Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ชายิกาของเจ้าชาย บทที่ 4+5 โดย นปภา ติดต่อทีมงาน

บทที่ 4 เมื่อหนุ่มหล่อสองคนมาเผชิญหน้ากัน

“จำผมได้ไหมครับ” คามินทัก

“ค่ะ จำได้ค่ะ” แพรธาราตอบรับเสียงสดใสแล้วยิ้มหวานให้ชายหนุ่ม

ในสายตาของคามิน แววตาของเธอเป็นประกายเหมือนแววตาเด็กน้อยที่เจอของถูกใจ เขาจึงอนุมานไปว่าเธอเองก็ดีใจที่ได้พบกัน และบางทีอาจจะสนใจเขาอยู่เช่นกัน

น่าเศร้าที่สิ่งที่ชายหนุ่มคิดมันไปคนละทิศทางกับความเป็นจริง เจ้าแววตาเป็นประกายที่เขาเห็นนั้น คืออาการกระเหี้ยนกระหือรืออยากจะจับเขาเอาไปเป็นตัวเอกนิยายเต็มแก่ หญิงสาวจ้องชายหนุ่มไม่วางตาเพราะกำลังเก็บรายละเอียดปลีกย่อยของโครงหน้าเอาไว้ในความทรงจำให้ได้มากที่สุด หาได้มีจิตพิศวาสในทางชู้สาวเลยแม้แต่น้อย

“ได้รับของที่ผมฝากไว้ให้หรือยังครับ” คามินชวนคุย

“ได้แล้วค่ะ ขอบคุณนะคะ”

“อย่าพูดแบบนั้นเลยครับ ผมต้องขอโทษเสียมากกว่าที่เลือกของพื้นๆ ให้ พอดีรีบร้อนไปหน่อยก็เลยเลือกยี่ห้อที่คนรู้จักใช้ ถ้าไม่ถูกใจบอกได้นะครับ ผมจะหาอย่างอื่นมาเปลี่ยนให้”

“ไม่ต้องหรอกค่ะ” แพรธาราโบกมือห้ามเป็นการใหญ่

หญิงสาวถือคติทำดีด้วยใจไม่ต้องการของตอบแทน ความรู้สึกอิ่มใจที่ได้รับมาจึงเปรียบเสมือนของตอบแทนชั้นยอด

เห็นเธอปฏิเสธแข็งขันอย่างนั้น คามินเลยแกล้งพูดเรื่องของตอบแทนที่เป็นตัวเงิน เจตนาเพื่อทดสอบหญิงสาวโดยเฉพาะ เขาอยากพิสูจน์ให้มั่นใจว่าเธอแตกต่างจากคนอื่น

“เอาอย่างนี้ไหมครับ เปลี่ยนเป็นผมให้เงินรางวัลคุณดีกว่า ของในกระเป๋ามูลค่าสูงมาก ถ้าหายไปผมคงแย่ เอาสักห้าหมื่นเป็นไงครับ ไม่สิน้อยไป แสนหนึ่งแล้วกันนะครับ”

ชายหนุ่มหยิบสมุดเช็คออกมจากกระเป๋า แล้วเขียนตัวเลขลงไปอย่างรวดเร็ว เขาจงใจเขียนต่อหน้าหญิงสาวเพื่อให้เธอเห็นตัวเลขหกหลักชัดๆ

จำนวนเงินทำให้แพรธาราตาโต อย่าว่าแต่ห้าหมื่นเลย แค่หมื่นเดียวก็มากแล้วสำหรับคนอย่างเธอ หญิงสาวคิดถึงจำนวนสิ่งของที่สามารถหาซื้อมาได้จากเงินจำนวนนี้ แล้วกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่

หญิงสาวยอมให้ความโลภครอบงำตัวเองอยู่อึดใจ ก่อนจะขับไล่มันออกไปจากใจ ด้วยศักดิ์ศรีที่ค้ำคออยู่ เธอบอกไปแล้วว่าไม่ต้องการอะไรเป็นเครื่องตอบแทน ดังนั้นจะกลับคำไม่ได้เป็นอันขาด

“ฉันไม่ได้หยิ่งนะคะ แต่ไม่กล้ารับจริงๆ แค่คำขอบคุณกับชุดของขวัญที่ให้มา เท่านี้ก็มากเกินพอแล้วล่ะค่ะ”

หญิงสาวปฏิเสธเสียงนุ่ม แต่ในความนุ่มนวลก็มีความหนักแน่นอยู่ในน้ำเสียง ไม่ว่าคามินจะคะยั้นคะยออย่างไรเธอก็ไม่ยอมรับเงินเอาไว้ สุดท้ายเขาก็ต้องเป็นฝ่ายเก็บเช็คเข้ากระเป๋าไป

“ผมยอมแพ้แล้วครับ เกิดมาเพิ่งเจอคนไม่เห็นแก่เงินจริงๆ ก็วันนี้แหละ” ชายหนุ่มเปรย

“ใครว่าไม่อยากได้ล่ะคะ เสียดายแทบตาย อยากเอาไปชอปปิงจนมือสั่นเลยล่ะ แต่ถ้ารับมันจะรู้สึกเป็นบาปยังไงก็ไม่รู้ อืม…จะว่ายังไงดี เหมือนขาดทุนไม่ได้ความดีแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วยน่ะค่ะ ฉันไม่ค่อยได้ทำบุญ ก็เลยงกความดีมากกว่างกเงินนิดหน่อย”

ยิ่งได้คุยกับแพรธารามากเท่าไร คามินก็ยิ่งรู้สึกประทับใจในความตรงไปตรงมากับทัศนคติของหญิงสาวมากเขานั้น ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้สวยฉูดฉาดปาดตา แต่กลับมีเสน่ห์อย่างไม่น่าเชื่อ

‘เธอจะมีใครแล้วหรือยังนะ’

คามินเริ่มหวั่นใจว่าหญิงสาวจะมีคนรักแล้ว กระนั้นก็ยังไม่ตีตนไปก่อนไข้ เขาชวนเธอคุยต่อเพื่อหลอกถาม

“ลองใช้ของที่ให้ไปหรือยังครับ ในนั้นมีโคโลจญ์ของผู้ชายอยู่ด้วย ลองเอาให้แฟนใช้สิครับ กลิ่นอ่อนๆ แฟนคุณน่าจะชอบ”

“ฉันยังไม่มีแฟนหรอกค่ะ แต่ไม่ต้องกลัวว่าจะเสียของนะคะ ฉันยกให้พี่ชายใช้ไปแล้ว”

หญิงสาวเจื้อยแจ้วไปอย่างพาซื่อ เลยไม่ทันสังเกตเห็นแววตาพออกพอใจของอีกฝ่าย

ตอนนี้แพรธารากำลังมุ่งความสนใจไปที่การแต่งกายของคามิน เธอกรี๊ดกร๊าดในใจสุดเสียงเมื่อเหลือบไปเห็นว่าเสื้อเชิ้ตตัวในของเขาเป็นสีชมพู ผู้ชายคนนี้เหมาะกับสีชมพูมากๆ ใส่แล้วไม่ได้ดูแต๋วหรือหวานไป แต่ทำให้ดูเป็นผู้ชายอบอุ่น ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกราวกับว่าเขาเป็นร่างจำแลงนายเอกในนิยายของเธออย่างไรอย่างนั้น

ในขณะที่แพรธารากำลังเพลิดเพลินไปกับจินตนาการในโลกสีม่วง ฝ่ายตรงข้ามก็เริ่มโปรยเสน่ห์ใส่หญิงสาว

“วันนี้คุณใช้สบู่กับโลชันในเชตนั้นมาใช่ไหมครับ”

“ค่ะ รู้ได้ยังไงคะ” หญิงสาวถามด้วยความแปลกใจ

“กลิ่นไงครับ”

ชายหนุ่มไม่พูดเปล่าแต่โน้มตัวลงมาใกล้ ใบหน้าหล่อเหลาของคามินอยู่ห่างจากพวกแก้มของหญิงสาวไปไม่เกินฝ่ามือ เขาสูดจมูกจนได้ยินเสียงหายใจ แล้วพึมพำออกมาว่า “หอมจัง” ก่อนจะถอยออกมาอีกหนึ่งคืบเพื่อจะได้ประสานสายตากับหญิงสาว

เจอลูกไม้นี้เข้าไปผู้หญิงส่วนใหญ่ไม่หน้าแดงก็ต้องใจเต้นระส่ำ ทว่าแพรธารากลับไม่มีปฏิกิริยาเลยแม้แต่น้อย เธอไม่ได้ใจแข็งเกินมนุษย์ เพียงแต่พอเอาเขามาเป็นนายเอกนิยายแล้ว ใจมันก็เผลอคิดไปโดยไม่ได้ตั้งใจว่าผู้ชายคนนี้ไม่แมน ความขัดเขินจึงไม่บังเกิด

“ไม่ใช่แค่หอมนะคะ ใช้แล้วผิวนุ่มขึ้นแยะเลย” หญิงสาวพูดพลางเอามือหยิกแก้มตัวเอง

ท่าทางแบบเป็นธรรมชาติ ทำให้คามินกลายเป็นฝ่ายถูกโปรยเสน่ห์ใส่เสียเอง ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนถูกศรรักพุ่งเข้ามาปักที่กลางอก ทำเอาโลกหยุดหมุนไปชั่วขณะแถมยังมีกลีบดอกไม้สีชมพูดโปรยลงมาเป็นสายฝนด้วย

เธอน่าเอ็นดูจนถอนสายตาไปไม่ได้ เขาเกือบบุ่มบ่ามทำอะไรไม่คิดไปแล้วตอนเห็นแก้มนุ่มนิ่มถูกหยิก ถ้าห้ามได้เขาคงติงออกไปว่าสิ่งที่สมควรได้แตะต้องพวงแก้มของเธอมีแค่สองอย่างคือปากกับจมูกของเขาเท่านั้น

“จริงสิคะ! เกือบลืมถามไปเลยว่าคุณรู้ที่อยู่ของฉันได้ยังไง”

คามินยังไม่ทันได้ตอบคำถาม การสนทนาก็สะดุดลงเสียก่อน เพราะมีฝรั่งผมบลอนด์มายืนกระแอมอยู่ด้านหลัง

ลอยด์มองเห็นจากระยะไกลว่าคามินเดินตรงรี่เข้าไปหาแพรธารา ในสายตาของเขา หญิงสาวดูระริกระรี้เหลือเกินที่ได้คุยกับหนุ่มหล่อ แถมเจ้าหนุ่มหล่อรายนี้ยังทำท่าเหมือนมีเรื่องให้คุยกันแบบไม่จบไม่สิ้นอีกด้วย

“ได้ข่าวว่าคุณมีธุระกับผมใช่ไหมคามิน หรือผมเข้าใจผิดไป”

“ขอโทษครับลอยด์ ผมบังเอิญเจอผู้มีพระคุณ ก็เลยเผลอตัวไปหน่อย”

คามินยิ้มให้อีกฝ่ายเก้อๆ เขาเป็นคนนัดกับลอยด์เอง แต่กลับมายืนจีบสาวเสียได้ ก็สมควรอยู่ที่อีกฝ่ายจะไม่พอใจ

“ผู้มีพระคุณ? คนของผมนี่นะ” ชายหนุ่มทำเสียงสูงเพื่อเน้นประโยคหลัง แต่สองหนุ่มสาวกลับเข้าใจว่าเขามีท่าทีแบบนี้เพราะประหลาดใจมากกว่า

“แค่ช่วยเหลือกันนิดหน่อย ไม่ถึงขนาดเป็นพระคุณอะไรหรอกค่ะ คุณคามินก็พูดเกินไป” แพรธาราเอ่ยแทรก

“น่าสนใจดีนี่ ถ้ายังไงระหว่างที่เราคุยธุระกัน ช่วยเล่าให้ผมฟังอย่างละเอียดได้ไหมคามินว่าคุณรู้จักกับมารีนได้ยังไง ชักอยากรู้เร็วๆ แล้วสิ”

ลอยด์ยิ้มกว้างแต่ตาไม่ยอมยิ้มตามสีหน้าเลยสักนิดเดียว เขากำลังฉุนที่ไม่รู้ว่าทั้งสองคนไปรู้จักกันตอนไหน แพรธาราควรจะเล่าเรื่องนี้ให้เขาฟังแต่หญิงสาวกลับไม่เคยเกริ่น คิดแล้วก็น้อยใจขึ้นมาอีกเป็นคำรบสอง

“ได้ครับ ด้วยความยินดี”

คามินรับปากแต่ไม่ยอมขยับ ลอยด์เลยออกคำสั่งอย่างอ้อมๆ ด้วยการผายมือเชิญชายหนุ่ม กระนั้นอีกฝ่ายก็ยังมัวลีลาไม่ตามมาโดยง่าย

“ขอตัวก่อนนะครับ” ชายหนุ่มค้อมตัวให้แพรธาราแล้วทอดสายตามองคล้ายจะอาลัย

ที่น่าหมั่นไส้สุดขีดคือแม่ตัวดีโบกมือโบกไม้ล่ำลาด้วยท่าทางกระดี๊กระด๊าสุดขีด แถมยังลาแล้วไม่ลาเลย เดินตาปรอยตามมาส่งจนถึงหน้าของทำงานของเขาอีกด้วย

แพรธาราเดินตามมาส่งถึงห้องไม่ใช่เพราะหลงเสน่ห์คามิน แต่การได้เห็นลอยด์ยืนคู่กับคามินไอเดียของเธอมันก็กระฉูด

หญิงสาวแทบจะเอาตัวเองไปติดกระจก เพื่อเกาะขอบดูชายหนุ่มรูปงามสองคนจิ๊จ๊ะกัน แม้ในความเป็นจริงสองหนุ่มจะคุยกันธรรมดาอยู่ในห้อง แต่เธอก็เอาไปนึกต่อยอดเป็นฉากวาบหวามสยึมกึ๋ยเรียกเลือดได้ สายตาคมๆ ของลอยด์ที่ตวัดมองมาทางคามินทำให้หญิงสาวต้องกัดปากตัวเองแล้วบิดเกลียวด้วยความขัดเขิน

‘นี่มันฉากหึงหวงชัดๆ’

ที่เธอคิดพล็อตเอาไว้คือมีผู้หญิงมายุ่งเกี่ยวกับนายเอก พระเอกก็เลยเรียกนายเอกเข้าไปคุยในห้องทำงาน สถานการณ์มันช่างประจวบเหมาะจนเธอนึกบทสนทนาออกมาได้เป็นฉากๆ

…………
……
…
“นายมีธุระอะไรกับฉันลอยด์” คามินเอ่ยเสียงเข้มเมื่อถูกสั่งกึ่งๆ บังคับให้ต้องมานั่งเผชิญหน้ากับคนหน้ายักษ์ที่ไม่รู้ว่าไปโกรธใครมาสักสิบชาติ

“ก็แค่อยากถามว่านายรู้สถานะของตัวเองใช่ไหม”

“สถานะ? หมายความว่าไง นายจะบอกว่าฉันเป็นลูกน้องนายอย่างนั้นเหรอ ถ้าเป็นอย่างนั้นนายก็ควรจะรู้สถานะของตัวเองเอาไว้ด้วยว่านายสั่งฉันได้เพราะเรื่องงานเท่านั้น”

คามินตอบกลับเสียงขุ่น เขาไม่รู้ว่าลอยด์หงุดหงิดเรื่องอะไรมา แต่มันไม่ใช่หน้าที่ของเขาที่จะมาเป็นกระโถนท้องพระโรงคอยรองรับอารมณ์

“ถ้าไม่มีธุระแล้ว ฉันขอตัว”

คามินหยัดตัวลุกขึ้นแต่ก็ยังไม่ก้าวออกไปจากเก้าอี้เสียทีเดียว เพราะรอดูปฏิกิริยาของอีกฝ่ายอยู่

ลอยด์ไม่พูดอะไรแม้แต่ประโยคเดียว สิ่งที่ชายหนุ่มทำคือมองสบตาเขาด้วยวาวตาวาวโรจน์ ราวกับมีเปลวไฟสีฟ้าครามลุกโชนอยู่ในนั้น มันสุมไปด้วยโทสะแต่ในขณะเดียวกันก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความเสน่หา เย้ายวนทรงอำนาจจนไม่อาจขัดขืน

คนมีอำนาจเหนือกว่าตวัดสายตาไปที่เก้าอี้เป็นเชิงบอกให้นั่งลง อึดใจคามินก็นั่งลงตามคำสั่งทางสายตานั้น ชายหนุ่มนึกเกลียดตัวเองที่ยอมทำตามคำบงการของเขาเสมอ เกลียดจนต้องกำหมัดแน่นเพื่อข่มอารมณ์

ลอยด์สังเกตได้ว่าคามินกำลังโกรธ ชายหนุ่มเม้มปากเป็นเส้นตรงก่อนจะเอ่ยประโยคแรกออกมา

“คนที่โกรธสมควรจะเป็นฉันมากกว่า”

“ฉันทำอะไรให้มิทราบ นายต่างหากที่ลากฉันมานี่โดยไม่มีเหตุผล”

คามินกระแทกเสียงใส่ แล้วก็ต้องสะดุ้งโหยงเมื่อลอยด์ตบโต๊ะเสียงดังปัง

“ทำไมถึงสอนไม่เคยจำ” ลอยด์โน้มใบหน้าลงมาใกล้จนลมหายใจร้อนๆ เข้าไปคลอเคลียพวงแก้มของคนตรงหน้า “จะต้องให้บอกกี่ครั้งว่านายเป็นของฉัน ใครหน้าใครก็ไม่มีสิทธิ์แตะต้อง”

“อย่าบอกนะว่านายหึงที่มีสาวชวนฉันไปกินข้าว เรื่องนิดเดียวมันก็แค่…”

ลอยด์ไม่อยากจะฟังคำแก้ตัว เลยใช้ริมฝีปากร้อนๆ ทาบลงมาสั่งสอนคนช่างเถียง ’

ฉากรักในหัวทำให้แพรธาราแก้มร้อนฉ่า พอเห็นว่าลอยด์โน้มตัวไปใกล้คามินพอดี เหมือนอย่างที่จินตนาการไว้ สายวายตัวแม่แทบกรี๊ดแตกแล้วลงไปดิ้นกระแด่วๆ กับพื้น ด้วยความถูกอกถูกใจ

แน่นอนว่าบทพูดที่ว่ามานี้ไม่ใช่ของจริง แต่คนจะคิดเสียอย่างอะไรมันก็ห้ามไม่อยู่ แพรธารารีบหยิบสมุดมาจดบทสนทนาที่นึกออกใส่ลงไป แล้วเก็บข้าวของกลับบ้านไปเขียนนิยายต่ออย่างเพลิดเพลินเจริญใจ โดยหารู้ไม่ว่าจะมีการเขม่นกันเล็กๆ ระหว่างสองหนุ่มเกิดขึ้น และต้นเหตุจะเป็นใครไม่ได้เลยนอกจากเธอ


ทันทีที่เข้าไปในห้อง คามินก็วางแคตตาล็อกสินค้าลงตรงหน้าลอยด์ ชายหนุ่มอยากรีบจัดการงานให้เสร็จเพื่อที่จะได้กลับไปคุยกับแพรธาราต่อ ลอยด์มองท่าทีรีบร้อนของคามินออก ก็เลยแกล้งกักตัวเอาไว้เสียเลย

“ถือเป็นเกียรติมากที่รองประธานกรรมการของไทยซอฟต์มาส่งแคตตาล็อกให้ผมด้วยตัวเอง ถ้าให้เดาคุณคงไม่ได้มาด้วยเรื่องแค่นี้ใช่ไหม” ลอยด์เริ่มเปิดฉากการสนทนา

“ก็ไม่เชิงหรอกครับ ผมเอาแผนงานมาส่งให้ฝ่ายบริหารด้วย”

คามินยกกระเป๋าเอกสารขึ้นมาประกอบคำพูด พอหันไปสบตาลอยด์ก็เห็นว่าเขาทำท่าเหมือนจะถามว่าลงทุนมาด้วยธุระแค่นี้น่ะหรือ? ชายหนุ่มจึงพูดต่อว่าวันนี้เขาว่างช่วงบ่าย

“ถ้าอย่างนั้นคงไม่เป็นไรใช่ไหมถ้าผมจะรั้งคุณเอาไว้คุยเรื่องรถสักพัก”

“ไม่เลยครับ ด้วยความยินดี”

คามินมาเริ่มทำธุรกิจนำเข้ารถยนต์กับลูกพี่ลูกน้องเพราะความชอบส่วนตัว เขามีความรู้ด้านนี้ดีพอสมควร เลยทำหน้าที่กึ่งๆ ฝ่ายขายไปด้วย ถึงจะเปิดบริษัทมาไม่ถึงห้าปีแต่ในแวดวงธุรกิจต่างก็รู้กันดีว่าถ้าอยากได้รถนอกสักคัน การติดต่อผ่านชายหนุ่มถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดีและมีความน่าเชื่อถือ

“ดีเลย ถ้าอย่างนั้นเรื่องส่งแผนงานก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่คนอื่นแล้วกัน”

ลอยด์ยิ้มเย็นๆ ก่อนจะเรียกเลขานุการให้มารับเอกสารจากคามินไปส่งให้ฝ่ายที่รับผิดชอบงานเรื่องนี้

ใจของคามินอยากเอ่ยขัด เพราะตั้งใจจะใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้างแวบออกไป แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา เพื่อรักษามารยาทและสัมพันธภาพอันดีระหว่างสองบริษัท แม้ลอยด์จะไม่ใช่เจ้าของที่นี่แต่ก็มีอำนาจตัดสินใจเต็มร้อย ถ้าคุยกันถูกคอ อะไรๆ ก็จะง่ายขึ้น อีกอย่างแพรธาราไม่ได้หนีหายไปไหน เขาค่อยมาพบเธอใหม่วันหลังก็ได้

“ในระหว่างที่ผมดูรถ คุณก็เล่าไปด้วยก็แล้วกันว่าเจอกับคนของผมได้ยังไง”

ลอยด์หยิบแคตตาล็อกไปเปิดดู สายตาของชายหนุ่มจับจ้องอยู่ที่หน้ากระดาษ แต่ความสนใจทั้งหมดมุ่งไปที่เรื่องของคามินกับแพรธารา

“สัปดาห์ก่อนผมโดนวิ่งราวกระเป๋าครับ แล้วคุณแพรธาราช่วยเอาไว้ ถ้าไม่ได้เธอช่วยผมคงแย่”

“แปลก…มารีนไม่ยักเล่าให้ผมฟัง สงสัยจะกลัวโดนดุที่ทำอะไรเสี่ยงๆ แบบนั้น” ลอยด์แกล้งทำเป็นเปรย แล้วพึมพำเกี่ยวกับข้อมูลรถที่ได้อ่านผ่านตา

ประโยคลอยๆ ประโยคนี้ทำให้คามินรู้ว่าลอยด์สนิทสนมกับแพรธาราพอสมควร เขาอยากรู้ว่าทั้งคู่มีความสัมพันธ์กันแบบไหน แต่การถามอย่างตรงไปตรงมาไม่ใช่วิสัยที่จะทำได้ง่ายๆ โดยเฉพาะกับลอยด์ซึ่งขึ้นชื่อว่าขรึมและรักความเป็นส่วนตัว เลยต้องใช้วิธีหลอกถามแล้วดูปฏิกิริยาแทน

“คุณแพรธาราน่ารักดีนะครับ ไม่รู้ทำไมผมถึงถูกชะตา เห็นแวบแรกก็ชอบแล้ว”

คามินพูดแบบนี้เพราะคิดว่าถ้าลอยด์รู้สึกพิเศษกับแพรธาราก็น่าจะมีท่าทีผิดสังเกตบ้าง แล้วก็ได้ผล มือที่กำลังพลิกหน้าแคตตาล็อกอยู่ชะงักไปเลย

ลอยด์รู้สึกเหมือนว่ากำลังถูกประกาศสงครามความรัก แต่คนที่เก๋าเกมธุรกิจและถนัดสวมหัวโขนอย่างลอยด์ย่อมมีวิธีการปกปิดความรู้สึก และโต้กลับได้แบบเฉียบคม

“อย่าว่าแต่ชอบเลย หลงรักหัวปักหัวปำเสียมากกว่า ท่าทางรสนิยมเราจะคล้ายกันนะ”

คราวนี้ฝ่ายที่ผงะไปเป็นคามิน เขาไม่คิดว่าลอยด์จะพูดตรงแบบนี้ เลยออกอาการปั้นหน้าไม่ถูก

“ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะคามิน” ชายหนุ่มแสร้งทำเป็นตีหน้างง อีกฝ่ายเลยติดกับเผลอหลุดปากตอบไปตามตรง

“ไม่มีอะไรครับ ผมแค่คิดว่าคุณตรงไปตรงมากกว่าที่คิด”

“หึๆ ก็ต้องตรงไปตรงมาสิ ไม่อย่างนั้นของที่หมายตาก็ถูกคนอื่นคว้าไปพอดี” ชายหนุ่มเว้นช่วงคำพูด เขาพลิกหน้าแคตตาล็อกออกมากลาง แล้วชี้นิ้วไปที่รถสีดำคันหนึ่ง “ดีไซน์แบบนี้แหละที่ทำให้ผมหลง”

คามินย่นหัวคิ้วเมื่อการสนทนาเปลี่ยนไปอย่างปุบปับ แต่เมื่อมาคิดดีๆ ก็นึกได้ว่าลอยด์อาจจะไม่ได้หมายถึงแพรธารา เขาก็เลยถามออกไปเพื่อความแน่ใจ

“ที่ชอบนี่หมายถึงรถหรือครับ”

“ก็ใช่น่ะสิ ผมพูดถึงรถมาตั้งนานแล้ว”

ลอยด์มองมาด้วยสายตายิ้มเยาะ เหมือนผู้ใหญ่กำลังหยอกเด็ก และมันก็ทำให้ใบหน้าของคามินร้อนวูบขึ้นมา

คนถูกแกล้งเม้มปากเพื่อเรียกสติ แล้วหันกลับมาเผชิญหน้ากับราชสีห์แห่งคอนเนอร์คอมปะนีอีกครั้ง

“คุณสนใจคันนี้ใช่ไหมลอยด์ ผมจะให้เซลล์มาจัดการเรื่องสเปกให้ ว่างเมื่อไรโทรเรียกได้ตลอดเลย”

ลอย์ดรับคำด้วยการส่งเสียงอืมฮึในลำคอ ถัดจากนั้นสองหนุ่มก็นั่งเล่นเกมจ้องตากัน เกมนี้ใครทนความอึดอัดไม่ไหวพูดออกมาก่อนถือเป็นฝ่ายแพ้ ต่างฝ่ายจึงต่างนั่งเงียบเพราะไม่อยากปราชัย

สงครามสายตาดำเนินไปได้สิบนาทีก็ยุติลง เพราะถูกขัดจังหวะด้วยเสียงเคาะประตู

ชุติภาขออนุญาตเข้ามาเพราะต้องการมาเตือนท่านประธานกรรมการเรื่องนัดหมายเย็นนี้ ลอยด์มีนัดกับนักพัฒนาระบบคนหนึ่ง ผู้ชายคนนี้ทำงานอยู่บริษัทแม่ที่อเมริกา ความสามารถเรียกว่าระดับอัจฉริยะ ที่ยอมมาทำงานให้ก็เพราะถูกชะตากับลอดย์ล้วนๆ ดังนั้นก็เลยต้องเอาใจกันหน่อย

แล้วความคิดชั่วร้ายก็แวบเข้ามาในหัวของคนเจ้าเล่ห์ ลอยด์ฉวยโอกาสนี้ทำให้สร้างสถานการณ์ทำให้คามินเข้าใจผิดเสียเลย

“ผมขอตัวก่อนนะคามิน ลืมไปเสียสนิทว่ามีนัด”

ลอยด์ค้อมตัวให้คามินอย่างขอลุแก่โทษ แล้วก็ผละไปหลบมุมโทรศัพท์ด้วยความรีบร้อน

เมื่ออีกฝ่ายติดธุระ คามินจึงบอกลาตามมารยาท แล้วเก็บกระเป๋าเดินออกจาห้อง ทว่ายังไม่ทันได้จับลูกบิด ชายหนุ่มก็ต้องหูผึ่งกับประโยคสนทนาทางโทรศัพท์

“มารีน เย็นนี้ไม่ต้องรอผมกินข้าวนะ ผมเพิ่งนึกได้ว่ามีนัด ไม่โกรธนะที่รัก ผมขอโทษ”

ลอยด์ยืนหันหลังให้ ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นว่ามีคนแอบฟัง แต่ที่จริงแล้วแอบมองคามินจากเงาสะท้อนของกระจกหน้าต่าง ชายหนุ่มพูดเองเออเองไปเรื่อย สักอึดใจคามินก็เดินออกไปจากห้อง เขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายได้ยินชัดเจนมากน้อยแค่ไหน แต่ก็มั่นใจล่ะว่าอีกฝ่ายเข้าใจผิดเรื่องความสัมพันธ์ของเขากับแพรธาราไปเรียบร้อยแล้ว

จากคุณ : ตารกา
เขียนเมื่อ : 31 พ.ค. 55 13:38:37




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com