(ต่อค่ะ)
ดวงตาสีน้ำตาลเข้มนั้นเหลือบมองทีแลน ก่อนเลื่อนมาที่อาเธล แววตาเต็มไปด้วยความหวั่นกลัว หากเมื่ออาเธลจ้องตอบนิ่ง ๆ แววหวาดหวั่นนั้นก็จางลงไปนิดหนึ่ง
"ลูมินัส" เสียงหวานตอบ แผ่วเบาราวกระซิบ
"เอาล่ะ ลูมินัส เจ้ามาทำอะไรแถวนี้"
เด็กสาวขมวดคิ้วอยู่เป็นครู่ ก่อนส่ายหน้าอีกครั้ง
"ที่ส่ายหน้านี่แปลว่าอะไร ขยายความหน่อยได้ไหม" อาเธลถามย้ำ
ลูมินัสเงียบไปอึดใจ ดวงตาสีน้ำตาลเข้มดูอ้างว้างส่องประกายคล้ายลังเล คุร่นคิด ก่อนตอบในที่สุด
"ข้า...ไม่รู้ ข้าจำอะไรไม่ได้เลย" เธอตอบตะกุกตะกัก มือข้างหนึ่งยึดหางเปียของตัวเองซึ่งปัดมาด้านหน้าคล้ายจะเอาไว้เป็นที่พึ่ง คิ้วเรียวขมวดมุ่นอย่างพยายามทบทวน "รู้แต่ว่า...ข้าชื่อลูมินัส
อาเธลหันไปมองเพื่อนเป็นเชิงขอความเห็น และได้คำตอบเป็นอาการยักคิ้วแผล็บ
"ความจำเสื่อม" ทีแลนสรุป "แล้วไม่ต้องมองข้าอย่างนั้น ข้าไม่มีเวทมนตร์ฟื้นฟูความทรงจำ เวทรักษาก็ไม่เอาอ่าว"
เวทรักษานั้นเป็นความสามารถพิเศษอย่างหนึ่งที่ติดตัวนักเวทอัญเชิญทุกคนมาแต่เกิด เนื่องเพราะสายเลือดของคนกลุ่มนี้เป็นสายเลือดพิเศษ หากความชำนาญในเวทนี้ของแต่ละคนก็แตกต่างกันไป และอาเธลก็รู้ว่าเพื่อนนั้นไม่เอาอ่าวจริงดังที่กล่าวอ้าง
"ควรพาไปหาหมอ" อาเธลสรุปพลางถอนใจ เหล่มองเพื่อน "ไม่ก็นักเวทที่ได้ความมากกว่านี้"
ทีแลนยังคงยิ้มอย่างไม่เดือดร้อนกับคำเหน็บ เสนอว่า
"งั้นพาไปเมืองหลวงกับเราด้วยแล้วกัน แล้วค่อยให้หมอหรือนักเวทดู"
ลูมินัสมองคนทั้งสองที่ยืนคุยกันค้ำหัวอยู่เธออย่างสับสนราวเด็กหลงทาง ดวงตาสีน้ำตาลเกลื่อนไปด้วยความไม่แน่ใจ และไม่แน่ใจมากยิ่งขึ้น เมื่อคนผมดำที่ตัวเล็กกว่าอีกคนอยู่นิดหนึ่งยื่นมือมาหา ดวงตาสีม่วงของเขาไม่บ่งอารมณ์ ดวงหน้าค่อนข้างคร้ามเช่นคนใช้ชีวิตกลางแจ้งเรียบเฉย เธอมองมือนั้นอย่างงุนงง จนเจ้าของมือต้องออกปาก
"ลุกขึ้นสิ เราจะได้ไปกันเสียที"
"ไป...ไหน" เสียงหวานถามอย่างขลาด ๆ
"ไปหาหมอ เผื่อว่าหมอจะช่วยทำให้ความทรงจำของเจ้ากลับมาได้"
"ไม่ไป...ได้ไหม"
"ถ้าไม่ไปแล้วจะไปไหน" เขาถามเรียบ ๆ สีหน้ายังคงไร้อารมณ์เช่นเคย
เธออึ้งไปนิด ก่อนส่ายศีรษะ
"ถ้าไม่มีที่ไปก็ไปกับพวกข้า ไม่ต้องกลัว" ถ้อยคำประหลาด แยกไม่ออกว่าเป็นคำสั่งหรือคำเชิญชวน หากทำให้เด็กสาวสงบลงอย่างประหลาด เธอรู้สึกมั่นคงมากขึ้น เพียงพอที่จะวางมือข้างหนึ่งลงบนมือที่ยื่นมานั้น
ไม่รู้เช่นกันว่าด้วยเหตุใด เธอจึงรู้สึกว่าคนตรงหน้าไว้ใจได้ ดวงตาสีม่วงคู่นั้นเยือกเย็น ไร้อารมณ์ แต่กลับชวนให้อุ่นใจ
ในความเงียบ เสียงกริ๊กเบา ๆ ดังขึ้นเมื่อโลหะกระทบกัน
ดวงตาสามคู่จับมองที่มาของเสียงนั้น สร้อยเงินเส้นบางบนข้อมือของเด็กสาวข้างที่อาเธลจับอยู่คือต้นกำเนิดเสียง มันห้อยจี้เงินซึ่งตีจนเป็นแผ่นกลมบางเฉียบเอาไว้ ดวงตาสีน้ำตาลเข้มของเจ้าของสร้อยดูงุนงง ได้แต่เฝ้ามองเด็กหนุ่มสีหน้าไร้อารมณ์คนนั้นเอื้อมมือมาจับจี้ไปพลิกดู ก่อนที่สีหน้าจะเครียดขึ้นในทันใด
"ทีแลน เจ้าดูนี่"
น้ำเสียงที่เปลี่ยนไปของเพื่อนทำให้ทีแลนรีบชะโงกหน้าเข้ามา ก่อนตาโตไปอีกคน
บนแผ่นเงินนั้นมีเส้นบาง ๆ สลักอยู่ ไม่ใช่ตัวอักษร หากเป็นภาพสีเหลี่ยมสูงซึ่งฐานกว้าง ยอดแคบ เหนือสี่เหลี่ยมนั้นขึ้นไปเป็นรูปวงกลมซึ่งมีรัศมีหกแฉก...สัญลักษณ์แสงสว่างที่แท้จริงซึ่งชาววินเดเมียร์ไม่เคยพบเจอมานับพันปีแล้ว
นี่คือตราของหอแสง...ตราประจำตัวของผู้ทอแสง...และทั่วทั้งวินเดเมียร์นี้ อาจมีเพียงผู้ทอแสงคนเดียวที่ได้รับอนุญาตให้พกติดตัว
"เด็กนี่เป็นผู้ทอแสงหรือ" ทีแลนอุทานก่อนยิ้มกว้าง...ท่าทางเขาจะเก็บของดีได้เสียแล้ว ถ้าลูมินัสคือผู้ทอแสงจริง ก็สบายล่ะ
อาเธลไม่ตอบ เขากำลังสงสัยแบบเดียวกัน หากยังไม่ปักใจนัก ถ้าให้แพทย์หลวงตรวจร่างกายเธอ อาจจะรู้อะไรมากขึ้นบ้างกระมัง
"ข้าขอถอดสร้อยเส้นนี้มาดูใกล้ ๆ หน่อยได้ไหม" เด็กหนุ่มถามเจ้าของสร้อย และเมื่อได้รับอาการพยักหน้านิดหนึ่งเป็นคำตอบ เขาก็เอื้อมไปที่ตะขอ
หากวินาทีที่เขากำลังจะง้างตะขอนั่นเอง ก็บังเกิดแรงดีดหนักหน่วงขึ้นจากตะขอนั้น แรงนั้นไม่เพียงทำให้มือของเด็กหนุ่มหลุดจากตะขอ หากยังส่งร่างของเขาทั้งร่างกระเด็นลงไปกองกับพื้น แรงเดียวกันอัดใส่ลูมินัส ร่างบางของเด็กสาวกระแทกเข้ากับผนังกระท่อมอย่างแรง ถึงขนาดว่าผนังกระท่อมที่ทำด้วยไม้ซุงแตกร้าวไปบางส่วน
"เวทต่อต้านขั้นรุนแรง" ทีแลนพึมพำ ดวงตาสีฟ้าอมเขียวหรี่ลงนิดหนึ่ง เวทซึ่งถึงขั้นทำให้ซุงกระเทาะก็แปลว่าผู้ที่ลงผนึกเวทไว้ไม่ธรรมดา
และแปลว่าสร้อยเส้นนี้ต้องมีความพิเศษอะไรบางอย่าง ถึงขั้นที่จะปล่อยให้ใครถอดมันออกไม่ได้ !
เด็กหนุ่มนักเวทพยายามจะเข้าไปช่วยประคองให้คนที่เขาคิดว่าคงทั้งเจ็บทั้งจุกให้กลับนั่งตัวตรงได้อีกครั้ง หากเพียงเขาเข้าใกล้ คนที่เพิ่งกระแทกท่อนไม้เข้าเต็มเหนี่ยวก็สะดุ้งโหยง เผ่นผึงลงจากตั่ง โดยไม่มีวี่แววของอาการเจ็บหรือจุกเลยแม้แต่น้อย ไปหลบอยู่ด้านหลังอาเธลซึ่งเพิ่งลุกขึ้นนั่ง
"อย่าเอาสัตว์ประหลาดเข้ามาใกล้ข้า" เด็กสาวร้องเสียงสั่น
"มีแรงวิ่งด้วยหรือ" ทีแลนถามอย่างประหลาดใจ ก็ดูสิ ขนาดไอ้ฝ่าบาทโดนเข้าไปเบากว่า มันยังจุกจนยืนไม่ขึ้นอยู่เลย "ไม่เจ็บเลยเรอะ"
คนโดนถามกะพริบตาอย่างงุนงง ลองจับด้านหลังของศีรษะและแผ่นหลังที่กระแทกกับไม้ซุงอยู่เป็นครู่ กด ๆ ดู แล้วก็เอียงคอคล้ายสงสัย ก่อนส่ายหน้า
"แปลก" อาเธลมุ่นคิ้ว เสื้อผ้าที่มีรอยขาดเป็นบางช่วงของเด็กสาวทำให้เขาเห็นว่าที่ไหล่ข้างหนึ่งของเธอมีรอยช้ำซึ่งเริ่มเปลี่ยนจากสีแดงเป็นม่วงจาง ๆ แล้วจะไม่เจ็บได้อย่างไร
ความสงสัยทำให้เด็กหนุ่มเอ่ยขอโทษเบา ๆ ก่อนลองกดลงที่รอยช้ำนั้น หากเด็กสาวก็ยังนิ่ง
ทีแลนมองอย่างครุ่นคิดอยู่เป็นครู่ ก่อนเริ่มร่ายเวท
และลมอุ่นที่โอบล้อมอยู่รอบตัวพวกเขาก็แปรสภาพเป็นเหมือนใบมีดเล็ก ๆ พุ่งเข้าหาเด็กสาวราวพายุ อาเธลตาโต ร้องห้ามไม่ทันเพราะนึกไม่ถึงว่าเพื่อนจะทำอะไรห่าม ๆ เช่นนี้ เวทคมมีดลมของตระกูลเซฟีร์เป็นเวทถูกคิดค้นขึ้นเพื่อใช้ทรมานนักโทษระหว่างสอบปากคำในสมัยโบราณ แผลเล็ก ไม่ลึก แทบไม่มีเลือดไหล หากเจ็บถึงขั้วหัวใจ
ครู่เดียวลมแรงก็หยุดพัด คมมีดลมทำหน้าที่ได้มีประสิทธิภาพยิ่ง อาเธลโดนลูกหลงเข้าไปแผลหนึ่งที่ต้นแขน ยังเจ็บจนแทบต้องขบกราม ทว่าเมื่อหันไปมองลูมินัสซึ่งมีแผลบาง ๆ ปรากฏอยู่บนร่างถึงสี่ห้ารอย กลับพบว่าสีหน้าของเธอไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิด
"เจ้าไม่รู้จักความเจ็บปวด" เด็กหนุ่มอุทานเมื่อมาถึงข้อสรุปเดียวที่พอจะนึกได้
ทีแลนยิ้มคล้ายกำลังสนุกเสียเต็มประดา
"คงไม่มีคนไข้รายไหนจะน่าสนใจและปราบเซียนได้เท่านี้ ข้าอยากเห็นหน้าท่านแพทย์หลวงคิริลตอนรู้อาการของนางจริง ๆ"
------------------------------------------------ จบไปหนึ่งบทแล้วค่า ขอบคุณสำหรับใครก็ตามที่หลงเข้ามาอ่านนะคะ
ป.ล. ถ้ามีอะไรอยากแนะนำกันก็ขอให้สับได้ตามสะดวกเลยนะคะ ไม่ต้องเกรงใจ (จริง ๆ นะ) ยินดีรับฟังเสมอค่ะ ^ ^
แก้ไขเมื่อ 11 มิ.ย. 55 05:44:48
แก้ไขเมื่อ 31 พ.ค. 55 02:59:08
จากคุณ |
:
พลอยฟ้าปรายฝน
|
เขียนเมื่อ |
:
31 พ.ค. 55 02:47:53
|
|
|
|