เซ็นซู ภาค จอมอสูรจากหิมาลัย บทที่ 12 พลังปลุกวิญญาณ
|
 |
เซ็นซู บทต้น http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=moonyforever&month=22-09-2011&group=19&gblog=1
บทที่ 11 การจู่โจมของคุโรอิเนโกะ http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12037254/W12037254.html
บทที่ 12
พลังปลุกวิญญาณ
เมื่อไพราออกไปจากห้องแล้วมิสึกิจึงยืนมองต้นไม้ภายในสวนอย่างครุ่นคิด จากสีหน้าและน้ำเสียงของจอมอสูรที่แสดงออกตอนนางพูดถึงเครื่องรางที่ได้รับจากฮารุคาเสะก่อนจะหายตัวไปทำให้หญิงสาวบังเกิดความสงสัยบางอย่างขึ้นภายในจิตใจ
ทำไมเขาถึงมีท่าทางตกใจถึงขนาดนั้น มือเลื่อนขึ้นกุมใบโมมิจิในอกเสื้อ หรือว่าไพรากลัวใบไม้นี่เหมือนปิศาจตนอื่น
มิสึกิพึมพำพลางหวนนึกถึงเหตุการณ์ตอนที่ปิศาจเต่าบุกเข้ามาทำร้ายนางถึงในจวน ในตอนนั้นด้ายสีแดงที่ร้อยไว้กับใบโมมิจิพุ่งเข้าโจมตีมันตั้งแต่ยังไม่ทันได้แตะตัวนางเลยด้วยซ้ำ แต่กลับจอมอสูรแล้วมันกลับไม่มีการตอบสนองใดเลยสักนิดแม้เขาจะยืนใกล้จนแทบจะสัมผัสกับนาง หญิงสาวส่ายศีรษะพร้อมกับกล่าวเบาๆ
จะว่าไปตั้งแต่พบกันต่อให้อยู่ใกล้ข้าแค่ไหนเขาก็ไม่เคยถูกด้ายแดงโจมตีเลยสักครั้ง ดังนั้นไพราคงไม่กลัวใบไม้นี่แน่
มิสึกิระบายลมหายใจออกมา
แล้วทำไมเขาถึงต้องทำหน้าแบบนั้นนะ
สายลมเย็นพัดผ่านเรือนร่างในอาภรณ์งดงามนำพากลีบซากุระที่ร่วงโรยลงจากต้นปลิวเข้ามาหา หญิงสาวยื่นมือออกไปรับกลีบสีชมพูบอบบางและประคองขึ้นมามองด้วยสายตาเศร้าสร้อยก่อนปล่อยให้มันลอยไปตามกระแสลม เพียงหมุนห่างออกจากนางไปแค่ขอบระเบียงซากุระทุกกลีบก็มีไฟลุกพรึ่บขึ้นและมอดไหม้กลายเป็นเถ้าไปในชั่วพริบตา มิสึกิอ้าปากค้างด้วยความตระหนกและยิ่งตกใจเพิ่มมากขึ้นเห็นเงาดำจำนวนมากกระโจนผ่านกำแพงปราสาทเข้ามา ทุกตัวต่างหยุดยืนอยู่ภายในสวนและยืดตัวขึ้น ปากที่เต็มไปด้วยคมเขี้ยวแหลมคมแสยะกว้างพร้อมกับส่งเสียงร้องคำรามออกมา มันทำให้ข้ารับใช้ชายหญิงที่กำลังทำงานอยู่ในบริเวณนั้นต้องหันไปมอง ดวงตาของทุกคนเบิกกว้างด้วยความหวาดกลัวเมื่อเห็นผู้บุกรุกเต็มตา
ปิศาจ
ใครคนหนึ่งตะโกนขึ้น ข้ารับใช้หญิงจึงส่งเสียงกรีดร้องออกมาดังลั่น ยิ่งเมื่อประกอบกับเสียงคำรามขู่ของฝูงปิศาจร้ายแล้วสติของทุกคนก็ขาดผึงลง พวกเขาพากันวิ่งหนีกันอย่างกระเจิดกระเจิงไปคนละทิศละทาง ข้ารับใช้บางคนรีบวิ่งเข้ามาปกป้องท่านหญิงแห่งโคะโตโระในขณะที่บางคนวิ่งเตลิดไปด้วยความหวาดกลัว และเมื่อมีเสียงร้องของแมวดังขึ้น ปิศาจที่บุกเข้าไปในปราสาทยาสึฮิระก็กระโจนไล่จับมนุษย์ที่กำลังวิ่งหนีกันอลหม่านอย่างสนุกสนาน ใครหนีไม่ทันก็จะถูกจับฉีกกินอย่างทารุณ ที่เหลือรอดต่างก็ส่งเสียงร้องดังลั่นและหันหลังวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต ความโกลาหลของมนุษย์ภายในปราสาททำให้นางปิศาจแมวดำที่กำลังนอนเหยียดตัวอยู่บนกำแพงแสยะยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ
เสียงกรีดร้องของพวกมนุษย์ช่างไพเราะจับใจเสียเหลือเกิน ดวงตาสีอำพันทอประกายวาว ฆ่าพวกมันให้หมดอย่าให้เหลือแม้แต่คนเดียว
ปิศาจทุกตัวคำรามรับคำสั่ง พวกมันไล่สังหารคนในจวนอย่างสนุกสนาน แม้พวกทหารจะกรูกันเข้ามาต่อสู้แต่ดาบของพวกเขาก็ไม่สามารถทำอะไรผู้บุกรุกได้ ทหารกลุ่มหนึ่งรีบวิ่งไปอารักขามิสึกิและพยายามพานางหนีออกจากที่นั่นแต่โชคร้ายที่ปิศาจตัวหนึ่งหันมาเห็นเข้าพอดี มันแยกเขี้ยวพร้อมกับส่งเสียงขู่คำรามและกระโจนเข้าใส่หญิงสาวทันที แม้พวกทหารจะช่วยกันปกป้องแต่ก็ไม่อาจรับมือกับปิศาจตนนั้นได้ เมื่อกำจัดคนที่เข้ามาขวางไปจนหมดสิ้น มันจึงหันมาจ้องมิสึกิและตวัดลิ้นเลียริมฝีปากของตัวเอง
น่ากินเหลือเกิน
น้ำลายเหนียวหนืดไหลเยิ้มออกมาจากปาก เจ้าปิศาจยื่นมือออกไปหมายจะจับเหยื่อตรงหน้ามาฉีกกินให้อร่อยลิ้นแต่เพียงปลายเล็บแตะที่ชายเสื้อ แขนข้างนั้นก็เกิดอาการแข็งเกร็งค้างนิ่งอยู่กับที่ ปิศาจร้ายมองด้วยความประหลาดใจและฝืนจะขยับแต่ก็ต้องร้องลั่นเมื่อมือของมันถูกหักพับไปข้างหลังอย่างรุนแรงคล้ายถูกใครบางคนกระชากและยังไม่ทันที่จะได้ส่งเสียงร้องหัวของมันก็ถูกบิดอย่างแรงจนเสียงกระดูกแตกดังลั่น เจ้าปิศาจอัปลักษณ์ทรุดฮวบลงกับพื้นขาดใจตายไปในทันทีโดยมีร่างสูงใหญ่ของไพรายืนผงาดค้ำซากของมัน ดวงตาสีเข้มเหลือบไปทางมิสึกิ เสียงคำรามด้วยความโกรธดังอยู่ในลำคอเมื่อเห็นใบหน้าของหญิงสาวมีรอยเปรอะเปื้อน หนำซ้ำเสื้อผ้ายังมีร่องรอยของการถูกกระชากจนชายผ้าขาดเป็นรอยยาว จอมอสูรตวัดสายตาที่ทอแสงลุกโชนกลับไปยังฝูงปิศาจ เขาก้าวไปข้างหน้าขณะที่ขยับกรงเล็บในท่าที่พร้อมจะปลิดวิญญาณของพวกมัน
พวกแกบังอาจทำให้นางต้องบาดเจ็บ ไพรากล่าวและตวัดมือไปข้างหน้า คลื่นพลังคมกริบรูปจันทร์เสี้ยวพุ่งเข้าตัดร่างของปิศาจร้ายที่ยังไม่ทันระวังตัวอย่างรวดเร็ว พวกที่เหลือต่างถอยหลังด้วยความตื่นตระหนกและคงจะถูกสังหารสิ้นหากนางปิศาจแมวดำไม่พูดขึ้น
มัวตกใจอะไรอยู่ รีบฆ่ามันเร็ว
เหล่าปิศาจวิ่งกรูกันเข้าใส่ไพราทันที ตัวแรกที่เข้าไปใกล้ถูกคว้าหัวเอาไว้และโดนบีบจนแหลกเละในขณะที่กรงเล็บของมืออีกข้าวตวัดตัดลำคอปิศาจคอยาวจนขาดกระเด็น แม้จะถูกฆ่าตายราวกับใบไม้ร่วงแต่พวกที่เหลือก็ยังกลุ้มรุมเข้าใส่จอมอสูรอย่างไม่กลัวตายจนเขาต้องเรียกพลังไฟให้ระเบิดขึ้นเผาปิศาจที่ถาโถมกันเข้ามาจนมอดไหม้เป็นธุลี ตัวที่เหลือรอดเมื่อเห็นดังนั้นก็เกิดความหวาดกลัวและหันหลังเตรียมจะหนีแต่ไพรากลับรู้ทัน เขากระโดดไปยืนขวางหน้าและใช้กำปั้นฟาดลงบนหัวของมันจนเละไม่มีชิ้นดี
ในระหว่างที่พวกพ้องกำลังถูกจอมอสูรไล่สังหารอยู่นั้นปิศาจอีกกลุ่มที่ซ่อนตัวอยู่ใต้จวนจึงค่อยๆโผล่หน้าออกมา พวกมันกวาดตามองไปโดยรอบเพื่อหาทางหนีและไปหยุดตรงมิสึกิซึ่งยังคงยืนนิ่งอยู่กับที่ ตัวที่มีใบหน้าละม้ายคล้ายนกหันไปกระซิบกับเพื่อน
จับนางเป็นตัวประกันดีกว่า
เพื่ออะไร เจ้าอสูรนั่นคงไม่สนใจนางหรอก เพื่อนของมันพูดแต่ปิศาจนกกลับส่ายหน้า
แต่ข้าคิดว่าเจ้านั่นชอบผู้หญิงคนนั้น เพราะพอรู้ว่านางถูกทำร้ายท่าทีของมันก็เปลี่ยนไป
เจ้าแน่ใจหรือ ปิศาจอีกตัวถาม และเมื่อเจ้าหัวนกพยักหน้ามันก็หันไปมองมิสึกิ งั้นไปจัดการกันเถอะ เจ้าเป็นคนจับส่วนข้าจะคอยระวังเจ้าอสูรนั่นให้
ปิศาจทั้งสามย่องเข้าไปหามิสึกิซึ่งยังคงยืนมองไพราอย่างปราศจากความระมัดระวัง เมื่อเข้าไปใกล้เจ้าปิศาจนกจึงเอื้อมมือหมายจะจับนางแต่เพียงปลายนิ้วสัมผัสกับเส้นผมมือข้างนั้นก็ถูกด้ายสีแดงที่พุ่งมาจากห้องด้านข้างตัดจนขาดกระเด็น ไม่เพียงแค่แขนเท่านั้น ร่างของปิศาจทั้งสามเองก็ถูกบั่นเป็นชิ้นร่วงลงไปกองกับพื้นแทบเท้ามิสึกิ หญิงสาวยกมือทาบอกด้วยความตกใจแต่เมื่อเห็นผู้ที่เข้ามาช่วยเหลือแล้วนางถึงกับยิ้มกว้างและรีบวิ่งเข้าไปหาพร้อมกับร้องเรียกด้วยความดีใจ
ฮารุคาเสะ
แม้จะยินดีที่เห็นหญิงอันเป็นที่รักปลอดภัยแต่ชายหนุ่มก็ยังคงรักษาท่าทีให้สงบนิ่งและถามอย่างเคร่งขรึม
ไม่เป็นไรใช่ไหม
มิสึกิผงกศีรษะรับและหันไปทางไพราที่ยังกำลังโยนปิศาจตัวหนึ่งออกไปนอกกำแพง
โชคดีที่ไพรามาช่วยได้ทัน นางหันกลับมายังฮารุคาเสะ เขาพยักหน้าด้วยความโล่งอกพัดคู่ในมือถูกยกขึ้นในท่าพร้อมจู่โจม
มาอยู่ข้างหลังข้า
ทันทีที่มิสึกิไปยืนด้านหลังตามคำสั่ง นักนาฏกรรมหนุ่มก็สะบัดพัดคู่ในมือ สายลมที่นิ่งสงบกลับแปรเปลี่ยนเป็นลมหมุนดึงกลีบซากุระที่ตกเกลื่อนพื้นให้ลอยขึ้นมาและพุ่งออกไปเชือดร่างปิศาจที่เหลือจนขาดเป็นริ้วไม่เหลือรอดแม้สักตัว ไพราซึ่งกำลังเงื้อมือเตรียมสังหารปิศาจตัวหนึ่งถึงกับชะงัก เขาหันมามองฮารุคาเสะอย่างไม่พอใจนัก
ข้าไม่ได้ขอให้เจ้าช่วย
ข้าก็ไม่คิดจะช่วยเจ้า ชายหนุ่มสวนกลับทันควัน จอมอสูรมองเขาด้วยดวงตาลุกวาว ความจริงแล้วเจ้าคิดจะกำจัดข้าด้วยใช่ไหม
ใช่ ฮารุคาเสะตอบพร้อมกับขยับพัดในมือ มิสึกิรีบดึงแขนเขาเอาไว้พร้อมกับร้องห้าม ได้โปรดหยุดก่อน
ชายหนุ่มหยุดชะงักและหันไปมองนางด้วยความแปลกใจแต่ยังไม่ทันที่จะได้เอ่ยปากถามถึงเหตุผลเสียงขู่ฟ่อจากคุโระอิเนโกะก็ดังขัดขึ้น ทั้งฮารุคาเสะและไพราหันไปมองที่กำแพงปราสาทพร้อมกัน จอมอสูรถึงกับคำรามลั่นเมื่อเห็นนางปิศาจแมวดำกำลังกางเล็บและทำท่าคล้ายจะกระโจนลงมาตะกุยเขาให้แหลกคามือ
ที่แท้ก็เป็นเจ้าเองที่พาปิศาจพวกนั้นเข้ามา เขาขยับไปข้างหน้าและยื่นมือข้างที่มีขนสัตว์สีขาวออกไป คราวนี้ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าหนีรอดไปได้อีก
เพลิงสีแดงพุ่งวาบเข้าใส่คุโระอิเนโกะทันทีที่จอมอสูรพูดจบ นางพลิกตัวหลบและกระโจนสวนเข้าไปหา กรงเล็บแหลมกางออกหมาจะฉีกเนื้ออีกฝ่ายแต่ไพราเบี่ยงหลบได้ทันนางแมวปิศาจจึงทำแค่จารึกรอยข่วนบนแผ่นหลังเป็นทางยาว แม้จะไม่ใช่บาดแผลฉกรรจ์แต่การกระทำอันอุกอาจสร้างความพิโรธต่อไพราเป็นอย่างมาก เขาร้องคำรามออกมาดังลั่นก่อนเหวี่ยงกำปั้นเข้าไปที่ใบหน้าของปิศาจแมวดำแต่นางกลับกระโดดหนีขึ้นไปยืนบนกำแพงและตวัดลิ้นเลียเลือดอสูรบนปลายนิ้วอย่างยั่วยวน
เลือดของเจ้าหวานไม่ใช่เล่น
ดวงตาสีอำพันมองอย่างท้าทาย สีหน้าเย้ยหยันของนางทำให้ไพราถึงกับขบกราม
ข้าจะขยี้เจ้าไม่ให้เหลือซากสักชิ้น
คุโระอิเนโกะขานรับคำสบถด้วยเสียงร้องของแมวก่อนจะกระโดดแผล็วลงจากกำแพงและวิ่งหายเข้าไปในฝูงชนโดยมีไพราพุ่งตัววิ่งตามหลังออกไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นจอมอสูรออกไปจากเขตปราสาทแล้วฮารุคาเสะจึงหันกลับไปยังมิสึกิและแตะคราบเลือดที่เปรอะเปื้อนบนเสื้อของนาง
เจ้าบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า
เขาถามด้วยความเป็นห่วง หญิงสาวสั่นศีรษะ
ข้าไม่เป็นไร
ฮารุคาเสะถอนใจอย่างโล่งอกพลางเช็ดรอยเปื้อนบนพวงแก้มปลั่ง การกระทำอันแสนอ่อนโยนของเขาทำให้สร้างความสุขใจต่อมิสึกิเป็นยิ่งนัก แต่ด้วยตำแหน่งกุลสตรีอันสูงศักดิ์ทำให้นางต้องพยายามสะกดรอยยิ้มเอาไว้ใบหน้าแสนงามก้มลงเล็กน้อยพร้อมกับกล่าวอย่างเอียงอาย
นั่นไม่ใช่เลือดของข้า
ข้ารู้ ชายหนุ่มตอบเสียงนุ่มพลางลูบแก้มนวลอย่างทะนุถนอมก่อนจะเชยคางของหญิงสาวขึ้น แต่ใบหน้าของเจ้าไม่ควรมีสิ่งใดมาแปดเปื้อน
ความร้อนแผ่นซ่านไปทั่วพักตร์งาม ดวงตาที่ฉายความห่วงใยของฮารุคาเสะทำให้มิสึรู้สึกขวยเขินจนแทบจะก้มหน้าลงหลบ หัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะเริ่มแรงขึ้นเมื่อถูกชายหนุ่มรั้งร่างเข้าไปไว้ในอ้อมกอด
มิสึกิ
เสียงเรียกแผ่วเบาราวกระซิบขณะที่ใบหน้าสง่างามก้มลงและหยุดชะงัก พัดที่ถูกซ่อนไว้ในแขนเสื้อเลื่อนเข้ามาอยู่ในมือและสะบัดไปทางด้านหลัง สายลมคมกริบราวกับมีดตัดผ่านพุ่มดอกอะจิไซจนขาดสะบั้น เสียงหัวเราะอย่างชอบอกชอบใจดังท่ามกลางเศษใบไม้ปลิวว่อน สมเป็นนักปราบมาร ขนาดกำลังพรอดรักยังรู้ถึงการมาของข้า
ฮารุคาเสะหันหน้าไปยังเจ้าของเสียงและนิ่วหน้าเมื่อเห็นคุโระอิเนโกะที่กำลังนอนกระดิกหางอยู่บนต้นซากุระ
เจ้าหนีรอดจากไพรามาได้ยังไง
หนีปิศาจแมวดำทวนคำและปล่อยเสียงหัวเราะออกมาดังลั่นสิ่งที่อสูรตัวนั้นตามคือเงาของข้าต่างหาก
หมายความว่าเจ้าอยู่นี่มาโดยตลอด
ฮารุคาเสะพูดเสียงห้วนพลางดันร่างมิสึกิให้ไปยืนอยู่ด้านหลัง คุโระอิเนโกะเหยียดตัวและใช้กรงเล็บตะกุยกิ่งซากุระเล่นพลางมองคนทั้งสองด้วยดวงตาวาว
ข้าไม่ไปไหนทั้งนั้นหากงานยังไม่เสร็จ
งาน
ชายหนุ่มกล่าวทวนคำและเบิกตากว้างเมื่อแมวปิศาจกระโจนเข้าใส่ เขารีบวาดพัดในมือเรียกกลีบดอกไม้ขึ้นมาบังแต่นางแมวดำกลับปัดออกและคว้าพัดด้ามหนึ่งเอาไว้ส่วนมืออีกข้างเงื้อง่าขึ้นหมายจะตะปบลงไปบนใบหน้าของคู่ต่อสู้แต่ต้องหยุดชะงักค้างเพราะถูกด้ายสีแดงยึดเอาไว้
สายธารโลหิต
ฮารุคาเสะกล่าวเสียงเย็น ไหมสีแดงสดพุ่งออกไปเป็นสายโอบรัดร่างของคุโระอิเนโกะเอาไว้และบั่นนางจนขาดเป็นท่อนร่วงกระจายเกลื่อนพื้น ชายหนุ่มมองและต้องนิ่วหน้าเพราะแทนที่ชิ้นส่วนเหล่านั้นจะเป็นเศษซากของนางปิศาจ มันกลับเป็นร่างไร้วิญญาณของข้ารับใช้คนหนึ่ง
นี่มันอะไรกัน
เสียงร้องของมิสึกิดังขัดความคิด ฮารุคาเสะหันกลับไปมองและขบกรามแน่นเมื่อพบว่าปิศาจแมวดำกำลังรวบนางเอาไว้
บอกแล้วว่าข้าต้องทำงานให้เสร็จ
หรือว่าเป้าหมายของเจ้าคือมิสึกิ
ถูกต้อง คุโระอิเนโกะพูดพลางลากกรงเล็บไปบนใบหน้าของมิสึกิช่างงดงามดุจ จันทรายามราตรี มิน่าเล่าซาวาระถึงอยากครอบครองเจ้านัก
สายลมกราดเกรี้ยวพุ่งวาบเฉียดร่างฉีกแขนเสื้อของปิศาจแมวดำจนขาดเป็นริ้ว นางเลื่อนสายตาไปทางนักนาฏกรรมหนุ่มพร้อมกับแสยะยิ้ม
โจมตีมาแบบนี้ไม่คิดหรือว่าอาจจะทำให้คนรักของเจ้าบาดเจ็บ
ลมของข้าไม่มีวันทำร้ายนาง
ฮารุคาเสะตอบเสียงห้วนพร้อมกับวาดพัดไปด้านข้าง คุโระอิเนโกะจึงกดเล็บลงไปบนลำคอของมิสึกิ
ข้าหมายถึงกรงเล็บนี่ต่างหาก
คำพูดของนางปิศาจทำให้ชายหนุ่มต้องชะงัก เขามองใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวของมิสึกิก่อนตัดสินใจลดพัดทั้งคู่ลง ปิศาจแมวดำเห็นดังนั้นจึงหัวเราะอย่างชอบอกชอบใจ
ทำแบบนี้แสดงว่าเจ้ายอมให้นางตกเป็นสมบัติของซาวาระ
พัดในมือกำแน่นจนสั่นระริก แน่นอนว่าฮารุคาเสะย่อมไม่มีวันปล่อยให้คุโระอิเนโกะพา มิสึกิออกไปจากปราสาท แต่ครั้นจะขัดขวางโดยตรงก็อาจจะทำให้นางได้รับอันตรายดังนั้นชายหนุ่มจึงจำต้องยืนนิ่งและครุ่นคิดวิธีการช่วยเหลือไปพร้อมกัน แต่การนิ่งเฉยของเขาทำให้หญิงสาวบังเกิดความรู้สึกหวาดหวั่นจนสุดที่จะอยู่นิ่งอีกต่อไป มิสึกิจึงร้องเรียกชายหนุ่มพร้อมกับสะบัดตัวอย่างแรง
ฮารุคาเสะ
กรงเล็บที่ถูกจ่อไว้บนลำคอเลื่อนขึ้นไปบนใบหน้ากรีดพวงแก้มของหญิงสาวจนเป็นแผลฉกรรจ์เรียกเลือดสีแดงฉานให้ไหลทะลักออกมาราวกับน้ำ นางแมวร้ายสบถลั่นด้วยความโกรธและรีบร่ายมนตร์เพื่อให้อีกฝ่ายหมดสติ แต่ยังไม่ทันที่จะได้พานางออกจากปราสาทด้ายสีแดงก็พุ่งเข้ามาพันธนาการร่างของคุโระอิเนโกะเอาไว้ นางปิศาจคำรามลั่นเมื่อเห็นร่างของมิสึกิกำลังถูกกลีบดอกไม้ประคองให้ลอยไปหาฮารุคาเสะ
เจ้า!
กล่าวออกมาเพียงเท่านั้นนางแมวดำก็ต้องอ้าปากค้างเมื่อพบว่าสิ่งที่มัดตรึงร่างนั้นไม่ใช่พู่ไหมประดับพัดเหมือนทุกครั้ง หากแต่เป็นเส้นผมยาวสยายของผู้ที่กำลังกางแขนออกเพื่อรับร่างบุตรีของยาสึฮิระ
ฮารุคาเสะ
เส้นผมที่เคยเป็นสีดำสนิทดุจขนกาบัดนี้แปรเปลี่ยนเป็นสีแดงสดราวกับเปลวเพลิง มันสะบัดไปมาคล้ายเปลวอัคคีที่เต้นระริกยามต้องสายลม สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้คุโรอิเนโกะต้องอ้าปากค้างอย่างคาดไม่ถึง
หรือว่าเจ้า
ใบไม้อีกกลุ่มพุ่งกรูเข้ารุมล้อมปิศาจแมวดำฉีกทึ้งมันจนแหลกเป็นชิ้น เมื่อแน่ใจว่าปลิดชีพปิศาจร้ายได้แล้วใบไม้ทั้งหมดจึงหยุดหมุนวนและร่วงหล่นลงบนพื้น ฮารุคาเสะขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจเพราะแทนที่จะพบเศษซากชิ้นส่วนของนางปิศาจกลับมีเพียงเส้นขนสีดำเพียงกระจุกเดียว
หนีไปได้งั้นหรือ
เขาพึมพำด้วยความเจ็บใจจากนั้นจึงก้มหน้าลงมองคนรักในอ้อมแขนและวางมือลงบนบาดแผล ดวงตาสีเข้มบัดนี้แปรเปลี่ยนเป็นแดงก่ำดุจเลือดจ้องดวงหน้างามนิ่งขณะที่ภายในใจเริ่มภาวนา ราวกับมีพลังบางอย่างถ่ายทอดผ่านมือลงไปยังมิสึกิ รอยแผลลึกค่อยๆประสานตัวทีละน้อยจนหายสนิทไม่มีเหลือแม้รอยขีดข่วนเช่นเดียวกันกับเส้นผมของฮารุคาเสะที่กลับคืนเป็นสีดำ เมื่อชายหนุ่มถอนมือออกเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ไพราก้าวเข้ามาหาพอดี
เกิดอะไรขึ้น
นางได้รับบาดเจ็บ ฮารุคาเสะตอบเสียงเรียบพลางไล้ใบหน้าของหญิงสาวด้วยปลายนิ้ว จอมอสูรรีบก้มหน้าลงมองพร้อมกับถามด้วยความโกรธ
เจ้าปล่อยให้นางบาดเจ็บได้ยังไง
ข้าควรจะถามเจ้าว่าเหตุใดจึงมองไม่ออกว่านางแมวปิศาจนั่นเป็นภาพมายามากกว่า
คำถามของชายหนุ่มทำให้ไพราถึงกับเถียงอะไรไม่ออก เมื่จนปัญญาที่จะหาคำมากล่าวแก้เขาถึงกระแทกลมหายใจก่อนถามเสียงเรียบ
นางเป็นยังไงบ้าง
หายดีแล้ว รอแค่ให้ฟื้นคืนสติขึ้นมาเท่านั้น
จอมอสูรมองฮารุคาเสะอย่างใคร่ครวญ เพราะถึงจะเพิ่งเข้ามาแต่เขายังทันเห็นว่าเส้นผมของฮารุคาเสะเป็นสีแดงดุจเปลวไฟ
เจ้าไม่ใช่มนุษย์
เขาเปรยด้วยเสียงที่ไม่ดังนัก อีกฝ่ายชะงักเล็กน้อยก่อนจะตอบเสียงเรียบ
แต่ข้าก็ไม่ใช่ปิศาจ
ไพราเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยพร้อมกับย้อนถาม
แน่ใจหรือที่พูดแบบนั้น
ชายหนุ่มหันไปจ้องเขาทันที ประกายบางอย่างเต้นระริกอยู่ในแววตา
เจ้าหมายความว่ายังไง
ข้าเคยเห็นผู้ใช้เวทและนักปราบมารมามาก แต่ไม่เคยเห็นผู้ใดมีเส้นผมสีแดงเหมือนกับเจ้า อีกอย่างความสามารถในการเรียกสายลมมาใช้ได้อย่างคล่องแคล่วกับพู่ไหมที่ห้อยอยู่บนพัดนั่น อยากให้ข้าพูดไหมว่ามันคืออะไร
ฮารุคาเสะขยับพัดเข้าไปไว้ในแขนเสื้อแทบจะทันทีคล้ายต้องการซ่อนมันให้พ้นจากสายตาของจอมอสูร
เจ้า...
ชายหนุ่มหยุดคำพูดไว้เพียงแค่นั้นเมื่อได้ยินเสียงครางอย่างแผ่วเบาดังมาจากมิสึกิ ทั้ง ไพราและฮารุคาเสะมองนางและเอ่ยเรียกพร้อมกัน
มิสึกิ
ดวงตาของหญิงสาวกะพริบสองสามครั้งอย่างมึนงงและเบิกกว้าง นางลุกพรวดขึ้นและกวาดมองรอบตัวอย่างตื่นกลัวพลางขยับตัวเข้าไปหาฮารุคาเสะ
ปิศาจตนนั้นล่ะ
มันหนีไปแล้ว ชายหนุ่มตอบเสียงนุ่ม หญิงสาวยกมือขึ้นแตะใบหน้าและขมวดคิ้วอย่างงุนงง
ข้าจำได้ว่าถูกเจ้าปิศาจนั่นข่วน
เจ้าโดนมันหลอกด้วยภาพมายา....
พูดออกมาได้เพียงเท่านั้นก็ต้องหยุดชะงักเมื่อสัมผัสถึงคลื่นพลังรุนแรงที่กำลังเคลื่อนเข้ามาใกล้ ฮารุคาเสะรีบถอยห่างออกจากมิสึกิและกำพัดในมือแน่น ส่วนไพรานั้นยังคงยืนนิ่งอยู่กับที่ ในขณะที่ดวงตามองไปยังทิศทางอันเป็นที่มาของกลุ่มพลัง เขาหัวเราะเบาๆในลำคอ
ผู้ทรงอำนาจแห่งโคะโตโระมาแล้ว
สิ้นคำพูด ร่างในชุดเกราะนักรบอันงามสง่าก็ก้าวเข้ามาโดยมีโคดาจิเดินตามไม่ห่าง ใบหน้าที่เคร่งขรึมเคร่งเครียดขึ้นในทันทีเมื่อเห็นศพของทหารและข้ารับใช้ที่นอนตายปะปนไปกับชิ้นส่วนของปิศาจกลาดเกลื่อนไปทั่วสวน หลังจากกวาดตามองไปจนทั่วเขาจึงหันมายังฮารุคาเสะและถามเสียงห้วน
เจ้ามาทำอะไรที่นี่
เขามาช่วยข้า มิสึกิรีบกล่าวตอบ ยาสึฮิระขมวดคิ้วและเลื่อนสายตากลับไปที่สวนอีกครั้งพร้อมกับถามด้วยน้ำเสียงที่เบาลงกว่าเดิม
เกิดอะไรขึ้น
ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ตอนที่กำลังจะเขียนบททกลอนอยู่ๆก็มีพวกปิศาจบุกเข้ามา พวกมันไล่ฆ่าคนของเราอย่างโหดร้ายทารุณ หากคุณชายฮารุคาเสะไม่เข้ามาช่วย ข้าเองก็คงไม่รอดเหมือนกัน
ดวงตาคมกล้าของยาสึฮิระจ้องฮารุคาเสะเขม็งจากนั้นจึงตวัดกลับไปที่สวน แม้จะเห็น ไพรายืนอยู่ที่นั่นด้วยแต่เขากลับไม่แสดงท่าทีอะไรออกมานอกจากจะเบนหน้ากลับมาที่มิสึกิอีกครั้ง
เจ้าได้รับบาดเจ็บหรือเปล่า
หญิงสาวสั่นศีรษะ ยาสึฮิระจึงพยักหน้าและแตะไหล่นางอย่างแผ่วเบา เขาหันไปทางนักนาฏกรรมหนุ่มและก้มหน้าลงพอเป็นพิธี
ขอบใจ
ฮารุคาเสะรีบค้อมตัวลงรับพร้อมกับกล่าวอย่างนอบน้อม
ข้าทำเท่าที่ทำได้เท่านั้น
เจ้าเมืองโคะโตโระยิ้ม
คนเก่งมักไม่โอ้อวดฝีมือ นอกจากเจ้าจะมีความสามารถแล้วยังมีสติปัญญาและความกล้าหาญไม่แพ้นักรบ หากไม่ใช่พวกนาฏกรรมแล้วข้าคงให้มาอยู่ร่วมในกองทัพ
ชายหนุ่มก้มศีรษะลง
คำกล่าวของท่านนับเป็นความเมตตาอย่างสูง
ข้ามีเมตตาสำหรับผู้ที่ภักดีเสมอ ยาสึฮิระกล่าวพลางหันไปยังมะรุอิชิที่ยืนอยู่ด้านหลัง พาพวกที่บาดเจ็บไปรักษา ส่วนเจ้า
เขาชำเลืองตาไปทางโคดาจิที่ยืนนิ่งอยู่ด้านข้าง
นำร่างของพวกที่ตายออกไป คัดแยกซากปิศาจออกจากพวกเขาเอาไปเผาทิ้งให้หมด และสั่งให้คนเข้ามาจัดการทำความสะอาดที่นี่ให้เร็วที่สุด
ทั้งมะรุอิชิและโคดาจิต่างค้อมตัวลงพร้อมกับกล่าวรับคำ จากนั้นทั้งคู่จึงแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ตามที่ผู้เป็นนายสั่งทันที เมื่อจัดการทุกอย่างแล้วยาสึฮิระจึงหันไปทางมิสึกิพร้อมกับกล่าวอย่างอ่อนโยน
วันนี้เจ้าคงต้องไปพักที่จวนของข้าก่อน รอให้พวกทหารกับข้ารับใช้ทำความสะอาดที่นี่เสร็จเรียบร้อยแล้วค่อยกลับมา เมื่อบุตรสาวรับคำเขาจึงเบือนหน้าไปทางฮารุคาเสะ ส่วนเจ้าคงต้องกลับไปที่ห้องก่อน พรุ่งนี้ค่อยไปสอนมิสึกิที่จวนของข้า
กล่าวจบเจ้าเมืองโคะโตโระก็หมุนตัวเดินออกจากที่นั่น มิสึกิมองฮารุคาเสะอย่างอาวรณ์และก้มศีรษะลงเล็กน้อยก่อนจะรีบก้าวตามบิดา เมื่อทั้งสองพ้นจากบริเวณนั้นแล้วเสียงร้องสั่งจากมะรุอิชิก็ดังขึ้น ชายหนุ่มจึงหันไปมองกลุ่มทหารที่กำลังช่วยกันนำคนเจ็บออกไปทำการรักษาต่างจากการทำงานของทหารด้านโคดาจิที่ลำเลียงร่างคนตายออกไปด้านนอกอย่างเงียบกริบ ไร้คำพูดใด
หลังจากยืนดูการทำงานของทหารทั้งสองกลุ่มอยู่ครู่หนึ่งฮารุคาเสะจึงกลับไปยังเรือนรับรองที่อยู่อีกด้านหนึ่งของปราสาทซึ่งต้องผ่านจวนของยาสึฮิระ ระหว่างที่กำลังเดินอยู่นั้นชายหนุ่มลอบสังเกตบริเวณโดยรอบรวมทั้งข้ารับใช้และทหารรักษาการณ์ เขาพบว่านอกจากม่านพลังที่ปกคลุมทั่วทั้งจวนกับทหารบางคนที่เป็นพวกถูกเรียกกลับมาจากความตายแล้ว สิ่งอื่นนอกเหนือจากนั้นแทบไม่มีอะไรผิดปรกติเลยสักนิด นับเป็นสิ่งผิดวิสัยของพวกที่ทำข้อตกลงกับปิศาจ เพราะคนจำพวกนี้มักจะสูญเสียจิตวิญญาณไปทีละน้อยและถูกความมืดเข้าครอบงำ กลืนกินทุกอย่างแม้กระทั่งชีวิตของตัวเอง
หรือข้าเข้าใจเขาผิด
ฮารุคาเสะพึมพำและมองจวนของยาสึฮิระอย่างครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนตัดสินใจเดินจากไป
*/*/*/*/*/*
หลังจากส่งมิสึกิไปพักผ่อนที่ห้องแล้วยาสึฮิระจึงเดินไปยังด้านหลังปราสาทจนกระทั่งถึงลานแห่งหนึ่งจึงหยุดและหันไปมองโคดาจิที่กำลังค้อมตัวลงทำความเคารพ
พวกเขาเป็นยังไงบ้าง
ส่วนใหญ่อยู่ในสภาพที่แขนขาถูกฉีกหรือโดนกัดกินลำตัวจนทะลุ มีเพียงทหารสามนายกับสาวใช้แค่เดียวเท่านั้นที่มีบาดแผลน้อยที่สุด
หัวหน้าองครักษ์รายงานและเมื่อผู้เป็นนายผงกศีรษะ เขาจึงเดินนำไปยังร่างของคนทั้งสี่ที่ถูกวางแยกไว้ต่างหาก ยาสึฮิระมองด้วยสายตาเศร้า
หากเป็นไปได้ ข้าไม่อยากให้พวกเขาตกอยู่ในสภาพแบบนี้เลย
เจ้าเมืองโคะโตโระกล่าวด้วยเสียงที่ไม่ดังนักพลางโบกมือไปด้านข้าง ไอพลังบางอย่างรวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อนก่อนแปรเปลี่ยนเป็นเปลวไฟสีน้ำเงินเข้มปะทุเหนือศีรษะของผู้ไร้วิญญาณ มันทอแสงเจิดจ้าขึ้นวูบหนึ่งก่อนจะแทรกตัวจมหายไปในหน้าผาก ดวงตาของคนทั้งสี่เบิกโพลงทันที ทั้งหมดลุกขึ้นยืนและค้อมตัวให้กับยาสึฮิระพร้อมกัน
นายท่าน
ดีใจที่พวกเจ้ากลับมา จ้าวปิศาจกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตาและมองทหารทั้งสามพวกเจ้าไปรายงานตัวกับโคดาจิส่วนเจ้า
เขาเลื่อนสายตาไปที่สาวใช้
ย้ายไปทำงานในจวนของข้านับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
ทั้งสี่โค้งคำนับพร้อมกับกล่าวรับคำ ยาสึฮิระจึงผงกศีรษะและหันไปทางโคดาจิ
แล้วเจ้าทำยังไงกับพวกที่เหลือ
พวกชิ้นส่วนของปิศาจข้าสั่งให้ทหารนำไปเผาทิ้งที่นอกเมือง ส่วนร่างของทหารกับคนในปราสาทถูกนำไปฝังที่เชิงเขาโฮระนะฮาจิ ข้าได้ส่งคำแสดงความเสียใจไปที่บ้านของพวกเขาทุกคนแล้วขอรับ
ดีมาก ยาสึฮิระกล่าวและหยุดนิ่งไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงกลองลั่นมาจากด้านนอกของปราสาท ดูเหมือนโอริเอะจะกลับมาแล้ว ข้าคงต้องไปรอพบเขา จัดการทางนี้ให้เรียบร้อยด้วย โคดาจิ
เจ้าเมืองโคะโตโระเดินออกจากสถานที่แห่งนั้นกลับไปยังจวนซึ่งเมื่อไปถึงเขาก็พบว่า โอริเอะกำลังรออยู่แล้ว ทันทีที่เห็นผู้เป็นนาย แม่ทัพใหญ่จึงรีบค้อมตัวลงแสดงความเคารพอย่างนอบน้อมจนเมื่อยาสึฮิระนั่งประจำที่เรียบร้อยและผายมือเป็นเชิงอนุญาตแล้วเขาจึงนั่งลงและก้มศีรษะอีกครั้งจากนั้นจึงเริ่มรายงาน
ข้า โอริเอะ ได้นำกองทัพและชัยชนะกลับมายังโคะโรโตะแล้วขอรับ
คำพูดของเขาทำให้ยาสึฮิระยิ้มอย่างยินดี เขาโน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อยพร้อมกับกล่าว
เป็นข่าวที่น่าดีใจยิ่ง แต่ข้าศึกทางด้านนั้นมีทั้งทัพของคาสึรางิกับอิวะ เจ้าเอาชนะทหารที่ได้ชื่อว่าเป็นเครื่องกลสังหารด้วยวิธีใด
โอริเอะก้มศีรษะลง
ตอนที่กองทัพของข้าไปถึงพบว่าค่ายของเราถูกคาสึรางิกระหน่ำโจมตีอย่างหนักจึงต้องใช้วิธีตั้งรับและตอบโต้จนพวกมันล่าถอย เมื่อเวลาผ่านไปราวหนึ่งชั่วยามทัพของคาสึรางิก็เตรียมจู่โจมเราอีกครั้งโดยมีทัพของพวกอิวะคอยสนับสนุน แต่ก่อนที่พวกมันจะเคลื่อนทัพ ข่าวเรื่องค่ายด้านเหนือของโคะโตโระมีชัยต่อพวกคาสึรางิก็มาถึง ทัพของอิวะจึงชะลอการบุกและล่าถอยไปในที่สุดส่วนพวกคาสึรางิก็รั้งรออยู่ราวครึ่งคืนจึงถอนทัพกลับไป
แม่ทัพหนุ่มหยุดพูดและมองหน้าผู้เป็นนาย
ไม่ทราบว่าท่านพอจะรู้ข่าวเรื่องอาซามิหรือยัง
ข้าเองก็เพิ่งจะมาถึง มีอะไรหรือ ยาสึอิระถาม โอริเอะจึงตอบด้วยเสียงที่ไม่ดังนัก
มีข่าวว่าอาซามิ เคียวคุเซ็นถูกลอบสังหารในคืนที่กองทัพของเขาพ่ายแพ้ต่อท่านที่ค่ายด้านเหนือ
สิ่งที่ได้ยินทำให้ยาสึฮิระนั่งนิ่งไปชั่วขณะ รอยยิ้มสาสมใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าและถูกปรับให้เคร่งขรึมเช่นดังเดิมแทบจะทันที
ช่างเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อ ข้าได้ยินมาว่าจวนของอาซามิมีการคุ้มกันที่แน่นหนากระทั่งมดหรือแมลงก็ไม่อาจจะเดินผ่านเข้าไปได้ เขาหยุดคำพูดไปเล็กน้อย พอจะรู้ไหมว่าเป็นฝีมือของใคร
ข้ายังไม่ทราบ แต่มีข่าวลือว่าเป็นการกระทำของพวกปิศาจ บ้างก็ว่าเป็นฝีมือของท่าน
เหลวไหลไร้สาระ ยาสึฮิระพูดสวนขึ้นมาทันควันและขมวดคิ้วเมื่อเห็นสีหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวลของโอริเอะ อย่าบอกนะว่าเจ้าก็เชื่อเรื่องนี้
ข้าเองก็ไม่อยากเชื่อหรอกขอรับ แต่สภาพของอาซามิทำให้อดรู้สึกแบบนั้นไม่ได้
สภาพเขาทำไม
ได้ยินมาว่าร่างของอาซามิถูกกัดกินจนเหลือแต่โครงกระดูก ส่วนหนังถูกถลกออกมาและขึงไว้กลางห้องโดยมีคำว่า โคะโตโระ จารึกเอาไว้ คนพวกนั้นจึงคิดว่าท่านอาจจะมีเกี่ยวข้องกับความตายของเขา
โอริเอะมองหน้ายาสึฮิระและบังเกิดความรู้สึแกแปลกใจเพราะแทนที่จะเห็นสีหน้านิ่งสงบแต่แฝงไปด้วยความครุ่นคิดเหมือนทุกครั้ง แต่คราวนี้เขากลับเห็นรอยยิ้มของความสาสมใจแฝงอยู่บนใบหน้าของผู้เป็นนาย ชั่วขณะหนึ่งนั้นเองที่แม่ทัพหนุ่มเห็นเงาเลือนลางของปิศาจทาบทับอยู่บนร่างสง่าของเจ้าเมืองโคะโตโระ แต่ก็เพียงแค่เขากะพริบตาเงานั้นก็เลือนหายไป
เป็นอะไรไปหรือโอริเอะ ยาสึฮิระเอ่ยถามเมื่อเห็นอาการตกตะลึงงงงันของอีกฝ่าย โอริเอะรีบก้มศีรษะลงพร้อมกับตอบ
ม...ไม่มีอะไรขอรับ เขาขมวดคิ้วและเงยหน้าขึ้น แล้วท่านจะจัดการยังไงต่อไปหรือขอรับ ข้าหมายถึงคงไม่เกิดผลดีต่อเราแน่หากพวกคาสึรางิยังเข้าใจผิดแบบนั้น
ไม่ต้องเป็นกังวล คนพวกนั้นไม่กล้าลงมืออะไรกับเราแน่ ยาสึฮิระตอบพร้อมกับเลื่อนมือไปหยิบถ้วยชาขึ้นมา ยิ่งตอนนี้คาสึรางิมีคนไม่เอาไหนอย่างอาซามิ ฮิโรซะเป็นผู้นำด้วยแล้ว คงไม่กล้ามาวุ่นวายกับพวกเราอีกต่อไป
แต่...โอริเอะทำท่าจะแย้งแต่ต้องหยุดเมื่อผู้เป็นนายโบกมือ
เจ้าเพิ่งกลับมาจากการศึกคงเหน็ดเหนื่อยมาก ไปพักผ่อนก่อนเถอะ แล้วพรุ่งนี้ค่อยกลับมาหาข้าอีกครั้ง เราจะจัดงานฉลองให้กับทหารทุกคน
แม่ทัพหนุ่มจำต้องกล่าวรับคำและค้อมตัวลงจนหน้าผากเกือบจรดพื้นก่อนจะถดตัวถอยออกจากห้อง เขาลุกขึ้นโค้งคำนับอย่างนอบน้อมอีกครั้งก่อนจะเดินจากไป ยาสึฮิระจึงยกถ้วยชาขึ้นดื่มและเลื่อนสายตามองออกไปด้านนอกมองกลีบซากุระที่กำลังโปรยปรายลงสู่พื้นอย่างสบายใจ
แน่นอนว่างานฉลองนี้ต้องมีการแสดงของเจ้า รอยยิ้มอำมหิตฉาบบนมุมปาก และจะต้องเป็นนาฏกรรมที่งดงามที่สุด เพราะมันคือการร่ายรำบนกองเลือด
*/*/*/*/*/*
ชอบนางแมวปีศาจ เท่
ขำตอนที่จอมปีศาจของเรา มองหน้าอกมิสึกิ แหม....แรกๆนึกว่า ทะลึ่ง เสียอีก ^__^....
จากคุณ : Psycho man - แหม ไพราเขาไม่ทันคิดน่ะสิคะ
วันนี้ขอปิดท้ายด้วยภาพฮารุคาเสะในภาคผมแดงนะคะ ^^
จากคุณ |
:
Moony_Lupin
|
เขียนเมื่อ |
:
23 พ.ค. 55 10:01:14
|
|
|
|