Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ลวะรัตน์เทวี บทที่ ๕ : คืนสู่ลวปุระ ติดต่อทีมงาน

บทที่ ๕ : คืนสู่ลวปุระ


เสียงฝีเท้าที่มาหยุดอยู่ตรงหน้า ทำให้คนที่แยกตัวออกมานั่งอยู่คนเดียวใต้ร่มไม้เงยหน้าขึ้นมอง พอรู้ว่าเป็นผู้ใดก็ฝืนยิ้มรับราวไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น เจ้าชายรามราชทรุดตัวลงนั่งข้างคู่หมั้น เห็นว่าอีกฝ่ายไม่ว่ากระไรก็ทอดตัวลงนอนเหยียดยาวกับพื้นดิน ทอดสายตาขึ้นไปบนผืนฟ้าสีฟ้าสดใสก่อนพูดขึ้นลอยๆ  

“วันนี้ฟ้าสวย”

“แต่ก็ทำให้แสงแดดแรงนัก” เจ้าหญิงจามเทวีบอกเสียงเบา

“แดดแรงเพียงไรก็ยังมีร่มเงาไม้ใหญ่อยู่มิใช่ฤๅ”

“ไม้ใหญ่จักอยู่คุ้มเกล้าได้สักเท่าใดกันเจ้าพี่ ปะทะลมแรงก็เกรงจักทานมิไหวหักลงเสียก่อน”

“ก่อนจักทบท่าวลงก็ต้องมีผู้ประคองไว้มิใช่ฤๅ”

“เกรงจักรานลงซ้ำมากกว่าเจ้าพี่”

เจ้าหญิงจามเทวีพูดพลางทอดถอนใจยาว ตลอดระยะเพลาสิบห้าวันมานี้ก็พยายามทำตัวให้วุ่นวายอยู่ด้วยกองทัพและการดูแลคนเจ็บเพื่อจะได้ไม่ต้องคิดเรื่องที่จะเกิดขึ้นในลวปุระ ใช่ตีตนไปก่อนไข้ หากฝ่ายตรงข้ามแสดงให้ประจักษ์มาก่อนแล้ว กลับไปครานี้กองไฟที่ลุกอยู่ก่อนแล้วคงโหมแรงกว่าเดิมเป็นทบเท่าทวี ลำพังตนเองนั้นยังพอทำเนาและคิดว่าจะแก้ไขสถานการณ์อันคุกรุ่นนี้ให้ผ่านพ้นไปได้ แต่พอคิดถึงพ่ออยู่หัวกับแม่อยู่หัวแล้วก็ดูเหมือนในอกจะมีเทือกเขาขุนกาฬทั้งลูกเข้ามากดทับ ราชวงศ์ลวปุระนั้น แม้จะแยกเป็นฝักเป็นฝ่าย แต่ความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้คือทั้งหมดล้วนเกี่ยวเนื่องในสายโลหิตเดียวกัน การประหัตประหารศัตรูภายนอกยังง่ายเสียกว่า

เจ้าชายรามราชมองเสี้ยวหน้าของคู่หมั้นแล้วก็พอรู้ว่าเจ้าดวงใจคิดเยี่ยงไร ผู้ใดไม่พานพบกับตนคงยากจะเข้าใจ หากเป็นเรื่องอื่น ป่านนี้เจ้าหญิงจามเทวีตัดสินใจเด็ดขาดไปแล้ว ไม่มีเสียล่ะที่จะลังเลอยู่เยี่ยงนี้

“เขาเห็นน้องเป็นสายเลือดเดียวกันกับเขาฤๅ”

คำถามนั้นทำให้คนฟังถึงกับพูดไม่ออก มันคือความจริงที่เจ้าหญิงจามเทวีเพียรจะบอกปัดไม่ยอมรับ สำหรับนางแล้ว เจ้าชายกฤตมุขและคนอื่นๆ คือพี่น้อง หากพวกเขาถือเสมือนนางเป็นศัตรูกันมาแต่ชาติปางก่อนที่ต้องกำจัดเสียให้สิ้น น้ำตาที่ไหลอาบแก้มนวลทำให้เจ้าชายรามราชผุดลุกขึ้นนั่งอย่างตกใจ เพราะไม่เคยเห็นอีกฝ่ายร้องไห้มาก่อน

“เจ้าจามเทวี พี่ขออภัย”

เจ้าชายหนุ่มปาดเช็ดน้ำตาให้นางอย่างรู้สึกผิด เพราะคำพูดที่พูดออกไปไม่ทันคิดโดยแท้ ขณะที่เจ้าหญิงจามเทวีหันหน้ามาฝืนยิ้มทั้งน้ำตาให้ พลางบอกว่า

“ไม่เป็นอันใดหรอกเจ้าพี่ ให้ความอ่อนแอมันออกมาเสียบ้างก็ดี”

ไม่ว่าจะอย่างไร ความเข้มแข็งอันเป็นธาตุของเจ้าตัวก็ยังคงไว้ได้เสมอ เฉกเช่นก้อนหินที่ถูกน้ำรินรด เปลือกนอกอาจมีอ่อนลงไปบ้าง แต่ก็เพียงชั่วครู่ชั่วยามเท่านั้นก็กลับมาแกร่งได้ดังเดิม หากแววตาเด็ดเดี่ยวคู่นั้นต่างหากทำให้เจ้าชายรามราชเฉลียวใจ นางคิดจะทำสิ่งใดกันแน่ เจ้าหญิงจามเทวีคล้ายรู้ใจ จึงบอกเพียงว่า

“กลับไปครานี้ น้องอาจต้องตัดสินใจทำอันใดสักอย่าง”


ฟ้ายังไม่สางดีนัก แต่ขบวนทัพของลวปุระและของโกสัมพีที่เหลือก็เตรียมตัวพร้อมสำหรับการเดินทางกลับแล้ว เจ้าหญิงจามเทวีกับสหายร่วมรบต่างออกมาดูแลความเรียบร้อยและส่งทัพด้วยตนเอง จอมทัพสาวเดินเรื่อยมาหยุดอยู่ที่หน้าคนคนหนึ่งที่ก้มหน้านิ่งมองเพียงผอบน้อยในมือตน สายตานางอ่อนแสงลงเมื่อเห็นท่าทีของอีกฝ่าย    

“ท่านใช่ฤๅไม่ ขุนจายแก้ว”

“ข้าเจ้าเอง”

คำตอบรับสั้นนัก นับแต่ส่งสการเจ้าฟ้าสิทธิราชแล้วขุนจายแก้วก็ไม่พูดจากับผู้ใดโดยไม่จำเป็น เจ้าหญิงจามเทวีมองขุนพลเฒ่าอย่างเข้าใจ ก่อนจะส่งกระบอกสารให้

“พวกท่านจักคืนโกสัมพีแล้ว เราขอฝากสาสน์นี้ไปให้เจ้าฟ้าคนใหม่ของท่านด้วย”

ขุนจายแก้วมองของตรงหน้านิ่งอยู่อึดใจ แล้วเงยหน้ามองขัตติยารีลวปุระ ถามด้วยน้ำเสียงแหบพร่า

“ให้พวกข้าเจ้าส่งดอกไม้เงินดอกไม้ทองมาบรรณาการฤๅ ใช่เรื่องที่ต้องห่วงใยไม่ เหล่าข้าเจ้านี้แพ้สงคราม ย่อมต้องประพฤติตามธรรมเนียมศึกอยู่เอง มิพักให้ท่านต้องเตือนเลย”

“หามิได้” เจ้าหญิงจามเทวีบอกเสียงอ่อน “ลวปุระมิได้ประสงค์ดอกไม้เงินดอกไม้ทอง หากที่ปองปรารถนาคือไมตรีของสองแผ่นดินเท่านั้น”

นัยน์ตาขุนพลเฒ่าอ่อนลง น้ำใจของฝ่ายลวปุระตลอดสิบห้าวันที่ผ่านมานั้นซาบลึกถึงดวงใจของชาวโกสัมพีทุกผู้ เมื่อสิ้นศึกความเป็นศัตรูก็พลอยมลายไปด้วย ชาวลวปุระทั้งนายและข้าต่างช่วยกันรักษาทหารที่บาดเจ็บโดยไม่แยกว่าพวกเขาพวกเรา ทั้งยังให้การดูแลเป็นอย่างดี ตลอดจนจัดการส่งสการเก็บอัฐิของเจ้าฟ้าสิทธิราช เจ้าฟ้าคนอื่นๆ และช่วยปลงศพทหารทั้งหลาย พร้อมนิมนต์พระสงฆ์มาช่วยอุทิศส่วนกุศลให้ด้วย หากเป็นทัพอื่นคงมีแต่จักตามตีให้ย่อยยับลงไปแล้ว ในที่สุดขุนจายแก้วก็เอื้อมมือไปรับกระบอกสารนั้นมาจบศีรษะพร้อมกับผอบบรรจุอัฐิเจ้าฟ้าสิทธิราช ก่อนเก็บสารนั้นไว้ในอกเสื้อของตน

“ห้วงน้ำที่ว่าใหญ่แล้ว ยังมิอาจเปรียบปานน้ำใจท่านได้ ข้าจักนำสาสน์นี้มอบให้เจ้าฟ้าคนใหม่ และจักบอกเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ให้รู้โดยมิปิดบังอำพรางเลย”  

เจ้าหญิงจามเทวียิ้มรับมิได้กล่าวว่าอย่างไร ประจวบกับเพลานั้นเจ้าชายรามราชตามมาสมทบพอดี ครั้นเห็นคู่หมั้นสนทนาอยู่ด้วยขุนจายแก้วก็พลอยตรงเข้ามาร่วมวงด้วยอีกคนหนึ่ง พร้อมกล่าวเชิงสัพยอก

“สองคนนี้เจรจาความเมืองกันอยู่ฤๅไร”

“หามิได้ท่าน เจ้าหญิงจามเทวีเพียงแต่ฝากไมตรีกลับไปโกสัมพีด้วยเท่านั้น”

ขุนจายแก้วตอบด้วยสีหน้าสดใสขึ้น เจ้าชายรามราชยิ้มพลางถามทีเล่นทีจริง

“ฝากแต่ไมตรีรึ แล้วเสบียงอาหารที่ข้าเตรียมไว้ให้เล่า ไม่เอากลับไปด้วยฤๅไร”

ท่านผู้เฒ่าหัวเราะแทนคำตอบ ไม่ได้กล่าวว่าอย่างไรอีก เจ้าชายรามราชแตะแขนคู่หมั้นแล้วบอกเสียงเบาว่า

“ได้เพลาแล้วเจ้าจามเทวี”

เจ้าหญิงจามเทวีพยักหน้ารับแล้วหันมาร่ำลากับขุนจายแก้วอีกคำรบก่อนผละไปพร้อมกับคู่หมั้น ขุนพลเฒ่ามองตามหลังคนทั้งคู่ไปด้วยสายตาทั้งรักและบูชา ขุนจายแก้วผู้นี้ไม่มีสิ่งใดจักตอบแทนน้ำใจของท่านทั้งสอง นอกจากคำพรที่ออกมาจากใจของข้านี้

'ขอให้ท่านทั้งสองจงครองคู่อยู่ด้วยกันอย่างผาสุก มีหน่อเชื้ออันนำพามาแต่ความสุขแก่พ่อแม่นั้นเถิด บ้านใดเมืองใดที่ท่านทั้งสองปกครองอยู่นั้นจงร่มเย็นแลรุ่งเรืองวัฒนายิ่งกว่าเมืองใด ผิถึงคราวต้องดับสูญด้วยอำนาจกาล ก็ขอให้ชื่อนครที่ท่านทั้งสองครองร่วมกันนั้น จงจารจำในดวงใจคนทั่วไปเป็นนิรันดร์กาลนั้นเถิด'  


เสียงจอแจค่อยซาลงทีละน้อย สายตาทุกคู่ต่างจับนิ่งอยู่ที่จุดเดียว คือร่างโปร่งระหงอันแต่งตัวด้วยเครื่องแต่งกายของจอมทัพลวปุระเต็มยศที่ยืนอยู่บนเชิงเทินค่าย ด้วยบารมีแห่งนางที่แผ่ออกจากเรือนกาย ยังให้ทหารฝ่ายลวปุระนั้นต่างทรุดตัวลงนั่งคุกเข่าโดยมิได้นัดหมาย พาให้ฝ่ายโกสัมพีพลอยนั่งลงตามไปด้วย เจ้าหญิงจามเทวีมองภาพเบื้องหน้านิ่งอยู่ชั่วอึดใจ กระแสเสียงอ่อนโยนทว่าเจือด้วยกังวานแห่งอำนาจจึงดังขึ้นท่ามกลางความเงียบนั้น    

“มิตรโกสัมพีของข้าเอย เพราะเหตุแห่งสงครามครานี้พาให้พวกท่านต้องสูญเสียเจ้าฟ้าของท่านไป อันเป็นเหตุที่ไม่มีผู้ใดใคร่ให้เกิดขึ้น ข้าและชาวลวปุระเองก็หาได้ปรีดากับชัยชำนะที่ได้มาครานี้เลย ตรงข้ามกลับมีแต่ความสลดและเศร้าใจเหลือที่จักกล่าว หากนี่คือความฝันแล้ว ก็ถือเป็นฝันร้ายยิ่ง มาบัดนี้เราทั้งหลายต่างตื่นจากฝันนั้นแล้ว ข้าขอให้สัตย์ว่า นับแต่นี้สืบไปแม้แต่ปลายยอดหญ้าสักต้นหนึ่งอันขึ้นอยู่ในแผ่นดินโกสัมพี ข้าก็จักไม่แตะต้องให้เป็นอันตราย ตรงกันข้าม ต่อเมื่อใดโกสัมพีได้รับความเดือดเนื้อร้อนใจจากศัตรูใกล้ไกลแล้ว ข้ายินดีที่จักช่วยเหลือพวกท่านจนสุดกำลัง

การจากกันวันนี้ เป็นการจากกันอย่างพี่อย่างน้อง ข้าขออำนวยพรให้พวกท่านทุกคน ไม่ว่าจักเป็นชาวโกสัมพีหรือชาวลวปุระก็ตาม จงคืนสู่บ้านเกิดเมืองนอนโดยความสวัสดีเถิด ขออานุภาพแห่งพระไตรรัตน์แก้วสามประการจงคุ้มครองท่านตราบจนลุถึงเรือนเถิด

อนึ่งเล่า ข้ารู้ดีว่าข้าและชาวลวปุระทั้งปวงไม่ควรจักเอ่ยวาจานี้ แต่จักหาวาจาอื่นใดก็หาเหมาะควรไม่ ในนามแห่งชาวลวปุระ ข้าขออภัย และขอท่านอย่าได้โกรธเคืองชาวลวปุระเลย”

จอมนารีพนมมือขึ้นแล้วไหว้ปวงทหารโกสัมพีทุกคน กิริยานั้นนำความตกตะลึงมาให้คนทั้งหลายเป็นอันมาก สิ้นวาจานั้นทุกอย่างก็เงียบสงัด แม้ลมยังหยุดพัด ราวทุกสรรพสิ่งจะรอคอยคำตอบจากชาวโกสัมพีกระนั้น ขุนจายแก้วลุกขึ้นก้าวล้ำออกมาหน้าคนอื่นๆ แล้วทรุดกายลงไหว้กลับพร้อมตอบคำ

“เหล่าข้าเจ้าไม่เคยนึกเคืองแค้นพวกท่านเลย อันที่จริงฝ่ายข้าเจ้าต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายเอ่ยคำษมา ด้วยสงครามที่บังเกิดเป็นด้วยฝ่ายข้าเจ้านี้เป็นผู้รุกรานเข้ามาก่อน เหล่าข้าเจ้าเป็นผู้ก่อ ก็ต้องรับผลในสิ่งเหล่านั้นเอง เจ้าหญิงจามเทวีอย่าได้ห่วงในข้อนี้เลย”

สิ้นคำของขุนจายแก้ว ขุนพลเฒ่าจึงปรับเปลี่ยนท่านั่งของตนเสียใหม่จากคุกเข่า เป็นชันเข่าขวาตั้งขึ้น ขณะที่เข่าซ้ายยังวางราบกับพื้นดุจเดิมสองมือพนมไว้ตำแหน่งกลางอก ค่อยๆ ยกชูขึ้นไหว้เหนือศีรษะตน แล้วค่อยลดต่ำลงยื่นปลายมือพุ่งตรงไปทางจอมทัพลวปุระ ก่อนก้มกราบลงกับพื้นดิน ทหารโกสัมพีล้วนนิ่งงันไปชั่วอึดใจ ในที่สุดทหารของโกสัมพีก็ได้ประพฤติตนดุจเดียวกับขุนพลเฒ่า อันเป็นหัวศึกอาวุโสเพียงผู้เดียวที่ยังมีชีวิตอยู่ด้วยความเต็มใจยิ่ง

เจ้าชายนเรนทร เจ้าชายวิษณุ เจ้าชายรามราช ตลอดจนขุนนางและทหารลวปุระที่เห็นการกระทำนั้นต่างขนลุกเกรียวขึ้นทั้งกาย ต่างรู้ดีว่าการถวายความเคารพที่เรียกว่าไหว้ออกหางปลาของชาวโกสัมพีดั่งนี้ จะกระทำต่อเจ้าฟ้าเพียงผู้เดียวเท่านั้น การที่ขุนจายแก้วไหว้เจ้าหญิงจามเทวีเยี่ยงนี้จึงเท่ากับว่าเขาได้เคารพนับถือนางเทียบเท่าเจ้าฟ้าโกสัมพีคนหนึ่ง มิใช่ที่ยศของนางเพียงถ่ายเดียว หากเป็นที่น้ำใจของนางนั้นด้วย ฝ่ายลวปุระล้วนยอมรับและประจักษ์ใจตน มณีสูงค่าดวงนี้มิได้ฉายแสงจำเพาะอยู่แต่ในลวปุระอีกแล้ว


*** มีต่อค่ะ

จากคุณ : อินทรายุธ
เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 20:13:39




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com