เสียงกระซิบจากทุ่งใบไม้เขียว ตอนที่ 3 ค่ะ
|
 |
. .
ตอนที่3 เสียงระฆังวัดที่ดังขึ้นพร้อมกับเสียงของนาฬิกาปลุกบนหัวนอนนั้น ปลุกให้อาทิตย์ตื่นได้ไม่ยากนัก เนื่องจากความไม่คุ้นชินกับสถานที่ ถึงแม้ว่าจะมาพักอาศัยที่กุฎิเล็กๆท้ายวัดแห่งนี้ร่วมเดือนเศษแล้วก็ตาม นาฬิกาปลุกบอกเวลาตีสี่แล้ว เด็กหนุ่มหันไปมองฟูกที่นอนอีกด้านหนึ่งของห้อง ก็พบว่ามันยังคงเรียบดังเดิม ไม่บ่งว่าไม่มีการใช้งานใดๆเกิดขึ้น
อาทิตย์ส่ายหน้าน้อยๆด้วยความระอา โจ้กไม่ได้กลับมานอนที่ห้องอีกแล้วในคืนนี้ เหมือนดั่งเช่นเมื่อคืนวาน และในคืนก่อนๆในเวลาเกือบเดือนที่ผ่านมา เด็กหนุ่มหาวหวอดแกะขี้ตาแล้วบิดขี้เกียจไปมาซ้ายทีขวาที ก่อนจะพับผ้าห่มบนฟูกนอนของตนเองลวกๆ ควานหาเสื้อมาใส่ เตรียมแปรงสีฟัน ยาสีฟัน เตรียมทำธุระส่วนตัวให้เรียบร้อยก่อนที่จะติดตามท่านรองเจ้าอาวาสออกไปรับบิณฑบาต ระหว่างที่กำลังจะเอื้อมมือไปเปิดประตูห้อง ก็ประจวบเหมาะกับจังหวะที่ญาติผู้พี่เปิดประตูพรวดเข้ามาก่อน เออดี มรึงยังอยู่ รอดตายไปที นึกว่าจะไม่ทันกัน โจ้กทักขึ้นเป็นคำแรก แล้วรีบผลัดเสื้อผ้าชุดหล่อที่ใส่ออกไปตั้งแต่หัวค่ำ เสื้อ และ กางเกงยีนส์ถูกสลัดออกจากตัวอย่างรีบร้อน กระจายไปคนละทิศละทาง
เด็กหนุ่มมองญาติผู้พี่อย่างอดสงสัยในพฤติกรรมไม่ได้ นับตั้งแต่วันที่โจ้กยกเสื้อวินมอเตอร์ไซด์ให้เขาในปลายสัปดาห์ก่อน โจ้กก็แต่งตัวดีฉีดน้ำหอมจนหอมฟุ้งออกจากวัดทุกคืน โดยสวนทางกับอาทิตย์หลังกลับจากการวิ่งรถที่วินมอเตอร์ไซด์ในเวลาราวสามทุ่มเศษทุกวัน แต่ในบางวันที่เขาวิ่งรถติดพัน เมื่อกลับถึงที่พัก ก็จะไม่เห็นแม้แต่เงาของโจ้กแล้ว จนล่วงเลยมาถึงเวลาหลังตีสองของวันใหม่ จึงจะเห็นโจ้กโผเผกลับมาท่าทางอิดโรย อ่อนเพลีย หรือไม่ก็ไม่กลับมาเลยจนกระทั่งตอนสายของวัน งาน:-)อะไรของมรึงวะกลับตีสองตีสี่ทุกคืน อาทิตย์ส่ายหน้าเบื่อหน่าย แล้วขยับจะออกไปล้างหน้าแปรงฟันที่ห้องน้ำข้างนอก เฮ้ยๆ! ไอ้ซัน เดี๋ยวออกไปพร้อมกู หลวงลุงจะได้ไม่สงสัย โจ้กร้องปรามพร้อมกับสวมเสื้อยืดตัวโทรมเสร็จพอดี ไอ้โจ้ก กูว่ามรึงกับกูต้องคุยกัน หลวงลุงเริ่มถามกูแล้วว่ามรึงหายไปไหนหลายวัน ไม่ยอมออกไปช่วยรับบาตร? อาทิตย์คาดคั้นเอาคำตอบ
ก็กูบอกว่าไปเป็นเด็กเสริ์ฟๆ จะเอาอะไรกูนักหนาวะ โจ้กทำเสียงฮึดฮัดรำคาญ บีบยาสีฟันเสร็จก็เดินเลยอาทิตย์ล่วงหน้าออกจากประตูห้องไป
ให้มันน้อยๆหน่อยไอ้โจ้ก งานเด็กเสริ์ฟ เงินมันดีขนาดทำให้มรึงตัดใจทิ้งเสื้อวินเลยเหรอวะ? มรึงอย่าคิดว่ากูโง่นะ กูก็เคยทำงานเด็กเสิร์ฟมาก่อน ได้วันละไม่เกินร้อยห้าสิบ ทิปรวมทิปย่อย อย่างเก่งก็ไม่เกินห้าร้อย ขับวินรายได้ดีกว่าเห็นๆ เด็กหนุ่มพูดขึ้น เมื่อตามมาสมทบกับญาติผู้พี่ที่กำลังแปรงฟันอยู่ที่โอ่งหน้าห้องสุขา เยื้องๆกุฏิ
อ้านอี๊อิ๊บอันอี ไอ้เอื๋อนอ้านอ้อกอ้านอึงออก โจ้กตอบทั้งๆที่ฟองยาสีฟันยังเต็มปาก
:-) ภาษาตุรกรีก เอาไว้พูดกับพ่อมรึงนะ กูฟังไม่รู้เรื่อง อาทิตย์สบถด่า ก่อนที่จะลงมือแปรงฟันบ้าง โจ้ก:-)ฟองยาสีฟันลงพื้นเสียงดัง
เล่นลุงมรึงอีกละ ไอ้:-)ซัน กูบอกว่า ร้านนี้ทิปมันดี ไม่เหมือนบ้านนอก บ้านพ่อมรึงหรอก โจ้กจงใจออกเสียงเน้นหนักคำว่าพ่อ แล้วหันหน้า พ่นมาทางอาทิตย์ จนฟองยาสีฟันกะเด็นเป็นฝอย เลอะเต็มหน้าญาติผู้น้องไปหมด
ไอ่อวายโอ้ก! เอ้าอาอูเอย! (ไอ้ควายโจ้ก เข้าตากูเลย) อาทิตย์บ่นเสียงอู้อี้ขึ้นมามั่ง พร้อมกับรีบวักน้ำล้างฟองยาสีฟันที่กระเด็นเข้าตา
อ้าวๆ มรึงก็พูดได้แล้วนี่ หนอย แล้วทำมาบอกกู ภาษาตุรกรีก เอาไว้พูดกับพ่อมรึงนะ โจ้กหัวเราะ แล้วย้อนอาทิตย์เข้าให้ ทำให้อาทิตย์ต้องหัวเราะออกมาบ้าง แล้วจากนั้นทั้งคู่ก็กวนกันไปกวนกันมาเข้าอีหรอบเดิม จนทำให้อาทิตย์ลืมที่ถามถึงเกี่ยวกับงานของโจ้กไปได้อีกครั้งหนึ่ง
กว่าจะปลีกตัวจากธุระทางวัดได้ก็ย่างเข้าเวลาสายๆของวันแล้ว แดดฤดูร้อน เริ่มแรงขึ้นเรื่อยๆ อากาศยามสายที่ร้อนแผดเผาทำให้อาทิตย์รู้สึกเพลียขึ้นมา เขานึกอยากจะนอนหลับซักตื่นแล้วค่อยออกไปวิ่งรถรับจ้าง แต่เมื่อคิดถึงเวลาที่จะเสียไปเปล่าๆกับการนอน เป็นจำนวนเงินตอบแทนที่จะได้รับจากการวิ่งรถ ก็ทำให้เด็กหนุ่มหนุ่มมีใจฮึดสู้ขึ้นมา เขาพยายามสลัดความง่วง และ ความอ่อนเพลียไปสิ้น คิดว่าเมื่ออาบน้ำเรียกความสดชื่นกลับมาแล้ว ก็คงจะหายง่วงหายเพลียได้ ผิดกับโจ้กที่เมื่อถึงห้องพัก ก็ทิ้งตัวลงตัวลงนอนเดี๋ยวนั้นโดยที่น้ำท่าก็ยังไม่ยอมอาบ
ร้อนจะตายห่า มรึงนอนหลับลงเหรอวะนั่น? อาทิตย์เอ่ยถาม ในขณะที่ผลัดเสื้อผ้าจะไปอาบน้ำ เหงื่อชุ่มโชกจนเสื้อที่ใส่เมื่อเช้าเปียกจากคอเสื้อลงมาจนถึงพุง
ลง โจ้กตอบงัวเงีย ไม่มีทีท่าว่าจะขยับลุกแต่อย่างใด
ไม่อาบน้ำซะหน่อยว้า เหงื่อมรึงซึมที่นอนทุกวัน จนเหม็นอับไปทั้งห้องแล้ว เด็กหนุ่มบ่น พลางเก็บเสื้อผ้าที่ญาติผู้พี่ถอดทิ้งระเกะระกะไว้เมื่อเช้ามืด
กูเพิ่งอาบตอนก่อนกลับวัดเอง โจ้กเผลอหลุดปากออกมา คงเพราะความง่วงเพลีย ทำให้อาทิตย์รู้สึกเอะใจ และเป็นจังหวะเดียวกันกับบรรดาเศษเหรียญ และ บรรดาสิ่งของต่างๆ ร่วงกราวลงมาจากกระเป๋ากางยีนส์ของญาติผู้พี่ที่เขาถืออยู่ เศษเหรียญจำนวนหนึ่ง ร่วงกระจัดกระจายไปคนละทิศละทาง แต่ไม่ได้ทำให้อาทิตย์สนใจเท่ากับสิ่งของที่ร่วงหล่นลงมาพร้อมกันนั้น ซึ่งก็คือถุงยางอนามัยบรรจุซองเป็นแผงต่อกันยาวราวสามถึงสี่ชิ้น พร้อมกับเศษกระดาษหนังสือพิมพ์แผ่นเล็กๆยับยู่ยี่ เหมือนถูกฉีกแยกจากฉบับใหญ่ สิ่งที่ปรากฎอยู่เบื้องหน้าของอาทิตย์ในเวลานี้ มันทำให้ชายหนุ่มเริ่มประติดประต่อข้อมูลในหัวของเขาขึ้นมาเป็นรูปเป็นร่าง
รับสมัครพนักงานต้อนรับเพศชาย อายุสิบแปดถึงยี่สิบห้าปี บุคลิกดี หน้าตาดีจำนวนมาก รายได้ดี รายได้ขั้นต่ำคืนละหนึ่งพันบาท ทั้งแบบประจำ และพาร์ททาม
อาทิตย์ก้มลงอ่านประกาศรับสมัครงาน จากเศษกระดาษหนังสือพิมพ์ชิ้นนั้นช้าๆ ทำให้โจ้กสะดุ้งโหยง เด้งตัวลุกพรวดจากที่นอนมาแย่งมันจากมือของอาทิตย์โดยเร็ว
ไอ้:-)โจ้ก! นี่อย่าบอกนะว่ามรึงไปขายตัวบาร์เกย์ อาทิตย์โพร่งออกมาเสียงดังด้วยความตกใจ จนโจ้กต้องรีบเอามือมาอุดปากเขาไว้
ชู่! ไอ้ซัน!อย่าเสียงดังไป เดี๋ยวกูเตะกลิ้งเข้าให้แน่ะ! โจ้กขู่เสียงเขียว เมื่อเห็นว่าอาทิตย์สงบเสียงแล้ว จึงละลงไปเก็บถุงยางอนามัยและเศษเหรียญที่ตกกระจายอยู่ตามพื้น
แมร่ง! ไม่ประกาศออกลำโพงวัดไปเลยวะ คนเขาจะได้รู้กันให้หมดทั้งหัวลำโพง โจ้กบ่นกระปอดกระแปด
อาทิตย์มองตามหลังของญาติผู้พี่ที่ตามเก็บเศษเงินเหรียญงกๆอยู่นั้น ก็เกิดความรู้สึกเวทนาปนเศร้าใจอย่างประหลาด เหงื่อเม็ดเล็กๆหลายเม็ดผุดขึ้นตามใบหน้าและสันจมูก ในที่สุดก็รวมกันเป็นหยดใหญ่เป้ง ไหลย้อยลงสู่ปลายจมูก โจ้กยังคงก้มหน้าก้มตาเก็บเศษเหรียญไป เช็ดเหงื่อไป
เสี้ยววินาทีหนึ่งคลับคล้ายว่า อาทิตย์จะมองเห็นความเจ็บช้ำเหลือประมาณที่เกิดขึ้นในแววตาของญาติผู้พี่ แม้ในนาทีต่อมา มันจะถูกซ่อนด้วยความถมรึงทึงอย่างมิดชิด
อาทิตย์ทรุดตัวลงนั่งข้างๆโจ้ก เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงระอาบนอ่อนใจ
มรึงทำทำไมวะโจ้ก?
ญาติผู้พี่ไม่ยอมตอบคำถาม ยังคงตั้งหน้าตามหาเศษเหรียญตามซอกมุมห้องราวกับว่า มันเป็นสิ่งสำคัญ จนถ้าหากขาดไปแม้แต่เหรียญเดียวแล้ว โลกเห็นจะต้องแตกสลายลงไปเดี๋ยวนั้น
ห๊า..ไอ้โจ้ก มรึงทำทำไม? เมื่อเห็นว่าผู้ถูกถามยังคงเงียบ อาทิตย์จึงถามย้ำอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่เริ่มฉุนเฉียวขึ้น แต่ก็ยังไม่ได้รับซึ่งคำตอบใดๆ
ไอ้โจ้ก มรึงหันมาตอบคำถามกูนี่ เหรียญบาทเหรียญเดียวมันไม่ได้ทำให้มรึงรวยขึ้นหรือจนลงหรอก! สิ้นคำ โจ้กถึงกับสะดุดกึก บางอย่างในคำถามของอาทิตย์คงไปสะกิดใจเข้า
ไอ้ซันมรึงไม่รู้:-)อะไร มรึงอย่าทะลึ่งมาสั่งสอนกู น้ำเสียงยะเยือกแฝงไปด้วยความปวดร้าวนั้น ทำให้อาทิตย์ยิ่งอยากรู้สาเหตุที่ผลักดันให้โจ้กต้องลงเอยไปทำงานที่สังคมไม่ยอมรับมากยิ่งขึ้น
แล้วมรึงเป็น:-)อะไรล่ะครับ? ห๊า? มีอะไรแล้วแมร่งทำไมไม่พูด ถ้าไม่บอกแล้วกูจะรู้ไหม? อาทิตย์ยังคงเซ้าซี้จะเอาคำตอบให้ได้
โจ้กหันมาจ้องตาอาทิตย์ขึงเครียด แต่เมื่อเห็นแววมุ่งมั่นในสายตาคู่นั้นแล้วก็รู้สึกป่วยการที่จะยื้อคำตอบเอาไว้ ด้วยความที่สนิทและรู้ใจกันอย่างมาก เนื่องจากถูกเลี้ยงดูจนโตมาด้วยกัน จึงทำให้เขารู้อุปนิสัยของญาติผู้น้องดีว่า เป็นคนที่หากมุ่งมั่นจะเอาอะไรขึ้นมา จะพยายามไม่ยอมหยุดจนกว่าจะได้มาซึ่งสิ่งนั้น หากว่าโจ้กไม่ตอบคำถามของอาทิตย์แล้ว ชายหนุ่มก็คงจะนั่งตื้ออยู่อย่างนี้จนกว่าจะได้ยินจากปากของเขาเป็นแน่
โจ้กเบือนหน้าหลบสายตาอาทิตย์ไปทางอื่น เค้าละอายเกินกว่าที่จะเล่าได้โดยสบสายตาญาติผู้น้อง ที่ทั้งผูกพัน เชื่อใจ และเห็นเค้าเป็นต้นแบบในการดำเนินชีวิตเสมอมา โจ้กคิดถึงเรื่องในสมัยครั้งยังเป็นเด็ก โจ้กเป็นลูกชายโทนของที่บ้าน ส่วนอาทิตย์เองก็เป็นลูกชายเพียงคนเดียวของน้าชายแท้ๆของเขา ทั้งคู่ถูกเลี้ยงดูมาด้วยกัน เนื่องจากแม่ของอาทิตย์ เมื่อคลอดเขาแล้ว ก็เริ่มป่วยกระเสาะกระแสะ และลาจากโลกนี้ไปเมื่ออาทิตย์อายุได้เพียงขวบเดียว ช่วงเวลานี้เองที่อาทิตย์ได้เข้ามาอยู่ในความดูแลของที่บ้านเขา เพราะครูสมหมายผู้เป็นพ่อของอาทิตย์นั้น มีภาระในการสอนหนังสือในช่วงกลางวัน เด็กชายอาทิตย์จึงต้องมาอยู่ในความดูแลของผู้เป็นป้า ที่ขณะนั้นเป็นแม่บ้านและเลี้ยงดูลูกชายซึ่งก็คือโจ้ก ที่ขณะนั้นอายุเพียงสามขวบ ยิ่งคุณสมหมายเริ่มใช้สุราเป็นเครื่องปลอบใจตนเองหลังจากสูญเสียภรรยาไป เด็กชายอาทิตย์ก็แทบจะต้องมาอยู่ กิน นอน ที่บ้านของเด็กชายโจ้กเลยทีเดียว ทั้งลุงและป้าต่างก็ให้ทั้งความรักความเอ็นดูเด็กชายอาทิตย์ไม่ต่างจากลูกชายของตนเองเลย เด็กทั้งคู่ที่เติบโต หัวเราะ ร้องไห้ร่วมกันมา ด้วยอายุที่ห่างกันเพียงสองปีและความผูกพันอันแน่นแฟ้น จึงกลายเป็นทั้งเพื่อน เป็นทั้งพี่น้อง ที่สนิทกันยิ่งกว่าพี่น้องคู่ใดๆ
จากคุณ |
:
หางเปีย หูหมา
|
เขียนเมื่อ |
:
27 พ.ค. 55 20:39:21
|
|
|
|