Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เก็บแผ่นดินใจไว้ปลูกรัก 17 : หนุ่มสาวเข้าวัด ติดต่อทีมงาน

บทที่แล้ว
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12099861/W12099861.html

บทที่  17


หนึ่งสัปดาห์ผ่านไปบ้านนาดีเริ่มเงียบจากเสียงเครื่องจักรที่กำลังเปลี่ยนวิถีชีวิตของชาวนาเพราะรถเกี่ยวข้าวขยับไปทำงานที่หมู่บ้านอื่น ท้องทุ่งนาที่เคยมีรวงข้าวสีเหลืองอร่าม บัดนี้ เหลือแต่ตอซังเป็นผืนกว้างคั่นด้วยคันนา จากรถเกี่ยวข้าวที่เคยทำงานเสียงกระหึ่มกับรถมอร์เตอร์ไซค์ของเจ้าของนาที่วิ่งไปมาเพื่อขนอาหารและวิ่งติดต่อรถเกี่ยวข้าวก็มาเป็นภาพรถบรรทุกหกล้อขนข้าวไปยังโรงสีในตัวเมืองหรือไม่ก็ตลาดกลาง

ข่าวเรื่องรถกระบะของลุงพลที่หายไปยังเงียบและไม่มีวี่แววว่าจะได้ตัวคนร้าย ตั้งแต่วันที่หมวดนิวมาไร่นับดาวครั้งแรกก็ได้แวะมาอีกครั้งกับจ่าดุลเพื่อเตือนว่าให้ระวังทรัพย์สินภายในบ้านและในไร่นาให้ดี แม้หมวดนิวอยากอยู่นานเท่าไหร่แต่ท่าทีของพิณไพลินที่นิ่งดูสงวนท่าทีเกินไปทำให้เขาไม่กล้ารุกหรือแม้กระทั่งจะแอบสืบเรื่องราวของแขกผมยาวที่เขานึกสงสัยทั้งๆ ที่วงหน้าของเธอจะอยู่ในใจของเขาแทบตลอดเวลา

สัตวบาลนริศหายหน้าไปตั้งแต่วันที่ถูกฝ่าเท้าของวัวอีแดงฝากรอยจารึกเฉียดๆ ไว้ที่อวัยวะสำคัญ ลุงจอมเคยโทรไปเลียบเคียงถามเพื่อจะให้มาผสมเทียมอีแดงอีกครั้งแต่น้ำเสียงอ่อนดูอ่อยๆ อย่างไรพิกลทำให้ลุงจอมเดาเอาว่าฝ่ายนั้นอาจกำลังอยู่ในช่วงรักษาตัวยังไม่พร้อมจะมาปฏิบัติภารกิจพ่อสื่อรักจากน้ำเชื้อได้ แม้จะต้องทอดเวลาที่วัวอีแดงจะได้รับการผสมรักจากมือของหมอนะ(อันนี้คือคารมของไข่)เนิ่นนานออกไปแต่ลุงจอมก็ไม่ได้คิดจะหาหมอคนอื่นเนื่องจากทั้งอำเภอไม่มีใครที่จะเก่งกาจเทียบเทียมเท่าสัตวบาลหนุ่มอีกแล้ว

งานเกี่ยวข้าวในนาของแต่ละครอบครัวเสร็จไปเกือบหมดแล้วบางบ้านก็เหลือเพียงขนขึ้นยุ้งฉางเพื่อรอราคาสูงจนเป็นที่พอใจ ที่วัดบ้านนาดีมีการตระเตรียมงานทำบุญสังฆทานกันก่อนวันงานสองวันนำทีมโดยป้าเนียมเมียของผู้ใหญ่ ผู้ชายต่างช่วยกันปัดกวาดลานวัดจัดสถานที่ ผู้หญิงล้างเครื่องครัวถ้วยชามและจดรายชื่อเครื่องปรุงสำหรับทำอาหารถวายพระและคนที่มาร่วมทำบุญ

นับจากวันที่พิณไพลินเห็นนายตั้งเดินออกจากบ้านพักในตอนดึกเธอได้แอบมองเขาทุกคืนในช่วงราตรีกาลหลังจากที่เข้าห้องตัวเองไปแล้วเพื่อดูว่าเขาจะลอบออกไปไหนตอนกลางดึกอีกหรือเปล่าเมื่อกลับจากข้างนอกตั้งแต่ช่วงหัวค่ำ แต่ที่เห็นคือเมื่อกลับมาแล้วก็ปิดไฟเงียบราวกับไม่มีใครอยู่

เช้าวันนี้เป็นวันที่สองของการเตรียมงานทำบุญสังฆทานเธอตั้งใจไปช่วยงานที่วัด เธอไม่กังวลกับนักศึกษาทั้งสามคนที่ขอจองบ้านพักต่ออีกหนึ่งวันเพราะทั้งสามบอกว่าไม่รับอาหารเช้า ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าทั้งสามคนติดใจมาดของนายตั้งแม้จะบอกว่าอยากทำงานที่อาจารย์สั่งมาให้เสร็จแล้วค่อยกลับ ส่วนนายตั้งนั้นตั้งแต่เธอทำตัวเป็นนักสืบเข้าห้องเขาจนได้เรื่องเธอก็พยายามไม่เข้าใกล้เขาซึ่งในความเป็นจริงแล้วเธอไม่ต้องพยายามเลยเพราะเขาหายหน้าไปจนเธอแทบไม่เห็นหน้าเขา แต่แล้วพอเธอถือปิ่นโตใส่ข้าวกับอาหารเพื่อไปถวายพระกับตะกร้าใส่ฝรั่งลูกโตเดินไปยังโรงรถก็ต้องสะดุ้งเมื่อเห็นร่างสูงโผล่ออกมาดักหน้า

“จะไปวัดเหรอครับพิณ ผมไปด้วยคนสิ” เขาเอ่ยขึ้นมาก่อน

“คุณรู้ได้ยังไงว่าฉันจะไปวัด” การไม่ได้เห็นหน้าเขาสองสามวันมานี้ทำให้เธอรู้สึกใจเต้นจนห้ามไม่อยู่แต่ต้องพยายามปรับสีหน้าและน้ำเสียงให้นิ่งเข้าไว้

“ผมเดาเอา ผมเห็นคุณถือปิ่นโตข้าวแล้วก็ตะกร้าใส่ผลไม้เต็มไปหมดเลย”

“ฉันอาจเอาไปส่งแฟนที่ไหนก็ได้นี่” ความกลัวบางสิ่งในใจเล็ดลอดออกไปเธอจึงโต้ตอบกลับด้วยประโยคประชดประชันโดยไม่รู้ตัว

ชายหนุ่มยิ้มใส่ตาที่ทำเป็นมองไปยังโรงรถอย่างขันๆ “คุณจะไปส่งที่ไหนล่ะ ผมจะได้ถือโอกาสไปทำความรู้จักเขาไว้และตามไปราวีได้ถูก”

คำพูดราบเรียบแต่แฝงนัยให้ชวนคิดทำให้พิณไพลินสบตากับเขาทันทีพอเห็นประกายตาวับวาวก็เผลอหลุดปาก “บ้า !”

ชายหนุ่มยิ้มกว้างกว่าเดิมสายตายังจับอยู่ที่ใบหน้าผุดผาด ผมดำยาวถูกรวบไว้เป็นหางม้าสูง ริมฝีปากอิ่มเอิบเม้มกันแน่น เสื้อเชิ้ตลายดอกไม้เล็กๆ แขนสั้นพอดีตัวกับกางเกงผ้าสีเข้มสามส่วนทำให้เธอดูเพรียวระหงและสดใส หลายวันมานี้เขาออกจากไร่นับดาวทุกวันและกลับดึกดื่นจึงไม่ได้แวะเวียนมาหาเธอ รู้แต่ว่าก่อนนอนเขามองไปทางบ้านของเธอทุกคืน ตั้งแต่วันที่เขาถูกเธอแกล้งตกน้ำจนได้มีการเอาคืนแบบไม่ยอมน้อยหน้ากัน ภาพหญิงสาวเจ้าของโฮมสเตย์นับดาวก็แทรกขึ้นมาแทนที่ยามที่ความคำนึงเรื่องงานจางลง

หากเป็นเมื่อก่อนสิ่งที่จะมาแทนที่คือเรื่องส่วนตัวที่เขาไม่อยากนึกถึงและอยากเหยียบย่ำทุกอย่างให้จมดิน แต่ทุกวันนี้ความรู้สึกเสียดายห่วงโซ่ทางนิตินัยที่ตัดไปแล้วแผ้วพานเข้ามารบกวนน้อยจนแทบไม่เหลือ สำหรับเขาอดีตมันจบไปแล้วทุกวันนี้เขามีแต่งาน แต่ไม่น่าเชื่อว่าสิ่งที่ค่อยแทรกซึมงานคือความรู้สึกดีๆ กับใครบางคนที่สร้างความแช่มชื่นให้แก่หัวใจทุกยามที่นึกถึง

การดูแลที่เขาได้รับจากเธอแม้จะรู้สึกได้ว่ามันมีความเคลือบแคลงปนอยู่ แต่กลับไม่สร้างความกังวลใดๆ ให้เขา อาจเป็นเพราะบรรยากาศของที่นี่เต็มไปด้วยมิตรภาพ ความจริงใจ ไม่เสแสร้งหรือหลอกลวง ความงามอย่างเป็นธรรมชาติทั้งโฮมสเตย์ แม่น้ำ รวมทั้งเจ้าของซึ่งมีกิริยาเรียบร้อยแต่ไม่เหมือนผ้าพับไว้ เธอเป็นคนขยันขันแข็งในการงานสังเกตได้จากการทำงานหลายอย่างด้วยตัวเองโดยไม่ยอมอยู่นิ่งเฉย และเธอก็คงจะยืนด้วยลำแข้งของตัวเองโดยไม่รอผู้ชายมาช่วยเหลือไปหมดทุกอย่าง ผู้หญิงอย่างนี้เหมาะกับผู้ชายที่มีภารกิจรัดตัวแทบไม่มีเวลาเป็นของตัวเอง ทำไมนะ เขาถึงไม่เจอเธอก่อนหน้านี้ ทำไมเขาต้องเจอกับ...

“ฉันไปก่อนนะคะ ถ้าคุณมีอะไรก็บอกลุงจอมก็แล้วกัน” เสียงใสๆ ฉุดความคิดของตติยะให้หลุดจากภวังค์

ร่างสูงแข็งแกร่งรีบสาวเท้าตามเรือนร่างโปร่งไปและดึงปิ่นโตจากมือเธอมาถือไว้ หญิงสาวหันมาขึงตาทำหน้ายุ่งใส่เขาที่บังอาจมาวุ่นวาย

“ผมขอไปด้วย พรุ่งนี้ที่วัดจะมีงานไม่ใช่เหรอ ผมอยากไปช่วยเตรียมงาน”

หญิงสาวเลิกคิ้วสูง “คุณรู้ได้ยังไง”

ชายหนุ่มยักไหล่ เสื้อยืดสีเทาที่เขาชอบใส่กับกางเกงยีนทำให้ดูเป็นผู้ชายธรรมดาง่ายๆ ติดดิน แต่ที่ดูไม่ธรรมดาในสายตาของพิณไพลินคือใบหน้าคล้ามคมเช่นเดียวกับดวงตาและท่าทางมั่นใจไม่กลัวใครนั่นต่างหาก

“ผมก็ไปเรื่อยๆ ของผมนั่นแหละ อย่าลืมว่าผมเป็นนักเขียน ถ้าคิดไม่ออกหรือขาดข้อมูลผมก็ต้องไปข้างนอกพูดคุยกับคนโน้นคนนี้”

“คุณก็เอารถเครื่องไปก็ได้นี่คะ เดี๋ยวฉันจะเอารถปิคอัพไป” พิณไพลินว่าพลางเดินต่อไปยังรถกระบะสี่ประตูที่จอดอยู่ในโรงรถ เปิดประตูหลังออกแล้วยื่นมือมาจะยึดปิ่นโตคืนแต่คนถือมันกลับดึงเอาตะกร้าในมือเธอแล้วเดินอ้อมไปยังที่นั่งข้างคนขับก่อนจะเปิดเข้าไปนั่งหน้าตาเฉย

“ผมขออนุญาตติดรถไปกับคุณหวังว่าคงจะไม่รังเกียจอีกอย่างจะได้ช่วยถือตะกร้ากับปิ่นโต เพราะถ้าไม่มีคนช่วยถืออาจจะล้มคว่ำคราวนี้แหละหลวงพ่อกับพระลูกวัดคงจะอดฉันข้าวเช้าพอดี”

หญิงสาวขมวดคิ้วหมุนตัวไปมาอย่างไม่รู้จะทำยังไง ขออนุญาตแต่ตัวเองเข้าไปนั่งแล้วเนี่ยนะ

เธอนึกกรุ่นโกรธคนที่เข้าไปนั่งทำไม่รู้ไม่ชี้ก็หนึ่งล่ะ แต่ที่น่าโกรธยิ่งกว่าคือทำไมใจต้องเต้นระรัวด้วยความยินดีก็ไม่รู้ เขาเป็นใครมาจากไหนทำตัวน่าสงสัยทำไมเธอไม่จำนะ พิณไพลินกระแทกลมหายใจดังเฮือกจำใจเข้าไปนั่งประจำที่คนขับหน้าเชิดมองตรงก่อนจะสตาร์ตเครื่องแล้วออกรถไม่ค่อยนุ่มนวลนัก

“อย่าลืมเลี้ยวซ้ายนะ” เสียงห้าวดังขึ้นก่อนรถแล่นไปถึงทางโค้งประมาณสิบเมตร

“ฉันรู้” เธอหันไปโต้เสียงสูงทีเดียว

“อ้อ...นึกว่าลืม”

พอเลี้ยวแล้วเส้นทางเป็นแปลงผลไม้คนขับหน้าหวานก็หันไปมองเขาหน้าดุๆ

“ก็ผมเห็นคุณไม่ผ่อนคันเร่งนี่นา” เขาเอ่ยลอยๆ เหมือนรู้เท่าทันความคิดของเธอ

“นี่มันไร่ของฉันนะคะคุณตั้งยังไงฉันย่อมเชี่ยวชาญพื้นที่อยู่แล้ว แต่จะเสียสมาธิก็เพราะมีคนมาส่งเสียงบอกเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาอยู่ข้างๆ นี่แหละ”

“ทำยังไงได้ล่ะในเมื่อผมจะเข้าไปนั่งกลางใจคุณแล้วบอกให้คุณเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาก็คงไม่ได้”

รถกระตุกเมื่อสิ้นประโยคราบเรียบแต่แฝงนัยให้คนฟังหน้าร้อน “คุณตั้ง! นี่คุณจะมาก่อกวนฉันเพื่อหาเรื่องไปเขียนงานของคุณหรือไงคะ ถ้าคุณต้องการอย่างนั้นทำไมคุณไม่ไปพายเรือมองดูคนหาปลาหรือไม่ก็ไปเดินกลางทุ่งนาดูภาพธรรมชาติเถียงนาน้อยกับวัวควายเล็มหญ้าล่ะ”

มีเสียงหัวเราะเบาๆ ก่อนจะตอบว่า “พายเรือดูคนหาปลาคงไม่เพลินเท่าดูคนถอนสายบัวหรอกคุณว่าไหม”

ทำไมจะไม่รู้ว่าเขาจงใจหมายถึงเธอ “แถวนี้มีเจ้าชายเจ้าหญิงด้วยเหรอคะถึงได้มีคนถอนสายบัว”

คราวนี้ผู้โดยสารสูงโย่งหัวเราะลั่นรถ นานแล้วที่เขาไม่รู้สึกขำจนหัวเราะเต็มเสียงได้อย่างนี้

“เจ้าของโฮมสเตย์นามเพราะหน้าหวานเล่นมุขก็เป็นด้วย”

คนถูกเย้ากัดริมฝีปาก ฮึ นึกว่าอยากเล่นมุขด้วยนักหรือไงคนชอบทำตัวลึกลับ หายไปพักหนึ่งกลับมาทำตัวสนิทสนมด้วยกว่าเดิมแถมยังดูเหมือนจะพูดมากขยันแซวมากขึ้น ตาก็ดูแพรวพราว โอ๊ย! อย่าไปหลงเชียวนะพิณ

“เข้าเขตชุมชนแล้วไม่ต้องเร่งขนาดนั้นก็ได้ กลัวคนรู้หรือไงว่าผมนั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถให้คุณ”

ตุ๊กตาหน้ารถอย่างนี้น่าให้นั่งมาด้วยไหมล่ะ น่าจะเอาโคลนป้ายปาก เอาฟางถูๆ ให้คันคะเยอทั่วตัวนัก

                         ***************

“อ้าว นายตั้งมาแล้วเหรอ มากับหนูพิณด้วย ดีๆ มาช่วยกันเตรียมงาน ได้บุญดีนะงานสังฆทานเป็นกุศลอันยิ่งใหญ่”

ร่างผอมเล็กของพระสงฆ์วัยประมาณหกสิบกว่าปีแต่ใบหน้ายังดูสดใสท่าเดินเหินคล่องแคล่วเข้ามาทักทายชายหนุ่มที่ก้าวลงจากรถพร้อมกับปิ่นโตและตะกร้าผลไม้

“นมัสการครับหลวงพ่อ”

พิณไพลินน้อมตัวยกมือไหว้พระสงฆ์อย่างอ่อนช้อยแล้วค่อยๆ หันไปมองชายหนุ่มที่ยืนสงบเสงี่ยมค้อมตัวอยู่ข้างๆ เธอด้วยความแปลกใจ นึกในใจว่านายตั้งมารู้จักกับหลวงพ่อทองดีซึ่งเป็นเจ้าอาวาสวัดบ้านนาดีได้ยังไงกัน และแล้วหลวงพ่อก็เป็นคนคลายความสงสัยโดยที่เธอยังไม่ต้องเอ่ยถาม

“นายตั้งเขามานี่ทุกวันแหละหนูพิณ มาถึงก็มาพูดมาคุย ช่วยทำโน่นทำนี่ ปัดกวาดลานวัด ใช้ได้นะหมอนี่ขนาดคนบ้านเรายังไม่ค่อยจะสนใจวัดวาเลย พอมีงานบุญค่อยโผล่กันมาทีถึงอย่างนั้นก็ยังเกี่ยงกัน แต่พองานไหนมีเหล้ายาปลาปิ้งล่ะวิ่งเข้าใส่ยังกับเปรตตายอดตายอยาก พวกนี้ตายไปตกนรกหมกไหม้ยมบาลจะเอาน้ำร้อนกรอกปากมัน”

หลวงพ่อทองดีแห่งบ้านนาดีขึ้นชื่อว่าเป็นพระปากจัด เทศน์ (ด่า) เก่งเป็นที่หนึ่ง เลื่องลือกันไปทั้งตำบลจนถึงระดับอำเภอ แต่คนที่รู้จักท่านมานานต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ‘หลวงพ่อทองดีเป็นพระพัฒนา’ พัฒนาตั้งแต่การสร้างโบสถ์สร้างศาลา อนุรักษ์ป่า ปลูกต้นไม้ แถมเรื่องผ้าป่าก็ไม่นิ่งนอนใจ อะไรดีๆ ที่จะเป็นประโยชน์ต่อวัดวาอารามรวมทั้งผู้คนในหมู่บ้านนาดีหลวงพ่อรีบเร่งหา อย่างล่าสุดก็บ่นอยากได้โลงเย็นลูกหลานผู้ใจบุญก็เลยไปรวบรวมสมทบทุนและนำมาบริจาควัด ‘อาตมาอยากให้พวกโยมที่ตายแล้วได้นอนในห้องแอร์ ร้อนมาทั้งชีวิตแล้วยามตายก็ให้สบายหน่อย”

“ได้ยินเขาบอกอาตมาอยู่ว่านอนที่โฮมสเตย์นังหนูพิณ เป็นยังไงบ้างล่ะคนมาพักเยอะไหม” ท้ายประโยคหลวงพ่อทองดีหันมาถามหญิงสาว

พิณไพลินยกมือไหว้ขณะตอบ “ไม่ค่อยเยอะหรอกค่ะหลวงพ่อ นานๆ ทีก็มีคณะใหญ่มาขอศึกษาดูงานส่วนคนมาพักผ่อนก็พอมีบ้างเรื่อยๆ เลยพออยู่ได้ค่ะ”

“เออๆ ก็ดีเหมือนกัน เอ๊า พ่อตั้งพาแม่หนูเอาอาหารไปใส่ถ้วยจานสิจะได้ไปช่วยพวกไอ้พวกหนุ่มๆ ขนเต็นท์กันที่อำเภอหน่อยเห็นว่าสักพักจะออกมาแล้ว”

“ครับหลวงพ่อ”

อะไรกันนี่ หลวงพ่อจำผิดหรือเปล่าว่าเธอเป็นคนบ้านนาดีส่วนนายตั้งเพิ่งมาได้ไม่กี่วัน เหตุไฉนท่านถึงได้ให้นายตั้งนำเธอเสียอย่างนั้น นายตั้งมาเป่าคาถามหาเสน่ห์อะไรแถวนี้เนี่ย

“ไม่น่าเชื่อว่าคุณจะชอบมาวัดวาอาราม”

เธอเปรยขึ้นขณะเดินเข้าไปในศาลาการเปรียญยกพื้นสูงที่ยังสร้างไม่เสร็จ หน้าต่างยังเป็นช่องลมไม่มีกรอบไม้ พื้นยังเป็นพื้นปูน ติดผนังด้านหนึ่งทำเป็นแท่นยกสูง หน้าแท่นยาวมีเสื่อปูต่อกันเป็นผืนใหญ่

“ทำไมล่ะ หน้าตาผมมันเหมือนมหาโจรมากนักเหรอ”

‘หน้าไม่เหมือนหรอกแต่ทำตัวเหมือนโจร ไว้ผมยาวรุงรังอีกต่างหาก’ เธอนึกในใจ

“ก็ไม่เชิงหรอกเพียงแต่ผู้ชายแถวนี้ถ้าไม่มีงานเขาไม่เข้าวัดเข้าวากันหรอกยกเว้นจะมาขอของดี ตะกรุดหรือพระเครื่องกับหลวงพ่อ”

พิณไพลินว่าพลางเดินไปหยิบจานกับถ้วยในตะกร้าสองใบที่วางอยู่บนเสื่อออกมาแล้วเดินมาทรุดตัวนั่งลงบนเสื่อหน้าแท่นปูนยกสูงที่จะจัดให้พระสงฆ์ฉันอาหาร ยังเช้าอยู่มากอีกอย่างหลวงพ่อทองดียังคงเดินไปบอกพระลูกวัดและเณรให้ทำโน่นทำนี่ อีกสักพักถึงจะเข้ามาตอนนั้นเธอถึงจะได้ถวายภัตตาหาร

“ผมไม่ชอบของพวกนั้นหรอก”

“หรือว่าคุณคิดจะมาบวชที่นี่”

ชายหนุ่มหัวเราะ “คุณอย่ามาล้อผมเล่นน่า ผมยังกิเลสหนา”

“ก็เพราะรู้ตัวว่ากิเลสหนาไงถึงคิดจะบวช อย่างบางคนคิดจะบวชหนีคดีอะไรอย่างนี้”

มือคล้ามที่กำลังหยิบฝรั่งใส่จานใบใหญ่ชะงักนิดหนึ่ง รอยยิ้มผุดขึ้นตรงริมฝีปาก “แล้วหน้าตาอย่างผมนี่เหมาะกับคดีอะไรดี ระหว่างฆ่าชิงทรัพย์ กับฆ่าแล้วข่มขืน”

เคร้ง !

ปิ่นโตเปล่าตกลงพื้นศาลา คนมือไม้อ่อนเพราะคำถามทื่อๆ มีสีหน้าแดงก่ำรีบตะครุบปิ่นโตเอาไว้ก่อนที่มันจะเสียงดังลั่นมากไปกว่านี้

ถามออกมาแต่ละอย่างนะ อีตาบ้า !

                        ****************

จากคุณ : สายธาร/กนกนารี
เขียนเมื่อ : 25 พ.ค. 55 08:43:50




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com