเสียงหัวเราะหึๆ พอจะทำให้ชายหนุ่มที่ปิดปากเงียบด้วยความอดกลั้น ถามถึงจุดประสงค์การมาเยือนของตนได้ในที่สุด
“มาที่นี่ มีอะไรหรือเปล่า”
“โธ่ ถามอย่างกับคนอื่น คนไกล ไอ้เจ้าน้องชาย ก็มาหาน่ะสิ เพราะคิดถึง … “
นิธิภูมิตอบแบบกวนๆ ก่อนจะเบือนสายตาและสีหน้ากวนๆ ไปทางเจ้าลูกคนใช้อีกคนที่ยืนตาวาว ไม่ห่างจากเจ้านายที่มันซื่อสัตย์อีกคน เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมและเจ้านายคู่นี้ถึงได้รักและเข้าอกเข้าใจกันดี นั่นมันเป็นเพราะว่า ทั้งคู่ต่างก็มีสายเลือดคนใช้อยู่ในตัวเหมือนๆ กันนั่นเอง
“หึๆๆ ว่าไง นุชิตสบายดีมั้ย อยู่ที่บ้านโน้นกับพ่อแม่ไม่ชอบ อยากมาเป็นหนุ่มชาวไร่ชาวสวนให้หน้าดำทำไมกัน”
“ผมมีความสุขดีครับ!”
นุชิตกัดฟันตอบด้วยน้ำเสียงกระแทก หากไม่เห็นแก่หน้าคุณรักษ์ และบุญคุณของบิดามารดาของชายหนุ่มผู้โอหังคนนี้ที่ได้กรุณาชุบเลี้ยงตนเองและพ่อแม่มาล่ะก็ … ตนจะเข้าไปตั๊นหน้าคุณเล็กสักทีหนึ่งให้หายเจ็บใจ!
“เห๊อะ! จองหองผองขนทั้งนายทั้งขรี้ข้า โธ่เว้ย” นิธิภูมิมองหน้า เจ้านายและลูกน้องสลับกันไปมาอย่างดูถูก
ก่อนจะเดินลงจากบ้านของรักษ์ไทไป เขาจงใจเดินวกกลับมายืนประจันหน้ารักษ์ไท พลางวางมือหนาข้างหนึ่งลงไปตบบ่าของรักษ์ไท กด บีบ แล้วอมยิ้ม จนทำให้รักษ์ไทแสดงสีหน้าและแววตาที่สื่อถึงความเจ็บปวดออกมาได้ในที่สุด ในขณะที่รักษ์ไทได้ใช้ความพยายามอดกลั้นต่อการรุกรานของอีกฝ่ายอย่างมากที่สุด เพราะเขานึกอยู่เสมอว่าการไปมีเรื่องมีราวกับคนพาลเช่นนิธิภูมินั้นไม่คุ้มกันนัก ข้อนี้ตนเองทราบดีมาตั้งแต่เด็กจนโต
แต่สำหรับนุชิตแล้ว ชายหนุ่มเลือดร้อน ใจร้อนกว่า ในที่สุดก็แสดงอาการทนไม่ไหวที่จะเห็นคุณรักษ์ของตนโดนดูถูกทางสายตา และกลั่นแกล้งอย่างนี้อีก ชายหนุ่มคิดจะถลาจะเข้ามาช่วย แต่รักษ์ไทรีบหันไปมองแล้วสะกดชายหนุ่มเอาไว้ด้วยแววตาจริงจัง พลางส่ายหน้าห้ามเอาไว้
นุชิตจึงทำอะไรไม่ได้อย่างที่คิด นอกจากแค่กัดฟันและยืนกำหมัดแน่น ! นิธิภูมิเหลือบตามองทั้งรักษ์ไทและนุชิตสลับไปมาด้วยความสาแก่ใจจนเป็นที่พึงพอใจแล้ว จึงคลายมือออกจากบ่าหนาของอีกฝ่าย แล้วตบแรงๆ ลงไปซ้ำอีกสองสามทีที่บ่าของรักษ์ไทอย่างไม่เบามือ ปึกๆๆ!
“ก็แค่มาเยี่ยม ที่ไร่สวยนี่หว่า ฮ่าๆๆ” จากนั้นจึงระเบิดหัวเราะจนเป็นที่สาแก่ใจแล้ว ก็รีบผละเดินจากไปทันที
คล้อยหลังนิธิภูมิจากไปไม่นาน รักษ์ไทที่ยังยืนอยู่ที่เดิม เริ่มคลายความเจ็บจากบ่าข้างนั้น ค่อยๆ เบือนสายตาแห่งความเคร่งเครียดไปทางนุชิตแล้วถามสั้นๆ แค่ว่า “มานานหรือยัง”
“ครับ” นุชิตตอบพลางพยักหน้า “ คุณเล็กห้ามไม่ให้ผมโทร.ไปบอกพี่ แค่บอกว่าจะรอพี่กลับมาเอง แล้วก็ฉวยโอกาสที่พี่รักษ์ไม่อยู่ ตระเวนดูซะทั่วไร่ สำรวจตรงนั้น ตรงนี้ไปหมด ทิศไหนติดกับอะไรบ้าง แต่ผมก็คอยดูคุณเล็กไม่ห่างนะครับ บอกตรงๆ ผมไม่ไว้ใจเลยต้องตามดู
คุณเล็กทำราวกับมาสำรวจที่ผืนเดียวของพี่รักษ์เอาไว้ก่อน แล้วบอกว่า ที่สวยมาก” นุชิตเอ่ยด้วยสุ้มเสียงไม่ค่อยดีนัก ทางรักษ์ไทเองก็รับฟัง แต่ไม่ได้พูดอะไร มีแค่สีหน้าและแววตาที่มีอาการครุ่นคิด
“คุณรักษ์ครับ เอ่อ พี่รักษ์ผมเกรงว่าที่คุณเล็กมาในวันนี้ก็เพื่อ…”
“คิดมากน่ะชิต” รักษ์ไทเบือนสายตากลับมาปรามนุชิต ถึงแม้ที่ชายหนุ่มเอ่ยจะตรงกับลางสังหรณ์ใจในด้านไม่ดีของตนก็ตาม
“ก็มันผิดปรกติ ทีก่อนๆ ไม่เห็นมาที่นี่เลย จู่ๆ โพล่มาแล้วก็มาทำวางท่าราวกับไร่นี้เป็นของคุณเล็กซะเอง ผมก็เลยเป็นห่วงแทนพี่รักษ์”
รักษ์ไทมองสีหน้าชายส่ายหน้าเหมือนเป็นการปลอบไม่ให้นุชิตใจเสียมากกว่า “คิดมากน่ะชิต เขาคงบังเอิญมาทำธุระแถวนี้ เลยแวะมามั้ง”
นุชิตรู้ดีว่าคำพูดของคุณรักษ์ของตนเป็นเพียงการปลอบขวัญไม่ให้ตนรู้สึกหวาดกลัวและกังวลไปเท่านั้น ลึกๆ แล้วคุณรักษ์คงรู้สึกเช่นตนนั่นแหละ ก็ท่าทีของคุณเล็กมันฟ้อง ว่ามาที่นี่มาเพื่อจุดประสงค์อื่นแอบแฝง
อีกอย่างถึงแม้กรรมสิทธิ์ในที่ดินจะเป็นชื่อของคุณรักษ์อย่างชัดเจนไปแล้วก็ตาม แต่ตั้งแต่เด็กจนโต นุชิตเห็นมาไม่รู้กี่ครั้ง ‘ของ’ ที่อะไรที่คุณเล็กอยากได้จากคุณรักษ์ของตน
ขอแค่ผู้เป็นคุณหญิงเก็จมณียอมออกหน้าให้ อีกฝ่ายก็สามารถแย่งเอามาไว้ในมือตนเองได้อย่างง่ายๆ เสมอๆ นั่นแหละที่เขาหวาดกลัวแทนคุณรักษ์เหลือเกิน ขนาดผู้หญิงที่ตกลงปงใจเป็นคนรักกับคุณรักษ์ไปแล้ว คุณเล็กยังสามารถแย่งเอาไปได้ มาแล้วครั้งหนึ่งเลย…
(มีต่อ)
จากคุณ |
:
พิณพลอย
|
เขียนเมื่อ |
:
20 พ.ค. 55 14:43:17
|
|
|
|