Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ใจเอย... บทที่ ๑๒ ติดต่อทีมงาน

สวัสดีค่ะ
มาติดตามต่อนะคะ หลังจากรามภณกับวสวัตติ์ผิดใจกันแล้ว มิตรภาพของพวกเขาจะเป็นอย่างไรต่อไป

คุณ N_Foxtrot: ขอบคุณค่ะ ศาสตราเป็นคนที่น่ารัก จิตใจดีและเข้าใจคนอื่น เป็นตัวละครหนึ่งที่คนเขียนชอบมากเลยค่ะ ส่วนตอนจบเป็นยังไง ขออุบไว้ก่อนนะคะ ^^

บทที่ ๑-๗ http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11983207/W11983207.html
บทที่ ๘ http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11983317/W11983317.html
บทที่ ๙ http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12022148/W12022148.html
บทที่ ๑๐ http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12053256/W12053256.html
บทที่ ๑๑ http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12093651/W12093651.html

% ====================

บทที่ ๑๒

"อะไรนะ! สองคนนั้นทะเลาะกันถึงขั้นลงไม้ลงมือเชียวเหรอ" ภารดีลุกขึ้นโวยวายกลางร้านอาหารสวัสดิการของมหาวิทยาลัย ระหว่างรอชั่วโมงเรียนภาคบ่าย นฤตยาจึงฉุดเธอให้นั่งลง พร้อมกระซิบปราม

"เบาๆ สิภา คนอื่นมองกันหมดแล้ว"

"แหม ก็มันตกใจนี่" เธอหันมองสายตาผู้คนโดยรอบก่อนจะบิดม้วนมือหน่อยหนึ่งด้วยความเก้อเขิน แล้วจึงกระแทกตัวนั่งลงบนเก้าอี้ จากนั้นจึงหันมาทางชายหนุ่มที่นั่งตรงข้าม "ว่าแต่ เป็นไปได้ยังไงน่ะ กลุ่มพวกเธอออกจะรักกันดีไม่ใช่เหรอ ไม่เคยเห็นทะเลาะกันรุนแรงแบบนี้มาก่อนเลยนี่"

ศาสตราเหลือบมองนฤตยาแวบหนึ่ง สายตาของหญิงสาวมีแววอยากรู้อยากเห็นตามวิสัยของผู้หญิงที่ชอบเรื่องซุบซิบนินทา หากแต่นฤตยาก็เก็บอาการได้เป็นอย่างดี

ทว่าเขาจะบอกออกไปตรงๆ ได้อย่างไร ในเมื่อทุกคนก็รู้อยู่ ว่านฤตยารู้สึกอย่างไรกับรามภณ หากบอกเธอออกไปว่าคนที่เธอชอบ กลับไปชอบคนอื่น ถึงขั้นยอมแตกหักกับเพื่อน นฤตยาจะต้องเสียใจแน่นอน

...และเขาก็ไม่อยากเห็นเธอเสียใจ ไม่ต้องการเห็นน้ำตาของเธออีกแล้ว

นับแต่วันที่นฤตยาไปเยี่ยมเขาที่บ้าน ได้เห็นเธอกลับมาเป็นนฤตยาที่น่ารักคนเดิมอีกครั้ง เขาก็รู้สึกสุขใจอย่างบอกไม่ถูก เขาไม่ต้องการเห็นเธอผิดหวัง เสียใจอย่างวันนั้น...วันที่เธอวิ่งจากเขาไปอีก

"ว่าไงล่ะ บอกมาเร็วๆ สิ" ภารดีเซ้าซี้ "อย่าคิดว่าทำเป็นนิ่งแล้วจะรอดนะ ถ้าเธอไม่บอก ฉันก็จะนั่งจ้องเธออยู่อย่างนี้แหละ"

ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่ ภารดีช่างเป็นผู้หญิงที่น่ารำคาญเสียจริง ถ้าใครได้เป็นแฟนคงต้องถือว่าโชคร้ายแล้ว

ก็ไม่ใช่เพราะภารดีหรือ ที่เห็นเขากับวสวัตติ์หอบหิ้วกระเป๋าเสื้อเข้าไปในศูนย์กีฬา จนทำให้เธอต้องเรียกตัวเขามาซักราวกับเป็นจำเลยในชั้นศาลแบบนี้

"ก็ได้ๆ" ภารดีพูดขึ้น เมื่อเห็นเขายังคงเงียบ "ถ้าให้ฉันเดา คงหนีไม่พ้นเรื่องผู้หญิงหรอก"

ยายนี่...

ศาสตราหันขวับไปทางนฤตยาทันที เห็นเธอก้มหน้าหลุบตาแบบนั้นแล้ว เขาก็อย่างจะแหวกหนังศีรษะภารดี แล้วทุบกะโหลกแรงๆ สักที จากนั้นฉีกปาก ตัดลิ้น จะได้ไม่ต้องพูดมากอีก

"ผู้หญิงคนนั้น...ใครเหรอ" นฤตยาอ้อมแอ้มถามออกมา หากแต่สายตายังคงก้มมองมือตัวเองซึ่งวางอยู่บนตัก

ศาสตรากลืนน้ำลายอึกหนึ่ง ยังคงรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างจุกอยู่ที่คอ

"ระ...รมัณยา" ในที่สุดเขาก็ตอบออกมา

"งั้นเหรอ" นฤตยาว่า "ก็สมควรแล้วล่ะ เขาออกจะสวย แล้วก็มีเสน่ห์ขนาดนั้น"

ไม่จริง... ศาสตราค้านในใจ เพราะในสายตาของเขา นฤตยาสวยที่สุด มีเสน่ห์ที่สุด และน่ารักที่สุด

เขายอมรับ ว่าเขาเองก็มีเผลอไผลไปบ้างในบ้างครั้ง เวลาเจอผู้หญิงสวย แต่หากให้นึกถึงคนที่สวยที่สุด ภาพแรกที่ผุดขึ้นมาในสมองก็ยังคงเป็นนฤตยา

"ฉัน...มีเรียน ไปก่อนนะ" นฤตยาลุกออกจากโต๊ะ แล้วเดินออกไปทันที ทั้งๆ ที่ยังเหลือเวลากว่าครึ่งชั่วโมงก่อนจะเข้าเรียน

ศาสตราลุกยืนขึ้น มองตามร่างบางไปอย่างห่วงใย

"นึกอยู่แล้วว่าต้องเป็นแบบนี้" เสียงภารดีดึงศาสตราให้หันกลับมาหาเธอ

"หมายความว่ายังไง"

"ก็หมายความว่า ฉันคิดอยู่แล้วว่าภณไม่ได้ชอบยาหรอก เขาก็แค่ใจดี สาวๆ คนไหนอยู่ใกล้เขาก็ต้องชอบเขาทั้งนั้นแหละ"

ศาสตราก้มหน้า เขาเห็นด้วยกับคำพูดของภารดี แต่ก็อดอิจฉาเพื่อนอยู่ลึกๆ ไม่ได้

"แต่เธอไม่ต้องห่วงหรอก" ภารดีพูดต่อ "ฉันว่ายาก็พอจะรู้ แต่ไม่ยอมถามออกมาตรงๆ ฉันก็เลยถามแทนซะเลย"

ที่แท้เป็นอย่างนี้เอง ภารดีถึงพูดโพล่งออกมาแบบนั้น

หญิงสาวค่อยๆ ลุกยืนขึ้น เดินออกจาโต๊ะ อ้อมมาทางด้านหลังศาสตรา

"สำหรับยา อาจต้องใช้เวลาหน่อย ส่วนเธอ พยายามเข้าก็แล้วกัน" เธอบอก แล้วเอื้อมมือตบบ่าชายหนุ่มที่ยืนทื่ออยู่สองที ก่อนเดินออกจากร้านไป

...ภารดี หรือว่าเธอเองก็รู้สิ่งที่อยู่ในหัวใจเขาด้วย

% ###

เสียงเพลงเบาๆ คลอเคล้าไปกับกลิ่นเครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล ในบรรยากาศสลัวๆ สำหรับบางคนอาจะเป็น นี่อาจเป็นสถานที่สังสรรค์ หากแต่กับบางคน มันอาจจะเป็นสถานที่ซึ่งเขาเชื่อว่า สามารถดับทุกข์ดับโศกได้

รามภณนั่งอยู่บนเก้าอี้สูงหน้าบาร์เครื่องดื่ม ตรงหน้าของเขามีเบียร์เย็นเฉียบแก้วโตวางอยู่

เขามานั่งอยู่ที่ผับบันนี่ตั้งแต่หัวค่ำ ดื่มเบียร์ไปแล้วสามแก้ว และแก้วตรงหน้า ก็ไม่ใช่แก้วสุดท้ายของคืนนี้

ชายหนุ่มยกแก้วเบียร์ขึ้น กระดกดื่มจนหมด แล้วจึงถอนหายใจยาว

สีหน้าของเขาบ่งบอกว่า น้ำหมักข้าวเริ่มแผลงฤทธิ์ต่อระบบประสาทบ้างแล้ว หากแต่เขายังคงประคองตัวไว้ได้อยู่

นานแล้วที่เขาไม่ได้ดื่มมากมายปานนี้ ครั้งสุดท้ายที่เขาดื่มมันเมื่อไรนะ... ปีใหม่ที่ผ่านมา ตอนฉลองกันในบ้านเช่า ตอนนั้นมีทั้งศาสตรา ภวาภพ ธาวิน แล้วก็...

เมื่อภาพของเพื่อนผุดขึ้นมาในหัว คิ้วของเขาก็ขมวดเข้าหากันจนชิด ก่อนที่ปากจะร้องหาเบียร์อีกแก้วจากบาร์เทนเดอร์

"ดื่มเยอะขนาดนี้ระวังจะเสียสุขภาพนะ" เสียงใสๆ ดังขึ้นที่ด้านข้าง รามภณหันมองไปทางต้นเสียง เธอยืนอยู่ข้างๆ เขา เธอ...ที่ทำให้ทั้งเขาและวสวัตติ์แทบเป็นบ้า

"รมัณยา" ชายหนุ่มคราง ลดสายตาลง มองแก้วเบียร์ในมือ

หญิงสาวหันไปสั่งไวน์เชอรี่กับบาร์เทนเดอร์ ก่อนจะนั่งลงที่เก่าอี้สูงข้างๆ

"กลุ้มใจอะไรรึเปล่า ดื่มขนาดนี้" เธอถามเสียงเบา

รามภณส่ายหน้าช้าๆ ยกแก้วเบียร์ที่บาร์เทนเดอร์เพิ่งนำมาวางบนเคาน์เตอร์ขึ้นดื่มอีกสองสามอึก

"เอาเถอะ จะดื่มเป็นเพื่อนก็แล้วกัน" เธอบอกอย่างนั้น หากแต่ความจริง ที่เธอต้องการดื่มไม่ใช่เพื่อเป็นเพื่อนกับรามภณ หากแต่เพราะต้องการลืมใครบางคนเสียมากกว่า ใครบางคนที่เธอเฝ้าคิดถึงทุกคืนวัน ทว่าคงไม่มีโอกาสได้ใกล้ชิดกันอีกแล้ว

น้ำหมักทั้งสองชนิดไหลลงกระเพาะของคนทั้งคู่แก้วแล้วแก้วเล่า เหล่าเพื่อนนักดนตรี...ทั้งนภสินธุ์ วีรินทร์ และตฤษณะ ต่างก็กลับบ้านกันหมดแล้ว แม้ว่าพวกเขาจะมาชวนเธอกลับด้วยกัน เพราะความเป็นห่วง หากเมื่อได้ยินหญิงสาวปฏิเสธเสียงแข็ง ก็ได้แต่ปล่อยเธอไว้เช่นนั้น

...เพราะพวกเขารู้ว่าหัวใจของเธอกำลังบอบช้ำ จึงต้องการบางสิ่งมาช่วยเยียวยา

...อย่างน้อยแอลกอฮอลก็ช่วยให้หัวใจของเธอรู้สึกชาไปได้ชั่วระยะเวลาหนึ่ง

กว่าที่รามภณกับรมัณยาจะเดินออกจากผับบันนี่ด้วยอาการโซซัดโซเซ ก็เป็นเวลาตีสอง

ชายหนุ่มเดินตรงไปที่รถของตัวเอง ล้วงพวงกุญแจออกจากระเป๋า ทว่าไม่สามารถเสียบลูกกุญแจให้ตรงช่องได้... ประสาทสัมผัสทั้งหมดของเขา ทำงานได้ไม่ถึงครึ่ง

"โอย สงสัยจะขับรถกลับไม่ได้แล้ว" เขาพึมพำกับตัวเองเบาๆ ในขณะที่รมัณยา ซึ่งอยู่ในอาการเมาไม่แพ้กัน เดินกลับมาทางชายหนุ่ม

"นายนี่มันใช้ไม่ได้เลยนะ" เธอบอก แล้วฉุดแขนเขา ลากมาทางรถช็อปเปอร์ของตน "มานี่ๆ เดี๋ยวเราไปส่งเอง"

ทว่าเธอจะไปส่งเขาอย่างไร ในเมื่อเธอเองก็กำลังอยู่ในอาการเมา...ไม่น้อยไปกว่าเขาเลย

เมา... ใช่แล้ว เธอกำลังเมา ดังนั้นประสิทธิภาพในการควบคุมรถของเธอก็ด้อยลง การมองเห็น ประสาทสัมผัส การตอบสนอง ทุกอย่างไม่ได้อยู่ในสภาพที่พร้อมจะขับรถเลย ดังน้นเมื่อเธอฝืนขับ ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจึงมีแต่...เลวร้าย

% ###

รมัณยาลืมตาขึ้นภายในห้องสีขาว ม่านสีเขียวทึบถูกดึงปิดเพื่อบังแสงสว่างจากภายนอก กลิ่นยา หรืออะไรบางอย่างลอยอบอวลอยู่ในอากาศ

หญิงสาวกลอกตามองไปรอบๆ ก็เห็นกลุ่มเพื่อนนักดนตรีของเธอ ทั้งนภสินธุ์ วีรินทร์ และตฤษณะ นั่งอยู่ที่โซฟาด้านข้าง และเมื่อเพื่อนๆ เห็นเธอขยับตัว ทั้งหมดก็กรูกันเข้ามา

"รมัณยา เป็นยังไงบ้าง" นภสินธุ์เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าร้อนรน

คนถูกถามกลืนน้ำลายที่แห้งผากลงคอ ก่อนจะพูดออกมา

"เจ็บแขน..."

ทุกคนก้มมองแขนซ้ายท่อนล่างของเพื่อน ซึ่งอยู่ในเฝือกแข็ง

"แขนหักน่ะ" วีรินทร์บอก "ไม่เป็นไรมากหรอก เดี๋ยวก็หาย"

รมัณยามองหน้าเพื่อน ไล่ไปทีละคน แล้วนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ ก่อนที่เธอจะหมดสติไป...

ตอนนั้นเธอขับช็อปเปอร์ พารามภณซ้อนท้ายมา เพื่อจะไปส่งเขาที่บ้าน แต่ด้วยความเมา ทั้งเธอและเขาไม่มีใครสวมหมวกกันน็อค อีกทั้งเธอยังขับฝ่าไฟแดงมันเสียทุกแยกอีกด้วย จนเมื่อถึงทางแยกแห่งหนึ่ง สัญญาณไฟเปลี่ยนเป็นสีแดงแล้ว เธอก็ยังไม่หยุด กว่าจะเห็นว่ามีรถจากทางขวาพุ่งเข้ามา เธอก็ไม่มีเวลาคิดอะไรมากแล้ว

เธอหักรถหลบไปทางซ้ายอย่างกระทันหัน แล้วเสียหลักล้มลง รถของเธอหมุนคว้างอยู่บนถนน ส่วนตัวเธอ... กลิ้งหลุดออกมาจากรถเสียก่อน หากแต่ไม่ถูกกระทบกระแทกมากมัก... มีอะไรบางอย่างรองรับตัวของเธออยู่

"ภณล่ะ"

"เอ่อ ถัดไปอีกสองห้องแน่ะ เพื่อนๆ เขาดูแลอยู่" วีรินทร์บอก

"เขาเป็นยังไงบ้าง"

"ก็..." วีรินทร์เอ่ยได้แค่นั้น แล้วก้มหน้าปิดปากเงียบ

รมัณยาหันไปมองหาคำตอบจากนภสินธุ์และตฤษณะ ทั้งสองคนก็มีอาการอย่างเดียวกัน

"ภณเป็นยังไง" เธอคะยั้นคะยอแล้วก็ขยับตัวลุกขึ้นจากเตียง ประคองตัวเดินออกจากห้องของตัวเอง ไปยังห้องพักคนไข้ที่อยู่ถัดจากเธอไปทางซ้ายสองห้อง ทว่าห้องนั้นกลับเป็นห้องว่าง ส่วนห้องที่อยู่ถัดไปทางขวาสองห้องนั้น มีคนอยู่ เพียงแต่...ไม่ใช่รามภณ

% ###

ที่หน้าห้องฉุกเฉิน ชายหนุ่มสี่คน บ้างนั่ง บ้างยืน ทุกคนต่างมีสีหน้าร้อนรน เป็นกังวลไม่แพ้กัน

สามชั่วโมงแล้วที่เพื่อนของเขาอยู่ในนั้น ในห้องฉุกเฉิน มันช่างเป็นสามชั่วโมงที่ยาวนาน ราวกัปกัลป์

วสวัตติ์ยืนกอดอกพิงผนัง หันหน้าออกไปทางหน้าต่าง ทอดมองออกไปยังท้องฟ้าที่เริ่มทอแสงแห่งรุ่งอรุณ...

ไอ้ภณ หวังว่าเอ็งจะได้กลับออกมาเห็นแสงยามเช้าแบบนี้อีก...

จะอย่างไรเพื่อนก็คือเพื่อน จะอย่างไรเพื่อนก็ตัดกันไม่ขาด

มันเกิดขึ้นได้อย่างไรนะ ความแตกแยกร้าวฉานระหว่างเขากับเพื่อน มันเกิดขึ้นได้อย่างไร

"วัตติ์... ทุกคน..." เสียงคุ้นหูร้องขึ้นเบาๆ ชักนำให้ชายหนุ่มทั้งสี่หันกลับมาทางหญิงสาวตาคมสวยในชุดสีเขียวสำหรับผู้ป่วย พร้อมกับสายคล้องแขนสีขาว ซึ่งพยุงแขนซ้ายท่อนล่างของเธอเอาไว้

เธอคนนี้เอง เธอที่เป็นสาเหตุให้เขากับราภณต้องทะเลาะกัน เธอคนนี้ที่ทำให้พวกเขาหัวปั่น

รมัณยาก้มหน้า ก้าวเข้ามาช้าๆ ดวงตาคมสวยมีหยาดน้ำเอ่อคลอ เมื่อเห็นสีหน้าของทุกคนที่อยู่ที่นั่น

"เรา...เราขอโทษ" เธอบอกเสียงเครือ น้ำตาหยดหนึ่ง ตกกระทบเฝือกที่หุ้มแขนของเธออยู่

"จะขอโทษทำไม" ศาสตราซึ่งนั่งอยู่ที่หน้าห้องฉุกเฉินลุกขึ้น เดินตรงมายังหญิงสาว "มันไม่ใช่ความผิดของเธอสักหน่อย มันเป็นอุบัติเหตุ"

วสวัตติ์หลุบตามองพื้น... จริงสิ เรื่องที่พวกเขาทะเลาะกัน เธอไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย พวกเขาต่างหากที่บ้ากันไปเอง

"แต่เรา... มันเป็นเพราะเรา... ตอนนั้น เราขับรถ... ทั้งที่ดื่มไป เรา..."

เสียงสะอื้น ช่างบาดเข้ามาในจิตใจยิ่งนัก วสวัตติ์กำหมัดแน่น ข่มความรู้สึกไว้ ทว่ายิ่งได้ยินเสียงของเธอ ความรู้สึกก็ยิ่งพลุ่งพล่าน...

เพื่อนของเขายังคงอยู่ในห้องฉุกเฉิน เป็นตายอย่างไรก็ยังไม่รู้ เขาจะคิดถึงเรื่องแบบนี้ได้อย่างไรกัน เห็นแก่ตัวที่สุด!

ชายหนุ่มผละจากริมหน้าต่าง ก้าวเท้าที่หนักอึ้งราวกับถูกพันธนาด้วยโซ่ตรวนมาตามทางเดินช้าๆ ร่างสูงผ่านข้างกายหญิงสาวไปโดยไม่ชำเลืองมองเธอเลยสักแวบหนึ่ง

หากมองแล้ว เขาอาจถูกสะกดให้ตกลงไปในกองเพลิงนั้นอีก... หากมองแล้ว หัวใจของเขา อาจถูกเผาผลาญเช่นเดิมอีก

เวลานี้ ที่สำคัญที่สุดคือเพื่อนของเขา รามภณ...จะต้องไม่เป็นอะไร

% ###

ในห้องสีขาวสะอาดนั้นดูสลัวไป ด้วยผ้าม่านสีเขียวทึบซึ่งถูกดึงเข้าหากัน เพื่อบดบังแสงอาทิตย์ที่จะสาดส่องเข้ามารบกวนคนเจ็บซึ่งยังนอนสงบนิ่งอยู่บนเตียงสีขาว

คนอื่นๆ กลับกันหมดแล้ว เหลือเพียงรมัณยาที่ยังคงเฝ้าดูอาการคนเจ็บอยู่ไม่ห่าง ทั้งที่ความจริง หมออนุญาตให้เธอกลับบ้านได้ตั้งแต่เมื่อสองวันก่อน

รมัณยาเดินช้าๆ เข้ามายืนอยู่ข้างเตียง เพ่งมองใบหน้าชายหนุ่มที่มีผ้าพันแผลสีขาว ปิดอยู่ที่โหนกแก้มซ้าย กับรอยฟกช้ำที่เห็นได้ทั่วไป และสายท่อออกซิเจนที่พาดผ่านจมูก

"ซี่โครงทางด้านซ้ายหักสองซี่ มีบางส่วนทิ่มถูกปอด แล้วก็กระดูกเชิงกรานด้านซ้ายแตก" เสียงของหมอยังคงดังก้องอยู่ในโสตประสาท "ส่วนภายนอกมีบาดแผลถูกของมีคมบาดที่ต้นขายาวเจ็ดเซนติเมตร..."

รมัณยามองมาที่แขนซ้ายของชายหนุ่ม ผ้าพันแผลสีขาว ปะคลุมรอยถลอกเป็นแผลกว้างเอาไว้ ส่วนมืออีกข้างก็มีสายน้ำเกลือเสียบคาไว้อยู่ เธอวางมือลงบนแขนซ้ายของชายหนุ่มเบาๆ... เพราะเธอแท้ๆ เขาจึงต้องเป็นแบบนี้

แม้หมอจะบอกว่าอาการของเขาพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่ผ่านมาสามวัน เขาก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะฟื้นขึ้นมาเลย

"ภณ... เราขอโทษ" เสียงของหญิงสาวสั่นเครือ จากนั้นน้ำตาก็กลับเอ่อกลบดวงตาคู่สวยนั้นอีก

รมัณยาหันหลังกลับ เดินห่างออกมาก้าวหนึ่ง แล้วจึงเงยหน้า ข่มกลั้นน้ำตาไว้ ไม่ได้มันไหลออกมา

เสียงหอบหายใจเบาๆ ดึงความสนใจของหญิงสาวกลับมาที่คนเจ็บอีกครั้ง คิ้วของชายหนุ่มขมวดเข้าหากันนิดหนึ่ง ก่อนที่ดวงตาของเขาจะค่อยๆ ลืมขึ้นช้าๆ

"ภณ..."

รอยยิ้มของหญิงสาวปรากฏขึ้นต่อหน้ารามภณราวกับภาพฝัน พร้อมกับเสียงเรียกชื่อเขา

"รมัณ...ยา..." เขาค่อยๆ เอื้อนเอ่ยด้วยความยากลำบาก เนื่องด้วยลำคอของเขาแห้งผาก ผนวกกับความรู้สึกเจ็บปวดไปทั่วตัว ราวกับร่างกายจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ

"นายตื่นแล้ว...นายตื่นแล้ว" น้ำเสียงของหญิงสาวตื่นเต้นยินดี นิ้วเรียวทั้งห้าก็เกาะกุมมือของเขาแน่น

รามภณยิ้มออกมานิดหนึ่ง ทว่าเมื่อเขาขยับ ความเจ็บปวดก็แผ่ไปทั่วร่าง เขากลอกตามองไปรอบๆ ห้อง ก่อนจะมาจับนิ่งอยู่ที่ใบหน้าของหญิงสาวอีกครั้ง

"เธอ... ไม่เป็นไร... ใช่มั้ย" เขาพยายามพูด ทว่าเสียงกลับยิ่งเบา และรู้สึกเหนื่อย

รมัณยาสั่นศีรษะ "เพราะนายช่วยฉัน..." เธอบอกเสียงเครือ พร้อมกับหยาดน้ำตาที่หลั่งไหลอย่างข่มกลั้นไม่อยู่อีกต่อไป

รามภณค่อยๆ เอื้อมมืออีกข้างขึ้น ปาดน้ำตาให้หญิงสาวอย่างนุ่มนวล

"อย่าร้องไห้ ฉัน...ยินดี เพราะ..." เขาหอบหายใจถี่ขึ้นอีก

รมัณยาสังเกตอาการของเขาแล้ว จึงค่อยๆ จับมือของชายหนุ่มวางลง ระงับเสียงสะอื้น "พอเถอะ นายพักผ่อนดีกว่า นายยิ่งพูดจะยิ่งเหนื่อยมาก"

รามภณส่ายหน้าช้าๆ "ไม่ ฉันกลัว...จะไม่ได้...พูดอีก" เขาหอบหายใจอีกครั้งหนึ่ง แล้วจึงเอ่ยออกมาทีละคำ

"ฉัน...ชอบ...เธอ คบกับ...ฉันนะ"

ดวงตาคมสวยชุ่มน้ำจับจ้องไปที่ชายหนุ่มอย่างตื่นตะลึง ภาพของใครบางคนกลับปรากฏขึ้นในสมอง ซ้อนทับกับภาพคนเจ็บตรงหน้า

...รมัณยา...ฉันชอบเธอ คบกับฉันนะ... คำพูดแบบเดียวกัน ทว่าต่างสถานที่ ต่างวาระ และต่างบุคคล

น้ำตาหลั่งไหลลงมาอีกคราแล้ว รมัณยาข่มกลั้นความรู้สึกที่ประดังเข้ามาในจิตใจ แล้วจึงผงกศีรษะเล็กน้อย

% ====================

จากคุณ : ตรีพันธ์
เขียนเมื่อ : 26 พ.ค. 55 21:30:53




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com