บัลลังก์ดอกไม้ บทที่ ๕ ฉันมีสิทธิ์ในตัวคุณ
|
 |
ต่อไปจะอัพทุกวันอังคารและวันศุกร์นะคะ ^^ ขอบคุณกับทุกคนที่เข้ามาอ่านและแสดงความเห็นให้กำลังใจ แนะนำ ทุกอย่างค่ะ ลืมอีกแล้ว.... /////////////////////////// บทที่ ๕ ฉันมีสิทธิ์ในตัวคุณ
อนาวินทร์ หน้าตึงเมื่อเจอภาพนั้น เขาเชื่อใจเพื่อนจนไม่คิดว่า การันต์จะหักหลังเขาอย่างนี้ ชายหนุ่มกรามขบแน่นจนขึ้นเป็นสันนูนด้วยแรงอารมณ์โกรธ การันต์เห็นคนที่จ้องมองด้วยสายตาเย็นชา ดุจดั่งน้ำแข็งขั้วโลกจึงรีบปล่อยมือออกแล้วเดินเข้ามาหาเพื่อนแต่อนาวินทร์ ชิงเดินหนีไปก่อน
“วินนี่!! ไปไหนคะ รอหวายด้วย” เสียงหญิงสาวอีกคนร้องตาม การันต์เดินตามเพื่อนรักออกไปด้วยสีหน้าหนักใจ
ทรงรบขมวดคิ้วไม่เข้าใจว่าทำไมเจ้าภาพของงานถึงได้เดินกระฟัดกระเฟียดเหมือนใครไปขัดใจเขาเข้าอีก
“เขาเป็นอะไรของเขาน่ะคะคุณทนาย” ช่อม่วงเอ่ยถาม ทนายหนุ่มเหลือบมองมือสวยที่กอดเกี่ยวแขนเขาไว้แนบแน่น มันเกิดขึ้นตอนไม่รู้ได้แต่เขาเพิ่งรู้สึกตัวว่ามีคนยึดเขาเป็นที่พึ่งแบบ แน่นหนาขนาดนี้
“ไม่ทราบครับ” เขาตอบน้ำเสียงเรียบพร้อมกับเหล่ตามองมือของเธอเพื่อให้หญิงสาวเข้าใจว่า กำลังล่วงละเมิดร่างกายเขาอยู่ ช่อม่วงก้มลงมองมือตัวเองก่อนจะปล่อยออกทันทีเหมือนคนโดนไฟช๊อต
“ขอโทษค่ะ ไม่ตั้งใจจะล่วงเกินคุณทนายเลย คงเป็นตอนไฟดับ ฉันหาที่เกี่ยวกลัวเดินไปชนอะไรเข้าน่ะค่ะ” เธออธิบายมองคนหน้าเฉยแววหมั่นไส้ ทำหวงเนื้อหวงตัว...นี่กะจะเก็บพรหมจรรย์ไว้ให้สาวที่ไหนกันหนอคุณทนาย
ส่วนเจ้าของไร่อุ่นรักได้แต่ยืนนิ่ง เธอรู้สึกเหมือนตัวเองกลับมาสู่โลกความจริงอีกครั้ง ในอดีตเธอเคยเจอเหตุการณ์อันน่ากลัว มันฝังใจเธอมาโดยตลอด สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่เป็นเหมือนการเปิดประตูแห่งอดีตกาลที่เธอกักเก็บ ไว้ ทว่าเสียงอันอบอุ่นของผู้ชายคนนั้นทำให้เธอรู้สึกดีเป็นอย่างมาก ดวงตาสวยเงยหน้าขึ้นไปมองหาชายหนุ่มอีกครั้ง เขาหายออกไปแล้ว...
การันต์คว้าแขนเพื่อนชายไว้ก่อนที่จะเดินไปไกลกว่านั้น สีหน้าของอนาวินทร์บ่งบอกว่าไม่พอใจเอามากๆ เขาตวัดสายตามองเพื่อนก่อนจะสะบัดแขนออก
“แกโกหกและหักหลังฉัน”
“ฟังก่อนสิวะ ฉันแค่ไม่รู้ว่าเขาคือคุณพุด เห็นตัวเขาสั่นๆ ก็เลยกุมมือให้กำลังใจเท่านั้นเอง มืดออกอย่างนั้นใครจะไปเห็นว่าใครเป็นใครละ” การันต์อธิบายด้วยสีหน้าลำบากใจอย่างที่สุด
“แน่ใจเหรอ แกรู้แผนการของฉันตลอด แล้วจะมาบอกว่าไม่รู้ไม่เห็นได้ยังไง อ้อ...ฉันเห็นแกถามหาเขาอยู่ทุกครั้งที่เจอฉัน ตกลงแกอยู่ข้างไหนกันแน่”
“ฉันอยู่ข้างแกเสมอนะวิน เชื่อใจฉันสิ” การันต์จ้องตาเพื่อนอย่างที่อยากให้เขาเชื่อตามปากพูดจริงๆ
อนาวินทร์ถอนหายใจก่อนจะเดินออกไป แม้จะค้างคาใจในการกระทำของเพื่อนแต่เขาก็เชื่อใจการันต์มากกว่าเพื่อนคน อื่นๆ การันต์อยู่ข้างเขามาตลอดตั้งแต่เด็กจนโต ไม่มีครั้งใดที่เพื่อนคนนี้จะทิ้งเขาไป ทำไมครั้งนี้การันต์จึงจะเปลี่ยนไป เป็นเพราะเขาระแวงเกินไปมากกว่า อนาวินทร์ได้แต่เถียงตัวเองอยู่ในใจ จ้องมองเพื่อนรักอย่างค้นหา...ไม่รู้ว่าสิ่งที่การันต์พูดนั้น เป็นเรื่องจริงหรือไม่ แต่เขาเลือกที่จะเชื่อ...
“ผมบอกแล้วว่าคุณวินต้องมีแผนอะไรแน่ๆ เขาตั้งใจจัดงานเลี้ยงนี้เพื่อหักหน้าคุณพุดชัดๆ” ทรงรบโมโหกับเหตุการณ์ที่ผ่านมาอย่างมาก เขาคิดว่าอนาวินทร์เล่นอะไรเป็นเด็กๆ ไร้สาระ
“พุดก็ไม่ได้เป็นอะไรนี่คะ สนุกสนานดีออก พุดไม่เคยอับอายในถิ่นกำเนิดของตัวเองหรอกค่ะ ภูมิใจด้วยซ้ำ คุณวินเขาก็หน้าแหกไปแล้วไม่เห็นเหรอคะ อย่าคิดมากค่ะ เราเตรียมตัวทำให้เขาไปทำงานที่ไร่ให้ได้ดีกว่าค่ะ เขายอมแล้วก็จริงแต่ใช่ว่ามันจะเป็นจริง ๆเมื่อถึงวันนั้น”
“คุณพุดอย่าใจกว้างนักเลย เรื่องอะไรที่ควรตอบโต้ก็ทำ แต่เรื่องที่มันไม่ควรก็อย่าทำเลย ผมว่านอกจากคุณอนาวินทร์ที่เดาใจไม่ออกแล้ว ขอเพิ่มคุณพุดเข้าอีกคนละกัน”
“แต่ฉันเดาออกนะคะคุณทนาย คุณเดาไม่ออกหรือคะ เรื่องง่ายๆ ก็แค่ตอนนี้พุดต้องการจะให้คุณอนาวินทร์ไปทำงานที่ไร่ให้ครบปี โดยยึดหลักสายป่านค่ะ ตึงมากก็ไม่ได้ อ่อนมากก็ไม่ดี คนแรงๆเหมือนคุณอนาวินทร์ก็ต้องผ่อนหนักเบาตามสถานการณ์ค่ะ” ช่อม่วงยื่นหน้ามาอธิบาย ทำให้ทนายหนุ่มเหลือบมอง หญิงสาวยิ้มที่มุมปากรู้สึกดีที่ได้ทำให้เขาเสียหน้าบ้าง
“ผมไม่ชอบการคาดเดาเท่าไหร่ครับ” คำตอบของทนายทรงรบเล่นเอาช่อม่วงเบ้ปาก หญิงสาวแอบคิดว่าไม่ใช่แค่อนาวินทร์หรอกที่หัวแข็งดื้อรั้น เอาแต่ใจ คนที่เป็นทนายประจำตระกูลก็ไม่แพ้กัน
“งั้นก็อยู่เฉย ๆ เถอะค่ะ” ช่อม่วงยังไม่ยอมแพ้ ทรงรบกำลังจะอ้าปากทะเลาะแต่ก็โดนเจ้าของไร่ดอกไม้ยกมือขึ้นห้ามเสียก่อน
“ช่างเถอะ อะไรมันจะเกิดก็ต้องเกิดแหละ พุดพร้อมเสมอให้หนักและแรงกว่านี้ก็ไม่กลัวหรอก” เธอกล่าวสีหน้าเรียบเฉยปกปิดความรู้สึกหวั่นกลัวเรื่องเมื่อครู่เอาไว้ เธอไม่เคยบอกใครว่ากลัวการอยู่ในห้องมืด เว้นก็แต่เพื่อนเก่าสมัยเรียนมัธยม จะมีเพิ่มขึ้นมาอีกก็คือกลุ่มเข้าค่ายๆที่มหาวิทยาลัยซึ่งมีเหตุการณ์ที่ทำ ให้เธอแสดงความกลัวนั้นออกมา
ดวงตาหม่น ๆของหญิงสาวทำให้ช่อม่วงส่งความเห็นใจด้วยการเอื้อมมือมากุมมือเธอเบาๆ โดยไม่ต้องพูดอะไรเลยสักคำ แต่ความอบอุ่นนั้นทำให้เธอคลายกังวลใจได้อย่างไม่น่าเชื่อ
อนาวินทร์กรอกเครื่องดื่มในแก้วเข้าปากโดยไม่คำนึงว่ามันผสมแอลกอฮอลล์มาก น้อยแค่ไหน การันต์มองท่าทีโกรธเกรี้ยวของเพื่อนรักด้วยความอ่อนอกอ่อนใจ
“ให้ฉันอธิบายยังไงนายถึงจะเข้าใจ”
“ฉันไม่ต้องการฟังคำอธิบายพวกนั้นอีกแล้วรัน แค่แสดงให้เห็นว่าแกอยู่ข้างฉันเป็นพอ” ชายหนุ่มตอบสีหน้ามึนตึง เขาอุตส่าห์วางแผนให้พุดชมพูอยู่ในสถานการณ์ที่หวาดกลัวมากที่สุด ได้ยินเรื่องที่เธอกลัวห้องมืดทำให้เขาดีใจแทบเต้น แต่สุดท้ายมันกลับทำอะไรเธอไม่ได้เลยสักอย่าง ทั้งเรื่องแกล้งจัดงานเลี้ยงแบบอีสานให้ แกล้งดึงคัดเอาท์ลง...เขาไม่เคยลงทุนทำอะไรแบบนี้มาก่อน ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองไร้สาระ และเริ่มทุเรศเพิ่มขึ้น แต่ใครจะยอมให้ศัตรูมาหยามกันได้ตลอดมันก็ต้องเอาคืนบ้างสิ
“งั้นฉันช่วยแกอีกครั้งนะ มีแผนดีๆที่จะทำให้คุณพุดเกลียดแกจนไม่อยากยุ่งด้วย”
“แผนอะไร”
“แผนที่จะทำให้เขาเลิกยุ่งกับแกเลยล่ะ” การันต์เสนอก่อนจะกล่าวถึงแผนการที่ตัวเองคิดได้ อย่างละเอียดให้เพื่อนชายฟัง อนาวินทร์ยิ้มกว้างเมื่อได้ยิน ‘แผน’ เขาหัวเราะออกมาได้เหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเมื่อชั่วโมงที่ผ่านมา
หญิง สาวกำลังจัดการเอกสารตรงหน้าด้วยอาการเหมือนอยากอาเจียน มันพะอืดพะอม เวียนหัวประกอบด้วย...เกิดมานอกจากวิทยานิพนธ์เล่มหนาก็ไม่เคยทำงานเอกสาร ได้ทนทานขนาดนี้มาก่อน เธอต้องศึกษาส่วนที่ไม่เคยรู้เรื่องมาก่อน ต้องค่อย ๆ เรียนรู้มัน เหมือนกับที่เธอเรียนรู้ธรรมชาติของต้นไม้แต่ละต้นที่บ้านไร่
ช่อม่วงที่จ้องเพื่อนรักตั้งแต่บ่ายเป็นต้นมาด้วยความสงสาร ใครหนอช่างคิด เอาสาวชาวไร่มาทำงานเอกสาร
“เอายาดมไหมพุด” เพื่อนสาวถามปนขำ สาวชาวไร่เงยหน้าซีด ๆ ของตัวเองขึ้นมองทันที
“เอายาหอมเลยดีกว่า ไม่ไหวแล้ว เราต้องจัดการงานทั้งหมดนี่ก่อนที่ฉันจะกลับไร่จริง ๆน่ะเหรอ”
“ก็จริงสิ มันไม่ได้ยากเลยนะ แต่แกไม่เคยทำเท่านั้นเอง นี่...ก่อนที่แกจะไปทรมานลูกหลานเขา เขาก็ต้องทรมานแกก่อนสิ” ช่อม่วงกล่าวติดตลกแต่เพื่อนสาวดูจะไม่ตลกด้วยสักนิด
“พูดไปเลย ฉันรู้ว่าคราวนี้ปวดหัวกว่าการรับศึกหนักอย่างนายอนาวินทร์ เหนื่อยเหมือนกันนะเนี่ย การใช้สมองมากๆ ทำให้ฉันอยากหลับตาพักนานๆ” พุดชมพูเริ่มบ่น ก่อนจะเอนหลังกับพนักเก้าอี้
“เฮ้อ เอาเถอะวันนี้พอแค่นี้ก่อนละกัน กลับกันดีกว่า กินข้าวด้วยกันไหม” ช่อม่วงชักชวน
“ก็ดีเหมือนกัน ขี้เกียจไปเจอพายุที่บ้าน แต่เขาคงไม่กลับเร็วหรอก เขาก็คงกลัวเจอฉันเหมือนกันนั่นแหละ” พุดชมพูหัวเราะ
“แกนี่นะ งั้นกินอะไรดี” ช่อม่วงคิดหาเมนูในสมองในทัน เสียงเคาะประตูสองสามครั้งก่อนจะเปิดเข้ามาทำให้ทั้งคู่หันไปมอง ทรงรบก้าวเข้ามาในห้องพร้อมกับเดินเข้ามาวางเอกสารอีกแฟ้มหนึ่งบนโต๊ะหญิง สาว
“โครงการในปีนี้ที่บริษัทเรารับผิดชอบครับ อยากให้คุณพุดตรวจดูรายละเอียด แล้วก็เซ็นอนุมัติ เราถึงจะเริ่มโครงการได้ครับ”
“ไว้พุดจะดูให้อีกทีได้ไหมคะ วันนี้เหนื่อยมากจริงๆ”
“ได้ครับ ปลายสัปดาห์ก็ได้ก่อนที่จะเดินทางกลับไร่ก็ยังทันครับ โครงการนี้เป็นโครงการที่คุณท่านวางแผนไว้น่ะครับ”
“ค่ะ เอ่อ...คุณรบไปทานข้าวด้วยกันไหมคะ เรากำลังจะออกไป ไปไหนดีนะช่อ”
“อ๋อ...ฉันมีที่เด็ดละ ไปกันเลย” ช่อม่วงยิ้มแผลบเหมือนคนได้ไอเดียอันเด็ดดวงเหลือเกิน
ทรงรบหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับเหงื่อที่หน้าผากตัวเองเบาๆ ไล่เรื่อยมาจนถึงขมับ ก่อนจะขยับแว่นตาให้เข้าที่ ดวงตาคมจ้องเนื้อหมูบนเตาย่าง ด้วยความรู้สึกเหมือนคนวิ่งออกกำลังที่สนามกีฬาเป็นสิบรอบ หญิงสาวทั้งสองพาเขามานั่งกินหมูกะทะ ขณะที่อากาศร้อนเป็นบ้า พวกเธอช่างสรรหาเรื่องให้เกิดความหงุดหงิดในใจได้ตลอด
“คุณทนายไม่กินเหรอคะ นี่ๆ หมูติดมันอร่อยมาก” ช่อม่วงว่าทั้งคีบเนื้อติดมันที่สุกแล้ววางลงจานของชายหนุ่ม เธอยิ้มหวานให้เหมือนไม่ได้คิดอะไร แต่สำหรับทรงรบ เขากำลังคิดว่าหญิงสาวเยาะเย้ยเขาอยู่ เขาไม่ชอบอากาศร้อน ไม่ชอบอะไรที่ต้องมีเหงื่อติดตัวให้มีกลิ่น
“เชิญครับผมไม่ชอบเนื้อติดมัน”
“อ้อ...งั้นหรอกหรือคะ งั้นก็เอาคืนมา” ช่อม่วงกลับมาคีบเนื้อชิ้นนั้นคืนกลับเข้าสู่ปากของเธอ
“กินผักเยอะ ๆ นะพุด แกจะได้ฉลาดขึ้น ส่วนฉันจะรับผิดชอบเนื้อเอง”
“พูดเอาแต่ได้ ชิ! ฉันไม่ยอมแพ้แกหรอก” เจ้าของไร่กล่าวทำสีหน้าจริงจัง รีบคีบเอาเนื้อเข้าปาก ไม่ได้สนใจว่าจะแขกอีกหนึ่งคนที่นั่งเป็นหุ่นมองพวกเธออยู่
ทรงรบแอบถอนหายใจเบาๆ นี่เขากำลังดูเด็กๆ แย่งอาหารกันอยู่งั้นหรือ แม้ทั้งคู่จะแตกต่างด้วยรูปลักษณ์ภายนอก พุดชมพูดูเป็นสาวแกร่ง เข้มแข็ง ดูเป็นผู้นำที่ดี ส่วนช่อม่วงเป็นเหมือนหญิงสาวทั่วไป แต่เธอค่อนข้างมีโลกส่วนตัวสูงโดยเฉพาะถ้าหากเจอหนังสือที่ชื่นชอบแล้วละก็ เรื่องอื่นจะไม่ค่อยสนใจเลย พอมาเจอการกินข้าวเหมือนเด็กๆ ของทั้งคู่แล้วเขาก็รู้สึกเหมือนผู้ปกครองมารอจ่ายเงินให้ลูกๆ คิดดังนั้นชายหนุ่มจึงยกแก้วน้ำเปล่าที่มีน้ำแข็งเต็มนั้นจรดริมฝีปากดื่ม รวดเดียวหมด
หญิงสาวอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อยแล้วจึงหาหนังสักเรื่องมาดู ก่อนที่จะแยกย้ายกันกลับเธอแวะที่ร้านวิดีโอใกล้ ๆ เพื่อสมัครสมาชิกและเช่ามาสองสามเรื่อง... เธอเลือกหนังจีนแนวแอ็คชั่นมาเรื่องหนึ่งเปิดดูก่อนจะเอนตัวพิงหัวเตียงเอา หมอนมาหนุนหลังให้สบายขึ้น เกือบครึ่งเรื่องแล้วแต่เสียงเคาะประตูห้องถี่ๆ นั้นทำเอาเธอสะดุ้งเฮือกต้องกดหยุดชั่วคราวไว้ก่อนจะเดินตรงไปที่ประตูเปิด มันออกมาโดยไม่สนใจถามว่าเป็นใคร
อนาวินทร์ยืนยิ้มหวานอยู่หน้าห้องเธอ แต่เขาไม่ได้ยืนคนเดียวยังมีหญิงสาวสวยที่สวมชุดที่เธอไม่อยากเรียกว่าชุด ร้านตัดเสื้อตัวนี้คงขาดทุนผ้าไม่พอที่จะเย็บแน่ๆ ถึงได้ขาดๆ แหว่ง ๆ พิกล
“สวัสดีผู้คุม ฉันมารายงานตัวไง เดี๋ยวจะหาว่าไม่มาเสนอหน้าให้เห็น เป็นเด็กดี นี่...เอ่อ ชื่ออะไรนะ” ชายหนุ่มหันมาถามชื่อหญิงสาวที่อยู่ในอ้อมกอด เธอทำหน้ามุ่ย
“ชื่อแพมไงคะวินนี่” เธอบอกทำเหมือนหงุดหงิดที่เขาจำชื่อเธอไม่ได้ทั้งที่บอกไปตั้งหลายครั้งแล้ว
พุดชมพูเบ้ปาก ‘วินนี่’ เธอได้ยินชื่อเล่นลูกครึ่งเขาสองครั้งสองคราแล้ว มันดูเหมาะกับเขาดีเหมือนกัน นายพายุ
“รับทราบ แล้วไงมาเคาะห้องฉันแค่นี้เหรอ”
“ก็กลัวจะไม่รู้ว่ากลับบ้านแล้วไง อ้อ อีกอย่างเพื่อนฉันเขาจะค้างด้วยคืนนี้” อนาวินทร์อธิบาย หญิงสาวก็ยังคิดว่ามันไม่เกี่ยวกับเธออยู่ดี
“เชิญเถอะ ที่บ้านเธอคงลำบากดูจากเสื้อผ้าขาดๆ แล้วก็สมควรหาที่พักให้อยู่หรอก เดี๋ยวบอกป้านุ่มให้เปิดห้องสักห้องให้” พุดชมพูว่าสีหน้าบ่งบอกว่าจริงจังกับเรื่องที่พูดหนักหนา
“นี่เธอโง่ หรือแกล้งโง่ ฉันหมายความว่า แพมจะนอนในห้องฉัน” เมื่อเห็นว่าเธอไม่เดือดร้อนกับสิ่งที่เขาทำ
“บ้านเราก็ใหญ่โตนะ จะให้เขาไปนอนเบียดคุณทำไมละ” เธอว่าหน้าซื่อ
“ยายบ้า ปัญญาอ่อน”
“เดี๋ยวนะ เดี๋ยวจะบอกป้านุ่มให้”
อนาวินทร์ดึงแขนหญิงสาวในอ้อมกอดเข้าไปในห้องส่วนตัวโดยไม่สนใจพุดชมพูที่ทำท่าทีเหมือนจะไปเรียกป้านุ่มมาจริงๆ
หญิงสาวถอนหายใจเมื่อเขากลับเข้าไปในห้องเรียบร้อยแล้ว ดูก็รู้ว่าเขาตั้งใจที่จะรวนเธอ ทำให้เธอโมโห แต่วันนี้เธอไม่มีอารมณ์จะจัดการเขาหรอก มันเหนื่อยสมอง...แค่อยากดูหนังให้สบายใจสักวัน...พรุ่งนี้ค่อยสู้กันใหม่ละ กันวินนี่
ตั้งแต่วันนั้นอนาวินทร์ก็เที่ยวเอาผู้หญิงมาค้างอ้างแรมด้วยแทบไม่ซ้ำหน้า ทุกครั้งที่มาเขาก็ต้องมารายงานตัวให้พุดชมพูดูก่อน ประหนึ่งว่าเป็นเด็กดีต้องรายงานตัวทุกครั้งที่กลับถึงบ้าน หญิงสาวคิดแผนการที่จะจัดการชายหนุ่มไม่ออก เธอรำคาญสายตาที่ต้องเจอหนังสด ให้ตกอกตกใจเล่น
...พวกผู้หญิงเหล่านั้นก็เหลือเกิน ยอมได้ยังไงกันนะไม่กลัวอะไรเลยหรือไง...นั่นสิ ไม่กลัวอะไรเลยหรือไง
หญิงสาวยิ้มกว้างเมื่อคิดบางอย่างได้ก่อนจะโทรศัพท์ไปหาทนายทรงรบแจ้งสิ่ง ที่เธออยากได้ทันที...อย่าง เขาก็คือ โนบิตะ ทายาทโดราเอมอน ของที่หายากแค่ไหนก็จะต้องได้มาอย่างแน่นอน
“คุณพุด...จะเอามันไปทำไมเหรอครับ” เสียงนั้นค่อนข้างแผ่วเบาด้วยความตื่นตะลึงและหวาดระแวงว่าใครจะได้ยิน
“เถอะค่ะ หาให้พุดหน่อยนะคะ พุดรู้ว่าคุณรบหาได้ค่ะ” เธอกล่าวทั้งยิ้ม คิดภาพทนายหนุ่มไปหาของที่เธออยากได้ออกเลยทีเดียว เขาคงหน้าแดงตั้งแต่หน้าจนถึงคอ คอยแต่ซับเหงื่อทั้งๆที่ไม่มีเหงื่อออกอีกกระมัง
“ครับ” เขารับคำเสียงแผ่วเบา เขาหาได้แน่นอนแต่ตอนไปซื้อนี่สิ เขาจะทำยังไง...
ตอนเช้าหลังจากอนาวินทร์ออกไปทำงานแล้ว หญิงสาวแอบเข้าไปในห้องของเขาพร้อมกับอุปกรณ์ที่ฝากทนายทรงรบซื้อมาให้ นำมันออกมาจากกล่องซ่อนไว้ใต้เตียงที่ๆคิดว่าใครก้มลงมองก็ต้องเห็นอย่าง ชัดเจน
เธอหันรีหันขวางหามุมเหมาะ ๆ วางกล้องตัวเล็กจนพบแจกันขนาดกลางที่วางไว้บนตู้ข้างทีวีจอใหญ่นั้น จึงจัดการวางกล้องวีดีโอขนาดเล็กนั้นไว้หาผ้าสีดำมาคลุมไว้ ลากแจกันมาบดบังไว้อีกทีแต่ก็ยังไม่ทิ้งหลักฐานให้ใครเห็นมันเพื่อการสังเกต
เจ้าของไร่อุ่นรักยิ้มอย่างภูมิอกภูมิใจกับสิ่งที่ตัวเองทำขึ้น คราวนี้ละ เธอจะได้หัวเราะบ้าง...คิคิ
เมื่อถึงช่วงเวลาที่อนาวินทร์จะพาสาว ๆ ของเขากลับบ้าน เธอก็ออกมานั่งที่ห้องรับแขกทำทีเป็นอ่านหนังสือพิมพ์ไปเรื่อยๆ จนเมื่อชายหนุ่มโอบหญิงสาวแสนเซ็กซี่เข้ามาในบ้านทั้งกลิ่นน้ำหอมกลิ่นเหล้า คละคลุ้งกันไปหมด
“อ้าว คุณผู้คุมอยู่นี่เองเหรอ รอฉันอยู่เหรอ” ชายหนุ่มทักสีหน้าปิติยินดีที่ไม่ต้องไปเคาะห้องเธออีก
“อู๊ย ฉันจะรอนายทำไม เสียสุขภาพจิต อ่านหนังสือติดพันอยู่ต่างหาก แล้วก็ไม่ต้องมารายงานฉันหรอก ขี้เกียจฟัง” เธอแกล้งว่าทำหน้าตาย อนาวินทร์ยิ้มที่มุมปาก นึกสะใจที่เธอทำหน้าเคร่งแสดงท่าทีไม่สนใจเขา
“คุณวินครับๆ” คนรถวิ่งหน้าตื่นเข้ามาในบ้าน อนาวินทร์ขมวดคิ้วหันไปมอง
“อะไร” น้ำเสียงห้วนเป็นปกติ
“รถมันเป็นอะไรไม่รู้ครับ ปิดประตูไม่ลงแล้วท้ายก็เปิด คุณวินลืมปิดสวิทช์อะไรหรือเปล่าครับ รบกวนคุณวินไปดูให้หน่อยได้ไหมครับ”
“อะไรของแกวะ เรื่องแค่นี้ต้องวิ่งร่อมาถาม เออ!!” แม้จะบ่นให้คนรถแต่ชายหนุ่มก็ยังตามออกไปอยู่ดี ปล่อยให้สาวสวยยืนรออยู่ในบ้าน เมื่อเห็นว่าอนาวินทร์คงไปนานเธอจึงนั่งที่โซฟาตรงข้ามกับพุดชมพู
“เธอเป็นคนงานในบ้านคุณวินเหรอ” หญิงสาวชุดสายเดี่ยวเอ่ยถามเมื่อดูจากเครื่องแต่งกายและบุคลิกของหญิงสาว
“ก็ไม่เชิง แต่ยังไงก็ถือว่าเป็นลูกจ้างนั่นแหละนะ คุณนี่สวยจังเลยนะคะ ดูๆ ไปเหมือนนางแบบไม่มีผิดเลย” พุดชมพูแกล้งชม
“แหม ฉันก็โดนทักแบบนี้บ่อยๆ เหมือนกัน เธอนี่ตาถึงเหมือนกันนะ” เธอกล่าวด้วยทีท่ายิ้มแย้ม พอใจกับเรื่องยกยอของอีกฝ่าย
พุดชมพูกลั้นหัวเราะก่อนจะตีหน้าเศร้า “ดูเธอก็เป็นคนดีนะ เฮ้อ...” หญิงสาวเจ้าของไร่ดอกไม้ทำเสียงจิ๊กจั๊กในลำคอ หน้าตาดูลังเลจนอีกฝ่ายแปลกใจ
“มีอะไรเหรอ ทำไมเธอทำหน้าแบบนั้นละ”
“ฉันมีเรื่องจะบอก ฉันสงสารน่ะเห็นว่าเราคุยกันถูกคอ ก่อนจะทำอะไรให้ดูใต้เตียงกับมุมแจกันด้วยนะ ฉันกลัวเธอจะ...เฮ้อ...ฉันพูดได้แค่นี้แหละเป็นลูกน้องเขาก็เลยไม่กล้าพูด มาก แต่เห็นว่าเราเป็นผู้หญิงด้วยกันนะ ฉันเห็นใจเธอนะ กลัวจะเจ็บตัวฟรีๆ แล้วก็ไม่อยากให้ภาพหลุดมาประจานเธอก่อนจะกลายเป็นดาราดัง”
หญิง สาวชุดสายเดี่ยวขมวดคิ้วสงสัยในสิ่งที่พุดชมพูกระซิบกระซาบแต่ไม่ทันที่จะ ได้ถามอะไรออกไป อนาวินทร์ก็เข้ามาก่อน เขาพาเธอขึ้นไปบนห้อง ไม่นานพุดชมพูก็เห็นหญิงสาวสวยคนเดิมหน้าตื่นวิ่งลงมาจากห้องชั้นบน แทบจะเรียกว่าโกยแนบออกไปจากบ้านสัตยารักษ์ทันที เจ้าของไร่อุ่นรักหัวเราะออกมาทันทีที่เห็นภาพนั้น
“นี่เธอทำอะไร!!” อนาวินทร์ตะโกนขึ้นเสียงดังพร้อมกับโซ่ แส้ กุญแจมือ
“อะไรละ ฉันไปทำอะไรให้”
“นี่ไงๆ หลักฐานถ้าไม่ใช่เธอทำแล้วใครจะกล้าทำ ในบ้านนี้ไม่มีใครกล้าหือกับฉันนอกจากเธอคนเดียว ยายพุดเน่า!!”
“เออ...ใช่ฉันทำ อย่างน้อยบ้านนี้ก็ไม่ใช่โรงแรม ถ้าอยากจะมีอะไรกันก็กรุณาพาไปโรงแรม อย่าพากลับมาบ้าน มันอุจาดตา แล้วคนอื่นเขาจะมองนายว่าไง ไม่เคยคิดบ้างหรือ เด็กคนรับใช้เต็มบ้าน ทำอะไรให้คนอื่นรู้สึกอยากนับถือบ้างหรือเปล่า คิดให้ดีๆ นะคุณวินนี่”
อนาวินทร์จ้องหญิงสาวไม่พูดอะไรขึ้นมาอีก ถือว่าเกมนี้เธอชนะก็แล้วกัน เขายังมีอีกหลายอย่างที่เธอต้องเจอและสู้กับเขาอีก!!
แก้ไขเมื่อ 22 พ.ค. 55 10:28:38
จากคุณ |
:
ดนตรีในสายลม
|
เขียนเมื่อ |
:
22 พ.ค. 55 08:02:51
|
|
|
|