Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ชายิกาของเจ้าชาย บทที่ 1 หนึ่งวัน(ไม่)ธรรมดาของสาววาย โดย นปภา ติดต่อทีมงาน

บทที่ 1 หนึ่งวัน(ไม่)ธรรมดาของสาววาย

‘ผมไม่เคยเชื่อเรื่องโชคชะตา ภูตผีปีศาจหรือเทวดาเป็นเรื่องเหลวไหล จนกระทั่งวันหนึ่งความคิดเหล่านี้ก็เปลี่ยนไป วินาทีแรกที่ผมได้สบกับดวงตาสีฟ้ากระจ่างของมิคาเอล ผมก็ได้ประจักษ์ในวินาทีนั้นว่าเทพยาดามีอยู่จริง แม้ตอนนั้นหมอนั่นจะอยู่ในสภาพเปียกปอนไม่ต่างจากลูกหมาตกน้ำ แต่ความงามของดวงหน้าหวานซึ้งก็ไม่ได้ลดทอนลงเลย

“ริว…คิดอะไรอยู่” มิคาเอลเอ่ยถามเมื่อเห็นสายตาเหม่อลอยของคนที่อยู่ข้างกาย

“เปล่า”

ริวปฏิเสธแล้วระบายยิ้มออกมาขณะมองอีกฝ่ายด้วยสายตาอ่อนโยน ตอนแรกที่หมอนี่มาขออาศัยอยู่ด้วยเขาเคยคิดว่าเป็นภาระแล้วก็เกะกะ แต่ตอนนี้กลับรู้สึกอุ่นใจอย่างประหลาดที่มีมิคาเอลอยู่ใกล้

“ไม่เชื่อ ริวต้องนินทาผมในใจอยู่แน่ๆ เลย”

หนุ่มรูปงามทำหน้าบึ้ง เขาเกลียดคนโกหก แต่ที่เกลียดที่สุดเห็นจะเป็นรอยยิ้มแบบนั้นกับสายตาที่เจือความหวาน มองทีไรหัวใจพานเต้นไม่เป็นจังหวะทุกที

“ฉันไม่เคยนินทานาย” ชายหนุ่มติงอีกฝ่ายเสียงเข้ม

ก่อนที่มิคาเอลจะทันได้เถียงกลับ มือแข็งแรงก็คว้าหมับเข้าที่คางมน

“แต่ก็ไม่ปฏิเสธหรอกนะว่าเรื่องที่คิดอยู่ไม่เกี่ยวกับนาย” กล่าวจบชายหนุ่มก็โน้มใบหน้าลงมากระซิบข้างหู “อยากรู้ไหมล่ะว่าอะไร”

เสียงแหบเซ็กซี่ทำให้คนถูกรุกแบบไม่ทันตั้งตัวหัวใจเต้นโครมคราม ใบหน้าขาวๆ แดงซ่าน

“มะ…ไม่ต้องแล้ว”

ท่าทีเขินอายของอีกฝ่ายทำให้ริวหัวเราะในลำคออย่างชอบใจ

“ไม่พูดก็ได้ ทำให้ดูเลยก็แล้วกัน”

แล้วก็เป็นอีกครั้งที่คนไม่ทันระวังตัวถูกจู่โจม มิคาเอลถูกผลักล้มลงกับกับพื้น มือแข็งแรงกดไหล่ชายหนุ่มเอาไว้ไม่ให้ลุกขึ้นมาได้

“จะทำอะไรน่ะ”

“ทำอย่างที่คิด”

พอคำพูดสุดท้ายหลุดรอดออกไปแล้ว ริมฝีปากบางก็ทำหน้าที่ของมันต่อด้วยการประทับลงบนเรียวปากได้รูปอย่างนุ่มนวล…’

“ยังไม่นอนอีกหรือคะมารีน”

เสียงทักทำให้คนที่กำลังรัวนิ้วบนแป้นพิมพ์สะดุ้ง หญิงสาวขยับแว่นสายตาให้เข้าที่ก่อนจะผละจากจอคอมพิวเตอร์ ไปเผชิญหน้ากับเจ้าของเสียงนุ่ม

“ยังไม่ง่วงเลย ทำไมวันนี้พี่มาร์ชกลับบ้านเร็วจัง”

พี่ชายของเธอทำงานเป็นเชฟในโรงแรมระดับห้าดาว ครัวของโรงแรมจะปิดตอนเที่ยงคืน พี่เลยไม่เคยกลับบ้านก่อนตีหนึ่งเลยสักที

“ไม่เร็วนะคะ ตอนนี้จะตีสองแล้ว”

แพรธาราตวัดสายตาไปมองนาฬิกา แล้วก็ต้องกรีดร้องเสียงดังเมื่อรู้ตัวว่าเขียนนิยายเพลินจนลืมเวลา

“ฝันดีนะพี่มาร์ช มาไปนอนแล้ว พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า ถ้าไม่ซื้อของให้บอสไม่ทันมาโดนเชือดแน่” หญิงสาวพูดเร็วจี๋ แล้ววิ่งขึ้นชั้นบนด้วยอาการสติแตก
เพชรพิรุณส่ายหน้าน้อยๆ เมื่อเห็นว่าน้องสาวเข้านอนทั้งที่ไม่ได้ปิดคอมพิวเตอร์ ชายหนุ่มเอื้อมมือไปจับเมาส์หมายจะเซฟงานให้ แต่ก็ต้องชะงักเสียก่อนเมื่อเห็นข้อความตัวโตแปะเอาไว้ที่ข้างจอ

‘คอมของมา ห้ามแตะต้องไม่ว่ากรณีใดๆ’

พี่ชายผู้แสนดีเลยไม่ปิดให้แต่ไปตามน้องสาวมาจัดการคอมพิวเตอร์ด้วยตัวเอง

“ขอบคุณนะพี่มาร์ช เกือบลืมเซฟงานไปเลย ดีนะที่พี่มาร์ชเห็นก่อน ถ้าเป็นพี่เมย์มีหวังโดนถอดปลั๊กทิ้งแบบไม่แคร์สื่อแน่ๆ”

น้องสาวคนเล็กเอ่ยพลางนินทาพี่สาวที่หลับอยู่อีกห้อง พลอยวารินเป็นคนจ่ายค่าน้ำค่าไฟก็เลยค่อยข้างเขี้ยว ทุกเช้าพี่ท่านจะไล่ถอดปลั๊กทุกอย่างในบ้าน บางทีมันมือก็ลามไปถึงปลั๊กไฟตู้เย็นกับตู้ปลาด้วย กลับมาบ้านอีกทีก็เห็นว่าพวกมันลอยหงายท้องจะตายแหล่มิตายแหล่แล้ว พอโวยวายใส่ก็เถียงกลับมาหน้าตาเฉยว่า

‘เกิดเป็นปลาทองฉันต้องอดทน’

“คราวหลังก็อย่าลืมอีกนะคะ อ้อ! พรุ่งนี้อยากกินอะไรไหม เดี๋ยวพี่ทำใส่ตู้เย็นเอาไว้ให้”

“ไม่เป็นไรหรอกพี่มาร์ช พี่พักเถอะ พรุ่งนี้มาต้องออกแต่เช้า ฝันดีอีกรอบนะคะพี่ชาย”

หญิงสาวโผเข้าไปกอดพี่ชาย พออีกฝ่ายขยี้ผมกลับมาเบาๆ หญิงสาวก็ผละออกจากอก แล้ววิ่งขึ้นไปยังชั้นบน ยังไม่ทันได้เข้าห้องพี่สาวคนโตก็เปิดประตูออกมายืนเกาหัว จนผมซอยสั้นยุ่งเหยิง

“มาร์ชกลับมาแล้วเหรอ” พลอยวารินถามแล้วเปิดปากหาวหวอดๆ

“กลับมาแล้ว”

“ว่าแต่แกเถอะ ชาติที่แล้วเป็นนกฮูกหรือไง ถึงได้ไม่ยอมหลับยอมนอน”

แค่ปรายตามองก็รู้แล้วว่าน้องสาวทำงานอดิเรกเพลินจนลืมเวลา สังเกตได้จากแว่นที่สวมอยู่ ถ้าเข้านอนแล้วลุกขึ้นมาเข้าห้องน้ำ แพรธาราจะไม่หยิบแว่นสายตามาด้วย เพราะสายตาไม่ได้สั้นมาก

“กำลังจะนอนนี่แหละพี่ ฝันดีนะพี่เมย์”

แพรธาราไม่พูดเปล่าแต่ฉวยโอกาสโผเข้ากอดด้วย ทว่าคนงัวเงียก็ไม่ยอมเปิดช่องว่าง พลอยวารินยกเท้าขึ้นมากัน คนที่หมายจะกอดเลยต้องเบรกเอี๊ยดหน้าเกือบทิ่ม

“ไปไกลๆ เลย ไม่ต้องมาทะลึ่งกอด ไปกอดไอ้มาร์ชไป”

พลอยวารินลูบแขนตัวเองไปมาทำท่าขนลุก เธอไม่ชอบให้ใครมาแตะตัว ถึงเป็นเพื่อนสนิทก็ไม่มีข้อยกเว้น ส่วนคนในครอบครัวถ้าเตะตัวกันนิดหน่อยก็พอรับได้ แต่ถ้ามากอดหรือหอมเธอไม่เอาด้วยเด็ดขาด แม้จะไม่ได้รังเกียจสัมผัส แต่ในใจก็อดจั๊กจี้ไม่ได้ มันเป็นความรู้สึกขัดเขินแปลกๆ หญิงสาวก็เลยไม่ชอบเท่าไร

“โหย…สองมาตรฐาน น้องนุ่งจะกอดสักหน่อยดันไม่ยอมให้ก่อน ทีพี่เกรซน่ะให้กอดได้กอดดี” แพรธาราทำปากยื่นใส่พี่สาว

พี่เกรซที่พูดถึงคือแฟนสาวของพลอยวาริน ถึงพี่สาวเธอจะชื่อหวาน แถมยังหน้าหวานหยดแต่กลับมีใจให้คนเพศเดียวกัน หนุ่มๆ ทั้งหลายเลยอกหักกันระนาว ในขณะเดียวกันน้องชายฝาแฝดอย่างเพชรพิรุณกลับดูสุภาพอ่อนหวาน ทั้งยังมีกิริยานุ่มนวลกว่า ถึงจะไม่ใช่เกย์แต่ก็เป็นผู้ชายที่พูดคะขา เลยมีคนเข้าใจผิดอยู่บ่อยๆ

“เฮ้ย! อย่าลามปาม นั่นของสูง ห้ามแตะ” พูดแล้วก็ยกมือไหว้ท่วมหัวเสียทีหนึ่ง

แพรธาราหัวเราะคิกคักเสียงดังกับท่าทีของพี่สาว ตั้งแต่เกิดมาเธอไม่เคยเห็นพี่กลัวอย่างอื่นนอกจากแฟนสาวสักที พี่เกรซเป็นคนอ่อนหวานแต่ก็ใจเด็ด พูดจริงทำจริง ไม่ต้องแสดงออกมากแค่ตวัดสายตาทีเดียวพี่เธอก็กลัวจนหงอแล้ว

พลอยวารินโบกมือไล่ให้น้องสาวไปนอนอีกครั้งก่อนจะไปเข้าห้องน้ำ แพรธาราเลยเข้านอนบ้าง หญิงสาวเดินไปที่เตียงโดยไม่เปิดไฟ พอถอดแว่นแล้วก็ผล็อยหลับไป โดยมีเสียงมีดกระทบเขียงดังมาแว่วมาแทนเสียงเพลงกล่อม

ห้องของหญิงสาวตรงกับครัวพอดี เวลามีใครทำอาหารหรือทำเสียงดังในครัวก็จะได้ยินเสียงชัดเจน ความที่เป็นคนหลับง่ายหญิงสาวก็เลยไม่นึกรำคาญ บางเวลาก็รู้สึกชอบใจด้วยซ้ำที่มีคนทำเสียงดังให้ได้ยิน เพราะจะได้รู้สึกว่าไม่ได้อยู่ตามลำพัง

แพรธาราอาศัยอยู่ที่ทาวน์โฮมสามชั้นกับพี่สาวพี่ชายฝาแฝด ทาวน์โฮมหลังนี้เป็นสมบัติที่บิดามารดาเหลือเอาไว้ให้ บิดาของหญิงสาวเป็นทหาร ท่านเสียชีวิตหลังจากเธอเกิดได้ไม่นาน ส่วนมารดาเป็นพยาบาล แม่เสียชีวิตเพราะโรคร้ายตอนเธออายุสิบหก เมื่อขาดเสาหลักชีวิตของเธอก็สั่นคลอน แต่ก็ยังมีพี่ๆ คอยดูแลช่วยกันประคบประคองจนสามารถผ่านวิกฤตชีวิตไปได้

ตอนนี้แพรธาราอายุยี่สิบห้า มีงานที่มั่นคงทำ เรียกว่าอยู่ได้ด้วยตัวเองทั้งยังเชิดหน้าอยู่ในสังคมได้อย่างภูมิใจว่าไม่เคยทำให้ใครเดือดร้อน

ความที่หญิงสาวทำงานเป็นพนักงานบัญชี ชีวิตในแต่ละวันเลยไม่หวือหวาแต่ก็ไม่เรียกว่าจืดชืดน่าเบื่อเสียทีเดียว ขึ้นชื่อว่าคนทำงานก็ต้องมีปัญหาเรื่องงานอยู่แล้ว แต่แพรธาราก็ไม่นึกท้อหรือเบื่อหน่าย เพราะหญิงสาวรู้จักเสาะแสวงหาความสุขเล็กๆ ให้กับชีวิต แค่ได้กินอาหารอร่อย พักผ่อนได้เต็มที่ และได้ทำงานอดิเรกที่เธอรัก แค่นี้ก็ไม่ต้องดิ้นรนขวนขวายสิ่งอื่นให้เหนื่อยกายเหนื่อยใจแล้ว

งานอดิเรกซึ่งเปลี่ยนเสมือนขุมพลังอันยิ่งใหญ่ของแพรธาราคือการอ่านหนังสือกับเขียนนิยาย ผิวเผินงานอดิเรกของหญิงสาวก็ดูปกติดี เพียงแต่มันมีจุดต่างจากคนทั่วไปเล็กน้อยคือนิยายที่เธอเขียนและเสพอยู่ทุกวันนี้เป็นนิยาย Boy’s love หรือที่เรียกกันว่านิยายเกย์

แพรธาราเป็นผู้หญิงปกติที่ไม่ได้มีรสนิยมชื่นชอบเพศเดียวกัน ดังนั้นหากจะถามว่าเหตุใดเธอจึงหลงใหลคลั่งไคล้นิยายพวกนี้นัก คำตอบที่ได้คงเป็นแบบกำปั้นทุบดินว่า

‘ไม่มีเหตุผล เพราะชอบก็คือชอบ ให้อธิบายอย่างไรสุดท้ายก็วนกลับมาที่คำว่าชอบอยู่ดี’

ความหลงใหลที่มีต่อนิยายแนวนี้ของแพรธาราเริ่มต้นขึ้นตอนขึ้นชั้นมัธยมศึกษาปีที่สาม ความที่เป็นหนอนหนังสือตัวยง เธอเลยเช่าการ์ตูนกับนิยายที่ร้านหนังสือแถวบ้านมาอ่านเป็นประจำ แล้ววันหนึ่งโชคชะตาก็ดลบันดาลให้หญิงสาวได้อ่านเรื่องราวความรักในอีกรูปแบบหนึ่ง รักต้องห้ามของคุณชายผู้สูงศักดิ์กับข้ารับใช้ทำให้เธอร้องไห้ด้วยตื้นตัน

นับจากวันนั้นหญิงสาวก็ย่างเท้าเข้าสู่เส้นทางสายนี้แบบเต็มตัว แม้ใครจะมองว่าแปลก หรือตีตราหาว่าผิดปกติ เธอก็ไม่สนใจ ตราบใดที่ยังไม่ทำให้ใครเดือดร้อนเธอก็จะยังเสพและเขียนนิยายแนวชายรักชายต่อไป แถมยังยืดอกแบบไม่อายด้วยกว่า ‘ฉันนี่แหละสาววายตัวจริง’


หลังจากได้พักผ่อนราวสองชั่วโมงเศษ แพรธาราก็ตื่นมาอีกครั้งตอนตีห้า หญิงสาวงัวเงียตื่นขึ้นมารับวันใหม่แบบไม่สดชื่นนัก ถึงอย่างนั้นก็ยังต้องฝืนตัวเองให้ตื่นขึ้นมาแต่เช้าเพื่อที่จะได้ออกไปซื้อข้าวเหนียวหมูปิ้งเจ้าอร่อยให้ทัน

เธอรีบร้อนจนลืมใส่คอนแทกต์เลนส์ พอนึกได้ก็วิ่งกลับขึ้นไปใส่ ความรีบร้อนทำให้เกือบตกบันได แต่หญิงสาวก็ยังไม่หยุดวิ่ง

แพรธาราไม่ได้เสพติดหมูปิ้งเจ้านี้แม้แต่น้อย ที่ต้องทุ่มเทขนาดนี้เพราะมันเป็นของโปรดของบอสใหญ่ หรืออีกนัยก็คือประธานกรรมการบริษัท ถ้าได้กินของถูกปากตั้งแต่เช้าท่านประธานจะอารมณ์ดีได้ทั้งวัน วันนี้มีการประชุมประจำเดือน ผู้จัดการก็เลยสั่งเลขานุการให้ไปหาของอร่อยมาให้ แล้วเลขานุการก็มาสั่งเธออีกต่อ เนื่องจากได้ยินบอสเปรยว่าอยากกินข้าวเหนียวหมูปิ้ง และไอ้ข้าวเหนียวหมูปิ้งที่ท่านอยากกินหนักหนามีเธอคนเดียวเท่านั้นที่รู้ว่ามีขายอยู่ที่ไหน

หญิงสาวขี่รถจักรยานยนต์คู่ใจออกมาจากบ้านทันทีที่แต่งตัวเสร็จ แล้วลัดเลาะไปตามซอยเล็กซอยน้อยจนกระทั่งไปโผล่ริมคลองประปา ขับเรียบริมคลองไปจนกระทั่งถึงเขตบางซื่อ หญิงสาวก็เลี้ยวซ้ายเข้าไปในย่านชุมชน เพื่อไปยังร้านขายหมูปิ้งเล็กๆ ของหญิงชราคนหนึ่ง

ยายแกมักจะตื่นแต่ไก่โห่มาปิ้งหมูขายเป็นประจำทุกวัน หมูปิ้งของที่นี่แตกต่างจากเจ้าอื่นตรงที่มีกรรมวิธีหมักแบบพิเศษ ทำเป็นไม้เล็กๆ พอดีคำ การย่างหมูจะต้องใช้ถ่านที่สั่งมาเฉพาะเท่านั้น พอน้ำมาย่างบนตะแกลงเนื้อหมูจะส่งกลิ่นหอมอบอวลไปทั่วทั้งซอย ส่วนรสชาติแม้จะไม่มีรางวัลใดๆ มาการันตีแต่ก็อร่อยลิ้นเกินคำบรรยาย ยิ่งได้กินกับข้าวเหนียวเกรดดีที่นึ่งพร้อมใบเตย ใครได้ชิมเป็นต้องติดใจกันทั้งนั้น บางคนมาเหมาไปทีละร้อยสองร้อยไม้ก็เคยมีมาแล้ว ระยะหลังแม่ค้าเลยขายให้แค่คนละยี่สิบไม้เท่านั้น เพื่อที่ของอร่อยจะได้กระจายกันได้อย่างทั่วถึง แต่ถึงกระนั้นของที่นำมาขายก็ยังหมดก่อนเจ็ดโมงเช้าประจำ

ณ ที่ตั้งแผงขายหมูปิ้ง ขณะนี้มีคนเข้าคิวยาวเหยียดให้เห็นมาแต่ไกล แพรธาราจึงรีบจอดรถแล้ววิ่งมาต่อแถวทันที ไม่ถึงห้านาทีหลานสาวเจ้าของร้านก็เดินมาบอกว่าของมีพอให้สำหรับคนที่ต่อหลังเธออีกสามคนเท่านั้น พูดจบก็ลากป้ายบอกว่าของหมดมาปิดท้ายแถวเอาไว้

เสียงคนบ่นเพราะอดกินของอร่อยดังเซ็งแซ่ แต่ก็ทำได้เพียงแค่บ่นเท่านั้น เพราะต่อให้กล่อมอย่างไรเจ้าของสูตรเด็ดก็ไม่เคยคิดจะผลิตสินค้าเพิ่ม หรือถ่ายทอดสูตรเด็ดเพื่อเปิดเฟรนชายน์เลย

แพรธารารู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่มาซื้อหมูปิ้งได้ทัน แต่แล้วหญิงสาวกลับรู้สึกว่าตัวเองโชคร้ายอย่างที่สุด เมื่อต้องยืนท้องร้องรออาหารแสนโอชะที่ไม่ใช่ของตัวเอง หมูปิ้งยี่สิบไม้นี่กินแค่ครึ่งเดียวเธอก็อิ่มไปจนบ่ายแล้ว แต่มันกลับแทบไม่พอท้องของท่านประธาน ถ้าระหว่างประชุมบอสเกิดโมโหหิวขึ้นมาคงไม่ดีแน่ เธอเลยแวะซื้อกล้วยแขก น้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋ไปด้วย

หญิงสาวเอาของที่ซื้อมาทั้งหมดไว้ในกล่องเก็บความร้อนซึ่งผูกติดเอาไว้ท้ายรถ จากนั้นก็บึ่งตรงมาที่ทำงาน เธอมาถึงตอนเจ็ดโมงสิบนาทีพอดี เร็วกว่าเวลาอาหารเช้าของท่านประธานยี่สิบนาทีได้ แต่ถ้ามาสายกว่านี้รถจะติดมาก ต่อให้เป็นรถจักรยานยนต์กว่าจะฝ่าการจราจรอันแออัดไปได้ ป่านนั้นบอสคงกินอาหารเช้าไปเรียบร้อยแล้ว

ออฟฟิศของบริษัทครอบคลุมพื้นที่ตั้งแต่ชั้นสิบเจ็ดไปจนถึงชั้นยี่สิบเอ็ด ที่ชั้นบนสุดจะเป็นห้องทำงานของประธานกรรมการกับทีมงานที่ท่านเป็นคนเลือกมาเอง

ตอนนี้ยังเช้าอยู่มากในบริษัทจึงเหมือนเมืองร้าง มีแค่ไฟในห้องทำงานด้านในสุดเท่านั้นทีเปิดอยู่ เป็นสัญญาณบอกว่าบอสใหญ่มาถึงบริษัทก่อนใครพวก

มิสเตอร์ลอยด์ สมิธ มักจะตื่นแต่ไก่โห่เสมอแต่ก็ไม่ใช่พวกบ้างาน ชายหนุ่มแค่ชอบวิ่งออกกำลังกายตอนเช้าเท่านั้น อาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็มาที่บริษัทเลย พอสักเจ็ดโมงครึ่งก็จะเดินลงไปหาอะไรกินที่ศูนย์อาหารชั้นสามอย่างนี้เป็นประจำทุกวัน

แพรธาราตรงเข้าไปในห้องพักซึ่งอยู่ริมสุด ห้องนี้เป็นห้องส่วนตัวของประธานกรรมการ มีทั้งมุมพักผ่อน มุมรับประทานอาหาร และครัวเล็กๆ เตรียมเอาไว้พร้อมสรรพ ลอยด์อนุญาตให้ทุกคนมาใช้ห้องนี้ได้ แต่ส่วนใหญ่สมัครใจไปกระจุกกันอยู่ที่ห้องพักห้องเล็กมากกว่า

หญิงสาวเอากล่องเก็บความร้อนมาตั้งบนโต๊ะ แล้วทยอยจัดอาหารใส่จาน ยังไม่ทันเรียบร้อยดีก็มีใครบางคนเดินตามกลิ่นหมูปิ้งเข้ามาราวกับจุดธูปเรียก พอเหลียวไปก็เป็นว่ามีฝรั่งผมบลอนด์มายืนยิ้มเผล่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล

“ของผมใช่ไหม”

“ใช่ค่ะบอส พอดีตื่นเช้าเลยซื้อมาฝาก เชิญตามสบายเลยนะคะ”

ดวงตาสีฟ้าครามเป็นประกายระยับเมื่อมีของโปรดอยู่ตรงหน้า พอได้รับคำอนุญาตหมูปิ้งสามไม้กับข้าวเหนียวครึ่งห่อก็หายวับเข้าปากไปอย่างรวดเร็ว

“อร่อยสุดยอด”

ชายหนุ่มหลับตาพริ้มอย่างเคลิบเคลิ้มกลับรสชาติที่โปรดปราน พอกลืนของที่เคี้ยวอยู่ลงคอแล้ว เขาก็หันมาพูดกับหญิงสาว

“ไว้จะเลี้ยงข้าวตอบแทนนะ”

“ไม่เอาอาหารอีสานแล้วนะคะบอส เบื่อแล้ว ขอพวกอาหารเกาหลีญี่ปุ่นหรืออะไรที่มันต่างจากปกติหน่อย” หญิงสาวดักคอ

ถึงจะเป็นลูกครึ่งอเมริกันฝรั่งเศส แต่ฝรั่งผมบลอนด์คนนี้กลับมีหัวใจอีสาน ลอยด์กินเผ็ดยิ่งกว่าคนไทยบางคนเสียอีก ลาบดิบกับปลาร้านี่เรียกว่าเป็นของโปรด อาหารอย่างกุ้งเต้นที่บางคนร้องยี้ พี่ท่านก็เปิบเข้าปากหน้าตาเฉย

“รู้ทันอีกแน่ะ ร้ายนะเรา”

“ไม่เท่าบอสหรอกค่ะ คนอะไรหาเรื่องหงุดหงิดทุกอาทิตย์เพื่อจะกินข้าวเหนียวหมูปิ้ง คนเขาเดือดร้อนต้องตื่นเช้าไปหาซื้อให้รู้ไหมคะ”

“โอ้! ความแตกแล้วหรือนี่ เก่งมากๆ” ไม่พูดเปล่าแต่เอามือมาลูบหัวคู่สนทนาเหมือนอีกฝ่ายเป็นสัตว์เลี้ยง

หญิงสาวถอนหายใจออกมาหนึ่งเฮือกกับความเอ็นดูอย่างเหลือล้นที่ได้รับจากเจ้านาย จะว่าเป็นข้อดีมันก็ดีอยู่หรอก แต่ก็มีข้อเสียพ่วงมาด้วยอีกหลายอย่าง ที่ร้ายแรงที่สุดคือถูกกล่าวหาว่าเธอกับเขามีเรื่องชู้สาวกัน ได้ฟังทีไรก็ต้องละเหี่ยใจทุกครั้ง เพราะในความเป็นจริงเธอกับเขาเป็นแค่เพื่อนที่คุยกับถูกคอเท่านั้น

“อ๊าย! มือเลอะอย่างมาจับนะ”

แพรธาราร้องลั่นเมื่อนึกได้ว่ามือที่เขาใช้ลูบหัวเธอ เป็นข้างเดียวกับที่ใช้หยิบอาหารเข้าปาก

“เช็ดแล้ว”

“เช็ดกับอะไรคะ” หญิงสาวขยับตัวหนีแล้วหรี่ตามองอย่างระแวง

“ปาก” คนตัวโตตอบพลางดูดนิ้วประกอบคำพูด

‘เยี่ยมมาก ทั้งมันหมู ทั้งน้ำลาย ลงมาโดนผมพร้อมกันเป็นเซต’

ยังไม่ทันได้โวยต่อแพรธาราก็ถูกปิดปากด้วยหมูปิ้งตามด้วยข้าวเหนียวคำโต รสชาติหวานหอมที่แผ่ซ่านในปากทำให้หญิงสาวลืมโมโหไปชั่วขณะ แถมคนขี้แกล้งก็ยังเจ้าเล่ห์เสียเหลือเกิน เข้าใจเปลี่ยนเรื่องคุยกะทันหัน รู้ตัวอีกทีแพรธาราก็นั่งกินอาหารเช้าและหัวเราะไปกับเขาแล้ว


หลังมื้อเช้าแพรธาราก็กลับเข้าไปประจำที่โต๊ะทำงานของตัวเอง ในห้องนี้พนักงานส่วนใหญ่นั่งรวมกัน แต่มีที่กั้นแยกเป็นสัดส่วน เรียกกันติดปากว่าเล้าหมูไฮโซ ถึงเวลาก็เข้าไปทำงานในคอกของใครของมัน แต่ก็ไม่เชิงเป็นส่วนตัวเสียทีเดียว เพราะด้านบนเป็นกระจกใสมองทะลุออกไปได้

โต๊ะของแพรธาราเป็นส่วนที่ทำเลดีที่สุด เพราะหันหน้าเข้าไปทางห้องท่านประธานกรรมการ ห้องนั้นก็เป็นกระจกเหมือนกัน สาวๆ หลายคนเลยอิจฉาเธอที่ได้จ้องมองใบหน้าหล่อเหลาทุกเช้าเย็น แม้ว่าปกติลอยด์จะไม่ค่อยยิ้มเพราะต้องสวมหัวโขนของผู้บริหารเอาไว้ แต่กลับกลายเป็นว่ายิ่งไม่ยิ้มยิ่งทำให้หญิงแท้หญิงเทียมใจละลายกันไปใหญ่ เพราะความขรึมโหดช่วยทำให้ดูเซ็กซี่น่าค้นหา

แพรธาราก็เป็นอีกคนที่ชอบมองเขา แต่มองแล้วคิดต่อยอดไปในอีกแง่ หญิงสาวจับเอาเจ้านายตัวเองมาขึ้นแท่นเป็นพระเอกนิยายเกย์ แต่ในส่วนของนายเอกที่จะมาแสดงคู่ด้วยนั้นเธอยังคิดไม่ออก ก็เลยทิ้งเอาไว้ก่อนยังไม่ได้เขียนต่อ

หญิงสาวนั่งตาลอยคิดถึงนิยายที่เขียนค้างเอาไว้เมื่อคืนอยู่สักพัก แล้วถึงดึงตัวเองกลับมาที่งาน ตอนนี้บนโต๊ะมีรายละเอียดการประชุมกองสุมอยู่ และเธอต้องสรุปให้เสร็จภายในสองวัน

แรกเริ่มเดิมทีหญิงสาวเข้ามาทำงานที่นี่ในตำแหน่งพนักงานบัญชี แต่ผู้ช่วยเลขานุการเกิดลาออกกะทันหัน เธอเลยมาช่วยงานแทนชั่วคราว แล้วก็ผูกขาดทำงานในตำแหน่งนี้เรื่อยมาจนเกือบจะสามปีได้แล้ว

ผิวเผินตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการอาจจะไม่มีความสำคัญอะไร เพราะทำแต่งานจับฉ่าย แต่จริงๆ แล้วมันคือตำแหน่งที่ต้องใช้ทักษะความมีมนุษยสัมพันธ์สูง ต้องประสานงานเป็น หัวไวและมีความรู้รอบด้าน สามารถรับมือกับปัญหาได้ทุกรูปแบบ ซึ่งคุณสมบัติที่กล่าวมานั้นแทบจะไม่มีอยู่ในตัวแพรธาราเลย กว่าจะปรับตัวได้ก็แทบรากเลือดกันเลยทีเดียว โชคดีที่เลขานุการของท่านประธานเป็นคนเก่ง แถมยังใจดีมาก หญิงสาวคอยช่วยสอนงานเธอเสมอ จนคนที่ทำอะไรไม่เป็น สามารถทำงานได้คล่องขึ้น

แพรธาราทำงานตามปกติไปจนกระทั่งบ่าย ชุติภาหรืออีกนัยหรือเลขานุการของท่านประธาน ก็เดินมาหาที่โต๊ะ แล้วเอาเอกสารปึกหนึ่งมายื่นให้ พอเห็นภาษาอังกฤษติดกับเป็นพรืด หญิงสาวก็ทำหน้าเหมือนมีคนยกยาขมหม้อใหญ่มาวางไว้ตรงหน้า

“อย่าบอกนะคะว่าจะให้แปลแล้วสรุป” แพรธาราเดาไปในทางร้ายที่สุดก่อน

“บ้า! ไม่ใช่ให้แปล เอกสารของบอสลืมไว้ต่างหาก พี่จะวานให้มาเอาไปส่งให้หน่อย บอสมีคุยงานที่โรงแรมนี้”

หญิงสาวยื่นแผ่นกระดาษที่มีชื่อโรงแรมกับแผนที่ไปให้

“เรื่องนี้เอง สบายมากค่ะ เดี๋ยวมาแว้นไปส่งให้” หญิงสาวเอามือขึ้นทาบอกอย่างโล่งใจ

ชุติภาอมยิ้มน้อยๆ กับท่าทีของหญิงสาว ในบรรดาผู้ช่วยของเธอทั้งหมดสามคน แพรธาราอ่อนภาษาที่สุด แต่ก็เป็นพวกมีความพยายาม ไม่เกี่ยงงาน เธอก็เลยดึงตัวเองไว้ ไม่ส่งคืนให้แผนกบัญชี

“ออกไปเลยนะมา เดี๋ยวจะไม่ทัน บอสบอกให้เอาไปให้ก่อนสี่โมง ถ้าหลงทางโทรหาพี่นะเดี๋ยวบอกทางให้”

“แถวนี้มาเคยไปค่ะไม่ต้องห่วง”

เมื่อก่อนแพรธาราผ่านไปแถวโรงแรมที่ท่านประธานนัดให้เอาของไปส่งบ่อย เพราะเธอต้องใช้เส้นทางนี้ไปมหาวิทยาลัย

“ส่งเอกสารเสร็จแล้วจะกลับเลยก็ได้นะมา ขับรถดีๆ ด้วยล่ะ อย่าลืมใส่หมวกกันน็อกนะ แล้วห้ามเหม่อหรือซิ่งมากเข้าใจไหม เราเป็นอะไรไปบอสเอาพี่ตายแน่” ชุติภากำชับ

“รับทราบค่ะ” แพรธาราตอบรับอย่างแข็งขัน

คนอื่นอาจจะไม่ชอบให้ใครมาจู้จี้ด้วย แต่แพรธารากลับชอบนิสัยข้อนี้ของชุติภา เธอรู้ว่าอีกฝ่ายมีเจตนาดี อีกอย่างชุติภามีโทนเสียงและนิสัยคล้ายกับมารดาของเธอ อยู่ด้วยแล้วเลยรู้สึกอบอุ่น

หญิงสาวเอาเอกสารที่ได้มาใส่ซองสีน้ำตาลแล้วเก็บของออกมาจากบริษัท จากนั้นก็กระโดดขึ้นรถจักรยานยนต์คู่ใจขับออกไปยังท้องถนน

ตอนนี้เป็นเวลาสามโมงเศษ การจราจรบนท้องถนนคับคั่งพอสมควรแต่ไม่ถึงกับติดมากนักอย่างช่วงเวลาเร่งด่วน โรงแรมที่เธอต้องเอาของไปส่งอยู่ห่างจากบริษัทไม่มาก ขับรถไปราวยี่สิบนาทีก็ถึง หญิงสาวก็เลยจอดรถรอไฟแดงอย่างสบายใจ ไม่พยายามลัดเลาะไปอยู่ด้านหน้า

เนื่องจากไฟแดงที่แยกนี้ติดนานไม่ต่ำกว่าสองนาที หญิงสาวก็เลยเผลอเหม่อคิดถึงนิยายที่เขียนค้างเอาไว้ นิยายเรื่องนี้ชื่อเรื่อง ‘Confine love’ ชื่อภาษาไทยคือ ‘ขอพันธนาการเธอไว้ชั่วกาล’ ทีแรกเธอจะเขียนเป็นแฟนตาซีหน่อยๆ แต่เอาไปเอามากลับกลายเป็นเรื่องราวความรักแบบดราม่าระหว่างทนายความหนุ่มกับทายาทมหาเศรษฐีไปเสียได้

“ให้ริวจับมิคาเอลกด หรือให้มิคาเอลจับริวกดดีนะ ไม่สิ ต้องริวเริ่มก่อนเท่านั้น แต่เคะ รุกเมะ มันก็น่าสนแฮะ”

ในขณะที่กำลังพึมพำกับตัวเอง ชายคนหนึ่งก็วิ่งผ่านหน้าแพรธาราไป เธอหันไปสนใจเขาเพราะชายหนุ่มชนโครมเข้ากับคุณป้าคนหนึ่งที่เดินอยู่ริมถนน ป้าแกเลยร้องตะโกนด่าดังลั่น แพรธารามองตามชายคนนั้นไป อึดใจก็มีชายอีกคนหนึ่งวิ่งตามมา ชายคนนี้สวมชุดสูทท่าทางดูดีทีเดียว

“ใครก็ได้ช่วยหยุดผู้ชายเสื้อดำที ผมโดนวิ่งราวกระเป๋า”

เสียงตะโกนของชายหนุ่มดังไปไกล แต่ทุกคนก็แค่หันมามองไม่มีใครคิดจะช่วยเหลือเลยสักคน แพรธาราไม่โทษสังคมที่ไร้น้ำใจ เป็นใครก็คงไม่อยากยุ่งกับคนร้ายที่ไม่รู้ว่าจะมีอาวุธในมือหรือเปล่า อีกอย่างการขอความช่วยเหลือของเขามันก็กระชั้นเกินกว่าที่คนอื่นจะช่วยได้ทัน

หญิงสาวมองตามแผ่นหลังของเจ้าทุกข์ที่วิ่งตามคนร้ายไปอย่างไม่ย่อท้อ เธอนึกเห็นใจเขาขึ้นมา ดูท่าของในกระเป๋าคงจะมีความสำคัญมา ความสงสารก่อให้เกิดมโนธรรมขึ้นมาในใจ แล้วแพรธาราก็ตัดสินใจทำบางสิ่งลงไป โดยไม่รู้เลยว่าผลจากการกระทำนั้นจะเปลี่ยนชีวิตของเธอ

จากคุณ : ตารกา
เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 11:09:36




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com