**************
นิทาน
**************
เหนื่อยนัก ก็จง พักก่อน อย่าเพิ่ง รนร้อน เร่งรี่
หลับตา เถอะนะ คนดี คืนนี้ จะเล่า นิทาน
.............
“กาลครั้งหนึ่ง ซึ่งนานมาแล้ว
ยังมีดอกแก้ว ที่งามล้ำค่า
นับหมื่นบุรุษ เร่งรุดเสาะหา
ดอกแก้วงามตา บนผาสูงชัน
เขาเล่ากันว่า บุปผาหนึ่งนั้น
ดลบันดาลอัน ทุกสิ่งทันใจ
แต่ดอกแก้วน้อย เลิศลอยวิไล
จักตกอยู่ใน มือผู้มีบุญ
ต่างคนจึ่งว่า บุญข้าเกื้อหนุน
ถกเถียงชุลมุน วายวุ่นวกวน
หมู่หนึ่งเถียงไป หมู่หนึ่งไม่สน
มุ่งหน้าพาตน ดั้นด้นเดินทาง
ไปได้สักน้อย คนเริ่มร่อยบาง
พักแวะข้างถาม นึกขวางในใจ
สงสัยยิ่งแล้ว ดอกแก้วสวยใส
มีจริงหรือไม่ ที่บนยอดผา
กลุ่มหนึ่งไม่เชื่อ จึงเบื่อค้นหา
เหลือผู้ศรัทธา สองหนุ่มฝ่าฟัน
ไปได้อีกหน่อย ค่อย-ค่อยเหลียวหัน
แลปรึกษากัน ฉันเหนื่อยเหลือเกิน
หนึ่งหนุ่มถดท้อ ไม่ขอระเหิน
ยอมจากลาเดิน เมินบุษบา
อีกหนึ่งหนุ่มมุ่ง พุ่งสู่ยอดผา
ดอกแก้วงามตา ยังอยู่แสนไกล
เหน็ดเหนื่อยยิ่งนัก ปีนสักเท่าไหร่
ก็ยังไม่ใกล้ เจ้าแก้วมาลา
ชายหนุ่มเริ่มบ่น ระคนก่นด่า
บอกตนเองว่า ข้าบ้าหรือไร
ยอดสูงเพียงนั้น แรงฉันเพียงไหน
ต่อสู้สุดใจ ก็ยากได้ครอง
แต่อีกใจหนึ่ง ซึ่งยังไม่หมอง
ปลอบจิตคิดตรอง บอกอย่าเพิ่งกลัว
ยอดสูงเทียมฟ้า เมฆาสลัว
มองเห็นเพียงตัว ชั่วดีเพียงตน
ค่อยปีนค่อยไต่ ใช้ความอดทน
อย่าเร่งร้อนจน ตนเองทดท้อ
สนุกกับคืบ ค่อยคืบคลานต่อ
ชายหนุ่มหัวร่อ ล้อกับหินผา
เบิกบานกับตน จนลืมเวลา
มารู้ตัวว่า ถึงปลายผาชัน
ดอกแก้วงามตา ตรงเบื้องหน้านั้น
แล่นสู่มือพลัน ท่านผู้มีบุญ
เขากลับลงมา ประชาร้องหนุน
โอ้ผู้มีบุญ บุญ-บุญ บารมี
ชายหนุ่มแบมือ นี่คือมณี
แล้วเอ่ยวจี วาทีตอบไว
บุญอาจนำพา แต่ข้าได้ไซร้
ใช่บุญที่ไหน หากด้วยสองมือ
ผู้คนหายข้อง ต่างลองยึดถือ
ด้วยแรงด้วยมือ นี่คือมณี”
.............
เหนื่อยนัก ก็จง พักก่อน อย่างเพิ่ง รนร้อน เร่งรี่
หลับตา เถอะนะ คนดี คืนนี้ จบแล้ว นิทาน
แก้ไขเมื่อ 28 พ.ค. 55 18:16:21
แก้ไขเมื่อ 28 พ.ค. 55 18:14:01