Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เซ็นซู ภาค จอมอสูรจากหิมาลัย บทที่ 12 พลังปลุกวิญญาณ ติดต่อทีมงาน

เซ็นซู บทต้น
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=moonyforever&month=22-09-2011&group=19&gblog=1

บทที่ 11 การจู่โจมของคุโรอิเนโกะ
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12037254/W12037254.html

บทที่ 12

พลังปลุกวิญญาณ

เมื่อไพราออกไปจากห้องแล้วมิสึกิจึงยืนมองต้นไม้ภายในสวนอย่างครุ่นคิด จากสีหน้าและน้ำเสียงของจอมอสูรที่แสดงออกตอนนางพูดถึงเครื่องรางที่ได้รับจากฮารุคาเสะก่อนจะหายตัวไปทำให้หญิงสาวบังเกิดความสงสัยบางอย่างขึ้นภายในจิตใจ

“ทำไมเขาถึงมีท่าทางตกใจถึงขนาดนั้น” มือเลื่อนขึ้นกุมใบโมมิจิในอกเสื้อ “หรือว่าไพรากลัวใบไม้นี่เหมือนปิศาจตนอื่น”

มิสึกิพึมพำพลางหวนนึกถึงเหตุการณ์ตอนที่ปิศาจเต่าบุกเข้ามาทำร้ายนางถึงในจวน ในตอนนั้นด้ายสีแดงที่ร้อยไว้กับใบโมมิจิพุ่งเข้าโจมตีมันตั้งแต่ยังไม่ทันได้แตะตัวนางเลยด้วยซ้ำ แต่กลับจอมอสูรแล้วมันกลับไม่มีการตอบสนองใดเลยสักนิดแม้เขาจะยืนใกล้จนแทบจะสัมผัสกับนาง หญิงสาวส่ายศีรษะพร้อมกับกล่าวเบาๆ

“จะว่าไปตั้งแต่พบกันต่อให้อยู่ใกล้ข้าแค่ไหนเขาก็ไม่เคยถูกด้ายแดงโจมตีเลยสักครั้ง ดังนั้นไพราคงไม่กลัวใบไม้นี่แน่”

มิสึกิระบายลมหายใจออกมา

“แล้วทำไมเขาถึงต้องทำหน้าแบบนั้นนะ”

สายลมเย็นพัดผ่านเรือนร่างในอาภรณ์งดงามนำพากลีบซากุระที่ร่วงโรยลงจากต้นปลิวเข้ามาหา หญิงสาวยื่นมือออกไปรับกลีบสีชมพูบอบบางและประคองขึ้นมามองด้วยสายตาเศร้าสร้อยก่อนปล่อยให้มันลอยไปตามกระแสลม เพียงหมุนห่างออกจากนางไปแค่ขอบระเบียงซากุระทุกกลีบก็มีไฟลุกพรึ่บขึ้นและมอดไหม้กลายเป็นเถ้าไปในชั่วพริบตา มิสึกิอ้าปากค้างด้วยความตระหนกและยิ่งตกใจเพิ่มมากขึ้นเห็นเงาดำจำนวนมากกระโจนผ่านกำแพงปราสาทเข้ามา ทุกตัวต่างหยุดยืนอยู่ภายในสวนและยืดตัวขึ้น ปากที่เต็มไปด้วยคมเขี้ยวแหลมคมแสยะกว้างพร้อมกับส่งเสียงร้องคำรามออกมา มันทำให้ข้ารับใช้ชายหญิงที่กำลังทำงานอยู่ในบริเวณนั้นต้องหันไปมอง ดวงตาของทุกคนเบิกกว้างด้วยความหวาดกลัวเมื่อเห็นผู้บุกรุกเต็มตา

“ปิศาจ”

ใครคนหนึ่งตะโกนขึ้น ข้ารับใช้หญิงจึงส่งเสียงกรีดร้องออกมาดังลั่น ยิ่งเมื่อประกอบกับเสียงคำรามขู่ของฝูงปิศาจร้ายแล้วสติของทุกคนก็ขาดผึงลง พวกเขาพากันวิ่งหนีกันอย่างกระเจิดกระเจิงไปคนละทิศละทาง ข้ารับใช้บางคนรีบวิ่งเข้ามาปกป้องท่านหญิงแห่งโคะโตโระในขณะที่บางคนวิ่งเตลิดไปด้วยความหวาดกลัว และเมื่อมีเสียงร้องของแมวดังขึ้น ปิศาจที่บุกเข้าไปในปราสาทยาสึฮิระก็กระโจนไล่จับมนุษย์ที่กำลังวิ่งหนีกันอลหม่านอย่างสนุกสนาน ใครหนีไม่ทันก็จะถูกจับฉีกกินอย่างทารุณ ที่เหลือรอดต่างก็ส่งเสียงร้องดังลั่นและหันหลังวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต ความโกลาหลของมนุษย์ภายในปราสาททำให้นางปิศาจแมวดำที่กำลังนอนเหยียดตัวอยู่บนกำแพงแสยะยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ

“เสียงกรีดร้องของพวกมนุษย์ช่างไพเราะจับใจเสียเหลือเกิน” ดวงตาสีอำพันทอประกายวาว “ฆ่าพวกมันให้หมดอย่าให้เหลือแม้แต่คนเดียว”

ปิศาจทุกตัวคำรามรับคำสั่ง พวกมันไล่สังหารคนในจวนอย่างสนุกสนาน แม้พวกทหารจะกรูกันเข้ามาต่อสู้แต่ดาบของพวกเขาก็ไม่สามารถทำอะไรผู้บุกรุกได้ ทหารกลุ่มหนึ่งรีบวิ่งไปอารักขามิสึกิและพยายามพานางหนีออกจากที่นั่นแต่โชคร้ายที่ปิศาจตัวหนึ่งหันมาเห็นเข้าพอดี มันแยกเขี้ยวพร้อมกับส่งเสียงขู่คำรามและกระโจนเข้าใส่หญิงสาวทันที แม้พวกทหารจะช่วยกันปกป้องแต่ก็ไม่อาจรับมือกับปิศาจตนนั้นได้ เมื่อกำจัดคนที่เข้ามาขวางไปจนหมดสิ้น มันจึงหันมาจ้องมิสึกิและตวัดลิ้นเลียริมฝีปากของตัวเอง

“น่ากินเหลือเกิน”

น้ำลายเหนียวหนืดไหลเยิ้มออกมาจากปาก เจ้าปิศาจยื่นมือออกไปหมายจะจับเหยื่อตรงหน้ามาฉีกกินให้อร่อยลิ้นแต่เพียงปลายเล็บแตะที่ชายเสื้อ แขนข้างนั้นก็เกิดอาการแข็งเกร็งค้างนิ่งอยู่กับที่ ปิศาจร้ายมองด้วยความประหลาดใจและฝืนจะขยับแต่ก็ต้องร้องลั่นเมื่อมือของมันถูกหักพับไปข้างหลังอย่างรุนแรงคล้ายถูกใครบางคนกระชากและยังไม่ทันที่จะได้ส่งเสียงร้องหัวของมันก็ถูกบิดอย่างแรงจนเสียงกระดูกแตกดังลั่น เจ้าปิศาจอัปลักษณ์ทรุดฮวบลงกับพื้นขาดใจตายไปในทันทีโดยมีร่างสูงใหญ่ของไพรายืนผงาดค้ำซากของมัน ดวงตาสีเข้มเหลือบไปทางมิสึกิ เสียงคำรามด้วยความโกรธดังอยู่ในลำคอเมื่อเห็นใบหน้าของหญิงสาวมีรอยเปรอะเปื้อน หนำซ้ำเสื้อผ้ายังมีร่องรอยของการถูกกระชากจนชายผ้าขาดเป็นรอยยาว จอมอสูรตวัดสายตาที่ทอแสงลุกโชนกลับไปยังฝูงปิศาจ เขาก้าวไปข้างหน้าขณะที่ขยับกรงเล็บในท่าที่พร้อมจะปลิดวิญญาณของพวกมัน

“พวกแกบังอาจทำให้นางต้องบาดเจ็บ” ไพรากล่าวและตวัดมือไปข้างหน้า คลื่นพลังคมกริบรูปจันทร์เสี้ยวพุ่งเข้าตัดร่างของปิศาจร้ายที่ยังไม่ทันระวังตัวอย่างรวดเร็ว พวกที่เหลือต่างถอยหลังด้วยความตื่นตระหนกและคงจะถูกสังหารสิ้นหากนางปิศาจแมวดำไม่พูดขึ้น

“มัวตกใจอะไรอยู่ รีบฆ่ามันเร็ว”

เหล่าปิศาจวิ่งกรูกันเข้าใส่ไพราทันที ตัวแรกที่เข้าไปใกล้ถูกคว้าหัวเอาไว้และโดนบีบจนแหลกเละในขณะที่กรงเล็บของมืออีกข้าวตวัดตัดลำคอปิศาจคอยาวจนขาดกระเด็น แม้จะถูกฆ่าตายราวกับใบไม้ร่วงแต่พวกที่เหลือก็ยังกลุ้มรุมเข้าใส่จอมอสูรอย่างไม่กลัวตายจนเขาต้องเรียกพลังไฟให้ระเบิดขึ้นเผาปิศาจที่ถาโถมกันเข้ามาจนมอดไหม้เป็นธุลี ตัวที่เหลือรอดเมื่อเห็นดังนั้นก็เกิดความหวาดกลัวและหันหลังเตรียมจะหนีแต่ไพรากลับรู้ทัน เขากระโดดไปยืนขวางหน้าและใช้กำปั้นฟาดลงบนหัวของมันจนเละไม่มีชิ้นดี

ในระหว่างที่พวกพ้องกำลังถูกจอมอสูรไล่สังหารอยู่นั้นปิศาจอีกกลุ่มที่ซ่อนตัวอยู่ใต้จวนจึงค่อยๆโผล่หน้าออกมา พวกมันกวาดตามองไปโดยรอบเพื่อหาทางหนีและไปหยุดตรงมิสึกิซึ่งยังคงยืนนิ่งอยู่กับที่ ตัวที่มีใบหน้าละม้ายคล้ายนกหันไปกระซิบกับเพื่อน

“จับนางเป็นตัวประกันดีกว่า”

“เพื่ออะไร เจ้าอสูรนั่นคงไม่สนใจนางหรอก” เพื่อนของมันพูดแต่ปิศาจนกกลับส่ายหน้า

“แต่ข้าคิดว่าเจ้านั่นชอบผู้หญิงคนนั้น เพราะพอรู้ว่านางถูกทำร้ายท่าทีของมันก็เปลี่ยนไป”

“เจ้าแน่ใจหรือ” ปิศาจอีกตัวถาม และเมื่อเจ้าหัวนกพยักหน้ามันก็หันไปมองมิสึกิ “งั้นไปจัดการกันเถอะ เจ้าเป็นคนจับส่วนข้าจะคอยระวังเจ้าอสูรนั่นให้”

ปิศาจทั้งสามย่องเข้าไปหามิสึกิซึ่งยังคงยืนมองไพราอย่างปราศจากความระมัดระวัง เมื่อเข้าไปใกล้เจ้าปิศาจนกจึงเอื้อมมือหมายจะจับนางแต่เพียงปลายนิ้วสัมผัสกับเส้นผมมือข้างนั้นก็ถูกด้ายสีแดงที่พุ่งมาจากห้องด้านข้างตัดจนขาดกระเด็น ไม่เพียงแค่แขนเท่านั้น ร่างของปิศาจทั้งสามเองก็ถูกบั่นเป็นชิ้นร่วงลงไปกองกับพื้นแทบเท้ามิสึกิ  หญิงสาวยกมือทาบอกด้วยความตกใจแต่เมื่อเห็นผู้ที่เข้ามาช่วยเหลือแล้วนางถึงกับยิ้มกว้างและรีบวิ่งเข้าไปหาพร้อมกับร้องเรียกด้วยความดีใจ

“ฮารุคาเสะ”

แม้จะยินดีที่เห็นหญิงอันเป็นที่รักปลอดภัยแต่ชายหนุ่มก็ยังคงรักษาท่าทีให้สงบนิ่งและถามอย่างเคร่งขรึม

“ไม่เป็นไรใช่ไหม”

มิสึกิผงกศีรษะรับและหันไปทางไพราที่ยังกำลังโยนปิศาจตัวหนึ่งออกไปนอกกำแพง

“โชคดีที่ไพรามาช่วยได้ทัน” นางหันกลับมายังฮารุคาเสะ เขาพยักหน้าด้วยความโล่งอกพัดคู่ในมือถูกยกขึ้นในท่าพร้อมจู่โจม

“มาอยู่ข้างหลังข้า”

ทันทีที่มิสึกิไปยืนด้านหลังตามคำสั่ง นักนาฏกรรมหนุ่มก็สะบัดพัดคู่ในมือ สายลมที่นิ่งสงบกลับแปรเปลี่ยนเป็นลมหมุนดึงกลีบซากุระที่ตกเกลื่อนพื้นให้ลอยขึ้นมาและพุ่งออกไปเชือดร่างปิศาจที่เหลือจนขาดเป็นริ้วไม่เหลือรอดแม้สักตัว ไพราซึ่งกำลังเงื้อมือเตรียมสังหารปิศาจตัวหนึ่งถึงกับชะงัก เขาหันมามองฮารุคาเสะอย่างไม่พอใจนัก

“ข้าไม่ได้ขอให้เจ้าช่วย”

“ข้าก็ไม่คิดจะช่วยเจ้า” ชายหนุ่มสวนกลับทันควัน จอมอสูรมองเขาด้วยดวงตาลุกวาว
“ความจริงแล้วเจ้าคิดจะกำจัดข้าด้วยใช่ไหม”

“ใช่” ฮารุคาเสะตอบพร้อมกับขยับพัดในมือ มิสึกิรีบดึงแขนเขาเอาไว้พร้อมกับร้องห้าม
“ได้โปรดหยุดก่อน”

ชายหนุ่มหยุดชะงักและหันไปมองนางด้วยความแปลกใจแต่ยังไม่ทันที่จะได้เอ่ยปากถามถึงเหตุผลเสียงขู่ฟ่อจากคุโระอิเนโกะก็ดังขัดขึ้น ทั้งฮารุคาเสะและไพราหันไปมองที่กำแพงปราสาทพร้อมกัน จอมอสูรถึงกับคำรามลั่นเมื่อเห็นนางปิศาจแมวดำกำลังกางเล็บและทำท่าคล้ายจะกระโจนลงมาตะกุยเขาให้แหลกคามือ

“ที่แท้ก็เป็นเจ้าเองที่พาปิศาจพวกนั้นเข้ามา” เขาขยับไปข้างหน้าและยื่นมือข้างที่มีขนสัตว์สีขาวออกไป “คราวนี้ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าหนีรอดไปได้อีก”

เพลิงสีแดงพุ่งวาบเข้าใส่คุโระอิเนโกะทันทีที่จอมอสูรพูดจบ นางพลิกตัวหลบและกระโจนสวนเข้าไปหา กรงเล็บแหลมกางออกหมาจะฉีกเนื้ออีกฝ่ายแต่ไพราเบี่ยงหลบได้ทันนางแมวปิศาจจึงทำแค่จารึกรอยข่วนบนแผ่นหลังเป็นทางยาว แม้จะไม่ใช่บาดแผลฉกรรจ์แต่การกระทำอันอุกอาจสร้างความพิโรธต่อไพราเป็นอย่างมาก เขาร้องคำรามออกมาดังลั่นก่อนเหวี่ยงกำปั้นเข้าไปที่ใบหน้าของปิศาจแมวดำแต่นางกลับกระโดดหนีขึ้นไปยืนบนกำแพงและตวัดลิ้นเลียเลือดอสูรบนปลายนิ้วอย่างยั่วยวน

“เลือดของเจ้าหวานไม่ใช่เล่น”

ดวงตาสีอำพันมองอย่างท้าทาย สีหน้าเย้ยหยันของนางทำให้ไพราถึงกับขบกราม

“ข้าจะขยี้เจ้าไม่ให้เหลือซากสักชิ้น”

คุโระอิเนโกะขานรับคำสบถด้วยเสียงร้องของแมวก่อนจะกระโดดแผล็วลงจากกำแพงและวิ่งหายเข้าไปในฝูงชนโดยมีไพราพุ่งตัววิ่งตามหลังออกไปอย่างรวดเร็ว

เมื่อเห็นจอมอสูรออกไปจากเขตปราสาทแล้วฮารุคาเสะจึงหันกลับไปยังมิสึกิและแตะคราบเลือดที่เปรอะเปื้อนบนเสื้อของนาง

“เจ้าบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า”

เขาถามด้วยความเป็นห่วง หญิงสาวสั่นศีรษะ

“ข้าไม่เป็นไร”

ฮารุคาเสะถอนใจอย่างโล่งอกพลางเช็ดรอยเปื้อนบนพวงแก้มปลั่ง การกระทำอันแสนอ่อนโยนของเขาทำให้สร้างความสุขใจต่อมิสึกิเป็นยิ่งนัก แต่ด้วยตำแหน่งกุลสตรีอันสูงศักดิ์ทำให้นางต้องพยายามสะกดรอยยิ้มเอาไว้ใบหน้าแสนงามก้มลงเล็กน้อยพร้อมกับกล่าวอย่างเอียงอาย

“นั่นไม่ใช่เลือดของข้า”

“ข้ารู้” ชายหนุ่มตอบเสียงนุ่มพลางลูบแก้มนวลอย่างทะนุถนอมก่อนจะเชยคางของหญิงสาวขึ้น “แต่ใบหน้าของเจ้าไม่ควรมีสิ่งใดมาแปดเปื้อน”

ความร้อนแผ่นซ่านไปทั่วพักตร์งาม ดวงตาที่ฉายความห่วงใยของฮารุคาเสะทำให้มิสึรู้สึกขวยเขินจนแทบจะก้มหน้าลงหลบ หัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะเริ่มแรงขึ้นเมื่อถูกชายหนุ่มรั้งร่างเข้าไปไว้ในอ้อมกอด

“มิสึกิ”

เสียงเรียกแผ่วเบาราวกระซิบขณะที่ใบหน้าสง่างามก้มลงและหยุดชะงัก พัดที่ถูกซ่อนไว้ในแขนเสื้อเลื่อนเข้ามาอยู่ในมือและสะบัดไปทางด้านหลัง สายลมคมกริบราวกับมีดตัดผ่านพุ่มดอกอะจิไซจนขาดสะบั้น เสียงหัวเราะอย่างชอบอกชอบใจดังท่ามกลางเศษใบไม้ปลิวว่อน

“สมเป็นนักปราบมาร ขนาดกำลังพรอดรักยังรู้ถึงการมาของข้า”

ฮารุคาเสะหันหน้าไปยังเจ้าของเสียงและนิ่วหน้าเมื่อเห็นคุโระอิเนโกะที่กำลังนอนกระดิกหางอยู่บนต้นซากุระ

“เจ้าหนีรอดจากไพรามาได้ยังไง”

“หนี”ปิศาจแมวดำทวนคำและปล่อยเสียงหัวเราะออกมาดังลั่น”สิ่งที่อสูรตัวนั้นตามคือเงาของข้าต่างหาก”  

“หมายความว่าเจ้าอยู่นี่มาโดยตลอด”

ฮารุคาเสะพูดเสียงห้วนพลางดันร่างมิสึกิให้ไปยืนอยู่ด้านหลัง คุโระอิเนโกะเหยียดตัวและใช้กรงเล็บตะกุยกิ่งซากุระเล่นพลางมองคนทั้งสองด้วยดวงตาวาว

“ข้าไม่ไปไหนทั้งนั้นหากงานยังไม่เสร็จ”

“งาน”

ชายหนุ่มกล่าวทวนคำและเบิกตากว้างเมื่อแมวปิศาจกระโจนเข้าใส่ เขารีบวาดพัดในมือเรียกกลีบดอกไม้ขึ้นมาบังแต่นางแมวดำกลับปัดออกและคว้าพัดด้ามหนึ่งเอาไว้ส่วนมืออีกข้างเงื้อง่าขึ้นหมายจะตะปบลงไปบนใบหน้าของคู่ต่อสู้แต่ต้องหยุดชะงักค้างเพราะถูกด้ายสีแดงยึดเอาไว้

“สายธารโลหิต”

ฮารุคาเสะกล่าวเสียงเย็น ไหมสีแดงสดพุ่งออกไปเป็นสายโอบรัดร่างของคุโระอิเนโกะเอาไว้และบั่นนางจนขาดเป็นท่อนร่วงกระจายเกลื่อนพื้น ชายหนุ่มมองและต้องนิ่วหน้าเพราะแทนที่ชิ้นส่วนเหล่านั้นจะเป็นเศษซากของนางปิศาจ มันกลับเป็นร่างไร้วิญญาณของข้ารับใช้คนหนึ่ง

“นี่มันอะไรกัน”

เสียงร้องของมิสึกิดังขัดความคิด ฮารุคาเสะหันกลับไปมองและขบกรามแน่นเมื่อพบว่าปิศาจแมวดำกำลังรวบนางเอาไว้

“บอกแล้วว่าข้าต้องทำงานให้เสร็จ”

“หรือว่าเป้าหมายของเจ้าคือมิสึกิ”

“ถูกต้อง” คุโระอิเนโกะพูดพลางลากกรงเล็บไปบนใบหน้าของมิสึกิ”ช่างงดงามดุจ
จันทรายามราตรี มิน่าเล่าซาวาระถึงอยากครอบครองเจ้านัก”

สายลมกราดเกรี้ยวพุ่งวาบเฉียดร่างฉีกแขนเสื้อของปิศาจแมวดำจนขาดเป็นริ้ว นางเลื่อนสายตาไปทางนักนาฏกรรมหนุ่มพร้อมกับแสยะยิ้ม

“โจมตีมาแบบนี้ไม่คิดหรือว่าอาจจะทำให้คนรักของเจ้าบาดเจ็บ”

“ลมของข้าไม่มีวันทำร้ายนาง”

ฮารุคาเสะตอบเสียงห้วนพร้อมกับวาดพัดไปด้านข้าง คุโระอิเนโกะจึงกดเล็บลงไปบนลำคอของมิสึกิ

“ข้าหมายถึงกรงเล็บนี่ต่างหาก”

คำพูดของนางปิศาจทำให้ชายหนุ่มต้องชะงัก เขามองใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวของมิสึกิก่อนตัดสินใจลดพัดทั้งคู่ลง ปิศาจแมวดำเห็นดังนั้นจึงหัวเราะอย่างชอบอกชอบใจ

“ทำแบบนี้แสดงว่าเจ้ายอมให้นางตกเป็นสมบัติของซาวาระ”

พัดในมือกำแน่นจนสั่นระริก แน่นอนว่าฮารุคาเสะย่อมไม่มีวันปล่อยให้คุโระอิเนโกะพา
มิสึกิออกไปจากปราสาท แต่ครั้นจะขัดขวางโดยตรงก็อาจจะทำให้นางได้รับอันตรายดังนั้นชายหนุ่มจึงจำต้องยืนนิ่งและครุ่นคิดวิธีการช่วยเหลือไปพร้อมกัน แต่การนิ่งเฉยของเขาทำให้หญิงสาวบังเกิดความรู้สึกหวาดหวั่นจนสุดที่จะอยู่นิ่งอีกต่อไป มิสึกิจึงร้องเรียกชายหนุ่มพร้อมกับสะบัดตัวอย่างแรง

“ฮารุคาเสะ”

กรงเล็บที่ถูกจ่อไว้บนลำคอเลื่อนขึ้นไปบนใบหน้ากรีดพวงแก้มของหญิงสาวจนเป็นแผลฉกรรจ์เรียกเลือดสีแดงฉานให้ไหลทะลักออกมาราวกับน้ำ นางแมวร้ายสบถลั่นด้วยความโกรธและรีบร่ายมนตร์เพื่อให้อีกฝ่ายหมดสติ แต่ยังไม่ทันที่จะได้พานางออกจากปราสาทด้ายสีแดงก็พุ่งเข้ามาพันธนาการร่างของคุโระอิเนโกะเอาไว้ นางปิศาจคำรามลั่นเมื่อเห็นร่างของมิสึกิกำลังถูกกลีบดอกไม้ประคองให้ลอยไปหาฮารุคาเสะ

“เจ้า!”

กล่าวออกมาเพียงเท่านั้นนางแมวดำก็ต้องอ้าปากค้างเมื่อพบว่าสิ่งที่มัดตรึงร่างนั้นไม่ใช่พู่ไหมประดับพัดเหมือนทุกครั้ง หากแต่เป็นเส้นผมยาวสยายของผู้ที่กำลังกางแขนออกเพื่อรับร่างบุตรีของยาสึฮิระ

ฮารุคาเสะ

เส้นผมที่เคยเป็นสีดำสนิทดุจขนกาบัดนี้แปรเปลี่ยนเป็นสีแดงสดราวกับเปลวเพลิง มันสะบัดไปมาคล้ายเปลวอัคคีที่เต้นระริกยามต้องสายลม สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้คุโรอิเนโกะต้องอ้าปากค้างอย่างคาดไม่ถึง

“หรือว่าเจ้า”

ใบไม้อีกกลุ่มพุ่งกรูเข้ารุมล้อมปิศาจแมวดำฉีกทึ้งมันจนแหลกเป็นชิ้น เมื่อแน่ใจว่าปลิดชีพปิศาจร้ายได้แล้วใบไม้ทั้งหมดจึงหยุดหมุนวนและร่วงหล่นลงบนพื้น ฮารุคาเสะขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจเพราะแทนที่จะพบเศษซากชิ้นส่วนของนางปิศาจกลับมีเพียงเส้นขนสีดำเพียงกระจุกเดียว


“หนีไปได้งั้นหรือ”

เขาพึมพำด้วยความเจ็บใจจากนั้นจึงก้มหน้าลงมองคนรักในอ้อมแขนและวางมือลงบนบาดแผล ดวงตาสีเข้มบัดนี้แปรเปลี่ยนเป็นแดงก่ำดุจเลือดจ้องดวงหน้างามนิ่งขณะที่ภายในใจเริ่มภาวนา ราวกับมีพลังบางอย่างถ่ายทอดผ่านมือลงไปยังมิสึกิ รอยแผลลึกค่อยๆประสานตัวทีละน้อยจนหายสนิทไม่มีเหลือแม้รอยขีดข่วนเช่นเดียวกันกับเส้นผมของฮารุคาเสะที่กลับคืนเป็นสีดำ เมื่อชายหนุ่มถอนมือออกเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ไพราก้าวเข้ามาหาพอดี

“เกิดอะไรขึ้น”

“นางได้รับบาดเจ็บ” ฮารุคาเสะตอบเสียงเรียบพลางไล้ใบหน้าของหญิงสาวด้วยปลายนิ้ว จอมอสูรรีบก้มหน้าลงมองพร้อมกับถามด้วยความโกรธ

“เจ้าปล่อยให้นางบาดเจ็บได้ยังไง”

“ข้าควรจะถามเจ้าว่าเหตุใดจึงมองไม่ออกว่านางแมวปิศาจนั่นเป็นภาพมายามากกว่า”

คำถามของชายหนุ่มทำให้ไพราถึงกับเถียงอะไรไม่ออก เมื่จนปัญญาที่จะหาคำมากล่าวแก้เขาถึงกระแทกลมหายใจก่อนถามเสียงเรียบ

“นางเป็นยังไงบ้าง”

“หายดีแล้ว รอแค่ให้ฟื้นคืนสติขึ้นมาเท่านั้น”

จอมอสูรมองฮารุคาเสะอย่างใคร่ครวญ เพราะถึงจะเพิ่งเข้ามาแต่เขายังทันเห็นว่าเส้นผมของฮารุคาเสะเป็นสีแดงดุจเปลวไฟ

“เจ้าไม่ใช่มนุษย์”

เขาเปรยด้วยเสียงที่ไม่ดังนัก อีกฝ่ายชะงักเล็กน้อยก่อนจะตอบเสียงเรียบ  

“แต่ข้าก็ไม่ใช่ปิศาจ”

ไพราเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยพร้อมกับย้อนถาม

“แน่ใจหรือที่พูดแบบนั้น”

ชายหนุ่มหันไปจ้องเขาทันที ประกายบางอย่างเต้นระริกอยู่ในแววตา

“เจ้าหมายความว่ายังไง”

“ข้าเคยเห็นผู้ใช้เวทและนักปราบมารมามาก แต่ไม่เคยเห็นผู้ใดมีเส้นผมสีแดงเหมือนกับเจ้า อีกอย่างความสามารถในการเรียกสายลมมาใช้ได้อย่างคล่องแคล่วกับพู่ไหมที่ห้อยอยู่บนพัดนั่น อยากให้ข้าพูดไหมว่ามันคืออะไร”

ฮารุคาเสะขยับพัดเข้าไปไว้ในแขนเสื้อแทบจะทันทีคล้ายต้องการซ่อนมันให้พ้นจากสายตาของจอมอสูร

“เจ้า...”

ชายหนุ่มหยุดคำพูดไว้เพียงแค่นั้นเมื่อได้ยินเสียงครางอย่างแผ่วเบาดังมาจากมิสึกิ ทั้ง
ไพราและฮารุคาเสะมองนางและเอ่ยเรียกพร้อมกัน

“มิสึกิ”

ดวงตาของหญิงสาวกะพริบสองสามครั้งอย่างมึนงงและเบิกกว้าง นางลุกพรวดขึ้นและกวาดมองรอบตัวอย่างตื่นกลัวพลางขยับตัวเข้าไปหาฮารุคาเสะ

“ปิศาจตนนั้นล่ะ”

“มันหนีไปแล้ว” ชายหนุ่มตอบเสียงนุ่ม หญิงสาวยกมือขึ้นแตะใบหน้าและขมวดคิ้วอย่างงุนงง

“ข้าจำได้ว่าถูกเจ้าปิศาจนั่นข่วน”

“เจ้าโดนมันหลอกด้วยภาพมายา....”

พูดออกมาได้เพียงเท่านั้นก็ต้องหยุดชะงักเมื่อสัมผัสถึงคลื่นพลังรุนแรงที่กำลังเคลื่อนเข้ามาใกล้ ฮารุคาเสะรีบถอยห่างออกจากมิสึกิและกำพัดในมือแน่น ส่วนไพรานั้นยังคงยืนนิ่งอยู่กับที่ ในขณะที่ดวงตามองไปยังทิศทางอันเป็นที่มาของกลุ่มพลัง เขาหัวเราะเบาๆในลำคอ

“ผู้ทรงอำนาจแห่งโคะโตโระมาแล้ว”

สิ้นคำพูด ร่างในชุดเกราะนักรบอันงามสง่าก็ก้าวเข้ามาโดยมีโคดาจิเดินตามไม่ห่าง  ใบหน้าที่เคร่งขรึมเคร่งเครียดขึ้นในทันทีเมื่อเห็นศพของทหารและข้ารับใช้ที่นอนตายปะปนไปกับชิ้นส่วนของปิศาจกลาดเกลื่อนไปทั่วสวน หลังจากกวาดตามองไปจนทั่วเขาจึงหันมายังฮารุคาเสะและถามเสียงห้วน

“เจ้ามาทำอะไรที่นี่”

“เขามาช่วยข้า” มิสึกิรีบกล่าวตอบ ยาสึฮิระขมวดคิ้วและเลื่อนสายตากลับไปที่สวนอีกครั้งพร้อมกับถามด้วยน้ำเสียงที่เบาลงกว่าเดิม

“เกิดอะไรขึ้น”

“ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ตอนที่กำลังจะเขียนบททกลอนอยู่ๆก็มีพวกปิศาจบุกเข้ามา พวกมันไล่ฆ่าคนของเราอย่างโหดร้ายทารุณ หากคุณชายฮารุคาเสะไม่เข้ามาช่วย ข้าเองก็คงไม่รอดเหมือนกัน”

ดวงตาคมกล้าของยาสึฮิระจ้องฮารุคาเสะเขม็งจากนั้นจึงตวัดกลับไปที่สวน แม้จะเห็น
ไพรายืนอยู่ที่นั่นด้วยแต่เขากลับไม่แสดงท่าทีอะไรออกมานอกจากจะเบนหน้ากลับมาที่มิสึกิอีกครั้ง

“เจ้าได้รับบาดเจ็บหรือเปล่า”

หญิงสาวสั่นศีรษะ ยาสึฮิระจึงพยักหน้าและแตะไหล่นางอย่างแผ่วเบา เขาหันไปทางนักนาฏกรรมหนุ่มและก้มหน้าลงพอเป็นพิธี

“ขอบใจ”

ฮารุคาเสะรีบค้อมตัวลงรับพร้อมกับกล่าวอย่างนอบน้อม

“ข้าทำเท่าที่ทำได้เท่านั้น”

เจ้าเมืองโคะโตโระยิ้ม

“คนเก่งมักไม่โอ้อวดฝีมือ นอกจากเจ้าจะมีความสามารถแล้วยังมีสติปัญญาและความกล้าหาญไม่แพ้นักรบ หากไม่ใช่พวกนาฏกรรมแล้วข้าคงให้มาอยู่ร่วมในกองทัพ”

ชายหนุ่มก้มศีรษะลง

“คำกล่าวของท่านนับเป็นความเมตตาอย่างสูง”

“ข้ามีเมตตาสำหรับผู้ที่ภักดีเสมอ” ยาสึฮิระกล่าวพลางหันไปยังมะรุอิชิที่ยืนอยู่ด้านหลัง “พาพวกที่บาดเจ็บไปรักษา ส่วนเจ้า”

เขาชำเลืองตาไปทางโคดาจิที่ยืนนิ่งอยู่ด้านข้าง

“นำร่างของพวกที่ตายออกไป คัดแยกซากปิศาจออกจากพวกเขาเอาไปเผาทิ้งให้หมด และสั่งให้คนเข้ามาจัดการทำความสะอาดที่นี่ให้เร็วที่สุด”

ทั้งมะรุอิชิและโคดาจิต่างค้อมตัวลงพร้อมกับกล่าวรับคำ จากนั้นทั้งคู่จึงแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ตามที่ผู้เป็นนายสั่งทันที เมื่อจัดการทุกอย่างแล้วยาสึฮิระจึงหันไปทางมิสึกิพร้อมกับกล่าวอย่างอ่อนโยน

“วันนี้เจ้าคงต้องไปพักที่จวนของข้าก่อน รอให้พวกทหารกับข้ารับใช้ทำความสะอาดที่นี่เสร็จเรียบร้อยแล้วค่อยกลับมา” เมื่อบุตรสาวรับคำเขาจึงเบือนหน้าไปทางฮารุคาเสะ “ส่วนเจ้าคงต้องกลับไปที่ห้องก่อน พรุ่งนี้ค่อยไปสอนมิสึกิที่จวนของข้า”

กล่าวจบเจ้าเมืองโคะโตโระก็หมุนตัวเดินออกจากที่นั่น มิสึกิมองฮารุคาเสะอย่างอาวรณ์และก้มศีรษะลงเล็กน้อยก่อนจะรีบก้าวตามบิดา เมื่อทั้งสองพ้นจากบริเวณนั้นแล้วเสียงร้องสั่งจากมะรุอิชิก็ดังขึ้น ชายหนุ่มจึงหันไปมองกลุ่มทหารที่กำลังช่วยกันนำคนเจ็บออกไปทำการรักษาต่างจากการทำงานของทหารด้านโคดาจิที่ลำเลียงร่างคนตายออกไปด้านนอกอย่างเงียบกริบ ไร้คำพูดใด

หลังจากยืนดูการทำงานของทหารทั้งสองกลุ่มอยู่ครู่หนึ่งฮารุคาเสะจึงกลับไปยังเรือนรับรองที่อยู่อีกด้านหนึ่งของปราสาทซึ่งต้องผ่านจวนของยาสึฮิระ ระหว่างที่กำลังเดินอยู่นั้นชายหนุ่มลอบสังเกตบริเวณโดยรอบรวมทั้งข้ารับใช้และทหารรักษาการณ์ เขาพบว่านอกจากม่านพลังที่ปกคลุมทั่วทั้งจวนกับทหารบางคนที่เป็นพวกถูกเรียกกลับมาจากความตายแล้ว สิ่งอื่นนอกเหนือจากนั้นแทบไม่มีอะไรผิดปรกติเลยสักนิด นับเป็นสิ่งผิดวิสัยของพวกที่ทำข้อตกลงกับปิศาจ เพราะคนจำพวกนี้มักจะสูญเสียจิตวิญญาณไปทีละน้อยและถูกความมืดเข้าครอบงำ กลืนกินทุกอย่างแม้กระทั่งชีวิตของตัวเอง

“หรือข้าเข้าใจเขาผิด”

ฮารุคาเสะพึมพำและมองจวนของยาสึฮิระอย่างครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนตัดสินใจเดินจากไป

*/*/*/*/*/*

หลังจากส่งมิสึกิไปพักผ่อนที่ห้องแล้วยาสึฮิระจึงเดินไปยังด้านหลังปราสาทจนกระทั่งถึงลานแห่งหนึ่งจึงหยุดและหันไปมองโคดาจิที่กำลังค้อมตัวลงทำความเคารพ

“พวกเขาเป็นยังไงบ้าง”

“ส่วนใหญ่อยู่ในสภาพที่แขนขาถูกฉีกหรือโดนกัดกินลำตัวจนทะลุ มีเพียงทหารสามนายกับสาวใช้แค่เดียวเท่านั้นที่มีบาดแผลน้อยที่สุด”

หัวหน้าองครักษ์รายงานและเมื่อผู้เป็นนายผงกศีรษะ เขาจึงเดินนำไปยังร่างของคนทั้งสี่ที่ถูกวางแยกไว้ต่างหาก ยาสึฮิระมองด้วยสายตาเศร้า

“หากเป็นไปได้ ข้าไม่อยากให้พวกเขาตกอยู่ในสภาพแบบนี้เลย”

เจ้าเมืองโคะโตโระกล่าวด้วยเสียงที่ไม่ดังนักพลางโบกมือไปด้านข้าง ไอพลังบางอย่างรวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อนก่อนแปรเปลี่ยนเป็นเปลวไฟสีน้ำเงินเข้มปะทุเหนือศีรษะของผู้ไร้วิญญาณ มันทอแสงเจิดจ้าขึ้นวูบหนึ่งก่อนจะแทรกตัวจมหายไปในหน้าผาก ดวงตาของคนทั้งสี่เบิกโพลงทันที ทั้งหมดลุกขึ้นยืนและค้อมตัวให้กับยาสึฮิระพร้อมกัน

“นายท่าน”

“ดีใจที่พวกเจ้ากลับมา” จ้าวปิศาจกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตาและมองทหารทั้งสาม”พวกเจ้าไปรายงานตัวกับโคดาจิส่วนเจ้า”

เขาเลื่อนสายตาไปที่สาวใช้

“ย้ายไปทำงานในจวนของข้านับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป”

ทั้งสี่โค้งคำนับพร้อมกับกล่าวรับคำ ยาสึฮิระจึงผงกศีรษะและหันไปทางโคดาจิ

“แล้วเจ้าทำยังไงกับพวกที่เหลือ”

“พวกชิ้นส่วนของปิศาจข้าสั่งให้ทหารนำไปเผาทิ้งที่นอกเมือง ส่วนร่างของทหารกับคนในปราสาทถูกนำไปฝังที่เชิงเขาโฮระนะฮาจิ ข้าได้ส่งคำแสดงความเสียใจไปที่บ้านของพวกเขาทุกคนแล้วขอรับ”

“ดีมาก” ยาสึฮิระกล่าวและหยุดนิ่งไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงกลองลั่นมาจากด้านนอกของปราสาท “ดูเหมือนโอริเอะจะกลับมาแล้ว ข้าคงต้องไปรอพบเขา จัดการทางนี้ให้เรียบร้อยด้วย
โคดาจิ”

เจ้าเมืองโคะโตโระเดินออกจากสถานที่แห่งนั้นกลับไปยังจวนซึ่งเมื่อไปถึงเขาก็พบว่า
โอริเอะกำลังรออยู่แล้ว ทันทีที่เห็นผู้เป็นนาย แม่ทัพใหญ่จึงรีบค้อมตัวลงแสดงความเคารพอย่างนอบน้อมจนเมื่อยาสึฮิระนั่งประจำที่เรียบร้อยและผายมือเป็นเชิงอนุญาตแล้วเขาจึงนั่งลงและก้มศีรษะอีกครั้งจากนั้นจึงเริ่มรายงาน

“ข้า โอริเอะ ได้นำกองทัพและชัยชนะกลับมายังโคะโรโตะแล้วขอรับ”

คำพูดของเขาทำให้ยาสึฮิระยิ้มอย่างยินดี เขาโน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อยพร้อมกับกล่าว

“เป็นข่าวที่น่าดีใจยิ่ง แต่ข้าศึกทางด้านนั้นมีทั้งทัพของคาสึรางิกับอิวะ เจ้าเอาชนะทหารที่ได้ชื่อว่าเป็นเครื่องกลสังหารด้วยวิธีใด”

โอริเอะก้มศีรษะลง

“ตอนที่กองทัพของข้าไปถึงพบว่าค่ายของเราถูกคาสึรางิกระหน่ำโจมตีอย่างหนักจึงต้องใช้วิธีตั้งรับและตอบโต้จนพวกมันล่าถอย เมื่อเวลาผ่านไปราวหนึ่งชั่วยามทัพของคาสึรางิก็เตรียมจู่โจมเราอีกครั้งโดยมีทัพของพวกอิวะคอยสนับสนุน แต่ก่อนที่พวกมันจะเคลื่อนทัพ ข่าวเรื่องค่ายด้านเหนือของโคะโตโระมีชัยต่อพวกคาสึรางิก็มาถึง ทัพของอิวะจึงชะลอการบุกและล่าถอยไปในที่สุดส่วนพวกคาสึรางิก็รั้งรออยู่ราวครึ่งคืนจึงถอนทัพกลับไป”

แม่ทัพหนุ่มหยุดพูดและมองหน้าผู้เป็นนาย

“ไม่ทราบว่าท่านพอจะรู้ข่าวเรื่องอาซามิหรือยัง”

“ข้าเองก็เพิ่งจะมาถึง มีอะไรหรือ” ยาสึอิระถาม โอริเอะจึงตอบด้วยเสียงที่ไม่ดังนัก

“มีข่าวว่าอาซามิ เคียวคุเซ็นถูกลอบสังหารในคืนที่กองทัพของเขาพ่ายแพ้ต่อท่านที่ค่ายด้านเหนือ”

สิ่งที่ได้ยินทำให้ยาสึฮิระนั่งนิ่งไปชั่วขณะ รอยยิ้มสาสมใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าและถูกปรับให้เคร่งขรึมเช่นดังเดิมแทบจะทันที

“ช่างเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อ ข้าได้ยินมาว่าจวนของอาซามิมีการคุ้มกันที่แน่นหนากระทั่งมดหรือแมลงก็ไม่อาจจะเดินผ่านเข้าไปได้” เขาหยุดคำพูดไปเล็กน้อย “พอจะรู้ไหมว่าเป็นฝีมือของใคร”

“ข้ายังไม่ทราบ แต่มีข่าวลือว่าเป็นการกระทำของพวกปิศาจ บ้างก็ว่าเป็นฝีมือของท่าน”

“เหลวไหลไร้สาระ” ยาสึฮิระพูดสวนขึ้นมาทันควันและขมวดคิ้วเมื่อเห็นสีหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวลของโอริเอะ “อย่าบอกนะว่าเจ้าก็เชื่อเรื่องนี้”

“ข้าเองก็ไม่อยากเชื่อหรอกขอรับ แต่สภาพของอาซามิทำให้อดรู้สึกแบบนั้นไม่ได้”

“สภาพเขาทำไม”

“ได้ยินมาว่าร่างของอาซามิถูกกัดกินจนเหลือแต่โครงกระดูก ส่วนหนังถูกถลกออกมาและขึงไว้กลางห้องโดยมีคำว่า โคะโตโระ จารึกเอาไว้ คนพวกนั้นจึงคิดว่าท่านอาจจะมีเกี่ยวข้องกับความตายของเขา”

โอริเอะมองหน้ายาสึฮิระและบังเกิดความรู้สึแกแปลกใจเพราะแทนที่จะเห็นสีหน้านิ่งสงบแต่แฝงไปด้วยความครุ่นคิดเหมือนทุกครั้ง แต่คราวนี้เขากลับเห็นรอยยิ้มของความสาสมใจแฝงอยู่บนใบหน้าของผู้เป็นนาย ชั่วขณะหนึ่งนั้นเองที่แม่ทัพหนุ่มเห็นเงาเลือนลางของปิศาจทาบทับอยู่บนร่างสง่าของเจ้าเมืองโคะโตโระ แต่ก็เพียงแค่เขากะพริบตาเงานั้นก็เลือนหายไป

“เป็นอะไรไปหรือโอริเอะ” ยาสึฮิระเอ่ยถามเมื่อเห็นอาการตกตะลึงงงงันของอีกฝ่าย
โอริเอะรีบก้มศีรษะลงพร้อมกับตอบ

“ม...ไม่มีอะไรขอรับ” เขาขมวดคิ้วและเงยหน้าขึ้น “แล้วท่านจะจัดการยังไงต่อไปหรือขอรับ ข้าหมายถึงคงไม่เกิดผลดีต่อเราแน่หากพวกคาสึรางิยังเข้าใจผิดแบบนั้น”

“ไม่ต้องเป็นกังวล คนพวกนั้นไม่กล้าลงมืออะไรกับเราแน่” ยาสึฮิระตอบพร้อมกับเลื่อนมือไปหยิบถ้วยชาขึ้นมา “ยิ่งตอนนี้คาสึรางิมีคนไม่เอาไหนอย่างอาซามิ ฮิโรซะเป็นผู้นำด้วยแล้ว คงไม่กล้ามาวุ่นวายกับพวกเราอีกต่อไป”

“แต่...”โอริเอะทำท่าจะแย้งแต่ต้องหยุดเมื่อผู้เป็นนายโบกมือ

“เจ้าเพิ่งกลับมาจากการศึกคงเหน็ดเหนื่อยมาก ไปพักผ่อนก่อนเถอะ แล้วพรุ่งนี้ค่อยกลับมาหาข้าอีกครั้ง เราจะจัดงานฉลองให้กับทหารทุกคน”

แม่ทัพหนุ่มจำต้องกล่าวรับคำและค้อมตัวลงจนหน้าผากเกือบจรดพื้นก่อนจะถดตัวถอยออกจากห้อง เขาลุกขึ้นโค้งคำนับอย่างนอบน้อมอีกครั้งก่อนจะเดินจากไป ยาสึฮิระจึงยกถ้วยชาขึ้นดื่มและเลื่อนสายตามองออกไปด้านนอกมองกลีบซากุระที่กำลังโปรยปรายลงสู่พื้นอย่างสบายใจ

“แน่นอนว่างานฉลองนี้ต้องมีการแสดงของเจ้า” รอยยิ้มอำมหิตฉาบบนมุมปาก “และจะต้องเป็นนาฏกรรมที่งดงามที่สุด เพราะมันคือการร่ายรำบนกองเลือด”

*/*/*/*/*/*


ชอบนางแมวปีศาจ
เท่

ขำตอนที่จอมปีศาจของเรา มองหน้าอกมิสึกิ
แหม....แรกๆนึกว่า ทะลึ่ง เสียอีก
^__^....

จากคุณ : Psycho man  
- แหม ไพราเขาไม่ทันคิดน่ะสิคะ

วันนี้ขอปิดท้ายด้วยภาพฮารุคาเสะในภาคผมแดงนะคะ ^^

 
 

จากคุณ : Moony_Lupin
เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 10:01:14




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com