<< บัลลังก์ลูกไม้ ::..[22] >>
|
 |
-ยี่สิบสอง-
ถนนสาย ต่างชาติ คือถนนเส้นที่องค์ผู้สำเร็จราชการ มักเสด็จนำแขกบ้านแขกเมืองชมความโอ่อ่า อันผสานผสมวัฒนธรรมและผู้คนหลากชนเผ่า พระกรณียกิจนี้นับเป็นการ โฆษณา ความเป็นศูนย์กลางทางการค้าของอะแลมเบิร์กที่ได้ผล ก่อให้เกิด ภาพจำ ทั้งนำไปสู่การกล่าวถึงดังที่ตั้งพระทัยไว้ในที่สุด
ห่างถัดมาอีกสองสาย ถนนที่ถูกอัดเรียบด้วยศิลาแบบเดียวกัน ทว่ากว้างใหญ่ไม่เท่า ทั้งอาคารสองข้างก็ดูทรุดโทรมกว่า คือถนนสายการค้าปลีกย่อย ที่ซึ่งชาวบ้านร้านตลาดสามารถวางหาบเร่แผงลอย คนเดินเท้าไปมาหาใช่ผู้รากมากดี เสียงตะโกนโวยวายกึกก้องเสมอแม้หัวค่ำเช่นนี้
ความพลุกพล่านบนถนนนั้น ดูจะเป็นฉากพรางของกิจกรรม ใต้ดิน อีก นับไม่ถ้วน สถานอันมือกฎหมายตั้งใจเอื้อมไม่ถึง ล้วนซุกซุ่มอยู่ตามตรอกซอยอันพาดโยงประหนึ่งร่างแห ตั้งแต่ร้านขายของหนีภาษีเล็กๆ น้อยๆ ไปจนถึงร้านค้าอาวุธเถื่อน ตลาดนัดยาเสพติด และที่ขาดไม่ได้ย่อมคือ สถานบันเทิงมืดอับ อันพรั่งด้วยบริการอัปยศนานัปการ
ร้านที่...ไม่มีการนัดหมาย...แต่มักเป็นสถานแห่งเดียวที่จะพบตัว มัน ได้ ตั้งอยู่เกือบสุดซอย ซึ่งแคบแค่สองคนเดินสวน โคมกระดาษแขวนอยู่เชิงหลังคา แต่ละดวงนอกจากจะห่างกันเกินควร ดวงไฟภายในยังริบหรี่จนแทบไม่เอื้อแสงสว่าง ซอยแคบจึงคงมืด ปรากฏเงาตะคุ่มของคนกลางคืนเป็นระยะ
ถ้าถนนใหญ่ห่างไปได้สมญา... ศูนย์กลาง สถานต่ำช้าละแวกนี้ ก็น่าจะได้รับการขนานนามว่า ศูนย์รวม คนต่างชาติโดยไร้ข้อขัดแย้ง!
แหวกมู่ลี่ผุเก่าเข้าไป ภายในร้านไม่สว่างไปกว่าภายนอก ทั้งม้านั่งก็มีพนักสูงใหญ่...เรียกว่ากำบังชนิดคนใกล้ยังมองหน้ากันแทบไม่ เห็น
อาจด้วยเหตุนี้เล่า... มัน จึงชื่นชอบนัก
ผู้ก้าวเข้ามาใหม่ไม่สบใจทั้งสภาพและบรรยากาศ สถานเช่นนี้ฉุดใจให้หวนถึงวันวานอันน่าอดสู เป็นเพียงไอ้( ^o^ )ลูกน้ำเค็ม ไร้ทรัพย์ ไร้ปากเสียง แม้มีชื่อ...ยังเสมือนไร้ชื่อ!
เงินบันดาลได้ทุกอย่างจริงๆ นั่นล่ะ
แล้วก็เพราะเงิน...เขาจึงได้มาพบกับมันที่นี่!
อย่างที่บอก...ต่อให้เกลียดจับใจ แกสตาฟยังต้องยอมรับว่า จะหาสถานใดเจรจา เรื่องลับ ไม่ดีไปกว่าที่นี้
ที่ๆ ไม่มีใครสนใจใคร ไม่มีตัวตน ไม่รู้จักกระทั่งชื่อ
แน่นอน เสื้อซอมซ่อพอจะช่วยพรางกาย ในเมื่อ ความ ที่คุย...กระทั่งพวกสายฟ้าก็จะให้รับรู้มิได้!
โต๊ะแต่ละตัวมีขนาดลดหลั่นกันไป กลิ่นยาสูบหลากชนิดลอยอวล คละกันอยู่ในอณูอากาศ จนไม่รู้ว่าเพราะควัน...หรือสารพิษในควันกันแน่ ภาพเบื้องหน้าจึงดูพร่ามัวสลัวรางไปทั้งหมด
นางโคมเขียวชั้นเลวนั่งซุกอยู่กับลูกค้ากเฬวราก เสียงสำรากดังอล นานๆ หนจึงมีมหรสพ การตบตี ทุบต่อย สองครั้งที่แขกเคยพบร่างอาบเลือด ไร้ลมหายใจ ฟุบอยู่ กับอีกครั้งที่มีคนเอามีดเสียบอกฝ่ายตรงข้ามให้ได้เห็นกันกระจะตา
ไม่ได้กลัว...
คนที่เคยขายกระทั่ง ความเป็นคน มาแล้ว ไยกลัวสิ่งใดอีก!
ที่นั่งประจำของมันอยู่ในมุมลึกสุด จะกล่าวว่าเป็นมุมสงบที่สุดในร้านก็ไม่ผิด
พนักสูง บังคนที่นั่งอยู่มิด หากถึงอย่างไร ผู้มาใหม่แน่ใจ...เก้าอี้วันนี้มีเจ้าของ
เที่ยวนี้หายไปหลายวัน
คำนั้น...จะว่าทักก็ได้ ถามก็ไม่ผิด คนพูดพรางความดีใจในน้ำเสียงขณะขยับเก้าอี้ตัวข้าง เชิญตัวเองนั่งลง
เป็นมันจริงๆ น่ะล่ะ!
ผู้ที่นั่งอยู่แต่แรก คือบุรุษร่างสูง จัดว่าผึ่งผาย ผิวที่พ้นจากการปกปิดด้วยอาภรณ์ ทั้งผิวหน้า ฝ่ามือ คล้ำคร้ามอย่างผู้อยู่กลางแจ้งเสมอ กระนั้น ทุกคราที่พบมัน เจ้าของร่างจะซ่อนตัวอยู่ในชุดเทาดำ คร่ำคร่า ตัวโคร่ง ต้องเลิกชายแขนขึ้นจึงจะเห็นมือ ทั้งยังมีผ้ายาวแบบเดียวกัน โพกศีรษะ พันมาถึงคอ ปกปิดช่วงหน้าครึ่งล่างจน...ในความสลัวราง...มองเห็นเพียงเงาพาดจากสันจมูก สูง กับดวงตาวาวสีฟ้าสุกใส
ดวงตา...ที่คลับคล้ายเคยเห็นที่ไหนมาก่อน...
เฉกทุกครั้ง คำตอบของมันมักปรากฏเป็นเพียงรอยหยันในดวงตา
เหมือนมันรู้...เห็นตีนงูไปเสียทุกเรื่อง มาตรว่าคู่สนทนาจะพยายามหว่านล้อม ล่อหลอก หรือหลายครั้งเผลอยกตนข่มสักเพียงไหน สุดท้ายฝ่ายที่ เกรงใจ กลับไม่พ้นคนพูดมากเสียเอง
แกสตาฟเคยประเมิน...ความ สำคัญ มันคงมี หาไม่... ฝ่ายนั้น จะไม่ยกหน้าที่นี้แก่มัน
ยังจำได้...ในชั้นต้น จดหมายลึกลับเป็นตัวนำพา เมื่อผนวกตัวเลขผลตอบแทนที่จะได้ พร้อมกับแผนที่จุดนัดหมาย...จดหมายลับก็ราวกับลายแทงมหาสมบัติ ที่คนอย่าง ท่านเศรษฐี ยังยินดีเสี่ยง!
เมื่อพบกันครั้งแรก...มันนั่งเฉย ไม่ต่างไปจากครานี้ หรืออีกหลายๆ ที รอยหยันทยอยเยาะอยู่ร่ำไป จุดไฟในอกผู้ยิ่งใหญ่เยี่ยง ทูตสายฟ้า ใช่ย่อย
หาก...มันจะยั่นก็หาไม่
แล้วก็เพราะอย่างนั้น...แปลกที่กลับเพิ่มความมั่นใจ...
...ซึ่งไม่พลาด...
ค่าตอบแทนก้อนแรกที่ได้ มาก...กว่าที่ตกลงกันไว้อักโข!
มันจับจุดได้...เงินเท่านั้นที่ ท่านทูต ศิโรราบ
กระนั้น เป้าหมายที่มาวันนี้...มิใช่เงินเป็นเรื่องใหญ่
มีพิธีใหญ่ๆ ที ผู้ตรวจการก็ขยันกวาดล้างแหล่งโสมม...เอาผักชีโรยหน้าซะที...
เสียง ห้าว อู้อี้เพราะดังอยู่หลังผ้าพันคอ ถ้าเป็นตอนกลางวันที่ลมไม่จัดเช่นวิกาลนี้ คนคงมองมันเป็นตาเดียว ด้วยอะแลมเบิร์กเริ่มร้อนเข้าไปทุกที
คนเพิ่งนั่ง ฟังอย่างหูทวนลมซะมากกว่า รู้ดีว่า...มิใช่
มันไม่น่าจะอาศัยอยู่ในอะแลมเบิร์กด้วยซ้ำ!
สิ่งที่คิดก้องอยู่แค่ในใจ ที่ดังออกไปจริงๆ คือ
ตั้งแต่บรมราชาภิเษกกษัตริย์พระองค์ใหม่ อะไรๆ ก็ดูจะเริ่มเปลี่ยนทิศ
อันที่จริง...เรื่องมันน่าจะกลับตาลปัตรตั้งแต่ก่อนราชาภิเษกด้วยซ้ำ กลับสลับทิศได้ยังไง และตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รุ?!
แผนที่วางไว้ทลายสูญ ไอ้พวกสายฟ้าแทบชี้หน้าด่า... เหวย! ก็ใครจะไปรู้ล่ะวะ...อีหงส์เหี่ยวมัน:-)ปล่อยไอ้เจ้าชายรอดจากพิษยาไปเสีย ได้!
เมื่อสมุนไพรไร้ความหมาย
พื้นที่มาลโม่ก็พลอยไร้ค่า!
ผลคือ...การผูกขาดยังดำเนินไป แล้วกำไรก็ไหลเข้ากระเป๋าอีแก่เหนาะๆ!
โชควาสนาก็เหมือนน้ำ... มันเริ่มขึ้นเหมือนเปรยกับตัวเอง
หืมม์?
มีเส้นทางของมันเอง ไหลไปแล้วมักไม่ไหลกลับ!
อารามฉิว เริ่มฉุนขึ้นเป็นริ้วๆ ทว่าคนฟังยังต้องพยายามสะกดอารมณ์นิ่ง
การได้ หยั่งเชิง กันหลายหน บอกให้รู้...หลังฉาบหน้ากวนส้นเท้า มันมีความคิดดีๆ เป็นกุรุส!
ที่วนเวียนหามัน...กว่าจะตามจนเจอกันวันนี้ ก็มิใช่เพราะ ยุทธวิธี ล่ะหรือ?
คนอย่างเศรษฐีเต่า ถอย...เพื่อจะก้าว
ตั้งแต่คราวพิษถั่วจนตอนนี้ เจ้าหญิงวีเลมิน่าเล่นงานเขาสาหัส
บางที...มันจะพอ ชี้ บางช่องให้ได้!
คนพูดน้อย ยังซุกครึ่งล่างของใบหน้าอยู่ใต้ผ้าพันคอ เฉพาะดวงตาสีฟ้าคราม เจือแววเฉลียวฉลาด เท่าทัน และหยันเยาะอยู่เป็นนิจเท่านั้น จ้องตรงไปยังถ้วยซุปควันฉุยตรงหน้า มือใช้ช้อนไม้คนเชื่องช้า มองของเหลวหมุนวน ใจเย็น
...แต่บางที... เสียงห้าวดังต่อ ข้อมือหยุด
ช้อนเริ่มคนกลับทิศ
...จะ หยุด เพื่อเก็บมันไว้ หรือจะเบี่ยงให้มันไหลไปตามใจเรา...ก็พอได้...
ไอ้บ้าเอ๊ย! ตั้งใจจะพูดอะไรของมันวะ?!
ราวกับรู้ความคิด...ดวงตาสีฟ้าเสมาสบ วาวโรจน์ น้ำเสียงที่หลุดออกมา หรรษาเจืออำมหิต!
เขื่อนไง้!
เขื่อน...?
ชั้นต้น คำตามยังงุนงง ต่อเมื่อค่อยคิด ปะติดปะต่อ...
พอเริ่มเห็น ช่อง คนข้างก็ขยับลุกขึ้นเสียแล้ว
ฝากจ่ายด้วยสิ
เดี๋ยวก่อน!
เป็นครั้งแรกที่คู่สนทนาร้องดัง ความกระตือรือร้นท้นท่วมทันควัน
ไม่ผิดแล้ว...มัน สำคัญ แน่!
คำตอบนั้น...มีหรือมันจะไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ เหตุ...อันเป็นความลับยิ่งยวดโดยแท้!
แก...ท่าน...เป็นใครกันแน่?
คนถูกรั้งชะงักกะทันหัน ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะตรงไปตรงมาขนาดนั้น
ไม่ยุติธรรมเลยนี่ ฝ่าย...ท่าน... คำให้เกียรติ ยังขัดปากคนพูดซึ่งเป็นถึงคหบดีใหญ่ เพราะอย่างน้อย...จากลักษณะ...วัยของ ท่าน ยังถือว่ารุ่นกระทง
...ฝ่ายท่านรู้ความเป็นไปของฝ่ายเราตลอด แต่เรา...แค่ชื่อท่าน เรายังไม่รู้?
ร่างสูงตรงหน้ายังนิ่ง จนคนรอเริ่มใช้หัวกลมคล้ายยืดหดได้ ยื่นออกมาใกล้ด้วยใจจดจ่อ
เรียกเราว่า... เสียงห้าวหยุดคล้ายคิด หรือตัดสินใจ
คำสุดท้าย...ต่อให้อู้อี้เพียงไหน ยังชัดเจน ทั้งสะท้อนสะท้านในความคิดของคนฟังไปอีกนาน
...ลุดวิก!
. . . . . . . . . .
แดดคล้อยลงมากแล้ว กระนั้นความงามแห่งคิมหันตฤดูยังคงแต้มแตะอยู่ตรงนี้ตรงนั้น ตลอดเส้นทางอันทอดลงสู่เนินเบื้องล่าง ดอกไม้เมืองร้อนหลากชนิดแบ่งบานราวเกิดเทศกาลประกวดประขัน...ราวกับว่าแต่ละ ต้นต่างอัดอั้น รอคอยมานานเนิ่นนับแรมปี
ปีกสวยสลับสีของผีเสื้อตัวหนึ่ง กระพือผ่านพระพักตร์ของผู้ที่เสด็จลงมาด้วยความรีบร้อน กลุ่มนางพระกำนัลและทหารรักษาพระองค์ต้องเร่งฝีเท้าตามกันจ้าละหวั่น
สิ้นเสียงขานองค์ยุพราชบูเลทินเสด็จ เจ้าชายอาคันตุกะทรงโบกหัตถ์กันความวุ่นวายแห่งการถวายการต้อนรับ
ท่านอาหญิงกับเพอร์นีเลียอยู่หรือไม่?
นางข้าที่ยอบกาย ไม่ทันถวายคำตอบ สุรเสียงจากเจ้าของพระตำหนักก็ดังขึ้น
ถวายบังคมเพคะ ขอพระราชทานอภัยในความไม่เรียบร้อย พอดีหม่อมฉันกำลังอยู่ในครัว
หม่อมฉันต่างหากที่มารบกวนไม่รู้เวลา แต่เพราะเป็นห่วง ได้ยินว่าเดสิท...เอ้อ...หายไป... คำที่ทรงสดับจริงแท้คือ หายไปอยู่ในท้องเจ้างูเห่าทรงเลี้ยง!
...เพอร์นีเลียไม่ยอมไปเรียน ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้างพระเจ้าค่ะ?
พระปิตุจฉาทรงถอดภูษาคลุมกันเปื้อนตัวเก่าแก่ แต่ยังสะอาดเอี่ยม ยื่นให้พระพี่เลี้ยง รายหลังคงจ้ององค์อาคันตุกะไม่วางตา
เอลินอร์ช่วยเคี่ยวต่อแล้วกันนะจ๊ะ เดี๋ยวฝากให้คนนำเครื่องว่างออกมาด้วย
ต่อเมื่อผู้รับคำสั่ง ก้าวจากไปเงียบเชียบ จึงทรงนำเสด็จมาหยุดยังช่องพระบัญชร สูง แคบ ด้านข้างตัวพระตำหนัก
เมื่อทอดพระเนตรออกไป เจ้าชายทีเบอร์เทียซทรงพบว่าผู้ถูกรับสั่งถึง กำลังนั่งนิ่งอยู่ข้างลานหญ้ากว้าง บัดนี้ด้านข้างวรร่างน้อย กลับปรากฏหลุมกลม ไม่กว้างนัก
พอรู้ว่าพระราชาเสด็จไปรับงูตัวนั้นแล้ว เพอร์นีเลียก็รีบไปปลดกรงเจ้าเดสิทกลับมา จากนั้นก็ตั้งหน้าตั้งตาขุดดิน... ผู้รับสั่งเล่า ถอนพระทัย
นี่ถ้ามือไม่เจ็บเสียก่อน คงยังไม่ยอมให้ใครช่วยด้วยซ้ำ พอขุดจนเสร็จแล้วก็ยังอาลัย ตัดใจฝังกรงนั้นไม่ได้อยู่นั่นเอง...
เจ้าของวรร่างสูง ทรงชะเง้อแต่น้อย เพิ่งได้เห็นว่า...ในอ้อมกอดของผู้ที่นั่งหันปฤษฎางค์ให้อยู่นั้น ยังมีกรงเหล็กซี่ขาว พระหัตถ์เรียว ลูบป้อย ในระยะห่างเพียงนี้ยังเห็นหยดน้ำพระเนตรร่วงผล็อย
ขอหม่อมฉันเข้าไปคุยกับเขาหน่อยเถิด...
เจ้าหญิงซาบรีเนียทรงพยัก ผู้มีศักดิ์เป็นหลานจึงเสด็จผ่านพักตร์ ตรงไปยังผู้ที่คงนั่งอยู่กลางฉลองพระองค์กระโปรงพองฟู
น่าสงสาร... สุรเสียงแรกดังขึ้น พร้อมสัมผัสเบาแผ่ว ทว่าอบอุ่น บนพระอังสะบอบบาง ที่นานครั้งจะสั่นเพราะแรงสะอื้น
เจ้าหญิงเพอร์นีเลียรู้สึกองค์ ทรงหันมาเชื่องช้า เบื้องขนองมีพระสหายพระองค์ใหม่ยอบวรกายนั่ง โดยทิ้งน้ำหนักลงเฉพาะนิ้วพระบาท เยื้องจากพระปรัศว์ห่างไป คือพระมารดาขององค์เอง
คนเศร้ารับคำ สุรเสียงเครือ
เดสิทน่าสงสารตั้งแต่เกิด...จนตาย...
ไม่ใช่
คำขัด ทำให้ผู้สดับต้องทรงหันมาขมวดขนง
ข้ากำลังนึกสงสารเจ้าพนักงานฝ่ายซักล้าง ...ไหนจะขุดดิน ไหนจะลงมานั่งจุมปุ๊กอย่างนี้ ชุดสวยของเจ้าเปื้อนเชียว
คนฟังถึงกับชะงักจังหวะสะอื้น ทรงถวายค้อนวงน้อยๆ
อยู่ในสถานการณ์อย่างนี้ หม่อมฉันไม่มีอารมณ์จะมาพูดเล่นกับฝ่าบาทหรอกเพคะ
เพอร์นีเลีย... พระมารดาลงสุรเสียงปราม หากผู้ดำรงตำแหน่งสูงสุด ทรงเสไปส่งสายพระเนตรแทนถ้อย ไม่เป็นไร
เดสิทจากไปแล้ว อย่างน้อยก็นับว่ามันได้เป็นอิสระจากกรงนี้ เจ้าเป็นเพื่อนสนิทที่สุด น่าจะรู้ดีที่สุดว่ามันคงไม่ดีใจ ถ้ามองลงมาจาก...ฟากฟ้าโน้นนน... ทรงเงยพระพักตร์ ชี้พระดรรชนีขึ้นไปทำนองไกลแสน
...แล้วยังเห็นว่า เจ้า...ผู้เป็นเพื่อนที่มันรักที่สุด ยังนั่งร้องไห้ตาบวม น้ำมูกตุ่ยอย่างนี้...
เมื่อเห็นคนเศร้าเริ่มงันไป ก็ทรงขยายความต่อ
ร้องไห้อย่างเดียวไม่พอ ยังจะนั่งกอดกรงไว้เสียอีก เดสิทมันคงบ่นอยู่ในใจ...อุตส่าห์บินออกมาได้ ยังทำท่าจะเรียกข้ากลับไปขังต่ออีกรึไงน้อ?
รู้จักกันไม่นาน แต่ท่าทางฝ่าบาทจะรู้ใจมันดีกว่าหม่อมฉันเสียอีก... ในที่สุดพักตร์ที่แสร้งทำง้ำ ก็หลุดสรวลทั้งน้ำพระเนตรออกมาจนได้
คงจริงอย่างที่รับสั่ง ถ้าไม่เพราะเห็นแก่เพื่อน เดสิทคงหนีจากกรงนี่ไปตั้งนานแล้ว คราวนี้หม่อมฉันควรจะเห็นแก่มันบ้าง...
ลงท้ายก็ทรงยอมปล่อยกรงสู่หลุมดิน ยกท่อนพระกรปาดปรางขณะทรงเงยขึ้น
แสงแดดลอดหลังคาใบไม้ที่สานสลับ ขยับไหว ดูวับแวมราวดวงตาเป็นประกายแสนรู้ของเจ้านกน้อย
เดสิท เรายังเป็นเพื่อนกัน วันนี้อิสระเป็นของเจ้า...และอีกไม่ช้าจะเป็นของเรา ตราบนิรันดร์กาล...
สุรเสียงแสนโศก ทั้งนัยแห่งถ้อยนั้น เสียดดวงกมลพระมารดายิ่ง...ทรงปรี่มาเกาะพาหุพระธิดา
เพอร์นีเลีย ทำไมลูกพูดอย่างนั้น?
เจ้าหญิงพระองค์น้อย ทรงลดพระพักตร์ลงมา เชื่องช้า ตอนที่ทรงจ้องกลับพระมารดา น้ำพระนัยนาเริ่มคลอหน่วยอีกครั้ง
แม่ก็รู้นี่คะ...งูตัวนั้นเป็นสัตว์ทรงเลี้ยงของพระราชา มันไม่เคยอยู่ห่างองค์เจ้าของ นอกเสียจากพระองค์ตั้งพระทัยขังมันไว้ในห้องพระบรรทม...
ตอนนี้...ทรงหายจากอาการประชวร ทั้งยังทรงกุมอำนาจสูงสุด ก็ไม่แปลก...หากมีพระราชประสงค์หมายแก้คืน คนที่ทำให้พระองค์ต้องเจ็บป่วยทรมานอย่างแสนสาหัส!
ลูก...!
คิดมากไปแล้วเพอร์นีเลีย... พระสหายส่ายพระเศียร หากครานี้...ทรงควานคำค้านต่อไม่พบ
ในเมื่อ...กระทั่งสายพระจักษุขององค์ปิตุจฉา ยังเสมือนย้ำดำริในพระองค์เองเฉกกัน
ไม่ใช่องค์กษัตริย์ไอเนซนั้นแน่ แต่...เรื่องนี้ไม่มีทางแค่บังเอิญ!
ถูกของเพอร์นีเลีย...งูตัวนั้นไม่มีวัน หลุด ออกมาโผล่ในกรงเดสิทได้ หากปราศจาก มือ ของใครบางคน...
คน...ผู้กำลังหวังผลบางอย่าง จากเหตุการณ์ประหลาดนี้!
ใครกันที่หมายจุดข้อพิพาทระหว่างองค์กษัตริย์กับคนในพระตำหนักน้อย?
ใคร...ที่อาจกำลังคอยให้ปมเปลาะนี้ เชื่อมสู่ชนวนแห่งการลุกลามเป็นเรื่องใหญ่ยิ่งกว่า?
มาตรว่าอยู่ในห้วงปริศนาเดียวกัน สามผู้ต่างสบเนตรโดยปราศจากถ้อยวจี ยังมีปลายทางของ มือ นั้นต่างไปโดยสิ้นเชิง!
. . . . . . . . . .
ปลายทางหนึ่งในสาม คือผู้ที่ย่างพระบาทผ่านกรอบทวารล่วงไปว่องไว พระกิริยาทั้งมวลมิได้แผกผิด จนชวนให้นางทวารทั้งสองข้าง ที่คงถวายบังคมนบนอบอยู่นั้น รู้สึกได้ ทั้งนี้อาจนับว่า...การเสด็จมาของพระธิดาคือเรื่องปรกติ
รอข้างนอกนั่นล่ะ พระสุรเสียงที่ดัง โดยผู้รับสั่งมิได้ทรงผินพักตร์กลับมา เป็นสุรเสียงเยี่ยงที่รู้กันดีว่า...กำลังไม่สบพระทัย
ซึ่งก็นับเป็น เรื่องปรกติ อีก ในเมื่อเจ้าหญิงเอลีโอน่าทรงสามารถกริ้วได้ตลอดเพลา ทั้งแทบหาอันใดถูกพระทัยมิได้
ทว่า...ที่ทำให้ผู้เฝ้าพระทวารอยู่ รู้ว่า ไม่ปรกติ คงคือสีหน้าเผือด ของสองนางสนองพระโอษฐ์ที่ตามเสด็จมา
มีอะไรอีกล่ะ?
คนตามเสด็จกลืนน้ำลายเหนียวหนืด ชะแง้ผ่านช่อพระวิสูตรโปร่งบาง ซึ่งถูกรวบจัดไว้งามยิ่ง
หาก...ดูจะงามเกินไป...เจ้าตัวจึงยกมือขยับให้ผ้าหย่อนลงมาเสียบ้าง...ชนิดที่ผู้อยู่ภายในจะแลออกมาไม่ถนัดนัก
ก็พระองค์หญิงน่ะสิ... พอเห็นมุมเหมาะก็เริ่มกระซิบกระซาบ
ท่าจะยังไม่ทรงลืมเรื่องที่ถูกพระราชากับองค์ยุพราชบูเลทินทรงตอบโต้ใส่เมื่อ วาน เลยทรงหุนหันหาตำราตั้งเป็นกองๆ จนฉันกับคนอื่นๆ งี้ ไม่ใช่แค่วิ่งพล่าน...แต่ต้องวิ่งไปคอยคลำหัวไป เพราะกลัวจู่ๆ จะกระเด็นหลุดจากบ่า!
บ้า!
ไม่บ้า! คนมาด้วยกันยืนยัน ลองมาเป็นพวกฉัน โดนสั่งให้หาแต่ละเล่ม...หนังสือ ต้องห้าม ทั้งนั้น!
หนังสือต้องห้าม?! คนฟังเผลออุทานลั่น แล้วก็หลุดร้อง โอ๊ะ! เพราะมือคนเล่าตะครุบปากแทบไม่ทันนั้น สะบัดโดนแก้มเข้าอย่างจังเสียก่อน
เบา...บ๊าว... คนตะปบปาก แตะนิ้วชี้อีกข้างเป็นเชิง
มือแกนี่ทั้งหนักทั้งเค็ม! คนบ่นคลำแก้มป้อยๆ เป่าปากปุ๋ยๆ แต่ยังไม่วายถามต่อด้วยเสียงเบาลง
หนังสืออะไร? ปกติไม่ยักเคยเห็นทรงฝ่าฝืนรับสั่งพระมารดา?
พวกหนังสือ การศึกษา น่ะสิ... คนเล่ายังมองเห็นภาพ...กองหนังสือตั้งใหญ่ แต่ละเล่มเก่ากรอบ บางเล่มปลวกกิน เพราะผู้ที่ครั้งหนึ่งเคยดำรงอำนาจสูงสุดเหนือราชอาณาจักร เคยออกพระเสาวณีย์ให้เก็บลงกรุเกลี้ยงด้วยข้อหา
เพ้อเจ้อ หาประโยชน์ไม่ได้!
เฉกนั้น ใครเล่าจะคาด...
พระธิดายอดดวงหทัย จักเป็นผู้กู้ซากจากก้นกรุนั้นกลับคืน!
ประวัติศาสตร์การศึกษาในอะแลมเบิร์กและภูมิภาค
การพัฒนาแนวทางให้การศึกษาของชาวต่างชาติ
สร้างชนชั้นสูงด้วยการศึกษา
แนวคิดการให้การศึกษาสมัยใหม่
และอื่นๆ จวบกระทั่ง
จดหมายเหตุการร่างพระราชบัญญัติการศึกษาในรัชสมัยพระราชานิโคลอส
คนเล่าไม่ลงรายละเอียด เพราะไม่รู้ เล่มหลังนี่เอง...ต้นเหตุแห่งโทสะและการเสด็จมาเยือนรีบด่วนในวันนี้!
ผู้ถูกกล่าวขวัญถึง มิได้ทรงสืบพระบาทกลับมากลับไปโดยความกระวนกระวายงุ่นง่านเฉกเก่าก่อน การดึงชายวิสูตรให้คล้อยลงกำบังของนางข้าถือเป็นเรื่องดี ด้วยพระองค์...ที่ทรงชะแง้ระแวดระแวงเช่นกัน จะสามารถดำเนินการตามพระทัยได้สะดวกขึ้น!
ภายในห้องประทับแห่งอดีตองค์ผู้สำเร็จราชการ ถูกแบ่งเป็นตอนๆ ลึกเข้าไปทั้งด้านหน้า ขวา และซ้าย โถงแรกอันเป็นจุดเชื่อมนั้นกว้างใหญ่ เพดานโค้งลิบลิ่วเขียนลานดวงอุษณรศมัย ส่องฉายแฉกฉานทุกด่านทิศ อัจกลับกลางโถงระย้าระยับ กระเปาะแก้วประจุเทียนเล่มน้อย ร้อยเรียงเป็นรูปนางพญายูงไพรสยายหางมเหาฬาร
ต่อเมื่อล่วงไปยังห้องฝั่งซ้าย โต๊ะทรงพระอักษรสีโอ๊กขนาดใหญ่ ถูกข่มให้ดูเล็กลงด้วยกำแพงหนังสือจรดเพดานสูง แต่ละสันเก่า-ใหม่รายเรียง ละล้วนเป็นเรื่องสำคัญอันผู้ทรงเป็นเจ้าของ ต้องหมายไว้ใกล้พระหัตถ์
หนังสือเล่มนั้น...ที่พลิกก้นกรุกี่ครั้งก็หามิเห็นมี...จึ่งย่อมอยู่ที่นี่
ร่างพระราชบัญญัติการศึกษาในรัชสมัยพระราชานิโคลอส!
จากจดหมายเหตุ...พระราชาพระองค์ก่อน...สมเด็จพระบรมชนกาธิบดีแห่งเจ้าชายไอเนซ ทรงมีพระราชดำริ พระราชทานการศึกษาแก่ปวงประชาราษฎร์
หากทว่า แต่ละขั้นละตอนล้วนลำบากยากยิ่ง ในเมื่อผู้กุมกำลังขับเคลื่อนสำคัญ ปราศจากการสนับสนุนโดยสิ้นเชิง
เจ้าชายเจ้ากรมคลังทรงไม่เห็นด้วย
จดหมายเหตุฯ ว่าไว้ หากนั่นฤามิใช่ความหมาย...
พระชายาของเจ้าชายเจ้ากรมคลัง เจ้าหญิงวีเลมิน่า ทรงไม่เห็นด้วย!
แต่ไหนแต่ไร พระมารดาหาเคยทรงปกปิดไม่...จริงแท้ราวทรงตั้งพระทัยให้พระธิดาทรงทราบด้วยซ้ำ...
พระบิดาทรงไร้ความสามารถ...กระทั่งความหมาย...
พระมารดาต่างหาก...คู่ควรแก่การยึดเป็นวีรบุคคลหนึ่งเดียวในพระทัย!
แลไม่ว่าพระประสงค์แท้จริงเป็นเช่นไร ความสำเร็จคงคือ...การที่เจ้าหญิงเอลีโอน่าไม่เคยเสียพระทัยต่อการ จากไป ของทูลกระหม่อมพ่อ
พระอารมณ์เจ็บปวดเดียวที่ทรงมี คือพระบิดาไม่น่า...ไม่น่าทรงทิ้งเสี้ยนหนามตำอุรา เยี่ยงเพอร์นีเลียและแม่ของเขาไว้ด้วย!
ใช่! ทุกความรู้สึก ทุกความรู้...ล้วนถูกปลูกฝังจากพระมารดาทั้งสิ้น
หากวันนี้ เป็นอีกครั้งที่ความรู้นั้น เริ่มสั่นคลอนความรู้สึกในพระองค์เอง!
...ในการสื่อสาร...บางครั้งความ แยบยล สร้างความได้เปรียบ แต่อีกหลายครั้ง... วีธีการ ก็กลายเป็นตัว สื่อ ของ สาร อีกอย่าง ที่คนรับสารย่อมสามารถใช้พิเคราะห์ ความจริงใจ ของผู้ส่งได้ไม่ยาก!
แน่นอน ให้ถึงอย่างไร...เจ้าหญิงเอลีโอน่าย่อมมิได้ทรงขลาด...หรือเขลา...เกินกว่าจะยอมรับ...
คำนั้นใช่เพียงการกระเทียบกระทบ
พระคู่หมั้นกำลังตั้งพระทัย เตือน
คำเตือน...ที่ยิ่งทรงค้นควานข้อคัดง้าง กลับรังจะยิ่งสุมไฟปลายชนวนระเบิด ที่ถูกหย่อนไว้กลางพระหฤทัย!
ในเมื่อผลดีแห่งการศึกษานั้นแน่แท้ โดยเฉพาะแน่...สำหรับการพัฒนาคน อันคือกำลังสำคัญสุดในการพัฒนาประเทศชาติต่อไปดังตั้งพระทัยหมาย
เฉกนั้น เหตุใดพระมารดาจึงทรง ล้ม ...เพื่อ ล่ม ทั้งระบบการศึกษา ชนิดแนวพระราชดำรินี้ กลายเป็นสิ่ง ต้องห้าม ในยุคสมัยของพระองค์เอง?
อีกครั้ง...บางข้อความจาก สร้างชนชั้นสูงด้วยการศึกษา หวนกลับมาปรากฏในห้วงพระมโนสำนึก
...ข้อเสียเดียวของการศึกษาที่มีต่อผู้ปกครอง คงคือความยากลำบากในการชี้แจงด้วยเหตุผลจนหมดจด แทนที่จะสามารถใช้อำนาจกดขี่บังคับผู้ใต้บัญชา ให้ยอมเชื่อฟังและกระทำตามคำสั่งได้โดยง่าย เมื่อนั้น ระบบการตรวจสอบย่อมจะต้องเข้มข้น กลายเป็นการคัดกรองผู้ใช้อำนาจในที่สุด...
มิได้ตั้งพระทัยเทียบ ทว่านั่น...ฤามิได้คลับคล้ายการณ์ที่เกิดเฉพาะองค์เองในบัดนี้?!
นี่เล่าที่คลอนความศรัทธาในองค์พระชนนี
แท้ที่จริง...ทรงเห็นแก่ผู้ใด?
ความแปลบปลาบในพระทัยผู้เป็นลูก ยิ่งยอกแสยงด้วยตลอดมา...ใช่เฉพาะชาวประชาที่ถูก ต้ม
พระธิดาแท้ๆ นั่นแหละที่ถูก ตุ๋น จนยุ่ย!
หรือนี่...คือที่มาแห่งสายพระเนตรสมเพชตลอดมาจากพระคู่หมั้น?
...และคือเหตุแห่งความขบขัน เหมือนตัวตลกอับเขลา ที่ถูก เจ้าชายพระองค์นั้น ทรงแลข้ามไปด้วยความหน่ายพระทัยในท้ายสุด?!
กำหัตถ์จนเล็บจิกพระฉวี
ความเจ็บนี้คล้ายเพื่อทดแทนความเจ็บในห้วงอุระ
การค้นหา...จึงย่อมเสมือนประกายริบหรี่แห่งความหวังครั้งสุดท้าย
ที่ร่างฯ ถูกล้ม เพราะบ่มด้วยความผิดพลาดทางนโยบาย!
พระมารดาทรงเห็นการณ์ไกล มิใช่แค่ไม่เคยทรงมองผิด หากที่ทรงคิด...ก็หาความผิดใดๆ มิได้!
ยิ่งเวลางวดไป พระหทัยกลับยิ่งรุ่มเร้าราวเพลิงรุม
ในหมวดที่ควรอยู่ ในหมู่ที่ควรมี...กลับไม่พบ!
ที่จะซุกจะแทรกอยู่กับเรื่องอื่นนั้นเป็นอันตัดไป...พระมารดาทรงรักความเป็นระเบียบเยียบยิ่ง
งั้น...อยู่ที่ไหน?
ที่จะทิ้งนั้นก็ย่อมเป็นไปไม่ได้อีก คำ ต้องห้าม บ่งย้ำความสำคัญอยู่ ยังทรงเคยบอก ศัตรูที่ร้ายที่สุด ต้องกอดไว้ใกล้ตัวที่สุด ฤามิใช่
ใกล้ตัวที่สุด...?
ไม่ทันรู้องค์ สายพระเนตรปราดมาหยุดลงตรงลิ้นชักโต๊ะทรงพระอักษร
กุญแจที่ถูกลงสลักไว้ไม่เป็นปัญหา ทรงเคยเห็นเพอร์นีเลียแอบใช้เหล็กแหลมไขกรงปล่อยเจ้านกเพื่อนยากออกมา จนสุดท้ายก็พัฒนาเป็นคมกริช
เหลียวขวา แลซ้าย จวบเมื่อทรงแน่พระทัย... ทาง ยังสะดวก ปิ่นยาวปักพระเกศาจึงถูกดึงออก...
ต่อให้ต้องใช้เวลา แต่มันใช้การได้จริงๆ นั่นล่ะ!
วินาทีที่ลิ้นชักชั้นที่สองถูกดึงเปิด มิใช่ด้วย หนังสือ เล่มบางๆ... พระนัยนาสีเหลืองจรัสเบิกกว้างเพราะของอีกอย่างข้างๆ กัน
ความหวังสุดท้ายแทบลับดับ คำถามเบื้องต้นถูกตอกย้ำคำตอบ ณ วินาทีนั้น...
ทรงเห็นแก่ผู้ใดกันแน่!
. . . . . . . . . ปราปต์ 29/5/55
.
จากคุณ |
:
งี่เง่าบอย
|
เขียนเมื่อ |
:
29 พ.ค. 55 10:17:35
|
|
|
|