Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ชายิกาของเจ้าชาย บทที่ 2+3 โดย นปภา ติดต่อทีมงาน

บทที่ 2 แรกพบ

แพรธาราจับแฮนด์รถจักรยานยนต์ไว้แน่น จากนั้นก็เร่งเครื่องขับขึ้นฟุตบาทเพื่อไล่ตามโจร

โจรวิ่งราวเห็นว่ามีรถจักรยานยนต์กำลังไล่กวดมาอย่างกระชั้นก็หนีแบบไม่คิดชีวิต ตอนนี้ฝั่งซ้ายเป็นถนนซึ่งสัญญาไฟจราจรกำลังเปลี่ยนเป็นไฟเขียวพอดี จึงวิ่งข้ามฟากไปได้ ส่วนขวามือมีรั้วสูงยาวเหยียดไปตลอดแนวถนน แม้ว่าพ้นจากแนวรั้วนี้ไปจะเป็นตรอกเล็กๆ ที่สะดวกสำหรับการหลบหนี แต่ถ้ายังถูกไล่กวดอยู่อย่างนี้ตนต้องถูกจับได้ก่อนถึงมุมถนนแน่

คนที่กำลังจนแต้มกวาดตาไปมาอย่างร้อนรน ในจังหวะนั้นเองโชคก็เหมือนจะเข้าข้าง อยู่ๆ รถที่วิ่งบนถนนก็หยุดชะงักลงเพราะมีรถหกล้อคันหนึ่งทำของที่บรรทุกอยู่ตกลงมา ส่งผลให้การจราจรหยุดชะงักไปสองเลน โจรวิ่งราวจึงอาศัยจังหวะนั้นวิ่งข้ามถนนในทันที

แพรธาราชะลอความเร็วรถจักรยานยนต์เมื่อเห็นว่าโจรชั่วเปลี่ยนเส้นทางการหลบหนี เธอกับมันอยู่ห่างกันไม่มาก แต่ก็ไกลเกินกว่าจะเข้าไปประชิดตัว ถ้าจะตามต่อต้องใช้สองขาวิ่งเอาเท่านั้น

หญิงสาวทิ้งรถอย่างไม่ลังเลแล้วข้ามถนนไปอย่างรวดเร็วจนถึงอีกฝั่งหนึ่ง พอโจรวิ่งราวเห็นว่ายังมีคนตามมาอย่าไม่ลดละ มันก็ตรงรี่เข้าไปแย่งรถจักรยานจากหญิงสูงวัยคนหนึ่ง แล้วกระโดดขึ้นคร่อมรถปั่นหนี

รถจักรยานพุ่งทยานออกไปทิ้งระยะห่างระหว่างคนหนีกับคนตามหลายเมตร ในขณะที่โจรวิ่งราวกำลังชะล่าใจว่าหนีพ้นแล้ว วัตถุทรงกลมอันหนึ่งก็ลอยมาด้านหลัง โดนเข้ากับศีรษะอย่างจัง ส่งผลให้เสียการทรงตัวแล้วล้มโครมลงตรงนั้น

สิ่งที่โจรชั่วเห็นคือภาพเบลอๆ ของหมวกกันน็อกอันหนึ่งที่ตกอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลตัวเอง ยังไม่ทันหายมึนก็ถูกกระหน่ำฟาดด้วยร่มในมือของเจ้าของรถ

“ไอ้สารเลว แย่งได้แม้กระทั่งของคนแก่ไม่มีทางสู้” หญิงชราตะโกนด่าไปพลางตีโจรที่มาขโมยรถไปพลาง

ในระหว่างนั้นแพรธารากับพลเมืองดีที่อยู่ใกล้ๆ ต่างก็พากันมาช่วยจับคนร้าย หลังถูกบาทาสามัคคีไปจนงอมพระรามเจ้าทุกข์ก็ตามมาถึง ชายหนุ่มแหวกวงล้อมเข้าไปในหมู่ไทยมุงแล้วประกาศตัวว่าถูกวิ่งราว

“มีใครเห็นกระเป๋าเอกสารผมไหมครับ”

คามินกวาดตามองไปรอบตัวแล้วก็เห็นว่ากระเป๋าหนังสีดำของเขาอยู่ในมือของหญิงสาวร่างบางคนหนึ่ง เธอส่งยิ้มให้เขาก่อนจะยื่นกระเป๋าคืนมาให้

“ตรวจดูสิคะว่ามีอะไรหายไปหรือเปล่า มีคนไปตามตำรวจที่ป้อมให้แล้ว อีกเดี๋ยวคงมา”

“ขอบคุณมากครับ คุณใช่ไหมที่ช่วยตามจับโจรให้ผม” ชายหนุ่มถามเพื่อความแน่ใจ

เนื่องจากเหตุการณ์กำลังฉุกละหุก คามินจึงสังเกตเห็นแค่ว่าคนที่ช่วยเขาเขาไว้สวมคลุมแขนยาวตัวหลวมกับใส่หมวกกันน็อกอันใหญ่แบบที่ปิดหมดทั้งศีรษะ

“ใช่ค่ะ แต่ไม่ใช่ฉันคนเดียวหรอกนะคะที่ช่วยคุณ คุณยายกับทุกๆ คนก็ช่วยด้วยค่ะ”

หญิงสาวผายมือไปที่คุณยายและพลเมืองดีทั้งหลาย แล้วหยุดสายตาไปที่โจรวิ่งราวซึ่งขณะนี้นอนหมดสภาพอยู่กับพื้น แต่เพื่อความไม่ประมาทเลยมีชายร่างกำยำช่วยจับมือเอาไพล่หลังไว้ให้อีกต่อหนึ่ง

“ขอบคุณทุกคนมากนะครับ ในนี้มีเอกสารสำคัญอยู่ ถ้าหายไปผมคงแย่”

คามินยกมือไหว้หญิงชราแล้วค้อมตัวให้กับทุกคนทั่วหน้า

แพรธาราก็ก้มลงเก็บหมวกกันน็อกที่พื้น กระจกที่ตัวหมวกไม่เป็นอะไร แต่ด้านหลังถลอกเป็นรอย เห็นแล้วก็นึกเสียได้ เธอเพิ่งได้หมวกกันน็อกอันนี้มาจากลอยด์เมื่อสัปดาห์ก่อนนี่เอง เขาสั่งทำพิเศษให้เธอเป็นของขวัญปีใหม่ เพราะเห็นว่าหมวกกันน็อกใบเก่ามันเป็นของถูก ไม่ค่อยทนแรกกระแทกเท่าไร

หญิงสาวปัดฝุ่นจากหมวกกันน็อกแล้วเหลียวไปมองเจ้าทุกข์ เขากำลังตรวจของภายในกระเป๋าพอดี พอได้ยินว่าของอยู่ครบไม่มีอะไรหายไปหญิงสาวก็เลยปลีกตัวออกมา เธอเสียเวลาไปพอสมควรแล้ว ถ้าไม่รีบคงเอาเอกสารไปส่งให้บอสไม่ทัน

แพรธาราวิ่งข้ามถนนกลับไปบริเวณที่รถจอดทิ้งไว้ รถเธอยังจอดอยู่ดีไม่มีคนขโมยไปทั้งที่เสียบกุญแจรถคาเอาไว้ เห็นแล้วหญิงสาวก็นึกตำหนิตัวเองที่มัวแต่สวมวิญญาณเป็นพลเมืองดี จนเผอเรอไม่ทันห่วงเรื่องของตัวเอง

“ไม่รู้จักระวังเลยนะยัยมา เกือบไปแล้วไหมล่ะ” หญิงสาวพึมพำกับตัวเองขณะสตาร์ทรถ

ยังไม่ทันได้หยิบหมวกกันน็อกมาสวม เธอก็เห็นว่าเจ้าทุกข์ในคดีวิ่งราวกำลังข้ามรถมา เขาโบกไม้โบกมือเป็นเชิงบอกว่าให้รอก่อน

“อย่าเพิ่งไปครับ ผมยังไม่ได้ตอบแทนคุณเลย”

“คุณขอบคุณฉันแล้ว ไม่เป็นไรหรอกค่ะ”

“แต่หมวกกันน็อกคุณพัง ให้ผมชดใช้ให้นะครับ”

ชายหนุ่มอยากจะตอบแทนอะไรให้บ้าง ถ้าไม่ได้เธอช่วยเอาไว้เขาคงแย่ เพราะนอกจากเอกสารสำคัญแล้วในกระเป๋ายังมีเพชรน้ำงามมูลค่าสูงรวมอยู่ด้วย

“ไม่พังค่ะ ยังใช้ได้ ถลอกนิดเดียว”

แพรธารายื่นหมวกตรงที่มีรอยถลอกไปให้ดู แล้วส่งยิ้มกว้างไปให้

คามินตั้งใจจะถามชื่อหญิงสาวแล้วขอแลกนามบัตร ทว่าก็ต้องชะงักไปเสียก่อนเมื่อได้เห็นดวงหน้าของอีกฝ่ายแบบเต็มตา ที่ตะลึงไม่ใช่เพราะความสวยของเธอ แต่เป็นแววตาสดใสเป็นประกายมีเสน่ห์ เวลาเธอยิ้มไม่ใช่แค่ปากเท่านั้นที่ยิ้ม แต่ยิ้มไปพร้อมกันทั้งใบหน้าและดวงตาด้วย

เขาพบเจอคนสวยมาก็มาก แต่ไม่เคยมีใครให้ความรู้สึกดึงดูดสายตาได้เท่านี้ โลกมันเหมือนหยุดหมุนราวกับต้องมนตร์ไปชั่วขณะ กว่าจะรู้ตัวหญิงสาวก็ขับรถหายไปเสียแล้ว ที่จำได้มีเพียงเลขทะเบียนรถกับแผ่นหลังบอบบางของเธอเท่านั้น


หลังจากทำตัวเป็นพลเมืองดีให้ได้อิ่มใจแล้ว แพรธาราก็มาส่งเอกสารที่จุดนัดหมาย ชุติภาบอกให้เธอมารอบอสที่ล็อบบี้ของทางโรงแรม หญิงสาวมองโรงแรมหรูแล้วถอนหายใจออกมาหนึ่งเฮือก เธอไม่ค่อยถูกกับความหรูหราเท่าไร ถึงจะใส่ชุดทำงานแต่ก็เป็นแค่เสื้อผ้าราคาตัวละไม่กี่ร้อย พอบวกเสื้อคลุมตัวโคร่งที่ใส่กันแดด การแต่งตัวของเธอก็ยิ่งดูซอมซ่อ

แพรธารากลั้นใจเดินเข้าไปในล็อบบี้ เธอพยายามไม่มองใครเพราะไม่อยากให้สายตาดูถูกของคนอื่นทำให้เสียความมั่นใจ

ลอยด์นั่งรอเอกสารอยู่แล้วตอนเธอไปถึง เขากำลังนั่งหน้านิ่งอยู่บนโซฟาหนังสีน้ำตาลทอง ความหรูหราของสถานที่ทำให้หญิงสาวมองเขาแตกต่างไปจากทุกที เธอรู้สึกเหมือนกำลังจ้องมองภาพนายแบบในนิตยสารแฟชั่น

ยังไม่ทันเดินเข้าไปใกล้ลอยด์ก็เงยหน้าขึ้นมาประสานสายตาด้วยเสียก่อน จากเดิมที่ปั้นหน้าเคร่งขรึมพอเห็นแพรธาราริมฝีปากหยักได้รูปของเขาก็เป็นรอยยิ้มสดใส ถ้าไม่ได้ทำงานด้วยกันมานาน เธออาจจะหูพร่าตาลายเพราะรอยยิ้มพิฆาตของเจ้านายตัวเองเป็นแน่

“ข้างนอกรถติดมากไหม?” ลอยด์ถามก่อนจะเหลือบไปมองนาฬิกาที่ข้อมือ

“นิดหน่อยค่ะบอส แต่ถ้าอีกสักครึ่งชั่วโมงติดยาวแน่ ถ้าบอสเสร็จงานแล้ว หาข้าวกินในโรงแรมดีกว่านะคะ รอให้หัวค่ำแล้วค่อยกลับดีกว่า”

หญิงสาวยื่นเอกสารไปให้ชายหนุ่ม ลอยด์รับมาถือไว้แต่แทนที่จะไปทำงานต่อ เขากลับจูงมือแพรธาราเดินไปทางประตู

“จะไปไหนคะบอส”

“ไปกินข้าว ถ้าไม่รีบออกไปเดี๋ยวรถติดนะ”

“แล้วงานล่ะคำบอส ไม่ทำงานแล้วเหรอ”

หญิงสาวขืนตัวเอาไว้ไม่ยอมให้ถูกลากไปตามแรงดึง ชายหนุ่มก็เลยตอบมาว่างานเสร็จแล้ว แล้วยังคนลากคนตัวเล็กกว่าให้ตามตัวเองไปอย่างเอาแต่ใจ

“อ้าว! ถ้าอย่างนั้นจะใช้มาให้เอาเอกสารมาทำไมล่ะคะ”

“ตอนแรกต้องใช้ แต่ตอนนี้ไม่ต้องใช้แล้ว ยังอยู่ในเวลาทำงาน เป็นลูกน้องห้ามหือกับบอส เข้าใจ๊!”

ลอยด์ทำเสียงสูงในท้ายประโยคอย่างน่าหมั่นไส้ ถ้าไม่ติดว่ามีคนจ้องอยู่ เธอคงโดดเตะก้นเขาไปแล้ว

ชายหนุ่มพาแพรธารามาที่รถจักรยานยนต์ของเธอ เสร็จแล้วก็ชี้นิ้วออกคำสั่งให้พาไปร้านอาหารอีสานที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากแถวนี้

“ไปทำไมคะบอส” แพรธาราถามอย่างไม่เข้าใจ

“ไปซื้อหม้อมั้ง”

‘เออแน่ะ! ถามดีๆ ดันตอบกวน น่าซัดสักป้าบจริงๆ เลย’

“มาหมายถึงว่าบอสนัดใครไว้หรือเปล่าต่างหาก แล้วทำไมให้มาไปส่ง รถบอสไปไหนคะ”

เขามีรถหรูประจำตำแหน่งใช้ แถมด้วยคนขับส่วนตัวอีกหนึ่ง แต่บางทีเธอก็เห็นว่าเขาใช้รถส่วนตัวขับไปไหนมาไหนเอง

“ให้กลับไปแล้ว ใกล้เลิกงานเลยเกรงใจ ไม่อยากใช้นอกเวลา”

ได้ฟังแบบนั้นแพรธาราเลยแว้ดใส่ฝรั่งหัวบลอนด์ไม่ยั้ง กับคนอื่นน่ะทำเป็นเกรงใจ ทีกับเธอใช้ได้ใช้ดี

ลอยด์ยังคงหัวเราะอย่างทองไม่รู้ร้อน แถมยังล้วงหมวกกันล็อกออกมาจากถุงที่หิ้วอยู่ด้วย บ่งบอกว่าเตรียมพร้อมจะใช้งานเธอเป็นพลขับจำเป็นเต็มที่

“อย่าโมโหเลยน่ามารีน อยากกินข้าวด้วยกันหรอกเลยวางแผนเรียกออกมา”

จากเดิมที่เหมือนเผด็จการชายหนุ่มก็เปลี่ยนเป็นอ้อนเสียอย่างนั้น พอถูกดวงตาสีฟ้าครามจ้องมาแบบเว้าวอน แพรธาราก็ใจอ่อนยวบ แต่ก็ยังอดกระเง้ากระงอดไม่ได้

“ไม่ต้องทำมาเป็นพูดดีเลยค่ะบอส” หญิงสาวกระแทกเสียงใส่

“โอ๋ๆ ไม่โกรธนะเบบี๋ เดี๋ยวป๋าเลี้ยงข้าว” ลอยด์ยกมือหนาขึ้นมาขยี้ผมหญิงสาวแล้วขยิบตาให้

แพรธาราหัวเราะพรืดเพราะคำพูดของเขา และแล้วเธอก็ติดกับจอมเจ้าเล่ห์ ยอมไปนั่งกินข้าวเป็นเพื่อนด้วยจนได้


หญิงสาวขับรถออกไปโดยมีฝรั่งตัวโตเกาะเอวซ้อนท้ายไปด้วย พอถึงร้านท่านประธานกรรมการก็บอกให้เธอสั่งส้มตำปูปลาร้าให้ ตามด้วยต้มแซ่บกับน้ำตกหมู ส่วนที่เหลือเขาตามใจเธอแต่ให้สั่งมาอีกสามสี่อย่าง

“บอกด้วยว่าเอาเผ็ดๆ” จอมบงการหันมาย้ำ

“รู้แล้วเจ้าค่ะ ไม่ต้องย้ำบ่อยก็ได้ สั่งเองเลยง่ายกว่าไหมคะบอส”

ลอยด์รีบส่ายหน้าแรงๆ ทันที แล้วจึงให้เหตุผลว่า

“ฝรั่งสั่งเขาชอบทำไม่เผ็ด มันไม่แซ่บนัว  ไม่ปลื้ม เข้าใจ๊!”

“นี่ลากมาออกมาก็เพราะเหตุผลนี้สินะคะ”

พอเห็นอีกฝ่ายยิ้มเผล่เหมือนกับว่าถูกจับได้ แพรธาราก็เอามือก่ายหน้าผากอย่างอ่อนใจ ที่เขายอมลงทุนเพื่อของกินได้ขนาดนี้

ถ้าเธอไปบอกใครว่าท่านประธานกรรมการจอมขรึม มีนิสัยซกมก เห็นแก่กิน แถมยังชอบทำตัวเป็นเด็ก มีหวังคงไม่มีใครเชื่อ เธออยากจะถ่ายวีดีโอตอนกินเอาไว้ให้คนที่บริษัทดูจริงๆ เชียว สงสัยได้ช็อกกันทั่วหน้าถ้าเห็นบอสจอมโหด โยนเสื้อสูททิ้ง แล้วถลกแขนเสื้อใช้มือเปิบข้าวเหนียวส้มตำกินแบบไม่แคร์สื่อ

“รีบกินสิมารีน ไม่อย่างนั้นแย่งกินหมดนะ” ลอยด์เตือน

แพรธารามัวแต่มองเขากินเพลินอย่างลืมตัว ก้มดูจานอีกทีไก่ย่างที่สั่งมาก็หมดไปครึ่งตัวแล้ว แถมน่องชิ้นที่เธอบอกว่าจองยังลอยไปอยู่ในจานเขาอีกต่างหาก

“ชิ้นนั้นมาจองนะคะบอส ขี้โกงนี่”

หญิงสาวโวยใส่ เพราะเดาออกว่าเขาเจตนาแกล้ง และอีกไม่กี่อึดใจลอยด์ต้องเอาไก่เข้าปากแล้วกินยั่วเธอแน่ๆ แต่แล้วเรื่องที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เขายกน่องไก่ชิ้นนั้นให้เธออย่างง่ายดาย

“ขอบคุณค่ะบอส ทำไมวันนี้ใจดีจัง”

“ผมใจดีกับมารีนตลอดนั่นแหละ มารีนต่างหากที่ไม่เคยสังเกต” ชายหนุ่มทำตาหวานใส่ ทำเอาหัวใจกระตุก จังหวะการเต้นรัวขึ้นทันที

ถึงจะเผลอหวั่นไหวแพรธาราก็ไม่คิดเข้าข้างตัวเอง เธอคิดแค่เขาโปรยเสน่ห์เล่นเหมือนที่ชอบหยอกประจำเท่านั้น เธอเลยเถียงกลับ

“ใจดีเฉพาะเวลามีของกินล่ะไม่ว่า”

ลอยด์ไม่สนใจข้อโต้แย้งเพราะยังไม่อยากจะถูกพาออกนอกประเด็น เขาสูดหายใจเข้าปอดแล้วโพล่งออกมา

“มารีนชอบผมไหม”

แพรธารารู้สึกฉงนกับน้ำเสียงอ่อนโยนของลอยด์ ไม่บ่อยนักที่เขาจะใช้น้ำเสียงแบบนี้พูดคุยกับเธอ หญิงสาวรู้สึกได้ว่าคงเป็นเรื่องสำคัญ จึงตอบคำถามไปตามตรง

“ชอบค่ะ”

“ชอบมากไหม” ชายหนุ่มโน้มตัวเข้ามาใกล้ ดวงตาเป็นประกายเต็มเปี่ยมไปด้วยความคาดหวัง

“อืม…ก็มากอยู่นะคะ ในบรรดาเพื่อนผู้ชายทั้งหมด ก็มีบอสนี่แหละที่สนิทที่สุด”

หญิงสาวตอบไปตามเรื่อง เธอไม่ค่อยมีเพื่อนผู้ชายเท่าไร ที่มีก็แค่เพื่อนร่วมสถาบันกับเพื่อนเก่าแก่สมัยเด็ก ซึ่งพอต่างคนต่างทำงานก็แยกย้ายกันไป นานทีปีหนจะได้เจอสักครั้ง ลอยด์จึงเป็นเพื่อนผู้ชายคนเดียวของเธอในขณะนี้

เมื่อได้ฟังคำตอบชายหนุ่มก็ยื่นมือไปตรงหน้าหญิงสาว แล้วเอ่ยเสียงนุ่มว่า

“Will you give me your hand?”

“คนนะคะไม่ใช่หมา” หญิงสาวแยกเขี้ยวใส่

ได้ยินแบบนั้นลอยด์ก็ทำเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอ แล้วโคลงศีรษะไปมา

“มันเป็น Idiom ไม่ได้หมายความตรงตัวสักหน่อย”

“อีเดียม? อ๋อ...สำนวน แล้วมันแปลว่าอะไรล่ะคะบอส”

การมีเจ้านายเป็นชาวอเมริกันไม่ได้ช่วยให้ภาษาอังกฤษของแพรธาราดีขึ้นเลย แต่จะโทษว่าเป็นความผิดของเธอฝ่ายเดียวไม่ได้ ต้องโทษลอยด์ด้วยที่พูดภาษาไทยตลอด นานทีจะหลุดภาษาอังกฤษออกมาสักคำ

ลอยด์มองตาใสๆ ของคนอ่อนภาษา แล้วถอนหายใจออกมา ก่อนจะยกนิ้วขึ้นมาจิ้มหน้าผากหญิงสาวเป็นจังหวะตามคำพูดที่ละพยางค์

“หัด…ศึก..ษา..ด้วย…ตัว…เอง…บ้าง”

“เจ็บนะคะบอส”

คนถูกจิ้มจนหน้าหงายลูบหน้าผากตัวเองป้อยๆ แล้วทำปากยื่นใส่ ยังไม่ทันได้งอน อีตาฝรั่งผมบลอนด์ข้างๆ ก็ชิงลงมืองอนก่อนด้วยการทำหน้าบึ้ง แล้วคว้าน่องไก่ที่เขายกให้เธอเข้าปากหน้าตาเฉย

“อ้าว...ไหนว่ายกให้”

ลอยด์หรี่ตามองเธอแล้วสะบัดหน้าหนีเสียอย่างนั้น ชายหนุ่มระบายอารมณ์ใส่ของกิน แถมยังเอามือมันเยิ้มมาเช็ดสูทราคาแพงของตัวเองราวกับมันเป็นผ้าเช็ดมือ มองแล้วก็นึกสงสารดีไซน์เนอร์ขึ้นมาตงิดๆ

‘ขอโทษนะ Armani ให้อภัยตาเพี้ยนนี่เถอะ’

พอกินอิ่มแล้วลอยด์ก็อารมณ์ดีขึ้น ชายหนุ่มรู้ว่าไม่ควรจะพาลคนความรู้สึกช้าอย่างแพรธารา อีกอย่างโกรธไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา เขาเลยย้ำให้หญิงสาวไปหาความหมายของประโยคที่พูดกับเธอแทน

“ให้เวลาหาสามวัน ถ้าลืมมีเคือง”

“รับทราบค่ะบอส กลับไปจะรีบไปหาเลย”

เมื่อรับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะแล้วหญิงสาวก็ก้มหน้าลงกินอาหาร โดยไม่รู้เลยว่ากำลังถูกอีกฝ่ายจ้องมองมาด้วยสายตาคาดหวัง ลอยด์กำลังเฝ้ารอคำตอบของคำถามนี้ ไม่ว่าผลจะเป็นเช่นไร เขาก็พร้อมที่จะยอมรับฟัง

จากคุณ : ตารกา
เขียนเมื่อ : 26 พ.ค. 55 14:10:23




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com