Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
บันทึกความทรงจำบทที่ 2 เรียนภาษาได้อะไรมากกว่าที่คิด ติดต่อทีมงาน

บทที่ 1  http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12134405/W12134405.html


เผลอแป๊บเดียวผมมาอยู่อังกฤษได้ครึ่งเดือนแล้ว และวันนี้เป็นวันเรียนภาษาวันแรก ช่วงหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมามีคนย้ายเข้ามาพักในแฟลตเดียวกันกับผมมากพอสมควร ตอนนี้นับได้ประมาณ 7 คน ส่วนมากมาเข้าเรียนภาษากันก่อนทั้งนั้น ช่วงระหว่างสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมกับยุน จี เริ่มสนิทกันมากขึ้น เราเข้าไปสำรวจเมืองกันหลายครั้ง แล้วก็ไปซื้อของกันที่ซุปเปอร์ขนาดใหญ่ ชื่อ มอริสัน ใหญ่ประมาณประมาณแม็คโครบ้านเรา ที่รู้จักนี่ก็เพราะมีเพื่อนรุ่นพี่คนจีนคนนึงแนะนำ บอกว่าราคาถูกกว่าเทสโก้ ถูกกว่ามาร์ค อีก พอลองมาเช็คราคาเปรียบเทียบกันดู เออ จริงแฮะ ถูกกว่าเห็นๆ นักศึกษาต่างชาติจึงนิยมมาซื้อของที่นี่กันมาก ตลอดสัปดาห์เราสาละวนอยู่กับการทำอาหารกินกันเป็นที่ครื้นเครง ยุน จี ทำอาหารเก่งมาก เน้นไปที่กิมจิที่เธอเตรียมมาเอง (จะพูดถึงวิธีการหมักกิมจิของเธอในโอกาสต่อไป)

เนื่องจากว่าสมาชิกในแฟลตแต่ละคนต่างไปช็อปปิ้งซื้อของกันมา เราจึงนัดประชุมกันเพื่อแบ่งพื้นที่เก็บของในตู้เย็น ตกลงกันว่าแบ่งกันคนละชั้น โดยตู้เย็นมีทั้งหมด 2 ตู้ ส่วนช่องฟรีซก็แบ่งกันช่องละ 2 คน ผมได้ช่องเดียวกับยุน จี เพราะทุกคนเห็นว่าผมมักจะไปซื้อของกับเธอเป็นประจำ เลยให้เก็บของช่องเดียวกันซะเลย ส่วนเวลาทำอาหารก็แล้วแต่สะดวก ใครจะมาทำตอนไหนก็ได้ตามอัธยาศัย ถ้าบังเอิญทำเวลาเดียวกันก็มีโอกาสพูดคุยทำความรู้จักกันไปด้วย ชีวิตเด็กหอมันก็สนุกแบบนี้แหละ ตอนนี้ผมนอนหลับได้ง่ายขึ้น คงเพราะคุ้นเคยกับสถานที่แล้ว หรือไม่ก็เป็นเพราะได้ยินเสียงเปียโนซึ้งๆออกมาจากห้องของยุน จี ถึงแม้จะไม่ดังมากแต่ก็พอได้ยิน ก่อนหน้านี้เธอเองก็กังวลว่าจะไปรบกวนคนอื่นๆ แต่ปรากฎว่าหลายๆคนชอบเสียงเปียโนของเธอเลยรอดตัวไป ไม่ถือว่าหนวกหู เพราะเธอต้องซ้อมเล่นเป็นประจำ ผมเลยพลอยได้อานิสงค์ไปด้วย ทำนองเพลงที่เธอเล่น ผมเองก็ไม่รู้ว่าเล่นเพลงอะไร รู้แต่ว่ามันฟังดูช้าๆ ซึ้งๆ ปนอารมณ์เศร้า บางเพลงก็ฟังดูครึกครื้นสนุกสนาน ว่ากันว่าทำนองเพลงมันจะสะท้อนสภาพจิตใจของคนเล่นในขณะนั้นจริงรึเปล่าก็ไม่รู้ แต่เวลาเธอเล่นเพลงเศร้าแล้ว มันชวนให้รู้สึกอยากร้องไห้ขึ้นมาเลยจริงๆ แต่เธอก็ดูร่าเริงดีไม่เห็นต้องมีเรื่องเศร้าอะไร....นี่แหละครับชีวิตของผมในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา

วันนี้เรียนภาษาวันแรก ผมเลยต้องรีบตื่นแต่เช้าเพื่อไปปฐมนิเทศน์ หาอะไรกินง่ายๆ เช่น ขนมปังกระเทียมกับ นมสด แต่บางทีถ้ารีบมากๆ ผมจะกินขนมปังกับไอศครีม ยุน จีเองก็เช่นกัน เรานัดเจอกันในห้องครัวตอนแปดโมงเช้า แล้วเดินไปสถาบันภาษาด้วยกัน จากหอพักไปสถาบันภาษาของมหาวิทยาลัยใช้เวลาเพียงแค่ 5 นาทีเท่านั้นเอง ไม่้ต้องใช้เวลาหาให้มาก เพราะพวกเราเดินสำรวจไปทั่วมหาวิทยาลัยแล้ว ฉะนั้นเรื่องที่ทางเลยไม่ต้องห่วง รู้จักทุกซอกทุกมุม เราเข้าไปที่หอ้งของ course admin ที่ชื่อ พอลลีน บราวน์ เธอเป็นผู้หญิงร่างท้วม สไตล์ผู้หญิงอังกฤษขนานแท้ ลักษณะแบบผู้หญิงในภาพวาดยุคเรอเนอซอง แบบใหกระเทียมต่อขา ประมาณนั้น เธอแจกแฟ้มรายละเอียดต่างๆเกี่ยวกับการเรียนภาษาไม่ว่าจะเป็นตารางเรียน หนังสือเรียน เอกสารคำอธิบายต่างๆ ให้กับเราแล้วบอกให้เราไปรอที่ห้องประชุมชั้น 2 เพื่อรอปฐมนิเทศน์ ผมรู้สึกตื่นเต้นมาก เพราะนอกจากจะได้เรียนแล้วยังได้มีโอกาสทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่ๆด้วย
ในห้องประชุมวันนี้มีนักศึกษาต่างชาติมารวมตัวกันเยอะ กะคร่าวๆน่าจะประมาณร้อยกว่าคนเห็นจะได้ ส่วนใหญ่จะเป็นนักศึกษาแถบเอเชีย เช่น จีน ใต้หวัน ญี่ปุ่น พวกนี้จะมีอยู่มาก ที่รู้ก็เพราะได้ยินการสนทนาภาษาจีนระหว่างรอการปฐมนิเทศน์ จะหาคนเกาหลีก็แทบไม่เจอ ยุน จีบอกว่า คนเกาหลีส่วนใหญ่นิยมไปอเมริกากันมากกว่า ไม่รู้ทำไม คงเป็นเพราะชีวิตในอเมริกาคงจะอิสระเสรีมากกว่าอังกฤษละมั้ง เพราะเท่าที่ดูคนอังกฤษไม่ค่อยเฮฮาเท่าคนอเมริกัน แถมยังอนุรักษ์นิยมอีกด้วย บรรยากาศก็น่าเบื่อ เพราะมันครึ้งฟ้าครึ้มฝนตลอดเวลา แต่ผมเองโดยส่วนตัวแล้วชอบอังกฤษมาตั้งแต่เด็กๆ ไม่รู้ว่าทำไม แต่ใจมันชอบก็แล้วกัน 555

การปฐมนิเทศน์ผ่านไปอย่างสนุกสนาน ผอ. สถาบัน พร้อมกับ Head Teacher เป็นคนออกมากล่าวต้อนรับ บรรยากาศเป็นกันเองมาก มีมุกตลกสอดแทรกเป็นระยะ จนทำให้รู้สึกว่าการเรียนภาษาเป็นเรื่องสนุก ทั้งๆที่ตอนจบจะมีการทดสอบอันแสนหฤโหดก็ตาม ตารางเรียนเต็มที่ 5 วัน ตั้งแต่ 9 โมงเช้าจนถึง 4 โมงเย็น ทุกวัน และมีการแบ่งกลุ่มนักศึกษาออกเป็นกลุ่มๆ กลุ่มละ 11 คน ผมอยุ่กลุ่มไอ ซึ่งยุน จีก็อยู่ในกลุ่มเดียวกันกับผม นอกจากเราแล้วก็มีเพื่อนชาวญี่ปุ่น 1 คน จีน 2 คน ใต้หวัน 5 คน เวียดนามอีก 1 คน พวกเราทำความรู้จักและสนิทกันได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ทางสถาบันภาษายังได้จัดทริปไปยังเมืองต่างๆอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นลอนดอน อ็อกซ์ฟอร์ด เคมบริดจ์ (เป้าหมายสำหรับการเรียน ป.โท ที่สองของผม) ซานดริงแฮม สรุปว่า การเรียนภาษาในช่วงฤดูร้อนนั้นแฮปปี้สุดๆ.............

(สัปดาห์แรกของการเรียนภาษา)

ผมเรียนภาษาอังกฤษผ่านมาได้ 1 อาทิตย์พอดี การเรียนภาษาของผมผ่านไปได้อย่างดี เริ่มด้วยการพัฒนาทักษะการอ่าน ตามหนังสือที่แจก เป็นเรื่องสนุกๆ ความรู้รอบตัว ตอบคำถาม อ่านแบบ skimming scanning มีสอนการฟัง การพูด การเขียน ตลอดเวลาทั้ง 5 วัน ผมได้อะไรเยอะจริงๆ ทุกๆวันก็ต้องพูดภาษาอังกฤษ ผมจึงพัฒนาทักษะด้านภาษาได้ไม่ยาก ในขณะที่ ยุน จี นั้นคงไม่ต้องห่วง เพราะเธอเก่งภาษาอังกฤษอยู่แล้ว ตอนยื่นผลเรียนภาษากับทางมหาวิทยาลัย เธอผ่านแบบฉลุย เพราะได้คะแนนทดสอบสูงมาก ที่มาเรียนภาษาเพิ่งเติมนี่ก็เพราะอยากปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมและวัฒนธรรมอังกฤษ อยากได้เพื่อนใหม่ๆด้วย

ช่วงเวลาเรียนทุกคนดูผ่อนคลาย อาจารย์สอนอย่างเป็นกันเอง ส่วนเพื่อนๆในห้องเรียนก็น่ารักและเป็นมิตรกันทุกคน ผมและ ยุน จี เองก็เข้ากับทุกคนได้ดี จนในที่สุดนักเรียนในชั้นก็เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เพื่อนแต่ละคนต่างเข้าเรียนในสาขาต่างๆกัน พวกคนใต้หวันมาเรียน marketing คนญี่ปุ่นมาเรียน development studies คนเวียดนามและจีนมาเรียนด้านสิ่งแวดล้อม และอย่างที่เคยบอกไปแล้วว่ายุน จี มาเรียนด้านดนตรี (เอกเปียโน) เพื่อนๆในห้องสนใจยุน จีมาก และขอให้เธอเล่นเปียโนให้ฟังยามว่าง ซึ่งเธอก็ยินดีเป็นอย่างมาก ส่วนผมน่ะเหรอ ฟังเพลงที่เธอเล่นเต็มอิ่มมาทั้งอาทิตย์ ขอสารภาพว่าบางครั้งมันก็มีเบื่อๆบ้างเหมือนกัน แต่พอเห็นเธอเล่นทีไร ไม่รู้ว่าทำไมผมถึงรู้สึกเคลิ้มตามไปทุกทีก็ไม่รู้ บทเพลงที่เธอเล่นส่วนใหญ่เป็นเพลงคลาสสิค อย่างของ บีโธเฟ่น โมสาร์ท บางทีก็เล่นเพลงสากลร่วมสมัยที่ผมคุ้นเคยอย่างพวก Right here waiting Love Story Moon River อะไรพวกนี้ บางทีผมก็ขอให้เธอเล่นให้ฟัง บางทีเธอก็ไม่ได้ซ้อมดนตรีเลยหลายวัน เพราะเรามีกำหนดต้องส่งเรียงความทุกอาทิตย์ เลยต้องง่วนนั่งทำกัน ส่วนมากเราจะนั่งทำกันในห้องครัว เพราะห้องครัวเป็นศูนย์รวมของคนในแฟลตอยู่แล้ว กิจกรรมทุกอย่างที่จะทำร่วมกันก็อาศัยห้องครัวนี่แหละครับ

ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับยุน จี คือเพื่อนที่ดีต่อกัน นับวันเรายิ่งสนิทกันมากขึ้น ไม่ว่าจะไปซื้อของด้วยกัน เดินเล่นริมทะเลสาปในมหาวิทยาลัยด้วยกัน ทำกับข้าวด้วยกัน ผมเรียนรู้วิธีทำกับข้าวของเธอได้มากเลย ก่อนมาผมทำอาหารไม่ค่อยเป็นหรอกครับ มาทำเป็นก็ที่นี่แหละ เวลาว่างๆ เธอมักจะเล่นเปียโนให้ผมฟัง ผมชอบจ้องมองเธอเวลาเล่น เธอดูจริงจัง และมีความสุขกับมัน เหมือนกับว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายเธอ ผมลองจินตนาการเวลาเธอเล่นกับเปียโนตัวใหญ่ ที่ไม่ใช่คีย์บอร์ดแบบนี้ เธอคงจะดูสง่า งดงามไม่ใช่น้อย

ว่ากันว่าชีวิตการเรียนภาษาเป็นช่วงที่มีความสุขมากที่สุดแล้ว ผมว่าเป็นคำพูดที่ถูกต้อง มีแต่กิจกรรมสนุกๆทั้งนั้น ชีวิตประจำวันก็สนุก อาทิตย์นึงเราต้องส่งงาน writing ผมมักจะมานั่งทำกับ ยุนจี เธอเขียนเร็วมาก เก่งจริงๆ ผมไม่สามารถขนาดนั้น ในใจคิดว่า ผู้หญิงอะไรกันเพอร์เฟ็คซะไม่มี รวยก็รวย สวยก็สวย เก่งก็เก่ง ชาติก่อนทำบุญด้วยอะไรนะ แล้วก้ไปวื้อของ เนื่องจากเราเข้าเมืองกันบ่อยๆ เลยตัดสินใจทำตั๋วปีกัน คราวนี้เราก็สามารถเข้าเมืองเมื่อไหร่ก็ได้ จะไปถี่กี่ครั้งก็ได้ ยุน จี ก็ไปทำงานพิเศษได้สะดวกมากขึ้น อ้อ ผมลืมบอกไปครับว่า ยุน จี ไปทำงานพิเศษที่ผับเล็กๆ แต่ชื่อดังห่างจากตัวเมืองไปนิดนึง ชื่อ "Fat Cat" เธอมีหน้าที่เล่นเปียโนให้แขกฟัง รายได้คืนละประมาณ 20 ปอนด์ เล่นตั้งแต่ 6 โมงเย็นถึงสี่ทุ่มครึ่ง เรืองราวสนุกสนานของการไปทำงานพิเศษของเธอยังมีต่อครับ และเธอก็ต้องลาออกจากการทำงานที่ผับแห่งนี้ก็เพราะผม...555

จากคุณ : Red Boomer
เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 06:58:41




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com