บัลลังก์ดอกไม้ บทที่ ๗ ดอกไม้ไร้เสน่ห์
|
 |
มาแล้วค่ะ ^^"
บทที่ ๗ ดอกไม้ไร้เสน่ห์
เสียงไขกุกกักที่ประตูห้องไม่ได้ทำให้อนาวินทร์กระดิกตัวเลยแม้แต่น้อย ยังคงนอนคว่ำหน้ากับหมอนไม่สนใจว่าจะมีใครเข้ามาในห้องหรือไม่ หญิงสาวถือวิสาสะเข้ามาในปลุกให้ชายหนุ่มตื่นจากนิทราเสียที ถึงกำหนดวันที่เขาต้องเดินทางไปไร่อุ่นรักพร้อมเธอแล้ว หญิงสาวเหลือบมองความสะอาดเรียบร้อย บนโต๊ะทำงานที่อยู่มุมด้านหนึ่งนั้นถูกจัดไว้อย่างดี โต๊ะกระจกสำหรับแต่งตัว มีขวดเครื่องสำอาง โลชั่นครีมบำรุงผิวมากมายจนเธอนึกแปลกใจ
“คุณวินตื่นได้แล้วนะ วันนี้เราต้องไปไร่แต่เช้าด้วย”
“อืม...” เขาฮึมฮัมในลำคอ ดวงตายังคงปิดสนิท นั่นทำให้เจ้าของไร่อุ่นรักถึงกับเท้าเอวคิดหาวิธีจัดการให้คนขี้เซาตื่นให้ได้
“จะลุกหรือยัง ฉันจะนับหนึ่งถึงสามนะ หนึ่ง...สอง...สาม!” จบสามชายหนุ่มยังไม่ยอมลุก พุดชมพูเลยตรงเข้าไปกระชากผ้าห่มลงจากเตียง อนาวินทร์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ค่อยๆ ลุกขึ้นนั่ง ลืมตามองคนที่กวนแต่เช้าตรู่
“จะรีบไปทำไม ไร่มันไม่หนีอยู่แล้ว ไปสายกว่านี้ก็ได้”
“ไปสายกว่านี้ก็ถึงดึก มันยุ่งยาก เข้าใจไหม ฉันโทร.บอกแม่แล้วด้วย คุณวินช่วยรีบแต่งตัวเร็วเข้า”
“โอเค โอเค ได้ แต่งตัวใช่ไหม” เขาบอกเหมือนกับกำลังเรียบเรียงสติให้ตัวเองเช่นกัน เขาเงยหน้าขึ้นมองคนที่ยืนจ้องด้วยความแปลกใจ ทำไมเธอไม่ออกไปจากห้องเขา หรือตั้งใจจะรอเขาอยู่ในห้องนี้เลย
“รีบไปอาบน้ำ เร็วๆ สิ มันสายมากแล้วนะ” เธอยังคงบ่นออกมาด้วยเกรงว่าแม่จะรอนาน
อนาวินทร์ถอนใจก่อนจะลุกขึ้นยืนข้างเตียง “จะรีบอะไรนักหนา ได้” ว่าจบก็ถอดเสื้อขว้างลงบนเตียง เห็นหญิงสาวยังคงจ้องอยู่แบบไม่ล่าถอย จึงเริ่มทำท่าจะถอดกางเกงนอนบ้าง
หญิงสาวตาโต มัวแต่รีบเลยลืมไปว่า ควรจะปล่อยให้เขาอาบน้ำแต่งตัว แผงอกขาวเนียนโชว์กล้ามพอประมาณนั้นทำเอาหน้าแดงได้เหมือนกัน จริงๆ เธอเคยเห็นผู้ชายเปลือยมาบ้างไม่ได้อินโนเซ็นต์ทำเหนียมอายกับเรื่องแค่นี้ อย่างจิระก็เคยเห็นมาแล้ว แต่พอเจอความขาวโอโม่ของอนาวินทร์เท่านั้นเองทำไมมันรู้สึกแปลกๆ สยิวๆ กิ้วพิกล!!
“เอ่อ!...ฉันไปรอข้างล่างนะ รีบๆ ล่ะ” พุดชมพูกล่าวทิ้งท้ายก่อนจะรีบหันหลังให้ชิ่งหนีออกไปอย่างรวดเร็ว อนาวินทร์หัวเราะออกมากับท่าทีเมื่อครู่ของหญิงสาว เขาทันได้เห็นแก้มแดงๆของเจ้าของไร่อุ่นรักแวบเดียว ยายนี่อายเป็น? นึกว่าจะห้าวเฮี้ยวเสียจนไม่กลัวอะไรเสียอีก
ทรงรบและช่อม่วงนั่งรอคนทั้งคู่อยู่ในห้องรับแขก เลขาสาวหยิบหนังสือนิยายที่ติดมือมาด้วยขึ้นมาอ่านเพื่อฆ่าเวลา ทนายหนุ่มมองผ่านแว่นใสของตัวเองจ้องคนตัวเล็กที่สวมแว่นสายตาเช่นเดียวกันแต่นิสัยดูจะคนฝากฝั่ง เหมือนทะเลอันดามันกับทะเลอ่าวไทไฉนฉะนั้น
“ชีวิตคุณนี่ไม่มีอะไรที่ทำให้เลิกอ่านนิยายประโลมโลกได้เลยหรือ”
“ชีวิตคุณก็ไม่มีอะไรที่ทำให้เลิกเคร่งเครียดกับการทำงานบ้างเลยหรือคะ”
“คุณนี่ย้อนเก่งนะครับ ผมว่าคงไม่ได้อะไรจากการคุยกับคุณหรอก”
“ฉันก็คิดเหมือนคุณนั่นแหละ เพราะฉะนั้นเราอย่าคุยกันเลยค่ะคุณทนาย”
ทรงรบยิ้มบางๆ นึกขันที่ต้องมาต่อปากต่อคำกับช่อม่วง พุดชมพูเดินลงมาเห็นแขกสองคนที่นั่งมุมใครมุมมันแล้วก็อดที่จะหัวเราะไม่ได้
“นี่ ไม่ได้มาด้วยกันใช่ไหมคะ” คำถามของพุดชมพูทำให้ทั้งคู่เงยหน้าขึ้นจากสิ่งที่กระทำอยู่ ช่อม่วงเก็บหนังสือเข้ากระเป๋าใบเขื่องของตนเอง ยิ้มหวานให้เพื่อนรัก
“เปล่าครับ ผมไปรับคุณช่อม่วงมาด้วย เธอบอกว่าจะมาส่งคุณพุดครับ”
หญิงสาวเลิกคิ้ว เขาไม่รู้ว่าเธอประชด? พุดชมพูลอบถอนใจ ช่างซื่อและเถรตรงเสียจริง คุณทนาย
“อ๋อ ค่ะ พุดเข้าใจ จริงๆไม่ต้องมาส่งก็ได้นะคะ อีกสามเดือนก็เจอกันอีกนะคะ เสียเวลาเฉยๆ แล้วพุดก็ไม่ได้ไปไหนด้วย กลับบ้านตัวเองนะคะ”
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะครับ อยากมาดูก่อนและหลังว่ามันจะแตกต่างกันแค่ไหน” ทรงรบหมายถึงอนาวินทร์ หญิงสาวหัวเราะเบา ๆ เมื่อเข้าใจความหมาย
“คงจะเป็นพุดมากกว่ามั้งคะ ก่อนนี่ออกร่าเริง หลังจากนี้อาจจะโศกก็ได้”
“พูดเล่นไปเรื่อย ดูแลตัวเองด้วยนะพุดอย่าทำงานหนักนักละ” ช่อม่วงปรามเพื่อนสาวไม่ให้พูดจาเป็นลางไม่ดี ระหว่างที่ทั้งสามคนกำลังพูดคุยกันอยู่นั้น อนาวินทร์ก็เดินลงมาถึงพอดี เขาเหลือบมองกลุ่มของหญิงสาวพูดคุยกันด้วยสายตาเข้มๆ
“ฉันไปรอที่รถนะ อย่าช้า ฉันไม่ชอบรอใครนานๆ” อนาวินทร์ว่าก่อนจะเดินฉับ ๆออกไปจากบ้าน ตรงหารถขับเคลื่อนสี่ล้อซึ่งคนรถเตรียมไว้ให้แล้ว พุดชมพูเป็นคนเลือกรถที่จะเดินทางเอง หากเอารถสปอร์ตของเขากลับไปไร่มีหวังแตกตื่นกันทั้งบาง ควรเลือกคันที่เหมาะกับงานที่สุด เขาคร้านจะถกเถียงปล่อยให้เธอจัดการเองทั้งหมด มันไม่ใช่เรื่องที่เขาต้องมาปวดหัวด้วย
ชายหนุ่มเปิดประตูด้านข้างคนขับเอนเบาะนอนเปิดแอร์รอ ด้วยหน้าตาที่บ่งบอกว่าไม่สบอารมณ์เหลือเกิน
“เดินทางปลอดภัยนะครับ ถ้ามีเรื่องด่วนอะไรโทร.หาผมได้ทุกเมื่อนะครับ” ทรงรบว่าพลางส่งยิ้มให้เจ้าของไร่อดอกไม้
“ถึงแล้วโทร.บอกฉันด้วยละ”
“โอเคจ๊ะ” พุดชมพูรับคำเพื่อนสาว หันไปมองป้านุ่มซึ่งเพิ่งเดินเข้ามาส่ง
“ป้าฝากคุณวินด้วยนะคะ เขาอาจจะเอาแต่ใจแต่เชื่อว่าคุณวินเป็นคนดี ทำอะไรผิดพลาดไปบ้างก็อภัยให้เธอนะคะ” น้ำเสียงทอดยาวด้วยความเห็นห่วงนายน้อย หญิงสาวรับปากก่อนจะขึ้นรถที่มีอนาวินทร์นั่งรออยู่แล้ว
เขาไม่ได้สนใจคนมาส่งนักหรอก อย่างไรเสียสองคนนั่นก็ไม่ได้มาส่งเขา เสียเวลา บอกให้เขารีบเร่งแต่สุดท้ายก็มาช้าที่การร่ำลาของเธอนั่นแหละ
พุดชมพูโบกมือให้เพื่อนแล้วเปิดประตูรถด้านคนขับ เหลือบมองสุภาพบุรุษข้าง ๆเล็กน้อย ก่อนเคลื่อนรถออกไปจากบ้านสัตยารักษ์ จุดหมายคือ ไร่อุ่นรัก !!
เกือบสองชั่วโมงแล้วที่พุดชมพูทำหน้าที่ขับรถ ระหว่างทางหญิงสาวรู้สึกถึงท้องที่เริ่มหิวและคิดว่าคนที่กำลังนอนหลับกินแรงเธอคงจะหิวเช่นกัน อย่างน้อยก็น่าจะแวะปั๊มน้ำมันสักแห่ง กว่าจะถึงไร่ก็อีกสองชั่วโมงเธอคงไม่ทนขับรถระยะยาวขนาดนั้นแล้วปล่อยให้คุณชายนอนอย่างมีความสุขแน่ๆ พอดีกับที่เธอเห็นปั๊มใหญ่แห่งหนึ่งตรงหน้าจึงเลี้ยวเข้าไป
“นี่...คุณวินตื่นได้แล้ว พอดีแวะปั๊มเผื่อหิวหรืออยากเข้าห้องน้ำ” เธอปลุกเขาเบาๆ ชายหนุ่มงัวเงียขึ้นมา พยายามปรับสมองว่าเขากำลังอยู่ที่ไหน แม้ว่าเธอจะบอกแต่มันก็เหมือนสายลมผ่านหูเขาไปมากกว่า
อนาวินทร์ลงจากรถมาพร้อมกับสภาพอึ้งๆ ดังเช่นคนตื่นนอนใหม่ เขาเลือกที่จะไปเข้าห้องน้ำก่อนที่จะคิดอะไรได้ กว่าจะจัดการทำธุระเสร็จเรียบร้อย พุดชมพูก็ออกมาจากร้านสะดวกซื้อแล้ว เธอซื้อน้ำอัดลมแก้วเล็กและถุงขนมปังอีกสองสามชิ้น
“บ้านจนเหรอ ถึงได้คิดจะซื้อมากินคนเดียว” อนาวินทร์กล่าวเห็นว่าแก้วน้ำมีแก้วเดียว เธอไม่คิดจะซื้อเผื่อคนอื่นเลยหรือไง
หญิงสาวเงยหน้าจ้องคนพูดนึกระเอ็ดระอาใจ ชายหนุ่มไม่รอให้เธอเดินกลับไปซื้อมาให้หรอก เขาคว้าแก้วที่อยู่ในมือของเธอมาดื่ม ไม่สนใจสายตาเข้มๆของอีกฝ่าย
พุดชมพูหรี่ตาเหมือนพยายามบังคับจิตใจ ไม่ให้โมโหร้ายกับคนอย่างอนาวินทร์ แต่ทุกทีสิน่า เธอไม่เคยนับถึงสิบ ใครกันหนอกำหนดให้นับถึงร้อยเพื่อให้คลายอารมณ์โกรธกันนะ มือบางเอื้อมไปตบก้นแก้วที่เขากำลังยกดื่มอยู่จนน้ำกระฉอกออกมาเปื้อนเสื้อยืดสีขาวเลอะเทอะไปหมด
ชายหนุ่มเหลือบมองคนแกล้งที่เดินหนีไปยังรถหัวเราะเหมือนเป็นการประชดมากกว่า “อย่าเผลอละกัน ฉันจะเอาคืนบ้าง” ว่าแล้วก็เอาทิชชูมาเช็ดคราบน้ำที่เปื้อนปากและคอออกเบาๆ แล้วเดินตามไปที่รถ
กว่าทั้งคู่จะเดินทางไปถึงไร่อุ่นรักเวลาก็ล่วงเลยไปเกือบห้าโมงเย็น อนาวินทร์ลงจากรถได้ก็บิดขี้เกียจไปมา กวาดสายตามองไปรอบๆ ไร่อีกครั้ง คราวก่อนที่เขามาไร่ไม่ได้สังเกตอะไรมากมายเพราะมัวแต่โมโห อยากคุยให้รู้เรื่อง ไร่อุ่นรักไม่ได้กว้างใหญ่มากนัก ตัวบ้านหลังใหญ่เชื่อมต่อกับไร่ดอกเบญจมาศ ถัดขึ้นไปเป็นโรงเรือน และศาลาไม้เล็กๆคงเอาไว้นั่งพักมากกว่าจะเป็นที่อยู่อาศัย
ชายหนุ่มร่างสูงผิวสีแทน ตากลมโต สวมหมวกปีกกว้างเดินเข้ามายืนรออยู่ที่หน้าบ้าน เขาจำได้คลับคล้ายว่าเคยเจอตอนอยู่โรงพัก
“คุณวิน นี่โจ้เพื่อนฉันเอง มีอะไรอยากรู้ถามเขาได้นะ”
“อืม...สวัสดี” พูดทั้งมองหน้าคู่สนทนาเพียงปราดเดียวก่อนจะคว้ากระเป๋าจากหลังรถลงมา
จิระหัวเราะ คำทักทายของชายหนุ่มช่างสว่างจ้าไปด้วยออร่าปฏิปักษ์เหลือเกิน “ครับ สวัสดีครับ” ว่าพลางสังเกตหน้าตาท่าทางของชายหนุ่ม ผิวขาว ตาเรียว ริมฝีปากบาง โอ้...สามวันมันจะรอดจากไร่ไหมวะ!
“เอากระเป๋าขึ้นไปบนบ้านเถอะค่ะ แม่คงรออยู่ในบ้าน”
“แม่เตรียมกับข้าวไว้เยอะแยะเลย ฉันถึงได้ถือโอกาสนี้มากินของฟรี” จิระว่าพลางยื่นมือไปถือกระเป๋าเป้ของเพื่อนรักมาถือไว้
“ว่าแล้วเชียวว่าทำไมแกมาอยู่นี่” เธอหัวเราะ คนตัวดำยักคิ้วให้อย่างอารมณ์ดี
อนาวินทร์สังเกตคนเป็นเพื่อนกันด้วยความหมั่นไส้ ทั้งๆที่ของเขาเยอะกว่า แต่จิระไปช่วยพุดชมพูที่ถือแค่เป้ใบเดียว เขาเป็นแขกของบ้านนี้ไม่ใช่หรือไง
“แหม ก็อยากรู้อยากเห็น เป็นธรรมดาของมนุษย์โลก” จิระเดินนำทั้งคู่เข้าไปในบ้าน
ภัทราหลังจัดเตรียมอาหารวุ่นวายอยู่ในครัว ได้ยินเสียงรถจึงเดินออกมายังห้องรับแขก เธอส่งยิ้มให้กับแขกผู้มาเยือนอ่อนหวาน พลางสำรวจหลานชายของนายอาทิตย์อย่างละเอียด อนาวินทร์ดูเป็นผู้ชายในเมืองอย่างแท้จริง ผิวขาวสะอาดสะอ้าน เธอชักหวั่นใจว่างานนี้คงจะตกหนักอยู่ที่ลูกสาวมากกว่า
“แม่ของฉัน” พุดชมพูดแนะนำสั้น ๆ ชายหนุ่มยกมือไหว้ เธอคิดว่านี่เป็นครั้งแรกทีเดียวที่เห็นเขายกมือไหว้คนอื่น
“สวัสดีค่ะ มาเหนื่อยๆ เดี๋ยวให้จิตพาไปห้องพักก่อนนะคะ อาบน้ำอาบท่าแล้วค่อยมากินข้าวด้วยกัน”
“หวังว่าที่นี่คงไม่อาบน้ำในโอ่ง หรือท่าน้ำหรอกนะ” เขาขัดขึ้นเมื่อนึกถึงว่าอาจจะได้อาบน้ำจากตุ่ม
“แล้วนายเห็นแม่น้ำสักสายไหลผ่านหมู่บ้านนี้ไหมละ อยากอาบน้ำโอ่ง หน้าบ้านมีนะ ไปได้”
“พุด” น้ำเสียงเข้มของแม่ทำให้หญิงสาวหุบปากลง
“แต่ละห้องมีห้องน้ำส่วนตัวนะคะ ไม่ต้องห่วง พอดีที่บ้านมีแต่ลูกสาวเลยทำแบบนี้จะได้สะดวกค่ะ ไปค่ะอาบน้ำจะได้สบายตัวขึ้น”
“ขอบคุณครับ” ชายหนุ่มกล่าวน้ำเสียงเบา ทว่าคนที่ได้ยินอย่างพุดชมพูถึงกับเบิกตากว้างขึ้นไปอีก เธอส่ายหน้าไปมา ปฏิเสธตัวเองว่าไม่ได้ยินอะไรเช่นนั้น ไม่มีทาง...อนาวินทร์พูดว่าขอบคุณ หูฟาดเฝื่อนเป็นแน่
ชายหนุ่มเดินตามจิตราไปที่ห้องพัดของตัวเอง ปล่อยให้เจ้าของไร่ดอกไม้ยืนอึ้งๆ งงๆ กับประโยคที่ไม่คุ้นเคยอยู่อย่างนั้น เมื่อเขาก้าวเข้ามาในห้องที่เล็กกว่าห้องเดิมที่สัตยารักษ์เกือบครึ่งหนึ่ง บ้านไม้หลังนี้ไม่ได้ใหญ่มากนัก มีแค่ชั้นเดียวแต่กว้างขวาง
ห้องที่เขาพักมีหน้าต่างและประตูเชื่อมไปยังด้านนอก มีต้นไม้ประดับสวยงามเหมือนสวนหย่อม ชายหนุ่มพอจะรู้จักต้นไม้บางชนิด เบิร์ดพาราไดซ์ กล้วยไม้ แล้วก็ข้างๆ เบิร์ดพาราไดซ์มีต้นไม้เล็กๆ ใบสีเขียวเรียวยาว มีดอกสีขาวนวล กลีบดอกห้าแฉก มีสีชมพูตรงกลาง แปลกดี มันเป็นพุ่มเล็กๆ เป็นแถวยาวตามทางไปยังต้นไม้ใหญ่ด้านหลังบ้านซึ่งมีเก้าอี้ไม้ขนาดความยาวพอสมควร ความสวยงามร่มรื่นนั้นทำให้เขารู้สึกเย็นอกเย็นใจอย่างประหลาด
“ห้องนี้เป็นห้องเก่าของน้ำผึ้งน้องสาวของพุดเขาน่ะค่ะ จริงๆ ตอนแรกพุดเขาจะใช้ห้องนี้แต่น้องสาวเขาค่อนข้างเอาแต่ใจ อยากได้ห้องที่สวยที่สุด แต่ตอนนี้น้ำผึ้งไม่อยู่ ไปเรียนต่อที่กรุงเทพฯ เห็นว่าได้งานที่โน่นแล้วด้วย” ภัทราอธิบาย เห็นสีหน้าสนอกสนใจของอนาวินทร์
“งั้นหรือครับ”
“คุณวินอาบน้ำหรือยังคะ มาทานข้าวก่อนดีกว่าแกงกำลังร้อนๆ จะได้อร่อยค่ะ”
“ต้นไม้ดอกเล็กๆ นั่น ต้นอะไรครับ” เขาหันมาถาม แม่ของหญิงสาวที่กำลังจะเดินออกไป เธอหันกลับมามองต้นไม้เจ้าปัญหาก่อนจะคลี่ยิ้มบางๆ
“เข็มอุณากรรณค่ะ แต่เรียกง่ายๆ ว่าพุดชมพู” น้ำเสียงหวานเอ่ยด้วยสีหน้ายิ้มๆ ดอกไม้ที่กล่าวถึง
อนาวินทร์จ้องมองดอกไม้ดอกเล็กๆ นั่นอีกครั้ง...พุดชมพู นี่เหรอดอกไม้ชื่อเดียวกับผู้หญิงคนนั้น ช่างเหมือนกันเหลือเกิน ไร้เสน่ห์เหมือนกัน... เขาคิดในใจก่อนจะเดินตามแม่ของหญิงสาวออกไปยังห้องอาหารเล็กๆของบ้าน
จิระมองอาหารหลากหลายบนโต๊ะด้วยความอิจฉา ทุกครั้งที่มาฝากท้องบ้านนี้ เขาไม่เคยได้กินอาหารเยอะขนาดนี้ ป้าภัทราทำอย่างนี้กับเพื่อนรักลูกสาวได้อย่างไรกัน คิดแล้วมันน่าน้อยใจนัก ทั้งแกงส้มชะอม ผัดผักรวม ทอดมันปลา ต้มข่าไก่ ของน่าอร่อยทั้งนั้นเลย
“ป้าทำรสกลาง ๆ กลัวคุณวินทานเผ็ดไม่ได้น่ะค่ะ”
อนาวินทร์ไม่ว่ากระไรนั่งตักข้าวเข้าปาก ทำให้คนตัวดำยิ่งหมั่นไส้ขึ้นอีกกองโต “โหป้าครับ คนทำงานไร่นะ อะไรมันก็ต้องกินได้ ไม่ใช่จะมานั่งเป็นคุณชาย หยิบจับอะไรนิดหน่อยก็ไม่ได้ กินโน่นนี่มีปัญหา ถ้าเป็นขนาดนั้นนะ อย่ามาทำเลย มันเสียเวลา”
“ผมก็ไม่ได้อยากทำหรอกนะ” อนาวินทร์ตอบกลับทันที เขาไม่ได้ต้องการให้เป็นอย่างนี้แต่แรก ทำไมจะต้องมานั่งทนให้คนอื่นแดกดันด้วย
“มันก็จริงอย่างที่โจ้บอกนะคะแม่ ทำเหมือนทุกวันที่เรากินแหละค่ะ อย่าพิเศษเพื่อใครเลย มันไม่ได้อยู่ในข้อตกลง” ปลายประโยคหันมากล่าวกับชายหนุ่ม
“ผมกินได้ทุกอย่าง ทำอะไรก็ทำมาเถอะ” ปลายเสียงสะบัด
“ค่ะ” คุณนายภัทรายิ้มบาง ชายหนุ่มเมืองกรุงจ้องแม่ของหญิงสาวค่อนข้างแปลกใจ คนเป็นแม่ออกจะอ่อนหวาน ใจดี แต่ลูกสาวเหมือนลูกครึ่ง ครึ่งบกครึ่งน้ำจนดูไม่ออกว่าจะเป็นฝั่งชายหรือฝั่งหญิงกันแน่ ปากก็พูดคะ ขา แต่ดูท่าทางการแต่งตัวเก้งก้าง เถื่อนอย่างกับนักเลงบ้านนอก
ด้วยสายตาที่ลอบมองพิเคราะห์แม่ลูกทำให้เป็นที่สังเกตของพุดชมพู เธอจ้องเขากลับคืนพร้อมกับส่งสายตาเข้มๆ
“พรุ่งนี้ตื่น ตีสี่นะคะ ให้เวลาครึ่งชั่วโมงในการเตรียมตัว เราจะเริ่มเรียนรู้กันตั้งแต่ขั้นอนุบาลจนถึงมหาวิทยาลัยกันเลย”
“ตีสี่!! เธอตื่นอะไรแต่เช้าขนาดนั้น นี่เธอแกล้งฉันใช่ไหม”
“ไม่ได้แกล้ง นี่เป็นเรื่องปกติของฉันเลยนะ”
“ใช่ค่ะ พุดตื่นเวลานี้ประจำค่ะ พุดก็ให้คุณวินเขาพักสักคืนสิ มะรืนค่อยเริ่มตื่นเช้ากันนะ ตอนนี้ยังปรับตัวไม่ได้หรอก ขับรถมาก็เหนื่อยแล้ว”
“แม่...พุดนี่ต่างหากที่เหนื่อย ขับรถมาเองไม่มีใครช่วยสักนิด เอาตามนี้ละ ถ้าไม่เริ่มมันก็ไม่มีทางได้ทำกันสักที หรือว่าแค่นี้ก็ทำไม่ได้เหรอ”
ชายหนุ่มไม่พูดอะไรรวบช้อนส้อมนั่งนิ่งเล่มเกมจ้องตากับเจ้าของไร่เพียงครู่เดียวเท่านั้น “ได้สิ..ฉันจะแสดงให้เธอเห็นเอง ผมอิ่มแล้ว ขอตัว” อนาวินทร์หันไปบอกภัทราก่อนจะลุกขึ้นเลี่ยงออกไปห้องพักของตัวเอง
จิระชี้นิ้วบอกเพื่อนรักว่าเจ้าตัวปัญหาเดินหนีไปแล้ว แต่คุณนายภัทราตบมือหนาของเพื่อนลูกสาวเบาๆ
“ปล่อยๆ ไปบ้างเถอะลูก เขายังไม่พร้อมก็อย่าบังคับกันเลยนะ ใจคนน่ะ ยิ่งบังคับมันก็เหมือนบีบคั้น คนที่ขาดน่ะควรเติมไม่ใช่ตักออก”
“โอ้โห ป้าครับ คำคมแห่งปี”
“อย่าทำเป็นเล่น ความรู้สึกคนน่ะ ทำเล่นๆไม่ได้หรอกนะลูก” ภัทราเตือนสติ รู้ดีว่าลูกสาวคนโตเป็นคนใจร้อนแม้ข้างนอกจะเหมือนเงียบขรึม เธอไม่เคยให้ใครมาหยามได้ ศักดิ์ศรีของ ไอ้พุด มาเป็นอันดับหนึ่ง ด้วยท่าทางหาญกล้าเช่นชายชาตรีจึงทำให้สาว ๆ ในตำบลต่างชื่นชอบ ทว่าลูกสาวก็คือลูกสาว
ส่วนหนึ่งนั้นอาจจะเป็นความผิดของเธอเอง เมื่อสามีเสียชีวิตลงอย่างกะทันหัน คนเป็นแม่กลับทำอะไรไม่ได้เลย แทบล้มทั้งยืน มัวแต่โศกเศร้าเสียใจในสิ่งที่เสียไป ลูกคนเล็กก็ยังเด็กเหลือเกิน ดีที่พุดชมพูโตมากพอจะดูแลเรื่องทุกอย่าง ภัทราเป็นคนอ่อนแอ การตั้งท้องก็ค่อนข้างยาก ลูกทั้งสองจึงอายุห่างกันมาก ไม่เพียงแต่รูปลักษณ์ภายนอกอย่างเดียวเท่านั้นความคิด ความรับผิดชอบก็แตกต่างกัน
หวังว่าทุกอย่างจะเรียบร้อย ตลอดระยะเวลาของการทำงานที่นี่ อนาวินทร์แม้จะร้ายแต่เขาก็ไม่ได้เป็นคนเลว ดูจากที่เขาเองก็อ่อนกับเธอ สาเหตุทุกอย่างอาจจะไม่ใช่ตัวอนาวินทร์ แต่เป็นคนรอบข้างที่มองเขามากกว่า
จากคุณ |
:
ดนตรีในสายลม
|
เขียนเมื่อ |
:
29 พ.ค. 55 09:02:38
|
|
|
|