บัลลังก์ดอกไม้ บทที่ ๖ อยากให้ช่วยคลายเหงาให้ไหม?
|
 |
บทที่ ๖ อยากให้ช่วยคลายเหงาให้ไหม?
หญิงสาวตัวสั่นเทิ้มด้วยแรงอารมณ์โกรธเป็นที่สุด เธอจ้องชายหนุ่มที่ยืนตรงหน้าด้วยดวงตากร้าว ไม่น่าเชื่อว่าผู้ชายถือศักดิ์ศรีอย่างอนาวินทร์ จะลดตัวลงมาทำอะไรเช่นนี้ !!!!!!
“คุณคงเหงามากสินะ ถึงได้ทำตัวแบบนี้ ฉันไม่คิดเลยนะว่าคุณจะทำเรื่องไร้...”
“เธอก็ดีแต่ปาก การกระทำมันคนละเรื่องกันเลย เธอหึงฉันใช่ไหมละ ที่จูบกับคนอื่นต่อหน้าเธอ คงอิจฉาใช่ไหม ที่ฉันไม่เคยแลเธอเลย”
หญิงสาวหัวเราะ มันช่างน่าขัน คนอะไรจะเข้าข้างตัวเองเหลือเกิน เธอยิ้มเย็น ส่งสายตาแปลกๆไปหาชายหนุ่ม
“ถ้าอยากให้ฉันช่วยแก้เหงาให้ละก็ มาเลยอย่าได้ช้า”
คราวนี้เป็นอนาวินทร์เองที่ทำหน้างง อีกฝ่ายลุกขึ้นจากเตียงก้าวเร็ว ๆ มาประชิดตัวจนเขาต้องเป็นฝ่ายถอยกรูดจนหลังชนผนังห้อง
“ธะ...เธอ จะทำอะไร”
“อ้าว...อยากให้ช่วยคลายเหงาไม่ใช่เหรอ ได้เลย” เธอคว้าคอชายหนุ่มไว้มั่น ก่อนจะส่งยิ้มหวานเจี๊ยบให้ เลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้ จนเกือบจะถึงริมฝีปากของชายหนุ่ม
อนาวินทร์ใจเต้นรัวไม่คิดว่าเธอจะยินยอมพร้อมใจ เขาหลับตาพริ้ม ก้มลงไปหาที่หมาย คือริมฝีปากบางของคนตรงหน้า
พลั้ว!! อึก! อนาวินทร์งอตัวทรุดลงกับพื้นห้อง เพราะเป้าหมายที่เธอบอกไม่ใช่ปากเขาแต่เป็นน้องชายเขาต่างหาก โชคดีนักที่มันแค่เฉียดๆ ใบหน้าที่เคยขาวเนียนบัดนี้เริ่มแดงเถือกไปจนถึงคอ มือหนึ่งกุมเป้าไว้ อีกมือชี้ไปที่คนร้ายทันที
“ยายตัวแสบ!!”
“ชะอูย เจ็บมากไหมละ โทษทีมันแค่เฉียดนะ ไม่เจ็บมากหรอกเชื่อเถอะ” เธอทำสีหน้าเห็นใจ
อนาวินทร์ไม่ตอบแต่พยายามลุกขึ้น เขาไม่น่าหลงกลผู้หญิงร้อยเล่ห์คนนี้เลย พอเห็นพุดชมพูกำลังจะหนีก็รีบเข้าไปขวางไว้ก่อน
“ไหนว่าจะช่วยให้หายเหงาไม่ใช่เหรอ รีบไปไหนเล่า” เขาบอกทั้งจับคว้าแขนไว้แม้อีกฝ่ายจะสะบัดแต่เขาไม่ยอมแพ้ ดึงให้เธอเข้ามาประชิดตัวก้มลงสูดกลิ่นแป้งอ่อนๆที่ซอกคอนุ่มนิ่งนั้น
เพล้ง!! เสียงดังคราวนี้ทำเอาชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองหาต้นตอ ทว่าเหงื่อที่ขมับมันไหลลงมาจนเขาต้องหลับตาลง
พุดชมพูอ้าปากค้างกับการกระทำของตัวเอง เธอไม่ได้ตั้งใจนะ มือมันไปเอง เศษแจกันยังติดมือเธออยู่เลย หน้าผากของอนาวินทร์เต็มไปด้วยเลือดที่ไหลออกมาอย่างกับท่อประปาแตก
“เอ่อ...เอ่อ...” หญิงสาวกลายเป็นคนติดอ่างไปในทันที ก็ตั้งใจว่าจะทำแค่เบาๆ แต่มันหนักมือไปหน่อย ไม่ได้ตั้งใจให้มันแตกนะ แค่อยากให้ปูดโนเท่านั้นแหละ
ชายหนุ่มลูบสิ่งที่ตัวเองคิดว่าเป็นเหงื่อออกมาดู เลือดสีแดงเข้มทำเอาเข่าทรุดลงกับพื้น จนหญิงสาวต้องเข้ามาพยุงไม่ให้นอนหมอบกับพื้นห้อง
“ฉันขอโทษ ก็นายเล่นไม่ซื่อก่อนนี่นา คราวนี้ละ ได้หายเหงาแน่ๆ” เธอบ่นพร้อมกับพยุงอนาวินทร์ออกมาจากห้อง ตะโกนบอกให้คนรถเตรียมรถออกไปโรงพยาบาลทันที
เกือบชั่วโมงที่อนาวินทร์อยู่ในห้องฉุกเฉิน อาจจะไม่ได้เจ็บหนักมากแต่คาดว่าคงได้เย็บหลายเข็มพอสมควร เจ้าของไร่อุ่นรักนั่งหัวเราะเบาๆ คนเดียว นึกขำคนอยากปล้ำเธอเหลือเกินจริงๆ จะให้หนักกว่านี้ก็ยังได้แต่ก็สงสาร แค่นี้ก็คงจะจำไปนานเลยทีเดียว
เมื่อชายหนุ่มออกมาจากห้องพร้อมกับผ้าปิดแผลสีขาวที่หน้าผาก พอเห็นหน้าเธอถึงกับเม้มปาก ยกมือขึ้นชี้หน้า อาการโกรธจัด
“เธอ...เธอกล้าทำอย่างนี้กับฉันได้ยังไง ฉันจะแจ้งความข้อหาทำร้ายร่างกาย” เขาประกาศกร้าวทำเหมือนตัวเองถูกที่สุด
“ก็ได้ตามใจ อยากประจานตัวเองไหมละ คุณชายสุดหล่อแห่งสัตยารักษ์...ฉุด...ผู้หญิงอย่างฉันเข้าห้องไป...” หญิงสาวแกล้งลากเสียงยาวทำหน้าตาทะเล้นใส่
อนาวินทร์รู้สึกเสียหน้ามาก เขาทำแบบนั้นไปได้ยังไง แถมยังเผลอไผลไปกับท่าทีเย้ายวนของอีกฝ่าย มันบ้า...บ้าชัดๆ
“พอ!!” อนาวินทร์พูดทั้งยกมือขึ้นให้หยุดพูด หลับตานิ่ง เขาพลาดจริงๆ แค่อารมณ์ชั่ววูบเท่านั้นเอง นี่จะเป็นเรื่องเสื่อมเสียที่สุดเท่าที่เคยเจอมา...แล้วก็ปฏิเสธไม่ได้เสียด้วยเพราะ...เขาดันทำมันจริงๆ ไม่น่าเชื่อคำยุแยงของการันต์เลย แล้วก็ละครทีวีนั่นอีก เรื่องโกหก โกหกทั้งนั้นเลย...ชายหนุ่มลืมตาขึ้นมองผู้หญิงตรงหน้า ประเมินสถานการณ์อยู่เงียบๆ
“คนไข้ไปรอรับยาที่ห้องยาได้เลยนะคะ” เสียงหวานๆของพยาบาลแทรกขึ้นมา พุดชมพูยิ้มกว้าง
“ไปรอรับยาเหอะ ยืนหน้าบึ้งอย่างนี้ เดี๋ยวแผลที่เย็บไว้มันจะแตกนะ” หญิงสาวบอกพร้อมกับเข้ามาพยุงเขาไว้เพื่อเดินไปรับยา แต่อนาวินทร์สะบัดแขนออกแล้วเดินดุ่มๆไปเอง
พุดชมพูส่าหน้า อย่างไรเสียเขาก็ยังเป็นคนหัวรั้น แม้มันจะแตกไปแล้วแต่ก็ยังคงความแข็งไว้ให้คนดูเหนื่อยหน่าย เมื่อถึงหน้าห้องยาเขายื่นเอกสารก่อนจะเดินกลับมานั่งรอที่ม้านั่ง
“ฉันว่า...เรามาสงบศึกกันเถอะ นายก็รู้อยู่แล้วว่า สุดท้ายผลที่ออกมามันก็ไม่ต่างกันนักหรอก สู้ทำเพื่อให้ได้ผลที่ดีในอนาคตไม่ดีกว่าเหรอ อีกไม่กี่วันนายก็ต้องไปไร่กับฉันอยู่แล้ว ทำทุกอย่างให้ดีที่สุด ดีกว่าทำอะไรเป็นเด็กๆนะ” พุดชมพูเกริ่นเรื่องที่เธอคิดไว้มานาน อย่างน้อยการเสียเลือดของเขาก็น่าจะทำให้รู้สึกตัวได้บ้าง...หรือไม่ก็แค้นฝังลึกกว่าเดิม แต่เธอก็เชื่อคำสอนของพ่อที่เคยบอกให้ใช้ความจริงใจในการเอาชนะคนอื่น
“เธอก็พูดง่ายสิ อยู่เหนือคนอื่นแบบนี้”
“ฉันไม่เคยอยู่เหนือนาย ฉันเข้าใจนะว่าการที่อยู่ดีๆ สิ่งที่เราฝันและหวังไว้หายไปกับตา มันรู้สึกยังไง นายจะโทษฉันก็ได้ ฉันไม่ว่า แต่อยากให้นายลองคิดใหม่นะ ลองทำตามที่ปู่บอก บางที ท่านอาจจะต้องการบอกอะไรนาย เป็นครั้งสุดท้าย ฉันสัญญานะว่าจะคืนทุกอย่างให้นาย ทั้งเงินเดือนที่เขาให้นี่ด้วย แต่นายต้องทำสำเร็จตามกำหนดเวลาเสียก่อน” คำอธิบายนั้นทำให้อนาวินทร์ลังเลใจ “เธอพูดจริงหรือแค่ล้อฉันเล่น”
“ฉันจะล้อเล่นทำไมละ ถ้าฉันคิดจะสู้กับนายตลอด ก็คงไม่พามาหาหมอหรอก ทิ้งนอนจมกองเลือดในห้องสะใจกว่าเยอะเลย”
สีหน้าของอนาวินทร์ดูสงบลง “คำสัญญาของเธอมันเชื่อได้มากน้อยแค่ไหนกันเชียว”
“งั้นสามเดือนแรกที่นายจะไปอยู่ที่ไร่ ถ้าทำได้สำเร็จ ทำงานได้ตรงตามที่ฉันสอน ไม่งอแง ฉันยินดีทำตามที่นายต้องการเรื่องหนึ่งแลกเปลี่ยนกัน” คำพูดของหญิงสาวทำให้อนาวินทร์ดวงตาเบิกกว้างด้วยความหวังแม้จะสะกิดใจตรงคำว่า ‘งอแง’ก็เถอะ
“เว้นเรื่องเซ็นยกมรดกคืน เราทำตามแผนเดิม ฉันถอยให้นายแล้วนะ ขึ้นอยู่กับตัวนายเองแล้วละว่าจะยอมถอยด้วยหรือเปล่า”
“ทำไมเธอถึงยอมละ”
“ไม่รู้สิ...เห็นเลือดมั้ง” เธอกล่าวยิ้ม ๆ เป็นรอยยิ้มแรกที่เขาสังเกตว่ามันดูจริงใจกว่าทุกครั้ง
อนาวินทร์นั่งเงียบอยู่อย่างนั้น จนกระทั่งเจ้าหน้าที่เรียกชื่อให้ไปรับยา หญิงสาวปราดไปรับแทนเขาก่อนทันที ทำให้อนาวินทร์ได้แต่จ้องมองร่างสูงเพรียวของเธอจากด้านหลัง สมองของเขายังคงวิเคราะห์เรื่องที่เธอเสนอมา ข้อตกลงนี่เขาควรรับมันใช่ไหม
ทรงรบเดินเข้ามาในบ้านสัตยารักษ์พร้อมกับช่อม่วง ทั้งคู่คิดว่าจะมาปรึกษางานกับหญิงสาวเจ้าของไร่อุ่นรัก ทว่าเมื่อเข้ามาในบ้านบรรยากาศมันเงียบผิดปกติไม่เหมือนดังเช่นทุกครั้งที่จะมีคุณนายทิพนาถโวยวายเรื่องจุกจิกกระทั่งเสียงทะเลาะกันระหว่างอนาวินทร์กับพุดชมพู ...มันแปลก...
“ป้านุ่มครับ คุณพุดละครับ” ทรงรบเอ่ยถามแม่บ้านเก่าแก่ที่เดินเข้ามาเสิร์ฟน้ำให้ หญิงแก่ยิ้มกว้างหลังได้ยินคำถาม
“อ๋อ อยู่ข้างบนค่ะคุณรบ”
คิ้วทนายหนุ่มขมวดเข้าหากันทันที เพราะปกติหากมาพบพุดชมพู เธอจะอยู่ที่สวนหรือไม่ก็ห้องรับแขก
“ข้างบนห้องหรือครับ”
“เปล่าค่ะ ห้องคุณวิน” คำตอบของแม่บ้านทำเอาทนายทรงรบตกใจ ช่อม่วงเลิกคิ้วสูงหันไปมองทนายหนุ่มที่ทำหน้าตาเหมือนคนถูกปล้น ตาเหลือก เหงื่อตก ?
“ห๊ะ!! ปะ...ไปอยู่ห้องคุณวินทำไมกันครับ”
“เอาข้าวต้มไปให้น่ะคะ พอดีคุณวินไม่สบาย”
นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ อยู่ดีๆ ทำไมหนูกับแมวถึงไปอยู่ในถ้ำเดียวกัน ไม่ได้ๆ อาจเกิดเรื่องน่ากลัวอยู่ก็ได้ ทนายหนุ่มก็รีบวิ่งขึ้นไปชั้นบน ตรงรี่ไปเคาะประตูห้องของอนาวินทร์สองสามครั้ง มือจับลูกบิดแน่นพร้อมที่จะเปิดทุกเมื่อ
ช่อม่วงมองท่าทางของทรงรบแล้วส่ายหน้า...ตื่นเต้นอะไรนักหนา?
“เชิญค่ะ” เสียงของพุดชมพูเอ่ยตอบกลับมา เขาจึงรีบเปิดประตูเข้าไปทันที แต่ภาพที่เห็นทำเอาตะลึกงันเลยทีเดียว
พุดชมพูนั่งอยู่ที่เก้าอี้ขอบเตียง ส่วนอนาวินทร์ที่ตอนนี้มีผ้าปิดแผลสีขาวติดอยู่หน้าผาก ใบหน้าก็ดูซีดเซียวผิดจากปกติ กำลังถือข้าวถ้วยข้าวต้มอยู่ในมือ
ช่อม่วงยกมือไหว้อนาวินทร์ในฐานะเจ้านาย ก่อนจะส่งยิ้มให้กับเพื่อนรัก สายตาของนักบัญชีสาวส่งประกายเป็นคำถามพุดชมพูถึงเรื่องที่เกิดขึ้น เพื่อนสาวยังทำหน้าเฉยประหนึ่งไม่รับรู้
“คุณวินเป็นอะไรหรือครับ”
พุดชมพูแอบมองอนาวินทร์หลังจากคำถามนั้นถูกเปล่งออกมา ชายหนุ่มก้มหน้าตักข้าวต้มใส่ปาก ก่อนจะคว้าน้ำมาดื่ม
“ลื่นห้องน้ำน่ะ” น้ำเสียงยังสะบัดเช่นเคย หญิงสาวลอบยิ้ม
“แล้วคุณพุดมาแค่เสิร์ฟข้าวต้มเหรอครับ ทำไมไม่ให้คนในบ้านทำละครับ”
“พอดีพุดไปช่วยป้านุ่มทำกับข้าวเช้า เห็นว่าคนอื่นก็มีงานเต็มไม้เต็มมืออยู่แล้วก็เลยอาสามาส่งให้ค่ะ เดี๋ยวจะออกไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าไปที่บริษัทแล้วล่ะค่ะ”
“ว่าแต่...คุณวินทำไมถึงลื่นห้องน้ำได้ละครับ”
“เมา...เข้าใจคนเมาไหม หรือต้องให้ผมอธิบายอย่างละเอียด สมกับเป็นทนายความจริง ๆจะซักอะไรนักหนา”
ทรงรบถอนใจ ขนาดป่วยปากก็ยังทำงานปกติ “งั้นผมไปรอข้างล่างนะครับคุณพุด” เขาหันไปบอกหญิงสาว สีหน้ายังไม่เลิกคลางแคลงใจ
“ค่ะ”
“คุณวินรักษาตัวด้วยนะครับ อีกไม่กี่วันก็จะไปไร่แล้ว ต้องฟิตตัวสักหน่อย”
“แค่ไปไร่ไม่ได้ไปเกณฑ์ทหาร ทำไมต้องฟิตตัว”
ทรงรบยักไหล่ไม่อยากพูดอะไรมาก เดินออกมาจากห้องด้วยความโล่งอก ช่อม่วงที่เดินตามเขามาเงียบๆ คันปากจนทนไม่ไหว
“นี่คุณตื่นเต้นอะไรนักหนาหรือคะ ทำอย่างกับคุณอนาวินทร์จะทำอะไรไอ้พุดอย่างนั้นละ”
“ห่วงหมดทุกอย่างนั้นล่ะ ตอนนี้ผมเป็นคนดูแลสัตยารักษ์ก็ต้องทำให้ดีที่สุด” เขาหันมาบอกดวงตาเข้ม ช่อม่วงพยักหน้ารับ เข้าใจว่าทรงรบต้องการทำให้ดีที่สุด
“ฉันเข้าใจนะ แต่ฉันเชื่อว่าไอ้พุดเพื่อนฉัน คงไม่นั่งเฉยๆ ให้คุณอนาวินทร์ทำร้ายหรอก ดูจากภาพเมื่อสักครู่ฉันว่า เขาดีกันแล้วนะ” ช่อม่วงกล่าวสีหน้าเฉยๆ เดินเลี่ยงไปยังห้องของเพื่อนสาว จริงๆ เธอก็แปลกใจเช่นกันแต่วางฟอร์มว่าเป็นเรื่องปกติ
ทนายหนุ่มยังไม่คลายสงสัย เขาเดินลงมาชั้นล่างเห็นคนรถจึงเรียกให้มาหาก่อนที่จะเดินหายไป
“เมื่อคืนใครเป็นคนพาคุณวินไปหาหมอ”
“คุณพุดครับ เธอพยุงคุณวินลงมาแล้วเรียกให้ผมเอารถออกไปโรงพยาบาลใกล้ ๆ ครับ ไม่รู้ล้มอีท่าไหนเหมือนกันนะครับถึงได้หัวแตก”
“แล้วคุณทิพละไปไหนไม่เห็นหลายวันละ” อดไม่ได้ที่จะถามหาคุณนายทิพนาถ แม้จะรู้อยู่แล้วว่าเธอไม่ค่อยอยู่บ้าน
“คุณทิพบอกว่าจะไปเที่ยวสองสามอาทิตย์ครับ”
“ขอบใจนะ ไปทำงานเถอะ” ทรงรบบอกก่อนจะเดินไปยังห้องรับแขก ชายหนุ่มหน้าเคร่งเพราะอยากหาคำตอบที่แท้จริงของเรื่อง เขาไม่อยากจะเชื่อหรอกว่าอนาวินทร์ล้มเอง หลานชายนายอาทิตย์คนนี้เป็นคนสะอาดแถมจู้จี้เรื่องนี้มาก ห้องก็ต้องทำความสะอาดทุกวัน ห้องน้ำยิ่งแล้วใหญ่ต้องขัดไม่ให้มีคราบไคลเลย
พุดชมพูลุกขึ้นจะเดินออกไปจากห้องของชายหนุ่ม หลังจากทำภารกิจเสร็จสิ้น เด็กตัวโตก็กินอิ่มแล้วเหลือแค่นอนหลับพักผ่อน คงไม่ต้องเล่านิทานให้ฟังกระมัง
“ฉันรับข้อเสนอของเธอ” เสียงนั้นฉุดให้ขาหญิงสาวหยุดนิ่งค้างไว้ ก่อนจะหันกลับมามองหน้าอนาวินทร์ด้วยความแปลกใจ หลังจากเหตุการณ์เมื่อคืนเขาก็ไม่ได้พูดอะไรกับเธอเลย นี่เป็นประโยคแรกของวัน...
“ข้อเสนอไหนละ” เจ้าของไร่ทำท่าทีนึกทั้ง ๆที่จำได้อยู่ว่าพูดอะไรออกมาบ้าง
“สามเดือน ถ้าฉันทำได้ เธอต้องทำตามที่ฉันต้องการ”
“โอเค ตามนั้น หวังว่านายจะทำสำเร็จ อย่าบ่นละกัน” เธอตั้งใจกล่าวติดตลก ไม่ได้จริงจังกับมันนักหรอกแต่คนฟังดูเหมือนหวั่นๆ ว่าพูดจริง
“เธอก็อย่าใช้งานแบบพิสดารละกัน” เขาตอบกลับเสียงเบา
“ฉันจะไปใช้งานแบบพิสดารยังไงละ พูดไปทั่ว ฉันไม่มีเวลาแกล้งคนหรอกน่า” หญิงสาวยิ้มกว้างก่อนจะเดินออกไป ปล่อยให้อนาวินทร์อยู่ตามลำพัง
ทำไมเขาต้องยอมรับข้อเสนอนั้นด้วย เขาก็แปลกใจเหมือนกัน แต่สิ่งที่พุดชมพูพูดเมื่อคืนมันจี้ใจดำเขาเหลือเกิน ลองดูสักตั้ง มันจะเป็นไรไป...
หญิงสาวเจ้าของไร่อุ่นรักเปิดประตูเข้าห้องตัวเอง เห็นช่อม่วงนั่งอ่านนิยายรออยู่ที่โต๊ะทำงานริมหน้าต่าง จึงเข้ามาสะกิดเบาๆ
“รอแป๊บนะ ฉันอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเดี๋ยวเดียว”
“ฉันเชื่อว่าเดี๋ยวเดียวแหละ มีผู้หญิงที่ไหนเขาแต่งตัวเร็วแบบแกบ้าง ไม่มีหรอก เฮ้ย! นี่ไม่ใช่เรื่องที่ฉันจะพูด ตกลงแกดีกับคุณวินแล้วเหรอ” ช่อม่วงรีบถามเพราะมันเป็นเรื่องคาใจเธอเหลือเกิน
“เปล่า” พุดชมพูตอบหน้าตาเฉย หันไปเลือกเสื้อผ้าในตู้ออกมาเตรียมไว้
“แต่ภาพตะกี้ ฉันเห็นชัด ๆ ว่าแกนั่งข้างเตียงเขานะเว้ยเฮ้ย” ช่อม่วงยังคงซักต่อไม่ยอมลดละ
“อ้าว...ก็เอาข้าวต้มไปให้แกจะให้ฉันส่งให้ยังไง นอกจากนั่งตรงนั้น”
“แล้ว...อยู่ดีๆ ทำไมคุณวินลื่นห้องน้ำละ”
“แกนี่เหมาะจะไปด้วยกันกับคุณทนายนะ ถามจริงถามจัง กะเอาไปลงข่าวหน้าหนึ่งหรือยังไง” เจ้าของไร่ดอกไม้บ่น คว้าผ้าเช็ดตัวมาพาดบ่าไว้หันมาจ้องหน้าเพื่อนรัก
“มันน่าสงสัยนี่ กลัวแกมีรังสีสปาร์คกับคุณวินน่ะสิ ฉันว่ามันแปลกๆ นา คนเป็นศัตรูกันจะมานั่งส่งข้าวต้มให้กันได้ยังไง ไม่คว่ำใส่หัวก็บุญแล้ว”
“เฮ้อ คว่ำใส่อีกมีหวังต้องเรียกปอเต๊กตึ๊งแน่...ที่จริงฉันเป็นคนทำให้เขาหัวแตกน่ะ” พุดชมพูสารภาพออกมา ช่อม่วงทำตาโตผ่านแว่นตากรอบใสของตัวเอง
“ว่าแล้วเชียว ฉันคาดการณ์อะไรไม่เคยพลาดสักที แล้วไปทำอีท่าไหนถึงได้ตีกันตนหัวร้างข้างแตกล่ะ”
“เอ่อ...มันค่อนข้างซับซ้อน”
“ซับซ้อน? ยังไง” ช่อม่วงยังคงซักต่อ เหมือนพุดชมพูเป็นผู้ต้องหาก็ไม่ปาน
“คือ ไอ้คุณวินนี่มันจะปล้ำฉันน่ะ เลยเจอแจกันฟาดไป ฉันกะไว้ว่าจะทำเบาๆ ให้สติกลับมาเท่านั้นเอง แต่มันบวกความโมโหเลยกะแรงกระแทกผิดไปหน่อย เท่านั้นเอง”
“โอ้...” ช่อม่วงอึ้งเกือบนาทีเมื่อได้ยินต้นสายปลายเหตุ “ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะร้ายขนาดนี้ นอกจากร้ายแล้วมันกำลังจะเลวเลยนะ”
“อือ ฉันรู้ แต่มันก็คุ้มเหมือนกันนะ อย่างน้อยหลังหัวแตกเขาก็ฟังฉัน คนแบบเขาน่ะไม่ทิ้งศักดิ์ศรีตัวเองมาทำแบบนี้กับผู้หญิงที่เกลียดหรอกบางทีอาจจะมีคนยุ”
“หึ ว่าได้หรือ ขึ้นชื่อว่าผู้ชายน่ะนะ นอกจากพระเอกละครกับพระเอกนิยาย ไม่มีใครดีร้อยเปอร์เซ็นหรอก ฉันถึงได้อ่านแต่นิยาย ไม่สนใจชายใดบนหล้านี้”
“ข้ออ้างมากกว่า”
“ชิ! รีบไปแต่งตัวเลย คุณทนายโนบิตะกำลังรออยู่เดี๋ยวอกแตกตาย”
“แกห้ามเล่าเรื่องนี้ให้คุณทรงรบฟังละ”
“รู้แล้วๆ” ช่อม่วงรับคำก่อนยกหนังสือในมือขึ้นปิดหน้า แอบอมยิ้มหวานคนเดียว คราวนี้ละ เธอจะพนันกับจิระว่าใครกันแน่ที่รอด ศึกครั้งนี้ยังไม่จบคงนับศพทหารไม่ได้หรอก!!
จากคุณ |
:
ดนตรีในสายลม
|
เขียนเมื่อ |
:
25 พ.ค. 55 09:52:56
|
|
|
|