Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ร้อยหัวใจรัก:ใยรักพันใจ ติดต่อทีมงาน

ร้อยหัวใจรัก:ใยรักพันใจ

เรื่องราวความรักที่ดูท่าจะง่ายแต่กลับวุ่นวายเพราะได้แต่แอบรักของลูกสาวสุดท้องของบ้านวงศ์ธีระกุล คุณากร วงศ์ธีระกุล หรือ คุณ หญิงสาวสวยวัยสามสิบต้นๆที่ดูแล้วโอกาสการขึ้นไปอยู่บนคานมีสูงลิ่บลิ่วเพราะฝีปากนั้นไม่เป็นรองใคร กับ หัสดิน อัครพงษ์พานิช หรือ ช้าง เพื่อนเล่นข้างบ้านที่อายุน้อยกว่าและแน่นอนว่าเรื่องการต่อปากต่อคำนั้นก็เป็นที่หนึ่งโดยไม่มีใครเทียบได้
/////////////////////////////////

ฝากไอ้ช้างบ้ากับป้าคุณด้วยนะคะ ^^



ใยรักพันใจ...บทนำ

ขบวนขันหมากนั้นเริ่มเคลื่อนทันทีเมื่อถึงเวลาที่กำหนด ฤกษ์งามยามดีที่มาดหมายไว้เริ่มตั้งแต่เช้าซึ่งส่งผลโดยตรงให้ทั้งเจ้าบ่าวเจ้าสาวต้องลุกขึ้นมาเตรียมตัวตั้งแต่เวลาล่วงเลยเข้าวันใหม่...หรืออาจจะบอกว่าทั้งคืนโดยที่ไม่ได้หลับนอนพักผ่อนกันเอาเสียเลยด้วยความตื่นเต้นแกมสุขใจเมื่อวันที่เฝ้ารอเฝ้าหวังได้มาถึงจริงๆเสียที
เจ้าบ่าวหน้าบานยิ้มย่องผ่องใสมาในชุดสูทสีอ่อนค่อนข้างหวาน หน้าตาที่ดูดีอยู่แล้วยิ่งน่ามองพอๆกับเรือนร่างสูงใหญ่เกินมาตรฐานชายไทยทั่วไปที่ดูสง่าชวนให้หลงใหลเคลิบเคลิ้มจนพลอยอิจฉาแทนเจ้าสาวไปด้วยไม่ได้ หัวใจหนุ่มเริ่มฟูฟ่องและคึกคักจนยากจะระงับเมื่อวันที่รอคอยมาถึงเสียทีหากแต่ติดว่าพอเดินมาถึงผ่านประตูไม้หน้าบ้านที่เปิดอ้าด่านแรกก็กั้นขวางอยู่อย่างรู้หน้าที่ความคิดในหัวเจ้าบ่าวเริ่มพุ่งทั้งๆที่ใบหน้ายังยิ้มแย้ม...

เฮ้อ! ไอ้พวกเพื่อนหน้าเลือดมันหัวไวดีจริงๆเลือกทำในสิ่งที่จะได้กำไรกันทันทีเชียวนะ!
“มาทำอะไรกันเอ่ย!”

สาวนัยน์ตาเล็กหยีหน้าหมวยเพื่อนแสบสนิทเอ่ยถามด้วยอาการที่แกล้งทำเป็นไม่รู้ เจ้าบ่าวเข่นเขี้ยวอย่างเริ่มหมั่นไส้ก่อนจะตอบออกไปแน่นอนไม่มีใครจับได้หรอกว่าตอนนี้เขาคิดอะไรอยู่

“มาขอรับเจ้าสาวไปแต่งงานครับ”

“อุ๊ยตาย! มาขอกันตรงนี้ได้ยังไงไม่อายคนเค้าบ้างเลย”

แม่สาวหน้าเลือดเบอร์หนึ่งสะดีดสะดิ้งแกล้งทำเป็นอายม้วนจนคนที่อยู่ในขบวนทั้งหมั่นไส้ทั้งเอ็นดู...โดยเฉพาะคนที่เป็นพ่อแม่เมื่อเห็นท่าทางของลูกสาวถึงกับคิดได้ในทันที..กลับไปนี่น่าจะจับมาอบรมมารยาทสตรีไทยกันอีกซักยก สงสัยที่พร่ำบอกมาจะลืมไปหมดแล้ว!

“เจ้าสาวเว้ย ไม่ใช่แกไอ้หมวย”

เพื่อนเจ้าบ่าวหน้าตาท่าทางดีไม่แพ้กันเอ่ยแทรกขึ้นด้วยเสียงกลั้วหัวเราะ และพลอยทำให้สาวเจ้าหงุดหงิดใจมากขึ้น แม่คนกั้นประตูเลยได้แต่ทำตาเขียวแล้ววกกลับเข้าเรื่อง

“งั้นไม่ต้องพูดพล่ามทำเพลงให้น้อยไม่เปิดด้วย!”

หญิงสาวสะบัดค้อนให้เจ้าบ่าวในขณะที่แม่เจ้าบ่าวหัวเราะพอใจ กาญดาแม่เลี้ยงใจดีสมหน้าตาผู้เป็นมารดาของชายหนุ่มยื่นซองสีชมพูส่งให้คนละซองก่อนที่แม่สาวอีกนางจะทำท่าคิดหนัก ใจก็นึกอยากจะเปิดซองดูให้รู้แล้วรู้รอดหรือไม่ก็ยกขึ้นส่องเสียเลยหากแต่เกรงใจเลยได้แต่ทำเสียงเล็กเสียงน้อยอุทานทักท้วง

“อุ้ยประทานโทษเถอะค่ะคุณแม่ เกรงว่าจะไม่พออย่างนี้อาจจะต้องพิสูจน์ใจกันนานหน่อย” สิ้นเสียงซองก็ถูกยื่นมาตรงหน้าอีกสองซองสองสาวมือไวตะครุบไว้ก่อนจะแย้มยิ้มยักคิ้วให้เจ้าบ่าวด้วยหน้าตาสะใจพอดู...

“เดี๋ยวนะจ๊ะคุณช้างวันนี้มาทำอะไรเอ่ยเมื่อกี๊ฟังไม่ถนัด”

ใบหน้าคมคายเบือนหน้าหนีไปมองทางอื่นเมื่อชักเขิน หลังสองสาวยังเล่นแง่ไม่ยอมให้ผ่านไปได้ง่ายๆและเหมือนจะรู้แม่คนกั้นเลยต้องรีบเตือน

“ดังๆนะจ๊ะประเดี๋ยวเจ้าสาวจะไม่ได้ยิน” มีเสียงถอนหายใจดังเฮือก ...และ
“ที่รักจ๋าช้างมาขอแล้วจ๊า!!”

เสียงนุ่มๆของอาจารย์หนุ่มผู้สุขุมตะโกนเสียดังก้องก่อนที่เสียงหัวเราะพอใจจะตามมาจากคนที่อยู่รอบๆ สองสาวยิ้มพอใจก่อนจะทำหน้าแบบว่าช่วยไม่ได้ พวกเจ้าหล่อนยังคงเล่นตัวอิดๆออดๆอยู่พักจนได้ซองอีกคนละซองประตูสิ่งกั้นขวางตามธรรมเนียมถึงได้เปิดออก

...ชายหนุ่มเหงื่อเริ่มซึมก่อนจะลอบผ่อนลมหายใจออกมาช้าๆ..เฮ้อ!ไปแล้วกับประตูแรกที่ทำเอาถึงกับอายม้วน!

มารดาของฝ่ายชายก็ไม่รอช้าราวกับจะรู้ใจของบุตรชาย หญิงเลยวัยกลางคนเดินนำก่อนจะมาหยุดลงตรงประตูที่สองที่กั้นอยู่บนบันไดไม้ที่ทอดขึ้นสู่ตัวบ้านชั้นบน ด่านนี้ผู้รับผิดชอบคือ สองหนุ่มหัวใจสาวพี่ๆเพื่อนๆสมัยเรียนของเจ้าสาวเป็นคนกั้นด้วยตนเองและไม่ต้องบอกก็รู้ สองคนนี้ต้องขูดจนเจ้าบ่าวเลือดไหลซิบๆแน่ๆแล้วเผลอๆยังจะโดนลวนลามเป็นของแถมอีกเสียด้วยซ้ำ

“แหมแหม่แหม๊! น้องหัสดินหล้อหล่อนะคะวันเนี้ย อุ๊ยตาย!เมื่อกี๊ได้ยินแว่วๆจะมาขอคนของเราแล้วเพราะอะไรด้วยเหตุผลอะไรล่ะจ๊า ขอโทษทีเถอะ ไอ้ที่ตะโกนปาวๆไปจนได้ยินสามบ้านแปดบ้านน่ะ มันไม่ค่อยชัด ที่สำคัญ...รู้สึกมันจะเบาไปนะคะ น้องช้างขา” ปากหนาที่บรรจงแต้มลิปสติกสีหวานลงไปจนดูน่ากลัวเอ่ยเจื้อยแจ้วหากแต่มือกลับรับซองมาแล้วเรียบร้อยแถมยังไหว้สวยเสียอีกในขณะที่แม่เจ้าบ่าวขยับจะตอบเอง ทว่ายักษ์เฝ้าประตูด่านที่สองส่ายหน้าเป็นเชิงปฏิเสธเพราะกำลังรอฟังจากปากเจ้าบ่าวที่ตอนนี้หน้าเริ่มซีดลง

“รักครับ”

อาจารย์หนุ่มตอบอ้อมแอ้มพอให้ได้ยินกันแค่สองสามคนที่ยืนอยู่แถวนั้นจะได้ไม่อายมาก ใบหน้าคมคายเริ่มมีสีเลือดขึ้นมาอีกแล้วพลันหูก็ได้ยินเสียงหัวเราะจากเพื่อนสนิทที่รับหน้าที่เป็นเพื่อนเจ้าบ่าวดังขึ้นและเพื่อแก้ความเขินชายหนุ่มจึงกระทุ้งศอกกลับไปให้ทีจนคนหัวเราะโอดขึ้นเพราะความเจ็บปวด

“อุ๊ย! เบ๊าเบาไม่ได้ยินค่ะไม่ได้ยิน...หวานๆด้วยนะจ๊ะ”

เสียงครื้นเครงดังขึ้นรอบทิศพร้อมกับเสียงเป่าปากวี้ดๆของบรรดาเพื่อนหนุ่มๆที่ชักคึกเมื่อไอ้คนกะล่อนประจำกลุ่มถูกต้อนเอาๆจากสาวใหญ่ผิวหมึกสองคนที่ทำหน้าที่เป็นยักษ์เฝ้าประตูไม่ยอมให้ผ่านได้ง่ายๆ...คนโดนบังคับสูดลมหายใจเข้าปอดคิดว่าถ้าไม่ทำก็คงไม่จบเสียงตะโกนดังๆเลยเกิดขึ้นอีก

“ที่รักจ๋าช้างรักตัวเองน้า!!”

อีกรอบที่เจ้าบ่าวเริ่มอยากจะแทรกแผ่นดินหนี...เดี๋ยวเถอะ! ชายหนุ่มคิดเพราะสมองได้ประมวลภาพของคนที่ยังไม่ได้แต่งงานไว้แล้วเรียบร้อย ให้ถึงทีก่อนแล้วกันไอ้ช้างจะเอาคืนทั้งต้นทั้งดอกให้มันครบทุกคนเลย!

“อ๊ะ! ให้ผ่านก็ได้น่าสงสาร”

สร้อยทองเส้นใหญ่ที่ไม่รู้ว่าถูกถอดออกมาจากคอของใครเพื่อมาทำเป็นประตูถูกเปิดทางออก เจ้าบ่าวค่อนข้างจะโล่งอกเมื่อก้าวขึ้นไปบนระเบียงบ้านไม้แล้วก็ต้องหยุดกึกตาเบิกกว้างเพราะเจอด่านสุดท้ายเข้า ด่านอรหันต์ปราบเซียน!....ประตูทองของประตูทองที่เขาและแม่เองต้องทุ่มให้หนักเพราะสองคนที่ยืนอยู่คือบรรดาพี่ๆของเจ้าหล่อนนั่นเอง และหลังบานประตูไม้บานนั้นแน่นอนว่าย่อมต้องมีร่างของเจ้าสาวที่รออยู่และเขาเองก็ไม่อยากจะรอแล้วด้วย

ขายาวๆก้าวสวบๆก่อนจะหยุดกึกส่งสายตาวิงวอนร้องขอให้หนุ่มๆผู้พี่ของเจ้าสาวช่วยเห็นใจหวังว่ามิตรภาพคงจะช่วยได้เพราะสายตานั้นสื่อได้ว่า..ปล่อยผมไปเถอะคร้าบจะหมดตัวอยู่แล้ว!

“ขอบคุณครับคุณน้า”

พี่ชายคนโตของฝ่ายหญิงที่ทำหน้าที่นี้ไหว้รับหากแต่ยังไม่ยอมปล่อยอยู่ดี หนึ่งหนุ่มมาดเท่ห์ยังคงยืนนิ่งไม่ได้แสดงสีหน้าแต่อย่างใดอยู่อย่างนั้นแต่กับอีกหนึ่งหนุ่มมาดเนี้ยบนั้นกลับยักคิ้วให้ว่าที่น้องเขยอย่างเป็นกันเองแล้วแกล้งกระแอมขึ้นเบาๆเหมือนมีอะไรติดคอ

“อ่า...มาทำอะไรล่ะช้าง”

พี่ชายของเจ้าหล่อนที่ยืนอยู่ฝั่งซ้ายของเขาเอ่ยถามยิ้มๆจนทำให้ใบหน้าขรึมๆนั้นดูจะผ่อนลงเล็กน้อยและมันก็มากพอที่จะทำให้สาวๆเผลอเคลิ้มไปกันได้แทบจะทุกคน

“เอ้อใช่ๆ มาทำอะไรที่นี่เหรอ?”

พี่ชายอีกคนต่อท้ายหมายมาดด้วยความเจ้าเล่ห์แล้วว่าจะต้องต้อนน้องเขยให้จนมุมให้ได้อยากจะเห็นมันอายอีกซักที...จัดไปให้หนักตามที่น้องสาวบังเกิดเกล้าสั่ง!

“มาขอคนที่อยู่ข้างในน่ะคร้าบ”

หัสดินชักเหงื่อตกยกมือขึ้นปาดเมื่อโดนคำถามซ้ำๆเข้าไปหลายครั้ง...ชักสงสัยทำไมพวกนี้ถึงได้ซื่อบื้อนัก ไม่รู้หรือไงว่ามีคนมาแบบนี้ในลักษณะนี้นั้นมาทำอะไรกัน ว่าที่น้องเขยมองหน้าว่าที่พี่เมียอย่างขัดใจแล้วก็ได้แต่กลอกตาไปมาเมื่อสองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าทำท่าไม่รู้ไม่ชี้และไม่สนใจกับสายตาวิงวอนของเขาเลยแม้แต่น้อย

“มาขอเพราะอะไรล่ะ?”

พี่ชายนัยน์ตาดุถามย้ำ หากน้องเขยเงยหน้าขึ้นตอบเสียงดังขึ้นอีกนิดหน่อย

“รักคร้าบ รักมานานแล้วด้วยคร้าบ” เมื่อได้ฟังคำตอบพี่ชายฝั่งขวาก็พยักหน้ารับเกือบๆจะหลุดขำเลยต้องกลั้นอยู่นานก่อนจะส่งเสียงเข้าไปถามคนที่อยู่ข้างใน

“น้องจ๋าได้ยินไหมเขาบอกว่ารักเลยจะมาขอเราน่ะ”

พี่ชายคนซ้ายที่เอียงหูคอยฟังเมื่อน้องชายพูดจบก่อนจะพยักหน้าแล้วบอกว่าที่น้องเขยที่เข้าไปใกล้ไม่ได้เพราะโดนสร้อยเส้นเบ้อเร่อกั้นเอาไว้ด้วยเสียงกลั้วหัวเราะที่คล้ายๆกับสาใจ

“เขาบอกว่าไม่ได้ยินน่ะช้าง”  

หัสดินกลอกตาก่อนจะถอนใจตะโกนขึ้นสุดเสียงเอาล่ะวะเอาให้อายกันหมดนี่ล่ะ!

“ที่รักจ๋าช้างรักตัวเองนะ ช้างมาขอแล้วนะจ๊าเปิดประตูให้ช้างที..ไม่งั้นช้างตกมันแน่คราวนี้..ขอร้องล่ะเปิดประตูให้ช้างทีเถอะช้างโดนรุมใหญ่แล้ว!!” เสียงหัวเราะดังลั่นขึ้นรอบทิศไม่เว้นแม้แต่สองหนุ่มหน้าเคร่งเมื่อได้ฟังเต็มสองหูพี่ชายของเจ้าสาวเปิดทางสะดวกให้แก่น้องเขย  

มือหนาของเจ้าบ่าวผลักบานประตูไม้เข้าไปก่อนที่จะยิ้มกว้างเมื่อเห็นเจ้าสาวแสนสวยในชุดไทยประดิษฐ์สีชมพูอ่อนค้อนขวับส่งมาให้ ในห้องนั้นหล่อนมีเพื่อนสนิทอยู่ด้วยพร้อมกับผู้เป็นมารดา หัสดินไหว้แม่ภรรยาในอนาคตภายในอีกไม่กี่นาทีนี้ก่อนจะส่งยิ้มกว้างให้เจ้าสาวที่เดินตรงเข้ามาหาเมื่อเขาเผยอ้อมกอดออก

“สวยมากเลย”

เสียงทุ้มเอ่ยชมที่ข้างหูเมื่อยามชายหนุ่มสวมกอดหล่อนไว้แนบแน่นด้วยความคิดถึงที่โดนกลั่นแกล้งไม่ให้ได้เจอหน้ามาเสียหลายวัน ริมฝีปากกดลงแรงๆที่ข้างแก้มคล้ายมันเขี้ยวแล้วเสียงกระซิบแผ่วเบาของเจ้าสาวก็ดังขึ้นพร้อมกับกำปั้นเล็กๆที่ทุบลงบนอกเขามาทีนึงเสียเต็มแรงจนแทบจุก

“อีตาบ้ารู้จักอายคนเค้าบ้างไหมเนี่ยตะโกนออกมาได้”

หัสดินไม่ตอบ ชายหนุ่มหัวเราะชอบใจเมื่อสังเกตเห็นว่าแก้มสาวเจ้าแดงจัดและมันไม่ใช่เพราะเครื่องสำอางที่แต่งแต้มอยู่แน่นอน ความคิดของเจ้าบ่าวในตอนนี้ได้แต่นึกอยากจะปิดประตูห้องลงเสียเดี๋ยวนั้นเพราะชักจะอดใจไว้ไม่ไหวแต่ก็ต้องข่มใจประคองพาเจ้าสาวแสนสวยของตนเดินออกมาเพื่อจะทำพิธีกันต่อไปท่ามกลางความสุขและเสียงครื้นเครงชอบใจจากบรรดาผู้ที่อยู่ในงาน...เมื่อเจ้าบ่าวทะเล้นได้น่ารักและเจ้าสาวเองก็ช่างน่าหยิก ดูแล้วก็สมกันดี...ดูเหมือนจะใช่จริงๆเพราะถ้ารักแล้วทุกอย่างก็ดูจะไม่ได้เป็นปัญหาเอาเสียเลย



======================================================================

ใยรักพันใจ บทที่ 1 ป้าปากร้ายกับเด็กชายปากจัด

“วี้ดวิ้ว” เสียงเป่าปากแซวดังขึ้นเมื่อสาวสวยในชุดออกกำลังกายที่ดูจะเซ็กซี่อยู่ไม่น้อยนั้นสวมเสื้อกล้ามสีขาวพอดีตัวที่กระชับจนเนินอกอวบอิ่มมองเห็นได้ชัดทั้งๆที่มีเสื้อแขนยาวสวมทับไว้กับกางเกงขายาวสีดำค่อนข้างแนบเนื้อที่ตอนนี้ค่อนข้างจะชุ่มด้วยเหงื่อกำลังจะวิ่งผ่านหน้าไปและได้ผลในทันที...
หญิงสาวสวยบาดตาบาดใจหยุดกึก ดวงตาโตค่อนไปทางเรียวนิดๆในกรอบใบหน้ารูปไข่ที่ผมหลุดลงมาเคลียอยู่ข้างแก้มน้อยๆมองคนปากดีด้วยความสงสัย คิ้วเรียวสีดำเข้มขมวดเข้าหากันเพราะนึกไม่ออกว่าเคยเห็นหน้าหรือเปล่า ก่อนที่ริมฝีปากอิ่มเต็มจะเม้มแน่นเมื่อสมองสรุปว่าไม่เคยเห็นไอ้ผู้ชายหน้าตาแบบนี้ที่ไหนมาก่อนแน่ๆ

วินมอเตอร์ไซค์ผู้อาจหาญหน้าบานขึ้นในทันใดเมื่อเจ้าหล่อนที่ให้ถูกใจตั้งแต่ย้ายมาอยู่ที่นี่ใหม่ๆหยุดแล้วหันมามองจะๆ ร่างสูงโปร่งรูปร่างอ้อนแอ้นราวกับจะปลิวตามลมอย่างที่หลายคนแซวค่อยๆเคลื่อนเข้าไปหาใกล้ขึ้นๆพร้อมกับสุนัขพันธ์ลาบราดอร์ตัวใหญ่ขนสีน้ำตาลอ่อนที่อ้าปากลิ้นห้อยน้ำลายไหลย้อยซึ่งบัดนี้กำลังจ้องตรงไปยังร่างคล้ำในชุดเสื้อกั๊กสีแสดที่นั่งอยู่บนแคร่ไม้ไผ่ใต้เพิงพักที่ทำมาจากหญ้าคาหยาบๆริมเชิงสะพานที่ตัดผ่านคลองเส้นเล็กเชื่อมผ่านไปยังสาขาของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งแถวบางนา-ตราด

“เมื่อกี๊ทำอะไรนะ?” เสียงหวานดังขึ้นมาจากริมฝีปากจิ้มลิ้มอมชมพูน้อยๆ นัยน์ตาคู่สวยยิ่งหรี่เล็กเมื่อจับจ้องผู้ชายที่ตอนนี้ลุกขึ้นยืนแล้วเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้า

“พี่ทำอะไรล่ะจ๊ะ?”

เสียงยียวนดังกวนประสาทถามกลับทำเอาเจ้าของจมูกโด่งคิ้วเรียวเลิกขึ้นอย่างสนใจ

“เมื่อกี๊คุณแซวฉัน?”

ใบหน้าเรียวรูปไข่เริ่มปรากฏแววไม่พอใจเมื่อเห็นท่าทีโยกโย้ของผู้ชายตรงหน้า เมื่อนัยน์ตาที่ถูกแพขนตาค่อนข้างหนาปกปิดกะพริบอยู่สองสามครั้งพร้อมกับมือที่ลูบอยู่บนหัวเจ้าตูบช้าๆ

“พี่ก็อยากรู้จักเห็นผ่านไปผ่านมาตอนเช้าแทบทุกวัน อยู่แค่นี้เองน่าจะรู้จักกันไว้”

‘พี่’ ออกปากพลางทำท่ากรุ้มกริ่มโดยไม่สนใจสายตาห้ามปรามของผู้ที่อยู่มานานกว่าเลยแม้แต่น้อย จนคนที่อ้าปากจะห้ามส่ายหน้านึกปลง คนที่มีอายุและอยู่มานานหน่อยแถวนั้นต่างก็รู้จักเธอกันดีถึงน้ำใจและอย่างอื่นอีกหลายๆอย่างเนื่องจากเคยลองมาแล้ว...ผู้เฒ่าที่วัยเกือบใกล้หกสิบอยู่ปีสองปีถอนใจเอาวะถ้ามันไม่กลัวตายอยากจะเล่นของสูงก็ตามใจ!

“อ้อ!” คราวนี้หญิงสาวยกมือขึ้นกอดอกเผยยิ้มออกมาน้อยๆบ้าง หากแต่นัยน์ตาไม่ได้ยิ้มด้วย

“ว่าแต่ตอนนี้ก็รู้จักกันแล้วให้พี่ไปส่งไหมน้อง?”

มือหยาบหนายื่นออกมาหมายจะแตะมือบางอย่างย่ามใจแล้วก็ต้องหดกลับอย่างรวดเร็วก่อนจะออกวิ่งทันทีแบบไม่เหลียวหลังเมื่อน้องหมาที่ได้ชื่อว่าดุน้อยที่สุดวิ่งสี่คูณร้อยแยกเขี้ยวขาวๆยาวๆเข้าใส่หมายจะงับเข้าที่แก้มก้นของคนพูดให้สมใจ คุณากรอ้าปากหัวเราะอย่างไม่กลัวใครเมื่อเห็น ‘พี่’ วิ่งเสียตับแลบ เสียงหวานดังขึ้นตะโกนไล่หลังด้วยความสาใจราวกับเย้ย “หัดไปดูอายุตัวเองก่อนจะมาจีบฉันดีกว่านะไอ้หนู!”



ทาวน์โฮมสามชั้นที่อยู่ตรงหน้านั้นมีฮอนด้าซีอาร์วีสีดำคันใหญ่จอดนิ่งสนิทอยู่ทางฝั่งซ้าย ส่วนฝั่งขวามีกระถางดอกมะลิกับดาวเรืองวางสลับกันซึ่งตอนนี้กำลังแข่งกันออกดอกส่งกลิ่นหอมฟุ้ง ลึกเข้าไปเป็นประตูกระจกที่เปิดเข้าสู่ภายในตัวบ้าน คุณากรแม่สาวหน้าสวยแต่อายุไม่น้อยแล้ววิ่งมาหยุดหอบหายใจหน้าที่พักอาศัยของตนเองก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองแล้วก็ให้นึกเซ็ง...เมื่อกวาดตามองตั้งแต่ต้นทางยันปลายทางเนื่องจากมันเหมือนกันเป็นตับ ถ้าจะพูดให้ดีหรือขยายความให้เข้าใจได้โดยง่ายถึงสภาพบ้านของหล่อนก็เห็นจะไม่มีคำไหนดีไปกว่าคำว่า ‘ห้องแถวไฮโซ’

เส้นทางที่หญิงสาวใช้วิ่งออกกำลังกายนั้นเป็นถนนที่เชื่อมระหว่างถนนใหญ่กับมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง หน้าบ้านที่หล่อนอาศัยเป็นโครงการบ้านเดี่ยวราคาค่อนข้างสูง บางที่กำลังก่อสร้างแต่บางที่ก็เสร็จเรียบร้อยและมีคนเข้าไปอยู่แล้วเช่นกัน อย่างที่เธออยู่นี่ก็ไม่ต่างเพราะเมื่อถัดไปอีกประมาณห้าร้อยเมตรก็กำลังก่อสร้างกันอย่างขะมักเขม้นเช่นกัน

หน้าบ้านดูเหมือนทางคนสร้างจะเข้าใจจัดทัศนียภาพเพื่อดึงดูดลูกค้า เพราะเมื่อเว้นจากถนนที่ให้รถวิ่งสิ่งกั้นแสดงเขตนั้นเป็นเฟื่องฟ้าในกระถางปูนที่ยกมาตั้งไว้กำลังออกดอกไสวมีทั้งขาว ชมพู ม่วง และแสด ฝุ่นไม่มีให้รำคาญใจสักนิดทั้งๆที่ถัดไปไม่ถึงกิโลฟุ้งยังกับอะไรดี ตัวอาคารนั้นออกแบบเหมือนกันหมดเพื่อให้ใช้ประโยชน์ได้ทั้งในแง่ของสำนักงานและที่พักอาศัย ชั้นสองมีระเบียงยื่นออกมาและดูจะมีบ้านของหล่อนเท่านั้นที่มีไม้ดอกห้อยประดับอยู่จนเต็ม

มือน้อยเลื่อนประตูไม้ที่ทำจากพลาสติกชนิดแข็งที่เลียนแบบได้แนบเนียนออกพอประมาณก่อนจะปล่อยให้ไอ้ตูบที่รักวิ่งผ่านเข้าไปนั่งรอลิ้นห้อยให้เธอเปิดประตูกระจกให้ หญิงสาวยิ้มขำอย่างเอ็นดูยืนหมุนซ้ายหมุนขวาตั้งท่าว่าจะเปิดน้ำรดดอกไม้ในกระถางที่มีอยู่นี่เสียหน่อยด้วยความเคยชินถ้าหากว่าจะไม่ได้ยินเสียงกวนประสาทดังขึ้นมาจากบ้านข้างๆที่อยู่ติดกันจากไอ้คนที่ไม่เคยมีมารยาทเอาเสียเลย

“ป้ากลับมาแล้วเหรอ?”

เสียงทุ้มนุ่มแกมหัวเราะโผล่มาก่อนที่ตัวคนพูดจะโผล่ขึ้นมาเสียอีก!

“แหมเมื่อเช้าไม่รอกันเลยนะไอ้เราก็ชะเง้อมองนึกว่ายังไม่ตื่นที่ไหนได้ไปยืนปล่อยหมาให้ไล่กัดชาวบ้านเขาอยู่ตั้งนาน” หนุ่มหล่อหน้าตาดีมากโผล่มาทั้งตัวให้หล่อนเห็นเมื่อพูดจบ คิ้วเข้ม จมูกโด่ง ใบหน้าติดจะเหลี่ยมน้อยๆเพราะเป็นคนไทยแท้ๆกับผิวขาวๆที่ซ่อนมัดกล้ามไว้ใต้เสื้อออกกำลังสีเดียวกันกับเธอกำลังแย้มยิ้ม ริมฝีปากหนาหยักได้รูปเผยออกจนสุดเกือบๆจะเห็นฟันทุกซี่ด้วยซ้ำ

“เน้! เรียกให้มันดีๆหน่อยได้มั้ยคุณเป็นพี่นะ”

คุณากรแหวกลับด้วยความไม่พอใจ

“ก็เพราะคุณแก่กว่าไงผมถึงได้เรียกว่าป้า นี่แสดงชัดถึงวัยวุฒิและคุณวุฒิรวมถึงการให้เกียรติได้ดีเลยนะ!”
ร่างสูงๆเมื่อยืดขึ้นเต็มตัวดูจะเกินร้อยแปดสิบตอบกลับพลางยักคิ้วให้ ...ทำหลอกล่อยังกะลิงจ๋อแน่ะ!!
“คุณเองก็หัดยอมรับความจริงเสียบ้างสิว่าตัวเองอาวุโสแล้วน่ะ!”

หญิงสาวเม้มปากแน่นตะโกนเสียงดังอย่างหมดความอดทน

“ไอ้ช้าง!”

“แหม...เรียกอาจารย์หัสดินจะเพราะกว่านะผมว่า”

ชายหนุ่มแย้งด้วยใบหน้ากวนโมโหก่อนจะหลบวูบเมื่อเห็นปลายสายยางเบี่ยงตรงมาที่ตัวเอง

“โฮ้ย! เวรกรรมอะไรล่ะเนี่ยถึงได้ต้องมาอยู่ติดกับคนแบบนี้ด้วยนะ!?”

คุณากรแทบจะกระทืบเท้าด้วยความขัดใจที่ทำอะไรอีกฝ่ายไม่ได้ หญิงสาวที่อายุไม่น้อยแล้วดูจะเลือดขึ้นหน้าคอยจ้องอยู่ว่าเมื่อไหร่อีกฝ่ายจะโผล่หัวขึ้นมา...หนอยไอ้ช้างตกมัน ไอ้ช้างบ้า และเหมือนจะหมดคำด่า ....ไอ้..ไอ้ช้าง:-)!

“นี่ป้าระวังหน้าจะแก่เร็ว แค่นี้ตีนกาก็เต็มหน้าไปหมดแล้ว”

เสียงห้าวตะโกนกลับเมื่อหลบเข้าไปยืนอยู่หลังประตูกระจกบานใหญ่ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ คุณากรตัวสั่นมือสั่นอย่างโกรธจัดแล้วเหวี่ยงสายยางลงกับพื้นเมื่อทำอะไรไม่ได้ เท้าคู่เล็กกระทืบแรงๆก่อนจะบดขยี้พื้นกระเบื้องอยู่แบบนั้นพร้อมกับสายตาอาฆาตที่มองเขม้น....จำไว้แล้วกันแม่จะเอาคืนให้สาสมเล้ยไอ้ช้างเน่า!


สาวสวยหน้าเด็กที่อายุไม่น้อยเพราะปาเข้าไปเลขสามได้เกือบปีแล้วยังคงหงุดหงิดแม้เมื่อเวลาผ่านมาเป็นชั่วโมงแล้วก็ตาม สถาปนิกสาวยังคงฮึดฮัดไม่พอใจแม้แต่ตอนที่ยกช้อนตักโจ๊กเข้าปากเพื่อระงับไม่ให้ท้องร้องไปมากกว่านั้น ลมหายใจเฮือกใหญ่ถูกระบายเมื่อหวนกลับไปคิดถึง...ไอ้ช้างเน่าที่ชอบกวนประสาทได้ทุกวัน!

ไอ้ช้างบ้านี่มีชื่อว่า หัสดิน อาจารย์หนุ่มในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งที่อายุน้อยกว่าเธอหนึ่งปีและที่สำคัญเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก ในชีวิตของสาวโสดของเธอถูกเกาะติดอยู่กับผู้ชายคนนี้มาตลอดเวลาไม่เว้นแม้แต่ตอนที่หล่อนเก็บเงินแล้วคิดจะซื้อบ้านให้เป็นของขวัญของตัวเองก็ยังไม่พ้น

เมื่อมารดาและบิดารวมถึงพี่ชายประกาศชัดว่าหล่อนต้องมีไอ้เด็กนี่คอยดูแล..เหอะ! คุณากรอยากจะหัวเราะให้ฟันร่วงหล่อนไม่ใช่เด็กๆเสียหน่อยที่จะต้องมีคนมาคุม...ที่สำคัญไอ้คนคุมเนี่ยมันอายุน้อยกว่าเธอตั้งปีแน่ะ! แล้วพอนึกไปนึกมาก็น่าเสียดายทั้งที่ตอนเด็กๆ หัสดินเองก็ออกจะน่ารักว่านอนสอนง่ายซะไม่มี จะไปไหนก็คอยตามต้อยๆแล้วก็ต้องเรียกพี่คุณๆ แล้วไงล่ะพอตอนนี้มันเรียกเธอว่าป้า...ฮึ้ย! คุณากรสงสั้ยสงสัยว่าไอ้ความน่ารักน่าเอ็นดูของหัสดินนั่นคงหล่นหายไปตั้งแต่ตอนที่มันแต่งงานแล้วนั่นแหละ

หัสดินเคยแต่งงานไปเมื่อสี่ปีที่แล้วที่ต้องบอกว่าเคยก็เพราะเขากลายเป็นหม้ายภายในหนึ่งปีต่อมาเนื่องจากเลิกรากับภรรยาสาวน้อยหน้าตาน่ารักแต่จะเพราะเหตุผลอะไรหล่อนก็ไม่รู้และไม่เคยมีใครรู้ว่ามีปัญหาอะไรเกิดขึ้นระหว่างคู่สามีภรรยาที่ดูสมกันราวกับกิ่งทองใบหยกคู่นี้ เมื่อนอกจากเรื่องปากเสียแล้วทุกอย่างหัสดินนับว่าอยู่ในเกณฑ์ดีหมดทั้งฐานะ หน้าตา การงานหรือแม้แต่นิสัยที่ไม่เจ้าชู้หรือว่าติดแอลกอฮอร์ คุณากรรู้แค่ว่าอยู่ดีๆไอ้บ้านี่ก็เดินเข้ามาหาเธอในวันนึงด้วยหน้าตาจ๋อยๆบอกเสียงอ่อยๆเหมือนคนสารภาพความผิดกับเธอว่า

‘คุณผมเลิกกับน้องดาวแล้วนะ..ดูเหมือนเราจะไปกันไม่ได้’

ดูเหมือนเรื่องการเลิกร้างของทั้งคู่หล่อนเองจะเป็นคนรู้คนแรกด้วยซ้ำไป!

ชั้นแรกเธอเองก็สงสารหลงปลอบใจอยู่นานที่ไหนได้อาทิตย์ต่อมา..ไอ้พ่อหม้ายหมาดๆก็ปร๋อไปปร๋อมามีอาจารย์สาวๆ นักศึกษาสวยๆที่หลงรูปภายนอกที่หมอนี่สร้างขึ้นแหกตาชาวบ้านก็ตามมาถึงบ้านแถมยังมาทำท่าหึงหวงใส่เธอเสียนี่...แต่พ่ออาจารย์เนื้อหอมก็ไม่เห็นจะสนใจใครจริงจัง

การแต่งงานในครั้งนั้นหล่อนเองก็พอจะรู้ว่ามันไม่ได้เกิดจากความสมัครใจของชายหนุ่มซักเท่าไหร่แต่ก็ไม่ค่อยแน่ใจเพราะวันงานก็เห็นสดชื่นกันดี แต่เท่าที่ฟังก็พอจะสรุปได้ว่าหัสดินขัดแม่ไม่ได้เลยต้องยอมตามใจแล้วสุดท้ายนาวาของชีวิตคู่ก็ล่มไม่เป็นท่า...ก็ยังดีที่ทั้งคู่ยังไม่มีลูกด้วยกัน หัสดินไม่ใช่คนเจ้าชู้หล่อนรู้ แต่ก็มีเสน่ห์มากพอที่ผู้หญิงจะเลือกเดินเข้ามาหา..ก็นะ หล่อนก็ไม่อยากจะพูดหรอกว่าที่ชายหนุ่มเพื่อนสมัยเด็กแอ๊บทำน่ะมันได้ผลเกินคาด ทั้งมาดอบอุ่น เป็นสุภาพบุรุษ แล้วยังหน้าตาดีการงานเลิศอีกผู้หญิงที่ไหนจะไม่อยากจับ..เอ๊ย! อยากได้เป็นแฟนล่ะ!

เสียงเลื่อนเปิดประตูดังขึ้นเบาๆและมันทำให้หญิงสาวหลุดจากภวังค์เงยหน้าขึ้นมองพร้อมกับสายตากินเลือดกินเนื้อที่ค้อนขวับๆส่งไปให้ เจ้ายูโดตัวโตขนสีอ่อนที่เมื่อเช้านี้วิ่งไล่กวดผู้ชายที่บังอาจมาจีบนายเปลี่ยนท่าทีโดยสิ้นเชิง เจ้าตัวดีส่ายหางใหญ่เมื่อวิ่งเข้าไปคลอเคลียประจบประแจงร้องครางงี้ดๆท่าทางออดอ้อนเสียไม่ผิดกับคน!

“อ้าว! ผมซื้อปาท่องโก๋มานึกว่าคุณยังไม่ได้ทานอะไร แอบต้มโจ๊กซองตัดหน้าผมอีกแล้ว”

ผู้ชายร่างสูงผมยุ่งเมื่อเช้าตอนนี้เปลี่ยนชุดเสียเรียบร้อยแล้ว เชิ้ตลายทางแนวตั้งสีอ่อนผูกเนคไทสีเข้มกับกางเกงแสล็คสีดำสนิทพอดีตัวดูจะส่งให้เขาดูดีขึ้นไปอีก นัยน์ตาโตค่อนไปทางเรียวที่ดูเหมือนนัยน์ตาของผู้หญิงหลังกรอบแว่นทันสมัยเบิกกว้างและมันมีรอยยิ้มขำปนอยู่ในนั้นอย่างไม่เคยจาง...ไม่ได้เจ้าชู้แต่เพราะท่าทางแบบนี้ไงสาวๆถึงได้วิ่งโร่เข้าหาไม่ได้รู้จักวางตัวให้เหมาะสมบ้างเล้ยไอ้ช้างบ้า!

หัสดินกับหล่อนเป็นคนเชียงรายตั้งแต่กำเนิด บ้านอยู่ติดกันและพ่อกับแม่ยังเป็นเพื่อนสนิทกันอีกด้วย (ยกเว้นแม่ของเขากับเธอน่ะนะที่ดูเหมือนจะชิงดีชิงเด่นกันเหลือเกิน) พี่ชายของเธอและหมายความรวมถึงเธอด้วย กลุ่มสี่คนหน้าตาดีตั้งแต่เกิดที่มีเด็กหญิงเพียงคนเดียวไปโรงเรียนด้วยกัน เรียนที่เดียวกัน ไปไหนก็ไปด้วยกันต่อเมื่อบรรดาพี่ๆของหล่อนแยกย้ายไปก็เหลือเธอกับเขาสองคนจนสุดท้ายเมื่อลงมาเรียนต่อและหางานทำที่กรุงเทพฯก็ยังเกือบจะได้งานที่เดียวกันอีกด้วย...เสียอยู่ว่าเขาเองเลือกที่จะเป็นอาจารย์เมื่อเรียนจบปริญญาโท ส่วนหล่อนเลือกจะทำงานที่รักต่อโดยไม่คิดจะเปลี่ยนอาชีพ

“ป้ากับลุงโทรมาบอกว่าให้ผมกับคุณไปรับล่ะอาจจะมาถึงตอนเย็นๆ”

หัสดินพูดขึ้นเมื่อนั่งลงเรียบร้อยแล้วโดยมีเจ้าตูบของเธอเกาะติดไม่ยอมห่าง คุณากรเงยหน้าขึ้นมองเลิกคิ้วขึ้นน้อยๆเมื่อเอ่ยถาม “อ้าว! ทำไมแม่ไม่โทรหาคุณล่ะ?”

ความสงสัยดูเหมือนจะปัดความขุ่นข้องหมองใจก่อนหน้านั้นให้หายไปแทบจะทันที

“ป้าบอกว่าโทรแล้วแต่คุณไม่ยอมรับ”

ยิ้มกว้างยังถูกส่งมาให้เช่นเคยทั้งสีหน้าและสีตา

“เอ๊ะ! โทรศัพท์ก็อยู่นะนี่ไง..อ้าวตายละ!”

ร่างบางอุทานเมื่อหยิบของที่อยู่ข้างตัวขึ้นมาดู

“คุณ...นั่นน่ะเขาเรียกรีโมตไม่ใช่โทรศัพท์นะ”

“ช้าง!” คราวนี้เสียงหวานชักเขียวขึ้นมาอีก

“แหม! ผมก็แค่แหย่เล่น...น่าๆว่าแต่ว่าเราจะไปรับป้ากันกี่โมงดี?”

คุณากรชักสีหน้าก่อนจะบอก

“เรื่องอะไรแม่คุณพ่อคุณ..คุณไปรับเองได้ ช้างเกี่ยวอะไรด้วย”

“ไม่รู้ล่ะก็วันนี้น่ะคุณต้องไปส่งผม เรื่องอะไรที่ผมจะกลับเองล่ะ”

ไอ้คนหน้าด้านบอกหน้าตาเฉย คุณากรล่ะอยากเอาชามโจ๊กยีหัวคนพูดนัก...ฮึ้ย!มันกวนได้ใจจริงจริ๊ง

“รถช้างล่ะ?” เมื่อทำอะไรไม่ได้ก็มีแค่ทางเดียว...คือยอมรับซะ!

“รถเสียผมเรียกช่างไปแล้ว...แต่ไม่เป็นไรผมไปส่งคุณก่อนได้วันนี้มีสอนบ่ายไม่รีบ”

ชายหนุ่มว่าหน้าตาผ่องแผ้วราวกับตัวเองเป็นเจ้าของรถจนคนฟังหมั่นไส้ หญิงสาวไม่อยากต่อปากต่อคำด้วยเลยก้มลงโซ้ยเอาๆ ที่จริงหล่อนก็ไม่ได้รู้สึกไม่ดีหรอกนะที่มีหัสดินคอยป้วนเปี้ยนดูแลอยู่แบบนี้แต่ความคิดบางอย่างก็คอยเตือนว่าถึงเธอกับเขาจะเป็นเพื่อนกันแต่แบบนี้มันก็ดูไม่ค่อยดี ชายหนุ่มอาจจะมีสาวๆในหัวใจที่หมายปองไว้และถ้าขืนหล่อนยังอยู่แบบนี้ก็อาจจะเป็นปัญหาได้อย่างเรื่องการแต่งงานครั้งก่อน บางครั้งบางคราวคุณากรก็อดนึกไม่ได้เหมือนกันว่าทุกอย่างนั้นอาจจะเป็นเพราะสาเหตุที่มาจากเธอ ตารกาอาจจะหึงหวงที่เธอกับเขายังใกล้ชิดกันอยู่...ผู้หญิงต่อให้มั่นใจแค่ไหนก็คงไหวหวั่นเมื่อสามียังคอยดูแลผู้หญิงอีกคนที่เป็นแค่เพื่อนอยู่แบบนี้

“คุณเป็นอะไรหรือเปล่าทำไมเงียบไปแบบนี้ล่ะ?”  

คุณากรชะงักเงยหน้าขึ้นมองแล้วก็เห็นว่าอีกฝ่ายโน้มตัวเข้ามาหาฝ่ามือหนาแตะอยู่ที่หน้าผากของหล่อนเอง

“ไม่ได้มีไข้นี่นาไปหาอาหมอไหมเดี๋ยวผมพาไป...ถ้างานหนักนักบอกผมนะจะได้ไปช่วยช่วงนี้ว่าง”

หญิงสาวสั่นหน้าผละลุกขึ้นยืนเก็บถ้วยไปวางลงตรงอ่างล้างจาน ความรู้สึกแวบวาบขึ้นมาเล็กน้อยถึงความคิดเก่าๆที่เคยรู้สึกมานาน คุณากรไม่เถียงสักนิดว่าอดีตก่อนที่หัสดินจะแต่งงานนั้นหล่อนมีใจให้เขาไม่น้อย จะด้วยความใกล้ชิดหรืออะไรก็แล้วแต่ หากแต่พอรับรู้ว่าเขาไม่ใช่คนโสดอีกต่อไปหัวใจก็เริ่มเบาโหวงก่อนจะเหมือนโดนโยนทิ้งให้ตกลงมาจากที่สูง ไม่ใช่เจ็บแต่เหมือนอะไรหายไปเป็นอยู่นานเหมือนกันก่อนที่ทุกอย่างมันจะดีขึ้น

‘ผู้หญิงที่อายุมากกว่าผู้ชายที่ไหนเขาจะมอง’

ประโยคนี้แหละที่หญิงสาวเองได้ยินได้ฟังมาจากปากของเพื่อนหลายต่อหลายคนจนพลอยทำให้ตัดใจได้ในที่สุดเอาวะ...จะยากอะไรเราก็หาคนที่อายุเยอะกว่าเสียก็สิ้นเรื่อง

“เข้าฌานสมาธิอยู่หรือไงครับคุณป้า!”

คุณากรสะดุ้งอีกรอบ ความดันเริ่มพุ่งอีกครั้งเมื่อชามในมือตกลงเสียงดังเปรื่องปร้าง มือเรียวเล็กขยับเข้าหากันอย่างกำลังขยับออกกำลังกาย นัยน์ตาเหลือกขึ้นลงอย่างคนใกล้จะเป็นบ้า

“ไอ้คุณช้าง!!”

เสียงหวานเริ่มเหี้ยมไม่แพ้ใบหน้า หญิงสาวสะบัดต้นคอสองสามครั้งก่อนจะหักนิ้วเสียงดังเปาะแปะ คนที่หลบถอยห่างยืนกอดอกท่าทางขำๆก่อนจะยักคิ้วให้เป็นเชิงท้าทาย

“อยากจะตายเร็วนักใช่ไหม!!”

“เปล่าแค่เห็นเหม่อๆเลยสงสัยว่าป้าเข้าวัยทองแล้วหรือเปล่า...แต่เอขอนับอายุก่อนนะปีนี้เท่าไหร่แล้วน้าป้าเนี่ย?” ไม่ต้องรอให้พูดจบคุณากรก็ดิ่งตรงเข้าไปหมายปักให้หายแค้นเหมือนลูกดอกที่พุ่งออกมาจนสุดแรง แต่ว่าหัสดินเองแค่เพียงใช้แขนข้างเดียวเท่านั้นที่ยันปักหลักไว้ไม่ให้หล่อนเข้าถึงตัวได้

“โอ๊ะโอคนเรามันต้องยอมรับความจริง อย่างป้าเนี่ยเค้าเรียกว่าเป็นคนชอบหลอกตัวเอง” คุณากรหยุดกึกเมื่อทำอะไรไม่ได้ หญิงสาวกำมือเม้มปากแน่นดวงตาวาววับด้วยความโกรธและน้อยใจสองเท้ากระทืบทันทีด้วยโดนขัดใจ

“ไอ้ช้างเน่า ไอ้ช้างบ้า...ไอ้..ไอ้ช้าง ไอ้ช้าง!!”

หญิงสาวสะบัดผมอย่างแค้นเคืองเมื่อไม่รู้จะด่ายังไงดีแล้วจึงค่อยหมุนตัวกลับเมื่อคนโดนด่ายังยักคิ้วทำท่าไม่สะทกสะท้าน หัสดินยกมือขึ้นปิดปากเมื่อต้องกลั้นหัวเราะไว้สุดเสียง....นี่นะคนที่ประกาศอยู่ปาวๆว่าเป็นผู้ใหญ่แล้วที่ไหนได้แบบนี้มันเด็กชัดๆ

“ฮึ้ย! ไม่ไปมันแล้ว”

หล่อนตะโกนก้องเดินปึงๆทำท่าว่าจะเดินขึ้นชั้นบนไป ผมยาวที่รวบไว้ก่อนหน้าอย่างเรียบร้อยนั้นค่อนข้างยุ่งเมื่อต้องออกแรงและโดนมือหนาของคนตัวโตขยี้เล่นๆเสียหลายที

“เฮ้ย! ไม่ได้นะ...โอโธ่โถไม่เอาน่าหนูคุณไม่ร้องนะจ๊า” และแทนที่จะได้ผลกลับยิ่งฉุดให้คุณากรโกรธหนักขึ้นกว่าเดิม หล่อนไม่หยุดแล้วคราวนี้แต่กลับซอยเท้าถี่ยิบเพื่อจะไปให้พ้นไอ้เด็กยั่วโมโห “คุณ..เดี๋ยวคุณๆ ช้างขอโทษนะผมขอโทษน้าช้างปากไม่ดีเองน้า...หายงอนนะหายงอน”

หัสดินที่กำลังกลั้นแทบแย่รีบบอกก่อนจะซิ่งไปดักหน้าคนขี้โมโหไว้ คุณากรเหลือกตาขึ้นมองก่อนจะสะบัดหน้าใส่อย่างโกรธๆ หล่อนพยายามเลี่ยงหากแต่โดนดักหน้าดักหลังไว้ ใบหน้าสวยเริ่มง้ำลงอีก

“เอ้าๆ ยอมให้ตีก็ได้อ๊ะนี่ยืดอกแมนๆให้แล้วกระหน่ำลงมาได้เลยจนกว่าคุณจะพอใจถึงผมตายก็ไม่เป็นไรหรอก”

หญิงสาวเหลือกตาขึ้นอีกรอบมองไอ้ตัวต้นเหตุที่ตอนนี้ตบปุๆที่อกของตนด้วยความหมั่นไส้ มาอีกแล้วไอ้มุขตบหัวแล้วลูบหลังเนี่ยเมื่อไหร่ไอ้เด็กบ้านี่มันจะเลิกใช้สักทีนะแล้วเธอก็ไม่รู้เป็นอะไรพอเป็นแบบนี้ก็ทำไม่ลงทุกที!

“หลีก!”

“เอ้านี่ผมยอมแล้วน้า เป็นช้างให้หนูคุณขี่ก็ได้ยังไม่หายโกรธอีกเหรอ?”

ชายหนุ่มพ้อหน้าตาละห้อย

“หายแล้ว!!” คนบอกว่าหายแล้วแต่ยังทำหน้าบึ้งทำเอาคนฟังไม่ค่อยเชื่อถามอีกที

“ถ้าหายแล้วจะขึ้นข้างบนไปทำไม?”

คุณากรถอนหายใจเฮือกบอกเสียงดังลั่นบ้าน

“เห็นไหมเนี่ยหัวเนี่ยหัว ไอ้ช้างตาถั่ว!”

“ใช่ไงหัวคุณก็ตั้งอยู่บนคอบนบ่าคุณไง..คุณพูดอะไรเนี่ยมึนหรือเปล่า จูนให้มั้ย?”

มือหนายกขึ้นหมายจะนวดขมับให้ตามคำพูดแต่คุณากรปัดมือออกถลึงตาใส่อย่างสุดกลั้น

“ไอ้ช้าง” หล่อนว่าวางมือลงบนบ่าของเขาที่สูงกว่าบ่าของตน น้ำเสียงชักแข็งเมื่อเท้าข้างหนึ่งกระดิกดิ๊กๆอย่างข่มความโมโหไม่ให้พลุ่งพล่าน มือน้อยอีกข้างที่เท้าสะเอวอยู่ยกขึ้นชี้ที่ศีรษะตนเองก่อนที่จะอธิบายช้าๆชัดๆ “เห็นไหมผมเนี่ยมันยุ่งเพราะใคร ตาน่ะหัดดูซะบ้าง อย่างนี้ล่ะน้าเขาถึงว่าช้างตาไม่ดี ไอ้ช้างตาถั่ว”

“อ้อ!” หัสดินอุทานเอื้อมมือมาจับมือบางข้างที่วางบนบ่าเขาออกเพื่อจะเอามันลง นัยน์ตาโตที่เหมือนกับผู้หญิงคลี่กว้างแฝงรอยขบขันก่อนที่มือใหญ่จะวางแปะลงบนศีรษะของคนพูดขยี้อีกสองสามครั้งด้วยความสนุก ส่วนคนตัวเล็กตอนนี้ไม่ได้สนุกแล้ว หล่อนคว้ามือใหญ่หมับบิดเสียเต็มแรงจนคนแกล้งร้องโอดโอย

“หัวไม่ได้มีไว้ให้เล่นจำเอาไว้ด้วยไอ้ช้างบ้า!”

หล่อนสะบัดตัวเมื่อพูดเสร็จก่อนจะลงเท้าหนักๆเดินขึ้นชั้นบนไปและไม่วายเสียงนุ่มยังคงตะโกนไล่หลัง

“ป้าระวังกระดูกกระเดี้ยวจะหักเอานะอายุปูนนี้แล้วหัดเดินให้มันระวังๆหน่อย!”

เสียงด่าล้งเล้งดังลั่นมาอีกเป็นชุดหากแต่หัสดินไม่ได้สนใจชายหนุ่มยังคงหัวเราะเสียงแผ่วแล้วลูบหลังมือที่ถูกหยิกด้วยอาการเพ้อมากกว่าจะเจ็บปวด ยูโดที่เพิ่งจัดการกับอาหารเสร็จครางงี้ดเมื่อเดินเข้ามาหาเพื่อนเจ้านายแล้วเงยหน้าขึ้นมอง ชายหนุ่มก้มลงมองก่อนจะคลี่ยิ้มแล้วนั่งลงกระซิบที่ข้างหูของเจ้าสุนัขตัวโปรดของหล่อนว่า

“ยูโดฟังให้ดีนะฉันมีความลับจะบอก...ฉัน.....”

เสียงเบากริบจนไม่ได้ยิน หากแต่เมื่อผงกศีรษะขึ้นเขาก็เห็นแค่เจ้าสี่ขาตัวโตหอบแฮ่กๆนั่งลิ้นห้อยยกเท้าขึ้นให้ข้างหนึ่ง มือหนาเอื้อมไปจับเขย่าเบาๆแล้วยังกำชับอีกว่า

“อย่าปากโป้งเดี๋ยวมันจะไม่เป็นความลับ!”


คุณากรหน้าหงิกหลังจากที่ตอนแรกหัสดินตกลงว่าจะไปส่งเธอก่อนแต่กลับใจให้หล่อนไปส่งเขาแทน สถาปนิกสาวอารมณ์แปรปรวนง่ายได้แต่ค้อนขวับๆไปให้ไอ้คนอาศัยท่ามากอย่างแค้นเคืองเมื่อรถจอดลงตรงหน้าคณะที่เขาสอนอยู่ เงาไม้ใหญ่แผ่ใบปกคลุมใต้ร่มเงานั้นมีนักศึกษาชายหญิงนั่งอยู่บนม้านั่งหินอ่อนไม่มากนักอาจจะเป็นเพราะยังเช้าอยู่ก็ได้ เลยไปอีกนิดหน่อยยังที่ๆคนเดินสวนเข้าออกภายในตึกมีสิ่งแสดงถึงตัวตนสถานที่อย่างชัดเจนตัวหนังสือสีดำที่สลักลงบนแผ่นหินแผ่นใหญ่พอจะอ่านได้จากในระยะไกลว่าคณะสถาปัตยกรรม

นักศึกษาหลายคนที่เดินผ่านหันมามองบ้างด้วยสงสัยก่อนจะเดินเลยผ่านไปเมื่อเห็นหน้าของชายหนุ่มเข้าเต็มตา หากแต่ก็ยังมีนักศึกษาชายที่ส่งยิ้มมาให้หัสดิน...ด้วยท่าทางกรุ้มกริ่มที่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าในนั้นมันมีความหมายอะไรแฝงอยู่แต่ก็มีนักศึกษาหญิงเหมือนกันที่เมียงๆมองๆแล้วทำหน้าสลดก่อนจะคอตกเดินจากไป...อันนี้ก็เหมือนกันไม่ต้องบอกก็เดาได้เด็กในคอนโทรลเขาทั้งนั้นที่หลงลมปากเน่าๆของไอ้ช้างบ้าเข้า!

“เอาล่ะถึงแล้ว ขอบคุณนะป้า” ไม่วายชายหนุ่มยังทิ้งทวนหย่อนลูกระเบิดให้คนอารมณ์เสียเล่นแต่ยังไม่ทันได้ทำอะไร หัสดินก็หลบวูบก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองหล่อนแล้วหัวเราะแหะๆท่าทางเหมือนๆจะขอความช่วยเหลือ

“คุณ” หญิงสาวเหลือบลงมองก่อนจะเออออแย่งเอากุญแจรถไปถือไม่สนใจพาลไล่ลงจากรถเสียเลย

“ไป๊ ชิ้วๆ คุณจะไปทำงานช้างลงไปได้แล้ว เสียเวลา”

หญิงสาวทำหน้าเบื่อเมื่อเห็นเขาทำท่าจะร้องไห้ ฮู้ย! สะใจมันสะใจจริงๆนะเออ

“อู้ย! คุณไม่เอาอย่าแกล้งซี ช่วยผมหน่อยเหอะไม่งั้นตายแน่”

หัสดินหน้าซีดขอร้องจริงจังผิดกันลิบลับกับก่อนหน้านี้

“ไม่ช่วยมีอะไรปะ มีอะไรไหมจ๊ะน้องช้างจ๋า”

หญิงสาวยิ้มร่าเมื่อการคาดเดาไม่ได้ผิดเพี้ยน คุณากรลอยหน้าลอยตาตอบเสียงหวานหยด หล่อนหัวเราะชอบใจใหญ่ในขณะที่มือยังคงผลักไสร่างใหญ่ให้ลงไปให้พ้นจากรถด้วยความสะใจ

“โธ่! พี่คุณคร้าบนึกว่าสงสารน้องช้างตัวเล็กเท่าขี้ตามดเถอะคร้าบขืนน้องลงไปตอนนี้มีหวังไม่มีชีวิตรอดจากปากเหยี่ยวปากกาแน่คร้าบ” ใบหน้าสวยเลิกคิ้วขึ้นก่อนจะยักไหล่เหมือนจะไม่สนใจ...ประมาณว่ามันไม่ใช่เรื่องของฉัน!

“น่าแล้วจะเลี้ยงข้าวอยากกินอะไรบอกมาแต่ตอนนี้ช่วยก่อนนะ”

ชายหนุ่มพยักหน้าหงึกๆมาดอาจารย์หนุ่มหดไปพรึ่บเดียวที่แม่สาวนักศึกษากระโปรงสั้นจู๋แต่งหน้าจัดนางหนึ่งเดินผ่านหน้าไปแล้วหยุดยืนเมียงมองส่ายสายตาอยู่ไม่ห่างนักเหมือนกับกำลังหาใครซักคน

“ว้าเมื่อเช้าคุณโดนหนักซะด้วยสิแล้วคนเราเจ็บแล้วต้องจำนะจ๊ะน้องช้าง”

“ขอโทษนะคุณนะ เอาเป็นว่าคุณอยากได้อะไรผมยอมแต่ช่วยหน่อยคนนี้ไม่ไหวจริงๆมันน่ากลัว”

หญิงสาวหัวเราะคิกอย่างชอบใจที่เห็นคนตัวโตกลัวกับแค่เด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารักตัวเล็กๆแค่คนเดียว นี่คงแสดงว่าเจ้าหล่อนคงรุกหนักมากหัสดินถึงได้ยอมแพ้อย่างราบคาบแบบนี้

“แล้วไง”

คุณากรเอ่ยถามขึ้นเมื่อยังเล่นตัวอีกนิดหน่อย ใบหน้าคมคายค่อยดูดีขึ้นมาเมื่อหล่อนยอมช่วย ชายหนุ่มยืดตัวขึ้นทันทีแล้วเปิดประตูออกไปอย่างไม่สะทกสะท้านในขณะที่คุณากรก็ได้แต่งงๆ เพราะถ้าเขาออกไปแบบนี้เด็กสาวนั่นก็ต้องเห็นและก็ไม่ผิดแม่สาวน้อยก้าวยาวๆเข้ามาหาหัสดินในทันทีที่สายตาเรดาห์จับหาสิ่งที่ต้องการอยู่นานพบเสียที

“คุณออกมาก่อน”

หญิงสาวละสายตาเบือนหน้าหนีก่อนจะยอมทำตามแต่โดยดี...ไอ้ช้างบ้านี่คิดจะทำอะไรอีกล่ะ?

“อะไรช้าง คุณจะรีบไปนะจะทำอะไรก็รีบทำ”

“เหอะน่า...ว่าแต่ขอโทษนะ” พูดจบมือหนาก็เหวี่ยงป้าบโอบเอวหล่อนทันที คุณากรหน้าตื่นก่อนจะหยิกเสียเต็มแรงที่เอวหนาของไอ้เพื่อนสมัยเด็ก ใบหน้าหล่อเหลายังคงแย้มยิ้มหากแต่ก้มลงกระซิบบอกเสียงสั่นๆกับเธอว่า

“บอกแล้วไงว่าโทษนะแกล้งเป็นแฟนผมหน่อยแล้วกันไม่งั้นมันไม่จบได้ยินก็เลิกหยิกได้แล้วเนื้อจะขาดมาคามือแล้วเนี่ย!” ดวงหน้าหวานพยักหน้ารับก่อนจะทิ้งทวนบิดเสียจนอีกฝ่ายยกตัวตามเพราะคงจะเจ็บเนื้อน่าดู

หัสดินยิ้มแบบแยกเขี้ยวให้เธอแต่หล่อนยิ้มรับแสร้งเอ๋อก่อนจะปล่อยแล้วฉีกยิ้มหวานส่งให้เด็กสาวที่มองตรงมาด้วยดวงตา...ไม่อยากจะบอกเลยนะคือแบบว่าเด็กๆนี่ต้องตาแป๋วใสซื่อไร้เดียงสาไม่ใช่เหรอแต่ว่าเด็กสมัยนี้ตานี่ร้ายกันทุกคน! จะว่าไปหล่อนก็ยังไม่เคยเห็นเด็กหน้าตาน่ารักแล้วมองเธอด้วยดวงตาใสซื่อสักที...ยิ่งอยู่กับอีตานี่นะไม่มีทาง!

“สวัสดีค่ะอาจารย์หัสดิน”

แม่สาวน้อยยกมือกระพุ่มไหว้อย่างเรียบร้อยก่อนจะเลยมาที่เธอด้วยอาการเสียไม่ได้พร้อมกับปรายตามองด้วยความไม่สนใจหากแต่ลึกๆในนั้นแน่ล่ะว่ามันมีความไม่พอใจแฝงอยู่..ก็นะเห็นผู้ชายที่ตัวเองคาดหวังไว้ใกล้ชิดกับผู้หญิงอื่นใครล่ะที่มันจะไปทนได้

“สวัสดีครับ”

เสียงนุ่มๆนั้นเอ่ยตอบเนิบๆ ...แน่ แม่สาวคนทักก็หน้าบานตาหวานมากขึ้นไปอีกน่ะสิ!

“หนูนารออาจารย์อยู่ตั้งนานแน่ะค่ะทำไมวันนี้อาจารย์มาช้าจังคะ?”

“อ่า..อาจารย์ไปรับแฟนมาน่ะ นี่แฟนอาจารย์เองชื่อคุณคุณากรใกล้จะแต่งงานกันแล้วล่ะ”

แม่สาวน้อยเหลือกตาโตๆด้วยความตกใจก่อนที่ริมฝีปากสีชมพูสดจะสั่นระริกคล้ายจะกระทบกันเสียให้ได้หยาดน้ำใสๆเอ่อขึ้นมาปริ่มๆอยู่รอบๆ...เหมือนกับนางเอกในละครเวลาโดนพระเอกทำร้ายจิตใจไม่มีผิดเพี้ยน คุณากรอยากจะส่ายหน้าแต่ทำไม่ได้แถมยังจะหลุดหัวเราะออกมาอีกเมื่อเจ้าหล่อนมองเธอสลับกับหัสดินกลับไปกลับมา

“ช้าง..อ่า คือเดี๋ยวคุณไปส่งนะไปเถอะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ ขอตัวก่อนนะคะน้องวันนี้พี่รีบจริงๆ”
คุณากรยกมือขึ้นปิดปากและถึงแม้ว่าจะเดินห่างออกมาพอดูหล่อนก็ยังอดหันหลังเหลียวไปมองไม่ได้...แม่สาวน้อยน่าสงสารคนนั้นยังคงยืนอยู่แบบนั้นข้าวของทุกอย่างที่หอบหิ้วมาหล่นกระจายลงกับพื้น...จะว่าไปหล่อนก็อดสงสารไม่ได้โถแม่คุณถ้าจะช็อกน่าดูถึงกับทำอะไรไม่ถูกเอาเสียเลยในตอนนี้...อโหสิให้ป้าเถอะป้าไม่ได้ตั้งใจป้าโดนบังคั้บ!


=======>>>>>>> ฝากด้วยนะคะ ถ้าชอบแวะไปทักกันมั่งนะค้า ^^
http://www.facebook.com/dungpun.nutchaput.fhasauy
ดังปัณณ์,นัชภัส,ฟ้าสวยค่ะ

http://www.facebook.com/ao.napaporn
ร้อย:เรียง:เพียง:คำ ค่ะ ^^

ขอบคุณล่วงหน้านะคะ ^^

แก้ไขเมื่อ 02 มิ.ย. 55 15:28:10

แก้ไขเมื่อ 26 พ.ค. 55 13:53:20

แก้ไขเมื่อ 26 พ.ค. 55 13:51:23

แก้ไขเมื่อ 26 พ.ค. 55 13:49:51

จากคุณ : ดังปัณณ์
เขียนเมื่อ : 26 พ.ค. 55 13:48:16




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com