Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
กนกนาคราช (บทที่ 5 คำทำนายของอดีตชาติ) ติดต่อทีมงาน

กนกนาคราช (บทที่ 1 ผ้าไหมโบราณ)
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12086966/W12086966.html
กนกนาคราช (บทที่ 2 แรงดึงดูด)
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12103088/W12103088.html
กนกนาคราช (บทที่ 3 แรงปรารถนานำพา)
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12115475/W12115475.html
กนกนาคราช (บทที่ 4 ชายชุดแดง)
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12128775/W12128775.html






บทที่ 5 คำทำนายของอดีตชาติ

หญิงสาวในชุดกางเกงกีฬาสีน้ำเงินเข้มและเสื้อกล้ามสีขาวนั่งเหยียดเท้าหันหน้ามองหนองน้ำใหญ่กลางสวนสาธารณะที่ร่มรื่นในยามเย็นภายหลังเลิกงานได้ไม่กี่ชั่วโมง

พิมพ์วารีถอนหายใจแผ่วเบา ดวงตาทอดมองความสงบนิ่งของผืนน้ำ ให้สายลมยามเย็นได้พัดผ่านร่างกายที่เหนื่อยล้า ในสภาวะที่จิตนั้นแน่วนิ่ง เธอก็หวนคิดไปถึงเรื่องราวอันแสนแปลกประหลาดที่ได้เกิดขึ้นกับตัวเอง มือน้อยๆ ล้วงเข้าไปข้างในกระเป๋ากางเกงก่อนหยิบเอาผ้าไหมสีน้ำเงินเข้มผืนนั้นออกมาคลี่ไว้บนตัก
หญิงสาวไล้ปลายนิ้วไปบนผ้าไหมผืนนุ่ม หวนนึกถึงคราวที่ยื้อแย่งผ้าผืนนี้กับปลายฟ้า ราวกับว่ามันเป็นดังเงินทองของเลอค่า ทำให้เธอรู้สึกอยากได้และหวงแหนทั้งที่แน่ใจว่าไม่เคยพบเห็นมาก่อนเป็นแน่

แต่แล้วจู่ๆ ผ้าผืนนี้ก็นำให้เธอได้มาพบกับผู้ชายที่เธอรู้สึกรักและผูกพันตั้งแต่วินาทีแรกที่ได้เจอหน้า

มันเกิดขึ้นได้อย่างไรกันเล่า ? นี่คือคำถามที่คาใจหญิงสาวอยู่ในขณะนี้ เธอรู้อยู่แก่ใจแล้วว่าตัวเองมิอาจถอนตัวจากเขาได้ มีแต่จะก้าวต่อไป ไม่ว่าหนทางข้างหน้าจะเป็นเช่นไร เขาจะรับรู้หรือไม่ว่าเธอคิดเช่นไรกับเขา หรือว่าทุกอย่างจะจบลงอย่างสวยงามตามภาพที่เธอวาดไว้...

หากแต่อีกใจพิมพ์วารีก็ไม่สู้แน่ใจว่าความรักระหว่างเธอกับธันย์จะเกิดขึ้นได้... ตราบใดที่ยังมีปลายฟ้า หญิงสาวที่รักธันย์ รัตนเวคินทร์อย่างหมดหัวใจเช่นเดียวกัน

เพราะผ้าไหมผืนเดียว ที่ทำให้คนทั้งสามได้มาพบกัน...

และเรื่องราวแปลกๆ นั่นอีกล่ะ ความรู้สึกแปลกๆ ที่เกิดขึ้นในจิตใจของเธอ เสียงแปลกๆ ที่มักได้ยินจากสรรพสัตว์ที่เธอไม่คาดคิด การเข้าถึงจิตใจ การนึกคิดของศัตรูอย่างเช่นเจ้างูตัวน้อยในงานที่บ้านของธันย์คืนนั้น... เธอทำได้อย่างไรกัน ในภาวะของจิตตอนนั้น เธอต้องการไล่มันไปให้พ้นทาง และที่น่าแปลกยิ่งกว่าคืองูตัวนั้นไม่กล้าเลื้อยเข้าใส่เธอ เมื่อเธอแสดงความโกรธเกรี้ยวและไม่พอใจผ่านทางสายตาออกไป

หญิงสาวถอนหายใจอีกครั้ง... สั่นศีรษะเบาๆ เพื่อขับไล่ความสับสนเครียดเกร็งให้หลุดหายไป มันจะเพราะอะไรก็ช่างเถอะ ขอแค่ให้เธอได้อยู่ใกล้ๆ ธันย์ก็เพียงพอ ให้ได้พูดคุยและสานสัมพันธ์กับเขาตามที่เธอปรารถนาก็พอ หากแต่ว่าเพื่อนสนิทที่เธอรักมากที่สุดกลับไม่คิดดังนั้น พงศกรยืนยันเสียงแข็งว่าพรุ่งนี้จะต้องพาเธอไปตรวจดูดวงชะตาให้ได้...



วันนี้วิศรุตไปหาปลายฟ้าที่บริษัทหากแต่ก็คลาดกัน เนื่องจากหญิงสาวออกมาพบใบหม่อนที่บ้านของผู้เป็นเพื่อนเสียก่อน หญิงสาวกะว่าเย็นนี้จะไม่กลับไปนอนที่บ้าน คงเพราะจิตใจที่ยังร้อนรุ่มและไม่อยากจะอยู่ในบ้านหลังใหญ่เพียงลำพัง พ่อกับแม่ยังอยู่เจรจาเรื่องธุรกิจที่ญี่ปุ่น กำหนดเดินทางกลับก็เป็นต้นเดือนหน้า และการได้มานั่งชมวิวสวยๆ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา บนระเบียงบ้านของใบหม่อนก็ทำให้ใจของหญิงสาวเย็นลงได้เยอะ

“อะไรนะฟ้า คุณวิศรุตมาในงานเลี้ยงเมื่อคืนด้วยเหรอ? แล้วเขาพูดอะไรกับเธอรึเปล่า...” ใบหม่อนอุทานเสียงหลงขณะโยนอาหารให้กับปลาที่ริมระเบียง ใบหน้ากลมอิ่มหันมาจ้องมองดวงหน้าเนียนขาวที่เต็มไปด้วยความกังวล ภายหลังที่อีกฝ่ายเปรยเรื่องเมื่อวานขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

“ไม่รู้ว่าจะมาไม้ไหนอีก ฉันใจคอไม่ค่อยดีเลยหม่อน” หญิงสาวระบายลมหายเบาๆ ความที่วิศรุตเป็นผู้ชายอารมณ์ร้อนและมีนิสัยชอบเอาแต่ใจจึงทำให้เธอไม่อยากจะเข้าไปข้องแวะกับเขาอีก

“ใจเย็นๆ ฟ้า รอดูไปก่อน ถ้าหากว่าเขาทำทีจะมาขอคืนดีกับเธอ เธอก็ปฏิเสธไป คนเราเลิกกันไปแล้วจะไปกลัวอะไรอีก” คำพูดของใบหม่อนฟังดูมีเหตุผล แต่ปลายฟ้าก็ไม่สู้จะแน่ใจนักว่ามันจะเป็นดังนั้น ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเธอถึงกลัวเขานักหนา

“ฉันขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะใบหม่อน” หญิงสาวตัดบท เอี้ยวตัวหันกลับมายิ้มบางๆ ให้เพื่อนรัก ใบหม่อนพยักหน้าให้พร้อมถอนหายใจ เมื่อร่างระหงเดินละลิ่วผ่านหน้าไปตัวเองจึงเดินเข้าครัวเพื่อเตรียมอาหารเย็น

สองสาวออกมาตั้งโต๊ะทานอาหารเย็นกันริมระเบียง มองแสงแดดสีเหลืองอ่อนกระทบกับผิวธาราของแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นประกายระยิบระยับ พอตกดึกปลายฟ้าก็หอบเอาที่นอนพับขนาดยาวสิบฟุตออกมากางนอนบนระเบียง ทอดกายลงนอนแผ่หลา แหงนหน้ามองท้องฟ้ายามราตรีที่ดารดาษไปด้วยดวงดาวพราวระยับ

หากอยู่ที่กรุงเทพฯ คงมองไม่เห็นดาวเยอะขนาดนี้ ใบหม่อนนับว่าเลือกสถานที่สร้างบ้านได้เหมาะเจาะลงตัว บ้านที่ติดแม่น้ำใหญ่แบบนี้เธอเองก็ฝันว่าอยากจะได้สักหลัง เพียงแต่ไม่รู้ว่าเมื่อสร้างแล้วจะอยู่กับใคร ให้อยู่คนเดียวก็กลัวว่าจะถูกความเหงารุมเร้าจนเหี่ยวเฉาตาย พอเห็นว่าเพื่อนรักกำลังนอนดูดาวท่ามกลางบรรยากาศอันแสนโรแมนติกผู้เป็นเจ้าของบ้านจึงไม่เข้าไปกวนใจ

ไม่รู้ว่าปลายฟ้าเผลอหลับไปตั้งแต่ตอนไหน แต่เมื่อหญิงสาวรู้สึกตัวอีกที รอบข้างก็ไม่ได้เป็นระเบียงบ้านของใบหม่อนอีกแล้ว

ต้นไม้สูงใหญ่ขึ้นแออัดเบียดเสียดกันทุกทิศทาง แสงแดดเบื้องบนพยายามเล็ดลอดผ่านใบใหญ่หนาของต้นไม้ป่าเหล่านี้ลงมา หญิงสาวก้มลงมองอาภรณ์ภัณฑ์ของตัวเองที่เป็นผ้าซิ่นสีฟ้าอ่อนเลื่อมระยับกับสไบเฉียงสีชมพูด้วยความประหลาดใจ

ในขณะที่กำลังยืนด้วยความงุนงงอยู่นั้น จู่ๆ ต้นไม้ใหญ่ก็เกิดสั่นไหวรุนแรงขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ได้ยินเสียงกิ่งเหยียดยาวของต้นยางนาเสียดสีกันเอี๊ยดอ๊าดก็ชวนให้หวั่นใจว่ามันอาจจะหักและตกลงมาใส่เธอ จนเมื่อร่างแบบบางสะดุ้งโหยงทันทีที่ได้ยินเสียงคล้ายมีบางอย่างตกลงสู่พื้นดิน

ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนกระทบกับแสงแดดรำไรที่ส่องผ่านใบไม้ลงมาเป็นประกายวาววับ ขณะหันซ้ายขวาเพื่อหาที่มาของเสียงนั้น ยิ่งได้ยินเสียงคล้ายฝีเท้าคนกำลังวิ่งใกล้เข้ามาใจของปลายฟ้าก็ยิ่งสั่นระรัว

“คิดเหรอว่าจะหนีข้าพ้น...แม่นางนาคาสีรุ้งผู้เลอโฉม” เสียงแหบห้าวดังก้องออกมาจากทิวไม้ด้านซ้ายมือ ก่อนปรากฏร่างสูงใหญ่กำยำของชายหนุ่มผิวสีน้ำตาลเข้มสวมอาภรณ์สีแดงเข้มทั้งตัว

ใบหน้าคมสันสีน้ำตาลนั้นเนียนละเอียดและชวนมอง ไรหนวดและเรียวคิ้วดำเข้มยิ่งขับให้ใบหน้าดูคมคายมากยิ่งขึ้น หากแต่เสียงหัวเราะอันก้องกังวานและสายตาอันจาบจ้วงก็ไม่ได้ทำให้หญิงสาวพิศมัยในเสน่ห์ของบุรุษตรงหน้านี้เลย

“อย่าเข้ามานะ...” ปลายฟ้ารู้แน่ว่าเขาไม่ได้มาดี ปลายเท้าเนียนขาวก้าวถอยหลังไปอย่างไม่รู้ตัว

วิศรุตจุดยิ้มอย่างพอใจ จ้องมองนางงูตัวน้อยที่หมดทางสู้ ดวงตาสีน้ำตาลเข้มหรี่มองหญิงสาวคล้ายกำลังอ่านใจหล่อน “จะหนีไปไหนพ้น... ข้าเคยเตือนเจ้าครั้งหนึ่งแล้วไง ว่าการขึ้นมาเที่ยวเล่นบนเมืองมนุษย์นั้นมันไม่ปลอดภัย โดยเฉพาะยิ่งกับนาคสาวอย่างเจ้า”

หยดน้ำตาน้อยๆ ค่อยๆ รินไหลลงอาบแก้มชมพูปลั่งด้วยความหวาดกลัว วิศรุตสืบเท้าก้าวเข้ามาหาช้าๆ พร้อมรอยยิ้มและสายตาอันเจ้าเล่ห์ เนตรคมกริบทั้งสองเลื่อนมองลงมายังทรวงอกที่มีผ้าสไบปกปิดไว้

“ข้าจะไม่ฆ่าเจ้าก็ได้ ถ้าหากว่า...” ลากเสียงยาวด้วยตัณหาที่เริ่มก่อตัวขึ้นในจิตใจ ปลายฟ้าสูดหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่เพื่อเรียกกำลังใจ รีบหันหลังกลับและวิ่งหนีไปให้เร็วสุดชีวิต

“แม่นาคสาว... ข้าจะจับเจ้ามาเป็นของเล่นข้าให้จงได้” ครุฑหนุ่มให้คำมั่นกับตัวเอง ก่อนกางปีกอันแข็งแกร่งและทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าด้วยสีหน้าแย้มยิ้มมีความสุข ปักษาร่างยักษ์กวาดสายตาลงมายังพื้นปฐพีเพื่อหาร่างแน่งน้อยนั้น เมื่อพบแล้วจึงบินตามไปอย่างติดๆ ส่วนผู้อยู่เบื้องล่างก็ไม่ยอมแพ้ เคลื่อนกายไปข้างหน้าด้วยความเร็วสุดชีวิตเช่นเดียวกัน

ร่างที่กำลังอ่อนแรงพยายามกัดฟันวิ่งไปด้วยหัวใจที่ไม่ยอมแพ้ เท้าทั้งสองข้างเจ็บระบมและอาบไปด้วยโลหิตจากการเหยียบครูดหินและกิ่งไม้ แพรสไบเกี่ยวเกาะกับหนามและกิ่งไม้จนฉีกขาด ปลายฟ้ารู้อยู่ในใจว่าเธอคงไปได้อีกไม่ไกล... แต่ก็จะขอไปจนกว่าจะหมดลมหายใจ วิ่งไปจนกว่าจะขาดใจตายไป ยังดีเสียกว่าการตกเป็นอาหารของครุฑตนนั้น

จนเมื่อเห็นว่าเหยื่ออ่อนแรงลง วิศรุตจึงบินหลาร่อนลงสู่พื้นดิน ก่อนวิ่งติดตามนางนาคาในร่างมนุษย์ไปเพื่อให้ทัน จนจวนจะเอื้อมถึงตัวหล่อนแต่ทว่าร่างระหงตรงหน้ากลับถูกใครบางคนฉุดพาเข้าไปในปากถ้ำที่อยู่ใกล้ๆ เสียก่อน

ปลายฟ้าหันมามองหน้าคนที่จับแขนเธอไว้แน่น ชายหนุ่มใบหน้าเนียนละเอียด เครื่องหน้าเหมาะเจาะลงตัว แววตาอันอาทรและหวังดีทำให้หญิงสาวใจชื้นขึ้นมา

“ตามข้ามาแม่หญิง...วิ่งตามข้าเข้ามาในถ้ำ” ชายในชุดสีโอรสเอื้อนเอ่ย ก่อนเลื่อนปลายนิ้วลงมาจับมือเธอไว้ และพาวิ่งเข้าไปในถ้ำที่มืดมิด เมื่อวิศรุตตามมาถึงปากถ้ำก็ต้องกัดฟันอย่างเจ็บใจ ภายในอาจมีนาคามากมายคอยดักซุ่มโจมตีเขาอยู่ก็เป็นได้ ไม่นานนักครุฑหนุ่มจึงตัดสินใจบินหนีกลับไปอย่างหัวเสีย

ปลายฟ้าไม่รู้เลยว่าหนทางภายในถ้ำแห่งนี้จะไปสิ้นสุดอยู่ที่ใด รอบกายมีเพียงความมืดมิด หากแต่เรียวมือแข็งแกร่งที่กระชับมือเธอไว้แน่นก็ได้ทำให้ความหวาดผวาตื่นกลัวเลือนหายไปจนหมดสิ้น

จนกระทั่งเริ่มเห็นแสงสว่างที่ส่องอยู่ริบหรี่ด้านหน้า เธอจึงเร่งสองขาก้าวให้ทันชายหนุ่ม ในไม่ช้าแสงนั้นก็ขยายใหญ่ขึ้นจนในที่สุดเธอก็มาโผล่ที่ปากถ้ำซึ่งอยู่ติดกับแม่น้ำใหญ่ที่คุ้นเคย

ชายหนุ่มหันมามองตาเธอ แววตาหวานฉ่ำคู่นั้นทำให้ปลายฟ้ารู้สึกตื้นตันจนล้นปรี่ ด้วยที่ว่าเขามีพระคุณกับเธอยิ่งนัก

“ขอบใจท่านมากที่ช่วยฉัน ฉันไม่มีสิ่งใดนอกจากคำขอบคุณจากใจจริง” มือหนาค่อยๆ ปล่อยมือหญิงสาวออกช้าๆ

“คราวหน้าแม่หญิงควรระวังตัวไว้บ้าง การขึ้นมาเที่ยวเล่นบนเมืองมนุษย์ไม่ใช่สิ่งดีนัก เหตุเพราะมีอันตรายรอบด้าน ข้ามาส่งแม่หญิงถึงแม่น้ำโขงแล้ว ข้าต้องขาลากลับก่อน” เขาบอกลาเสียงค่อย พร้อมกับถอยกายกลับเข้าไปในถ้ำอันมืดมิด ปลายฟ้าคลี่ยิ้มอ่อนโยนแทนคำบอกลา ก่อนที่ท้องฟ้ามืดครึ้มเบื้องบนจะคำรามก้องด้วยเมฆฝนที่กำลังจะสาดเทลงสู่พื้นดิน

“เดี๋ยวท่าน... ไม่ทราบว่าท่านชื่ออะไรหรือ?” หญิงสาวเอ่ยถามด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความปรารถนาในตัวของบุรุษร่างงดงามและมีจิตใจที่ดีงามผู้นี้

“ตัวเรานั้นชื่อกนกนาคราช...ขอให้แม่หญิงจงโชคดี” ใบหน้าหล่อเหลาปานเทพบุตรคลี่ยิ้มตอบให้ เป็นรอยยิ้มที่ตราตรึงหญิงสาวไปจนชั่วกาลนาน

“กนกนาคราช...” ปลายฟ้าทวนคำเสียงแผ่วเบา สองตายังคงจ้องมองร่างที่กำลังเคลื่อนหายเข้าไปในถ้ำ

ชั่วไม่กี่อึดใจสายฝนจากฟากฟ้าก็พร่างพรูลงมาเป็นสาย หญิงสาวแหงนหน้าขึ้นมอง หยดน้ำตกลงกระทบลงใส่ดวงตาที่ทอประกายดุจสายรุ้งก่อนจะรู้สึกเหมือนว่าทั้งร่างถูกดึงกลับสู่อีกมิติทั้งที่สองตายังเบิกค้าง

ใบหม่อนเขย่าร่างเพื่อนสนิทอย่างใจเสียเมื่อเห็นอีกฝ่ายเบิกตาค้าง เมื่อร่างระหงกระเด้งตัวลุกขึ้นนั่งแล้วจึงกระพริบตาปริบๆ สายฝนยามค่ำคืนพร่างพรูลงมาจากท้องฟ้าดำมืดเบื้องบนจนเปียกชุ่มไปทั้งใบหน้าและร่างกาย ได้ยินเสียงฟ้าร้องคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยว

“รีบกลับเข้าบ้านเถอะฟ้าเดี๋ยวจะไม่สบาย” ใบหม่อนประคองร่างหญิงสาวให้ลุกขึ้นยืน รีบวิ่งพากลับเข้าสู่ตัวบ้านในขณะที่ใบหน้าและแววตาของอีกฝ่ายยังนิ่งค้างคล้ายกับว่ายังติดอยู่ในภวังค์ของบางอย่าง

“เธอฝันเหรอฟ้า...เมื่อกี้ตอนฉันวิ่งออกไปได้ยินเธอละเมอพูดว่า กนกนาคราช ฉันเขย่าตัวเท่าไรเธอก็ไม่ตื่น จนกระทั่งฝนเทลงมานี่แหละ...” ใบหม่อนบ่นอุบอิบขณะเดินไปหยิบเอาผ้าขนหนูจากในห้องมาเช็ดร่างให้คนที่นั่งนิ่งบนโซฟาในห้องนั่งเล่น

พอได้ยินชื่ออันคุ้นเคยนั้นสองตาของปลายฟ้าก็เบิกโพลงขึ้น ใช่... เมื่อครู่นี้เธอฝันถึงเขา กนกนาคราช ผู้ชายที่รูปร่างหน้าตาคล้ายคลึงกับธันย์ รัตนเวคินทร์ไม่มีผิดเพี้ยน ความรู้สึกรัก หวงแหนและผูกพันมันประดังประดาเข้ามาในหัวใจของหญิงสาวอีกครา ร่างระหงหยัดกายลุกจากโซฟาทันที วิ่งดุ่มๆ ไปยังโต๊ะเขียนหนังสือของใบหม่อน คว้าเอาปากกาเมจิสีดำและกระดาษขาวแผ่นหนึ่งมาวางตรงหน้า ก่อนเขียนนาม กนกนาคราช ลงไปจนเต็มหน้ากระดาษ จากนั้นจึงหยิบกระดาษและวิ่งไปยังกระเป๋าสะพายใบย่อมที่นำมา ล้วงเอาผ้าไหมสีน้ำเงินเข้มผืนนั้นออกมา

หัวใจของหญิงสาวเต้นระรัวจนแทบจะหลุดออกมาจากอก รู้สึกสั่นสะท้านไปทั่วสรรพางค์กาย ประหนึ่งเธอได้ค้นพบความลับที่ตัวเองเฝ้าหาคำตอบมาแสนนาน
ปลายฟ้าย่อตัวลงต่ำก่อนนั่งพับเพียบกับพื้นไม้ วางกระดาษและผ้าไหมไว้เคียงข้างกัน จากนั้นจึงเพ่งมองของทั้งสองสิ่งสลับไปมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า.... ผ้าไหมสีน้ำเงินที่เธอรู้สึกผูกพันประหนึ่งว่ามันเคยเป็นของสำคัญที่เธอหวงแหนสุดชีวิต และ ชายในฝันที่เธอรู้สึกเสน่หาคนนั้น ชายที่มีนามว่ากนกนาคราช...


หลังจากที่เดินซื้อของเป็นที่เรียบร้อยแล้วทั้งสามก็มานั่งทานไอศกรีมกันที่ร้านโปรด ฝ่ายนงเยาว์นั้นได้ชุดชั้นในตัวใหม่ ส่วนพงศกรก็ได้เข็มขัดหนังที่หมายจะซื้อเป็นของขวัญให้ชายหนุ่มที่กำลังหมายปอง เหลือแต่พิมพ์วารีที่ไม่ได้อะไรติดไม้ติดมือมาเลย

“พี่ว่านะไอ้กร แกพาไอ้พิมมันไปดูดวงบ้างก็ดีเหมือนกัน พักนี้ดูมันเหม่อๆ ยังไงไม่รู้” นงเยาวว์ท้วงขึ้นเสียงดัง กะว่าจะให้หญิงสาวได้ยินด้วย

“โถ่พี่เยาวว์ พิมไม่ได้เป็นอะไรนี่คะ” พิมพ์วารีแย้งเสียงค่อย ทำท่าค่อนขอดใส่พงศกร

“ยังไงก็แล้วแต่ บ่ายนี้แกต้องไปกับฉัน ฉันบอกหัวหน้าแล้วว่าจะพาแกไปคุยงานกับคุณวิภู” เพื่อนหนุ่มยืนยันเสียงแข็ง ก่อนตักไอศกรีมรสสตอร์เบอร์รี่หวานฉ่ำเข้าปาก พอได้ยินอีกฝ่ายยืนยันเป็นมั่นเหมาะหญิงสาวก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ

“เฮ้ย...นั่นมัน...นั่นคุณธันย์นี่” จู่ๆ พงศกรก็ร้องขึ้น พอได้ยินชื่อของชายหนุ่มคนนั้น พิมพ์วารีก็รีบสะบัดหน้าหันไปมองตามสายตาของเพื่อนหนุ่มทันที

ร่างสูงสง่าอยู่ในชุดเสื้อยืดคอวีสีดำและกางเกงยีนสีน้ำเงินเข้ม เดินเคียงคู่มากับหญิงสาวรูปร่างเพรียวลมที่ใส่กระโปรงสีครีม ด้านบนใส่เสื้อแขนกุดจับจีบตรงชายเสื้อดูน่ารักเหมือนเด็กสาววัยแรกรุ่น

ภาพที่เห็นแทบจะทำให้หัวใจของพิมพ์วารีหล่นฮวบลงไปกองกับพื้น ความปรารถนาที่มีอยู่เปี่ยมล้น อัดแน่นอยู่ในหัวใจของเธอขณะนี้ ทำให้เธอเป็นทุกข์ยิ่งนัก จะทำอย่างไรดีหนอเธอถึงจะได้มีโอกาสเดินเคียงคู่กับเขา แล้วหญิงสาวที่ธันย์พูดคุยด้วยนั้นจะคิดอะไรกับชายหนุ่มเกินกว่าคนรู้จักรึเปล่า? ปลายฟ้าคงคิดกับธันย์เกินกว่าพี่ชายหรือคนรู้จักแน่...

พิมพ์วารีทำได้เพียงแค่มองเขาทั้งคู่เดินจากไป หญิงสาวพยายามจะลุกจากเก้าอี้และเดินตามไปดูว่าเขาทั้งสองจะเดินไปไหนต่อหากแต่พงศกรก็ดึงแขนผู้เป็นเพื่อนไว้เสียก่อน อาการร้อนรนทุรนทุรายทิ่เกิดขึ้นนั้น อดไม่ได้ที่พงศกรจะขบคิดไปตามที่รู้สึก และบัดนี้ชายหนุ่มรู้แน่แก่ใจแล้วว่าพิมพ์วารีคิดเช่นไรกับธันย์ รัตนเวคินทร์คนนั้น...


ปลายฟ้าเอี้ยวตัวหันกลับไปขอบคุณชายหนุ่มที่อุตส่าห์ถือของเดินมาส่งเธอถึงที่รถ หลังจากที่ทั้งคู่พบกันอย่างบังเอิญขณะเดินเลือกซื้อของใช้ในห้างสรรพสินค้า

“ต้องขอบคุณพี่ธันย์มากนะคะ ฟ้าล่ะอยากให้เราทั้งสองคนได้บังเอิญเจอกันอีกจัง...” หญิงสาวลากเสียง ฉีกยิ้มกว้างจนตาหยี

“ทำไมเหรอครับ” ธันย์เลิกคิ้ว สบสายตาอันสดใสของหญิงสาวด้วยความอยากรู้

“ก็ฟ้าจะได้ไม่ต้องเหนื่อยยังไงล่ะค่ะ ผู้หญิงน่ะค่ะ ชอบซื้อของ ช้อปปิ้งจนเพลิน นี่ถ้าไม่ได้พี่ธันย์ฟ้าคงต้องเหนื่อยอีกตามเคย” หญิงสาวหัวเราะน้อยๆ ก่อนที่ชายหนุ่มจะจุดยิ้ม

“ไว้คราวหน้าถ้าน้องฟ้าจะมาซื้อของโทร.บอกพี่ก็ได้ครับ พี่ยินดีจะมาเดินเป็นเพื่อน ในวงเล็บ...ถ้าไม่ติดงานหรือว่ายุ่งนะครับ”

“จริงเหรอคะพี่ธันย์” ปลายฟ้าร้องด้วยน้ำเสียงจริงจังอย่างดีใจ ชายหนุ่มพยักหน้าหงึกหงักพร้อมส่งรอยยิ้มและสายตาอันอบอุ่นให้เธอ

“งั้นเดี๋ยวฟ้าขอเบอร์พี่ธันย์ไว้ก่อนดีกว่าค่ะ เผื่อได้ติดต่อธุระกับพี่ธันย์ เดือนหน้าฟ้าต้องลงไปดูงานที่บึงกาฬด้วย พ่อกับแม่เพิ่งสร้างรีสอร์ทที่นั่นน่ะค่ะ ได้ยินว่าพี่ธันย์ก็จะไปทำวิจัยแถวนั้นด้วยใช่มั้ยคะ”

“ใช่ครับ...เอ่อ นี่นามบัตรพี่นะ” ธันย์ส่งนามบัตรให้กับหญิงสาวก่อนที่เธอจะรับมาด้วยความดีใจ ผ่านไปไม่ถึงนาทีเสียงโทรศัพท์ของชายหนุ่มก็ดังขึ้น

“นี่เบอร์ฟ้าเองนะคะ ถ้าพี่ธันย์เกิดติดขัดอะไรก็โทร.หาฟ้าได้ตลอด อีกไม่นานเราคงได้พบกันที่บึงกาฬ”

“จ้ะ... อย่างนี้ถ้าพี่เข้าพักที่รีสอร์ทฟ้า ต้องมีส่วนลดให้พี่ด้วยนะ”

“แน่นอนอยู่แล้วค่ะ...” ทั้งร่างของหญิงสาวอัดแน่นไปด้วยอณูแห่งความสุข เมื่อพูดคุยบอกลากันเสร็จสรรพธันย์จึงเดินไปเปิดประตูรถให้หญิงสาวก้าวขึ้นอย่างสุภาพบุรุษ ปลายฟ้าไม่อยากจากเขาไปไหนเลย อยากจะอยู่คุยกันต่ออีกสักพัก... หากแต่เวลาและสถานการณ์กลับไม่เอื้ออำนวย คงต้องรอให้เขาและเธอคุ้นเคยกันมากกว่านี้เสียก่อน เธอจึงจะค่อยหาโอกาสชวนชายหนุ่มไปทานข้าว ดูหนัง และออกเดทตามที่ใจเธอปรารถนา



พิมพ์วารีมาถึงบ้านหมอดูที่พงศกรอ้างในเวลาเกือบบ่ายสองโมง ตลอดการเดินทางจนถึงที่หมายหญิงสาวก็เอาแต่นั่งเหม่อถึงชายหนุ่มอย่างใจลอย เฝ้าคิดไปต่างๆ นานาว่าเขาจะแอบปันใจให้ปลายฟ้าหรือเปล่า หรือทั้งสองจะรู้จักและสนิทสนมกันมาก่อนแล้ว ถ้าหากเป็นเช่นนั้น โอกาสที่เธอจะได้ใกล้ชิดและเชื่อมสัมพันธ์กับเขาก็คงเหลือน้อยเต็มที เพราะพิมพ์วารียังคงจำสายตาของปลายฟ้าที่จ้องมองเธอได้ดี อีกฝ่ายชิงชังเธอตั้งแต่แวบแรกที่เห็น แม้แต่เธอก็เช่นเดียวกัน เกลียดชังผู้หญิงคนนี้อย่างหาสาเหตุไม่ได้

“ลงจากรถได้แล้วยัยพิม” พงศกรหันมาบอกคนที่ยังเอาแต่นั่งนิ่ง เมื่อถูกสะกิดจึงรีบเปิดประตูรถและเดินตามเพื่อนหนุ่มไป

บ้านทรงไทยหลังงามตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้า กลิ่นหอมของดอกจำปีโชยมาตามสายลมยามบ่าย พิมพ์วารีค่อยๆ ก้าวขาขึ้นบันไดตามผู้เป็นเพื่อนที่นำหน้า เมื่อขึ้นมาบนเรือนแล้วจึงได้พบกับหญิงสาวรูปร่างหน้าตาสะสวยคนหนึ่งยืนเด่นเป็นสง่าพร้อมกับรอยยิ้มที่เป็นมิตร

“คนนี้เหรอจ้ะน้องกร...” หญิงสาวในชุดผ้าซิ่นสีแดงเข้มเอ่ยถามพงศกร เสื้อลูกไม้สีขาวเข้ารูปเน้นรูปร่างได้สัดส่วนให้ชวนมอง ผมยาวดำขลับเกล้าไว้ด้านหลัง ที่หูซ้ายมีดอกจำปีทัดไว้

“ครับ” พงศกรตอบกลับ ก่อนหันมาหาพิมพ์วารีที่กำลังยกมือไหว้หญิงตรงหน้าที่คงอาวุโสกว่า “นี่พี่พลอยจ้ะ เป็นคนดูแลบ้านนี้”

หญิงวัยสามสิบปีรับไหว้พิมพ์วารี พร้อมกับสำรวจมองหญิงสาวไปในที “วันนี้ไม่ค่อยมีคน ดาวกับเดือนจะได้ตรวจดูชะตาแม่หนูนี้ได้เต็มที่”

คำพูดนั้นทำให้พงศกรผายยิ้มออกมา เมื่อพลอยเอี้ยวตัวกลับและเดินนำหน้าสู่ห้องพักที่ใช้ทำพิธีพงศกรก็รีบจูงมือเพื่อนสนิทให้เดินตามไปทันที

เมื่อบานประตูถูกเปิดออกโดยหญิงที่ชื่อพลอย พิมพ์วารีก็ได้พบกับสตรีอีกสองคนที่นั่งพับเพียบอยู่ภายในห้องนั้น ใบหน้าของทั้งสองขาวซีดคล้ายกับคนเป็นโรค ร่างกายซูบผอมนั่งก้มหน้าด้วยอาการสงบนิ่ง ทั้งสองอยู่ในชุดขาวทั้งตัวคล้ายกับผู้ถือศีลอะไรยังงั้น

พลอยขยับกายเข้าไปนั่งใกล้ๆ ทั้งสองคนนั้น ก่อนยื่นหน้าไปกระซิบกระซาบอะไรบางอย่าง เมื่อเธอถอยห่างออกมา หญิงทางซ้ายมือของพิมพ์วารีจึงค่อยๆ ลืมตาขึ้นช้าๆ

พิมพ์วารีขนลุกซู่ขึ้นมาทันทีที่สบสายตากับหญิงผู้นี้ ดวงตาดำขลับเบิกมองแขกผู้มาเยือนได้ครู่หนึ่งพงศกรจึงร้องบอกให้พลอยเริ่มจัดแจงทำพิธีเลย

“ค่อยๆ หลับตาลงนะจ้ะพิมพ์วารี ไม่ต้องกังวลอะไรทั้งสิ้น เรื่องทุกอย่างที่กำลังคิดอยู่ในขณะนี้ขอให้วางมันลงเสีย ทำจิตใจให้ว่างที่สุด ดุจดาวจึงจะมองเห็นได้...” พลอยบอกเสียงนุ่ม ก่อนที่พิมพ์วารีจะจ้องมองหญิงรุ่นราวคราวเดียวตรงหน้าที่ชื่อดุจดาว พงศกรสั่งให้เธอยื่นมือออกไป ก่อนที่ดุจดาวจะเอามือขาวซีดมาจับมือของพิมพ์วารีไว้ จากนั้นดวงเดือนซึ่งนั่งอยู่ด้านขวาจึงจับมืออีกข้างของดุจดาวไว้ ขณะที่ตาทั้งสองข้างของเธอยังพริ้มหลับอยู่ ดุจดาวจะเป็นคนเข้าถึงมโนจิตของพิมพ์วารี หากแต่ว่าเธอก็ไม่อาจสื่อสารออกมาได้เพราะเป็นใบ้ จึงจำต้องสื่อภาพนั้นไปให้ดวงเดือนซึ่งตาบอดแต่ว่าสามารถพูดได้เป็นปกติได้รับรู้และสื่อสารออกมา

หญิงสาวทั้งสามนั่งจับมือกันเป็นทอดๆ พงศกรได้แต่ลุ้นว่าเรื่องราวในอดีตชาติของพิมพ์วารีจะเป็นเช่นไร และเมื่อดุจดาวพริ้มตาหลับลง แสงสีขาวก็ได้ดึงเธอเข้าสู่อีกมิติหนึ่งที่ล่วงผ่านเลยมานานแสนนาน

พิมพ์วารีปล่อยจิตใจให้ว่างเปล่าตามคำแนะนำของพลอย รู้สึกคล้ายกับว่าตัวเองกำลังล่องลอยไปตามสายน้ำเย็นใสที่ไหลเอื่อยๆ เธอมองไม่เห็นหากแต่รับรู้ได้ทางประสาทสัมผัส รู้สึกได้ถึงไอเย็นและสายน้ำที่ไหลผ่านร่างกาย โดยไม่รู้เลยว่าหญิงตาบอดที่ชื่อดวงเดือนกำลังพร่ำเพ้อออกมาเป็นคำพูดที่พงศกรต้องนั่งอึ้ง

“ฉันเห็นงูตัวหนึ่ง งูสีเขียวตัวใหญ่มาก เกล็ดนั้นสะท้อนกับแสงอาทิตย์เป็นประกายมันวาว งูตัวนั้นกำลังเล่นน้ำอย่างมีความสุข สายน้ำแตกกระจายเป็นฟูฟ่อง...”

คำบรรยายถึงลักษณะสัตว์ตนนั้นคล้ายกับนาคาจนพงศกรต้องรีบคว้าเอาโทรศัพท์มือถือมาบันทึกเสียงเอาไว้ ไม่นานต่อจากนั้น ดุจดาวผู้ที่ทำหน้าเป็นสื่อกลางก็ร้องไห้สะอึกสะอื้นขึ้นมา ก่อนที่ดวงเดือนจะพร้ำเพ้อคล้ายคนกำลังอาวรณ์ในความรัก ตกอยู่ในความเศร้าโศกสะเทือนใจ...

“พี่ท่าน... พี่ท่านจากไปแล้วข้าจะอยู่เช่นไร พ่อมอบข้าให้เป็นสมบัติท่านแล้ว หากท่านตายจากไปแล้วข้าก็จะขอตามท่านไปด้วย ขอตามไปอยู่เคียงคู่กับท่านทุกภพชาติ” หญิงสาวร้องไห้ฟูมฟายทั้งที่ยังหลับตา ร่างของพิมพ์วารีสั่นไหวรุนแรงก่อนจะล้มครืนลงไปกับพื้น สายสัมพันธ์ที่ดุจดาวนิมิตเห็นจากหญิงสาวจึงขาดสะบั้นลง

หญิงใบ้ลืมตาขึ้นด้วยสีหน้ากระวนกระวาย เธอจ้องมองพงศกรคล้ายกับจะสื่อให้รู้ว่ายังมีเรื่องสำคัญอีกหลายอย่างที่พิมพ์วารียังไม่รู้ ไม่รอช้าดุจดาวจึงคว้ามือดวงเดือนมาจับไว้ ส่งภาพนิมิตนั้นไปให้อีกฝ่ายได้เป็นผู้ถ่ายทอดและสื่อสารให้คนตรงหน้าได้รู้

พงศกรค่อยๆ ประคองร่างพิมพ์วารีให้ลุกขึ้นนั่ง หญิงสาวหอบหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน เบิกตามองหญิงตาบอดที่จับมือของดุจดาวไว้แน่น

“อย่าไปใกล้เขา จงออกห่างจากผู้ชายคนนั้น ทิ้งผ้าผืนนั้นเสีย แล้วหนีไปให้ไกล ชายผู้นั้นจะนำความทุกข์มาให้เธอ และหญิงผิวขาว ดวงตาทอประกายสีรุ้งคือศัตรูที่พร้อมจะเล่นงานเธอให้ย่อยยับ เธอสู้เขาไม่ได้ จงอย่าเสี่ยงที่จะทำแบบนั้น... ชาติก่อนเธอทำให้เขาตาย ชาตินี้เธอก็จะต้องรับผลกรรมนั้น”

 
 

จากคุณ : ผีเสื้อสีดำ
เขียนเมื่อ : 26 พ.ค. 55 11:27:36




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com