อนาวินร่วมงานเลี้ยงอีกไม่นานก็ขอตัวกลับกับเจ้าของงานอย่างที่ตั้งใจ และให้ลูกน้องขับรถไปส่งคู่ควงสาว โดยไม่สนใจจะไปต่อกับเธอตามคำเชื้อเชิญอันแสนเย้ายวน และไม่ใส่ใจว่าเธอจะทำท่ากระฟัดกระเฟียดใส่เขาสักแค่ไหน ชายหนุ่มหันเดินขึ้นรถสปอร์ตของตนโดยบอดี้การ์ดคนสนิทขับรถให้เช่นเดิม
ไม่ต้องขับเร็วนะโจ้ อั๊วะอยากคิดอะไรหน่อย
ชายหนุ่มสั่งจบก็หลับตานิ่งภายในความเงียบ รับรู้เพียงความเย็นของแอร์และแรงสั่นสะเทือนเพียงเล็กน้อยยามตัวรถแล่นทะยานไปยังจุดหมายปลายทาง
แต่ไม่กี่อึดใจ เสียงของคนขับก็เอ่ยออกมาทำลายความเงียบสงบ คุณจิล รู้สึกว่าเรากำลังถูกตามนะครับ
อนาวินลืมตาและเหลียวมองด้านหลัง เห็นเพียงไฟคู่หน้าของรถยนต์ที่แล่นตามโดยทิ้งระยะห่างพอสมควร ท่ามกลางรถคันอื่นที่แล่นแซงขึ้นหน้าไปคันแล้วคันเล่า ก่อนหันกลับมาถามย้ำ
นายแน่ใจเรอะ
ครับ มันตามเราตั้งแต่ออกจากคอนโดมาที่งานแล้ว โจ้ตอบอย่างมั่นใจ แล้วคุณจิลจะเอายังไงกับมันดีครับ
อนาวินใช้เวลาคิดไม่กี่อึดใจก็สั่งออกไป เลี้ยวขวาแยกหน้า และเปิดช่องเก็บของหยิบปืนพกออกมาปลดเซฟ อยากจะรู้เหมือนกัน ว่ามันเป็นคนของใคร
และเมื่อรถของเป้าหมายเลี้ยวออกนอกเส้นทาง ชายฉกรรจ์สองคนที่นั่งภายในรถซีดานมองด้วยความฉงน และหนึ่งในสองเปรยออกมา มันจะไปไหนวะ
ไม่รู้ว่ะ แต่ลองตามมันไปก่อนก็แล้วกัน เจ้านายสั่งไว้แล้วว่า ถ้าเก็บมันได้ก็ให้เก็บเลย
คนขับจึงตั้งหน้าขับตามรถเป้าหมายโดยทิ้งระยะห่างเช่นเดิมและให้ผิดสังเกตเมื่อเส้นทางนี้เริ่มเปลี่ยวขึ้นทุกที และความเร็วของรถที่ติดตามก็เพิ่มขึ้น
เฮ้ย ข้าว่ามันรู้ตัวแล้วว่ะ
งั้นก็ลงมือเลย คราวหน้าเราอาจไม่มีโอกาสแบบนี้แล้วก็ได้
คนขับประเมินการว่าอีกฝ่ายก็มีแค่สองคงไม่ยากที่จะจัดการตามคำสั่งของผู้เป็นนาย จึงเหยียบคันเร่งไล่ล่า โดยเพื่อนที่นั่งข้างกายหยิบปืนกลมือมากระชับด้วยรอยยิ้มกระหยิ่ม
และเมื่อรถสปอร์ตสีดำแล่นทะยานผ่านโค้งมาไม่กี่อึดใจ ผู้ควบคุมพวงมาลัยก็กดเบรกพรืดกลางถนนให้เจ้านายหนุ่มเปิดประตูก้าวลงจากรถ เล็งปลายกระบอกปืนไปยังรถยนต์คันที่แล่นตามมาเพียงเสี้ยวนาที ก็ลั่นไก
เปรี้ยง..เปรี้ยง!!
เฮ้ย!! สองหนุ่มถึงกับอุทานเสียงหลง เมื่อกระสุนที่พวกเขาเอี้ยวหลบพุ่งเข้าเจาะล้อหน้าอย่างแม่นยำ จนตัวรถที่ยังไม่ผ่านโค้งดีนักเสียหลักพลิกคว่ำกระเด็นกระดอนไปกระแทกอัดกับต้นไม้ใหญ่ข้างทางในสภาพตะแคงข้าง พังยับเยิน..ทว่าสองชีวิตยังคงมีลมหายใจ คนขับเลือดอาบใบหน้าร้องครางแผ่วเบา แต่เพื่อนนั้นหมดสติไปแล้ว
อนาวินก้าวเข้าไปหาหมายจะลากทั้งสองออกมาเพื่อเค้นถามความจริงถึงผู้บงการ ก่อนจะส่งตัวพวกมันให้ตำรวจ โดยโจ้กระชับปืนพกของตนเดินตามนายหนุ่มอย่างระแวงระวัง แต่ยังไม่ทันที่ทั้งสองจะถึงตัวรถ โจ้เหลือบเห็นประกายไฟติดพรึบขึ้นมาบริเวณท้องรถด้านท้าย
คุณจิล!
ร่างที่กำลังก้าวเดินชะงักตามเสียงเรียกตื่นๆของคนสนิท แต่เขายังไม่ทันจะเหลียวไปมองด้วยซ้ำ ใบหน้าพลัน! ร้อนวูบ เสียงระเบิดสะเทือนกึกก้อง พร้อมๆกับร่างของเขาถูกรวบลงไปนอนกับพื้นโดยที่ร่างหนาแกร่งของโจ้กางกั้นปกป้องอันตรายอยู่เหนือร่างเขา..เสียงระเบิดดังขึ้นอีกครั้งก่อนสงบ หลงเหลือเพียงเปลวเพลิงโชติช่วงเผาไหม้ซากรถและลามขึ้นไปตามก้านใบของต้นไม้ใหญ่ส่งเสียงปะทุ เปรียะประ
โจ้จึงผละลุกขึ้นให้นายหนุ่มลุกขึ้นยืนตาม
ความร้อนยังคงผ่าวบนใบหน้าของอนาวิน และเขาเอ่ยถามพร้อมกวาดตามองหาบาดแผลทั่วร่างของคนสนิท นายเจ็บตรงไหนรึเปล่า
ไม่ครับ แค่รู้สึกเหมือนว่าผมข้างหลังของผมจะไหม้เท่านั้นเอง โจ้ตอบด้วยรอยยิ้มที่ติดทะเล้นจนเป็นเอกลักษณ์ สร้างความโล่งใจให้อนาวิน มันน่าจะไหม้ผมของนายให้หมดหัวเลยนะ
พ่นลมหายใจฟืดแล้วก็หันมองเปลวเพลิงอย่างหัวเสีย เมื่อเขาพลาดเบาะแสสำคัญไปอีกครั้ง ให้มันได้อย่างนี้สิวะ
โจ้เหลียวมองถนนและหันกลับมายังเจ้านายหนุ่มอีกครั้ง เรารีบไปจากที่นี่กันเถอะครับคุณจิล เดี๋ยวจะมีใครมาเห็นเข้าเสียก่อน
อนาวินจึงหันก้าวตามโจ้ขึ้นรถ และพากันจากไป
เมื่อกลับมาถึงบ้าน อนาวินหันไปสั่งกับโจ้ ไม่ต้องบอกเรื่องนี้กับใคร อั๊วะไม่อยากให้แม่หรือป๊ารู้ เดี๋ยวจะเป็นห่วงกันโดยไม่ใช่เหตุ
ครับ
เมื่อบอดี้การ์ดคนสนิทรับคำ เขาก็เปิดประตูรถเดินขึ้นบันไดหน้าบ้านและเจอกับลูกน้องที่เฝ้าบ้านคนหนึ่ง จึงเอ่ยถาม วันนี้มีอะไรให้น่าตื่นเต้นบ้างมั้ย
ปกติดีครับ
อืมม์ แล้ว..ชายหนุ่มนิ่งไปอึดใจก็เอ่ยปากถามหาถึงใครอีกคน ..ราโมน่าล่ะ
ก็ปกติดีครับ..แล้วตอนนี้เธออยู่ที่สระว่ายน้ำครับ และประโยคนี้เรียกความรู้สึกทั้งหมดทั้งมวลของเขาให้สว่างวาบขึ้นภายในใจ แต่เขาก็ยังคงมีใบหน้าเรียบเฉย
อืมม์..นายไปเดินดูที่อื่นต่อเถอะ
ครับ
เมื่อคล้อยหลังลูกน้องไปแล้ว อนาวินเหลือบสายตาขึ้นมองกล้องวงจรปิดเพียงครู่ก็หันเดินเรียบเรื่อยตรงไปยังสระว่ายน้ำ ทั้งๆที่สามัญสำนึกพยายามส่งเสียงเตือนให้เขากลับขึ้นห้องของเขาเสียเดี๋ยวนี้ อย่าได้สนใจในการมีตัวตนของราโมน่า แต่สองขากลับยังคงก้าวเดินต่อไปอย่างไม่อาจห้ามได้
ร่างอวบอิ่มขาวกระจ่างในชุดทูพีซสีเขียวเทอร์คอยซ์แหวกว่ายดำดิ่งอยู่ใต้สายน้ำที่ใสจนเห็นถึงก้นสระด้วยสปอร์ตไล้ฟหุ้มฉนวนกันน้ำติดตั้งรอบสระ และเมื่อเธอพุ่งตัวโผล่ขึ้นน้ำอีกครั้ง จากพื้นที่ที่เคยว่างเปล่า บัดนี้กลับมีร่างสูงเพรียวของอนาวินยืนอยู่ตรงนั้น และสูทลำลองตัวนอกของเขาวางพาดใกล้กับเสื้อคลุมของเธอบนเตียงริมสระน้ำ
ไม่นึกว่าบ้านนี้จะมีนางเงือกแสนสวยแอบมาเล่นน้ำกลางดึกขนาดนี้นะ
แต่ต่อให้แอบขนาดไหน ก็ไม่รอดหูรอดตาคนของพี่ไม่ได้อยู่ดี
เธอตอบน้ำเสียงติดงอนเล็กน้อยกับการที่ต้องถูกกำจัดอิสรภาพ ขณะที่ยังลอยคออยู่ในน้ำ และเริ่มว่ายอีกครั้งอย่างอ้อยอิ่ง โดยมีร่างของอนาวินที่เอามือไพล่หลังเดินตามบนริมขอบสระ และราโมน่าสังเกตใบหน้าคมเข้มที่สะท้อนใต้แสงไฟนั้นเคร่งขรึม ครุ่นคิด
มีอะไรหรือคะ พี่จิล
เธอหยุดว่าย และเขาก็หยุดเดิน หันมาสบตาซึ่งกันและกัน
ขึ้นมาก่อนสิ พี่มีเรื่องจะพูดด้วย..
และเมื่อเธอว่ายใกล้ถึงบันไดทางขึ้น เขาก็ยื่นมือไปช่วยฉุดดึงร่างของเธอขึ้นจากน้ำมายืนตรงหน้าใกล้ๆ ให้เขาได้กวาดมองดวงหน้าและเรือนร่างเปียกชุ่มแสนเย้ายวน กระตุ้นปฏิกิริยาเคมีที่พวกเขาต่างก็มีตรงกันให้ปั่นป่วน แม้จะตระหนักดีว่านั่นคือสิ่งต้องห้ามที่ไม่ควรจะเกิดขึ้น แต่ยามชิดใกล้กันเช่นนี้ จะมีสิ่งใดสามารถปิดกั้นแรงปรารถนาระหว่างเขากับเธอได้
อนาวินยังคงกุมมือนุ่มเปียกชื้น สายตาทอดตกลงกลีบปากระเรื่ออิ่มเต็ม ก่อนเลื่อนสายตามาสบดวงตาสีเขียวน้ำทะเล ซึ่งรอคอยในสิ่งที่เขากำลังจะบอกกับเธอ
มีเรื่องอะไรจะพูดกับโม้นาหรือคะ
ชายหนุ่มถอนสายตาจากเธอและหันเดินนำกลับไปยังเตียงริมสระด้วยจังหวะก้าวที่เชื่องช้า และฝ่ามือยังกระชับมั่นกับมือของเธอ ก่อนเกริ่นนำในสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกถึงความโหวงเหวงในใจ
..พรุ่งนี้..โม้นาจะได้รับอิสระคืนอย่างที่ต้องการ
ราโมน่ามองเขาเต็มตา จริงหรือคะ
จริงครับ
และเมื่อเขายืนยัน รอยยิ้มของเธอก็กระจ่างเต็มดวงหน้า แต่เมื่อเห็นสีหน้าของเขาที่ไม่ได้ร่วมยินดีด้วยสักนิด อารมณ์ปรีดาจึงค่อยเจื่อนลง และพยายามพูดให้เขารู้สึกดีขึ้น ความจริง บ้านหลังนี้ก็น่าอยู่ดีนะคะ เพียงแต่..ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ที่โม้นาสมควรจะเกี่ยวข้องด้วย..พี่จิลเข้าใจใช่มั้ยคะ
เธอถามความรู้สึกของเขาในท้ายประโยคขณะที่เดินมาถึงเตียงสระน้ำ และสายตายังจดจ้องรอคำตอบจากเสี้ยวหน้าเคร่งขรึมยามโน้มตัวลงหยิบเสื้อคลุมมาช่วยเธอสวมมัน และไม่เพียงเท่านั้น ปลายนิ้วเรียวยาวจากสองมือใหญ่ยังช่วยกันบรรจงผูกเชือกรัดเอวให้อย่างแสนเชื่องช้า ราวกับกำลังพยายามยื้อเวลาออกไปให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ ในขณะที่ราโมน่ายืนนิ่ง ฟังเสียงหัวใจของตนเต้นกระหน่ำกึกก้องอยู่ภายในร่าง สายตาเริ่มจับรายละเอียดของสิ่งที่เห็น..เส้นผมของเขากำลังขยับไหวยามต้องสายลมโชยเบาๆ..เงาของเรือนที่ยืนจนชิดทาบทับราวจะห่มกอดร่างของเธอไว้ทั้งหมด..กลิ่นเจือจางหอมละมุนของน้ำหอมผู้ชายที่เธอมักได้กลิ่นจนคุ้นชินกำลังแทรกซึมเข้ามาเขย่าอนุสติของเธอให้สั่นไหวโคลงเคลง
และจากคำถามเมื่อครู่ของเธอ ปฏิกิริยาของเขายังคงเงียบงัน และเธอก็รอ..รอ..รอจนกระทั่งเขาผูกปมผ้าที่เอวเสร็จ เธอก็เอ่ยออกมาอีกครั้ง ก่อนที่ความรู้สึกของเธอจะถูกเขาดูดกลืนไปจนหมดสิ้น
พี่จิล..
เสียงที่เรียกนั้นสะดุดค้าง เมื่อเขาเงยใบหน้าขึ้นให้เธอได้จ้องเต็มตาในระยะเกือบจะประชิด..ดวงตาเฉียบคมส่องประกายเจิดจ้าใต้เรียวคิ้วยาวเป็นระเบียบพาดเฉียง..จมูกโด่งเป็นสัน..เรียวปากสวยได้รูป..ทุกสิ่งทุกอย่างประกอบได้อย่างเหมาะเจาะ สมบูรณ์แบบ จนกลายมาเป็นบุรุษที่เธอหลงใหลมานานหลายปี จนกระทั่งถึงทุกวันนี้
และแม้ว่าเธอจำต้องมาอยู่ร่วมชายคากับเขาในสถานการณ์บีบบังคับ แต่ลึกๆในใจแล้วก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า เธอมีความสุขมากแค่ไหนที่ในแต่ละวันได้พูดคุยกับเขา ยิ้มให้เขา ทานอาหารเช้าร่วมกัน จนกระทั่งเดินไปส่งเขาที่รถ และในตอนกลางวัน เขาจะโทรหาให้เธอยิ่งผูกพัน และในขณะนี้..เธอกำลังอาลัยอาวรณ์ความรู้สึกเหล่านั้น นับจากพรุ่งนี้เป็นต้นไปเธอไม่สามารถทำสิ่งต่างๆเหล่านั้นต่อเขาได้อีก..ความเหงา..ความเดียวดายที่คุ้นเคยในวัยเยาว์กำลังหวนกลับมาทักทายหัวใจของเธออีกครั้ง
และเหมือนว่าความรู้สึกของเธอได้ส่งผ่านให้อนาวินได้รับรู้ แต่ตัวเขาเองก็กำลังอึดอัดคับใจกับความรู้สึกนี้เช่นกัน..มือข้างหนึ่งของเขายื่นมาเกี่ยวนิ้วเธอไปกุมไว้หลวมๆ ปลายนิ้วหัวแม่มือของเขาหมุนวนไปมาบนหลังมือเธอ ถอนหายใจลึก ก่อนจะเอ่ยในสิ่งที่ตรึกตรอง
พี่รู้ว่าโม้นาไม่ได้เกลียดบ้านหลังนี้..และพี่อยากให้โม้นารู้อีกด้วยว่า พี่รู้สึกดีมากทีเดียวที่โม้นามาอยู่บ้านหลังนี้ร่วมกับพี่..จนพี่อยากเก็บโม้นาให้อยู่กับพี่แบบนี้ไปนานๆ..นานที่สุดเท่าที่จะทำได้..
ราโมน่ากล้ำกลืนในสิ่งที่ได้ยิน ก่อนตอบเสียงแผ่น มันไม่มีทางเป็นไปได้ พี่จิลก็น่าจะรู้ดี..
ใช่ พี่รู้ดี..ทั้งๆที่รู้ แต่พี่ก็ยังคิดกับโม้นาแบบนั้น แม้กระทั่งตอนนี้พี่ก็หยุดคิดเรื่องระหว่างเราไม่ได้เลย พี่อยากจะปล่อยโม้นาไป แล้วก็ทำเหมือนว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น โม้นาไม่เคยอยู่บ้านหลังนี้..ไม่เคยหัวเราะ..ไม่เคยร้องไห้..ไม่เคยมาว่ายน้ำในสระ หรือ..เรื่องที่โม้นาไม่เคยนอนหลับบนเตียงของพี่
จู่ๆความร้อนผ่าวเหมือนพุ่งทะลุจากความเย็นเยียบปะทะใบหน้าของราโมน่ากะทันหัน ก่อนความร้อนนั้นกระจายลามเลียไปตามเนื้อตัว และหัวใจของเธอยังคงเต้นตึกตัก หนักหน่วง รัวแรง เมื่อร่างกายของเขาขยับใกล้จนชิด มือข้างหนึ่งของเขายกขึ้นไล้ปลายนิ้วบนผิวแก้มของเธอจนเลื่อนมาเชยปลายคาง ปลายนิ้วโป้งของเขาลูบผ่านกับริมฝีปากล่างของเธอเบาๆ และอนาวินหายใจลึก เมื่อความอดทนอดกลั้นต่อความเย้ายวนได้ถึงจุดสิ้นสุด
พี่ไม่อยากปล่อยโม้นาไปเลย..
ในความรู้สึกของราโมน่า เสียงกระซิบนั้นที่ได้ยินเหมือนดังมาจากที่ไหนสักแห่ง ก่อนความอุ่นจัดประทับลงมาที่ริมฝีปาก ก่อเกิดอารมณ์วาบหวาม ลอยล่องไปสู่ดินแดนแสนหวานละไม ไร้ซึ่งความขัดแย้งใดๆมากีดกั้นความปรารถนาของเธอให้แยกจากเขา สองแขนของเธอยกขึ้นโอบกอดรอบหลังและไหล่กว้าง ในขณะที่ลำแขนของเขาโอบรัดร่างของเธอแนบแน่นจนยอดอกอวบนุ่มเบียดชิดแผ่นอกแกร่ง และฝ่ามือใหญ่ยึดกุมท้ายทอยของเธอ ยามวินาทีของการทักทายหยอกเอินอย่างอ่อนหวานเคลื่อนผ่าน ให้ความเร่าร้อนเข้มลึกในแรงปรารถนาเข้าครอบงำ ฝ่ามืออีกข้างของอนาวินเลื่อนลูบไล้ไปตามลาดโค้งของความอ่อนนุ่มละมุนทั่วแผ่นหลัง เอว สะโพกผายกลมกลึงที่เขาลูบคลำด้วยน้ำหนักมือไม่เบานัก ก่อนกดตรึงเบียดเข้าปะทะกลางลำตัวของเขาให้ราโมน่าสะท้านหวั่นไหว เมื่อสัมผัสชัดเจนถึงแรงอารมณ์ของเขา และร่างกายของเธอก็กำลังก่อเกิดปฏิกิริยาตอบสนองจนรวดร้าวไปทั่วทุกอณู
และก่อนที่จะถึงจุดอันตรายจนควบคุมไม่ได้ อนาวินรีบถอนริมฝีปาก แนบหน้าผากเขากับหน้าผากเธอ ลมหายใจผ่าวรดใบหน้าซึ่งกันและกัน เป็นการยุติความฝันทั้งปวงและกลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงของการจากลาไปตลอดกาล
อนาวินผละห่าง สองมือโอบประคองใบหน้าของราโมน่า กวาดสายตามองทุกองค์ประกอบของเครื่องหน้า อ้อยอิ่งอยู่กับริมฝีปากอิ่มชุ่มแดงช้ำ ก่อนกลับมาสบดวงตาที่กำลังเอ่อนองด้วยหยาดน้ำตาของเธอกับความเจ็บปวดที่เธอพยายามหลีกหนีมาตลอดเวลา
ชายหนุ่มกล้ำกลืนความรู้สึกต่อแรงปรารถนาที่จะโอบกอดปลอบประโลมเธอไว้สุดกลั้น และสั่งด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยมั่นคงนัก รีบกลับขึ้นห้องไปซะ..แล้วก็ล็อกประตูให้แน่น หรือถ้าให้ดีก็ลากตู้ลากเตียงมาขวางประตูไว้ด้วย..ต่อให้พี่ไปเรียกก็ห้ามเปิดเด็ดขาด จนกว่าจะเช้า..เข้าใจมั้ย
ราโมน่าถอนสะอื้นพลางพยักหน้ารับ และทันทีที่ฝ่ามือของเขาผละจากใบหน้า เธอก็หันเดินกึ่งวิ่งเข้าบ้านตรงขึ้นห้องนอนทำตามอย่างที่เขาสั่ง โดยไม่แน่ใจนักว่า หากเขามาเรียกจริงๆ..ประตูไม้บานนี้จะสามารถขวางกั้นเขาได้หรือเปล่า ในเมื่อ ตัวของเธอเองนั้นก็พร้อมจะเปิดรับเขาในทุกขณะจิต
อนาวินผินหน้ามองผิวน้ำใสกระเพื่อมไหวเป็นละลอกเล็กๆภายใต้แสงสว่างของสปอร์ตไลฟ์ ข่มใจให้สงบนิ่ง และปล่อยความคิดที่มีให้เลื่อนลอยไปในความเงียบงัน พร้อมทำใจว่าสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเขากับราโมน่าเป็นเพียงความฝัน..ฝันอันแสนวิเศษที่เขาจะไม่มีวันลืม..
..................................................................................
จบตอนค่า โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ
จากคุณ |
:
ระรินใจ
|
เขียนเมื่อ |
:
22 พ.ค. 55 13:54:27
|
|
|
|