Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
'สวิง' รัก ... 'พัตต์' หัวใจ (บทที่ ๖) ติดต่อทีมงาน

ขอเกริ่นสักนิด

นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องราวของ ชยพล ชายหนุ่มผู้ซึ่งโดนบิดาปรามาสว่าชาตินี้ไม่มีวันทำอะไรสำเร็จ เขาจึงตั้งใจจะเป็น 'โปรกอล์ฟ' เพื่อลบคำสบประมาทให้ได้ และการจะเป็น 'โปรกอล์ฟ' ให้สำเร็จโดยเร็วก็ต้องอาศัย ชาลิดา 'แคดดี้มือหนึ่ง' เป็นสำคัญ

ความสำเร็จคงอยู่ไม่ไกล... ถ้าทั้งคู่ไม่ตีกันตายเสียก่อน

นิยายเรื่องนี้จะมีเรื่องราวเกี่ยวกับการเล่นกอล์ฟครบทั้งบรรยากาศและเทคนิค หวังว่าผู้อ่านจะได้รับความบันเทิง และความรู้ในกีฬาชนิดนี้บ้างตามสมควร

ปกติผมจะเขียนเรื่องเกี่ยวกับธรรมะและประวัติศาสตร์ ซึ่งถือว่าค่อนข้างจริงจังพอสมควร เรื่องนี้จึงเป็นอีกหนึ่งอารมณ์ที่พยายามจะกุ๊กกิ๊กกับเขาบ้าง หากไม่หวานหรือกุ๊กกิ๊กเท่าไหร่ ก็ให้ถือว่าเป็นเพราะวัยที่ล่วงเลยวันหวานมานานเกินไปแล้วกันนะครับ ^_^

นิยายเรื่องนี้เขียนเกือบจบแล้ว (เหลือประมาณสองบทสุดท้าย) ตั้งใจจะลงเดือนละสองครั้งครับ คือ วันที่ ๑ กับ ๑๖

คาดว่ากว่าจะลงครบก็คงเขียนจบพอดี ดังนั้นเป็นอันรับประกันว่า ต้องลงให้เพื่อนๆ ได้อ่านกันจนจบอย่างแน่นอน


บทที่ ๕
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12100672/W12100672.html

.........



บทที่ ๖


วันนี้ชยพลเข้ามาในบริเวณสนามกอล์ฟประมาณบ่ายสอง ถือว่าเร็วกว่าปกติ แต่เจ้าตัวไม่ได้แวะที่สนามไดร์ฟเช่นปกติ กลับขับรถคันเล็กเลยตรงไปยังอาคารคลับเฮาส์

เขาจอดรถเข้าซอง แล้วเดินตรงดิ่งลงไปชั้นล่างของคลับเฮาส์ ซึ่งเป็นที่ทำการในส่วนของแคดดี้

เมื่อเห็นผู้มาเยือน บรรดาแคดดี้ซึ่งนั่งพักผ่อนอยู่ตามโต๊ะ และเกลื่อนกลาดอยู่ตามพื้น ลุกขึ้นทำความเคารพ แล้วรีบเลี่ยงไป

ชยพลไม่สนใจสีหน้าตื่นๆ เหล่านั้น เดินรี่ไปยังห้องทำงานของหัวหน้าแคดดี้ทันที

เมื่อเปิดประตูผลัวะเข้าไปในห้อง เขาเห็นหัวหน้าแคดดี้ก้มหน้าก้มตาง่วนอยู่กับงานบนโต๊ะแต่เพียงผู้เดียว

หัวหน้าแคดดี้ซึ่งดูสูงวัยกว่า หน้าตาตื่น ลุกพรวดตามสัญชาตญาณ ขอบแฟ้มเกี่ยวชายเสื้อติดขึ้นมา ก่อนหล่นกระแทกพื้นเสียงดัง แต่เจ้าตัวกลับไม่มีปฏิกิริยาใดๆ จ้องค้างผู้มาเยือนนิ่ง

ชยพลเห็นดังนั้นหัวเราะอย่างอารมณ์ดี ยกมือไหว้ พลางเอ่ยยิ้มๆ “ไม่ต้องตกใจขนาดนั้นครับ ผมมาดี”

หัวหน้าแคดดี้เหมือนได้สติ ยกมือขึ้นรับไหว้ แล้วยิ้มเขินๆ

“คุณพลมีอะไรจะให้ผมรับใช้ครับ” เขาเอ่ยขึ้นพลางผายมือเชื้อเชิญผู้มาเยือนให้นั่งลงบนเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานของตน “อันที่จริงโทรให้ผมขึ้นไปพบก็ได้นะครับ”

ชยพลกระเถิบเก้าอี้เข้าไปใกล้ เอ่ยกระซิบกระซาบ “จะทำแบบนั้นได้อย่างไรล่ะครับ ในเมื่อผมอยากให้เรื่องนี้เป็นความลับ... ระหว่างเราสองคน”

หัวหน้าแคดดี้ยิ้มเฝื่อน “ไม่ทราบว่าเรื่องอะไรครับ”

“หัวหน้าต้องรับปากก่อน ว่าจะเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ ไม่งั้นหัวเด็ดตีนขาดผมก็ไม่พูด” ชยพลเอ่ยน้ำเสียงจริงจัง จ้องเขม็ง

หัวหน้าแคดดี้กลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดเต็มที แม้สีหน้าดูอึดอัด แต่ยังอุตส่าห์ตกปากรับคำ

เมื่อได้รับคำยืนยัน ชยพลเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ ท่าทีผ่อนคลายขึ้น “แคดดี้คนไหนเก่งที่สุดในสนามของเราครับ”

“ด้วงครับ” ผู้ถูกถามตอบโดยไม่ต้องเสียเวลาคิด

“ผมก็ได้ยินมาอย่างนั้น” ชยพลพูดแล้วขยับตัวเข้าไปชิดขอบโต๊ะอีกรอบ “ผมอยากได้เธอมาเป็นแคดดี้ส่วนตัว”

“แคดดี้ส่วนตัวนี่หมายถึง...” หัวหน้าแคดดี้ยิ้มจืด “แคดดี้ในสนามหรือว่า... เอ่อ... แคดดี้ในห้องครับ”

ชยพลตาลุกวาว จ้องชายตรงหน้าชั่วอึดใจ แล้วเอ่ยกลั้วหัวเราะ “แคดดี้ในสนามสิครับ อะไรทำให้หัวหน้าคิดเป็นอื่นไปได้”

หัวหน้าแคดดี้ยิ้มแหย “ด้วงเธอหน้าตาดี มีนายหลายคนจ้องจะอุปถัมภ์อยู่ แต่ก็ถูกตอกหน้าหงายไปทุกราย หากคุณพลคิดไปในทางนั้น ผมเกรงว่าจะโดนเหมือนคนอื่นน่ะครับ”

“ไม่ต้องกังวลครับ ผมไม่ได้คิดอุบาทว์อย่างนั้น” ชยพลพูดเป็นการเป็นงาน “อยากได้เธอมาเป็นแคดดี้ส่วนตัวจริงๆ”

อีกฝ่ายยิ้มอย่างโล่งใจ “ถ้าอย่างนั้นก็ไม่มีปัญหานี่ครับ เรียกใช้เธอได้ตลอด”

“มันไม่ง่ายอย่างนั้นสิครับ” ชยพลเอ่ยน้ำเสียงเคร่งเครียด “วันก่อนเราออกรอบด้วยกัน ดูเหมือนเธอไม่ค่อยอยากคุยกับผม ไม่รู้ว่าเพราะอะไร”

อีกฝ่ายรับฟังพลางพยักหน้าไปตามจังหวะการเล่า

“ด้วงเป็นเด็กที่น่าชื่นชม และก็น่าสงสารในเวลาเดียวกัน” หัวหน้าแคดดี้พูดเป็นปริศนาก่อนจะเล่าเรื่องของชาลิดาให้ผู้มาเยือนฟัง...


เมื่อได้ฟังประวัติคร่าวๆ ของชาลิดา ชยพลรู้สึกเห็นใจในความลำบาก และชื่นชมในความมุ่งมั่นของเธอ แต่เมื่อถามถึงเหตุผลที่เจ้าตัวเลี่ยงที่จะพบปะกับเขา กลับรู้สึกเหมือนชายตรงหน้ากำลังบ่ายเบี่ยง

“ผมว่าหัวหน้ารู้ แต่ไม่ยอมบอก” ชยพลเอ่ยเสียงเข้ม แววตาที่เคยเจือด้วยรอยยิ้มเปลี่ยนเป็นนิ่งเฉย “ถ้าไม่ยอมบอกกันก็ไม่เป็นไร แต่ผมว่าหัวหน้าลำบากแน่... ไม่ใช่แค่ขู่นะครับ”

ชายสูงวัยกว่าหน้าซีดเผือด มองผู้มาเยือนอย่างอึดอัดชั่วอึดใจ แล้วถอนใจหนักๆ “ผมเองก็ไม่แน่ใจนะครับ ว่าจะใช่เหตุผลนี้หรือเปล่า”

ชยพลไม่ต่อความยาวสาวความยืด จ้องเขม็งอยู่อย่างนั้น สีหน้าของอีกฝ่ายเหมือนกำลังตัดสินใจครั้งสำคัญ เขาเม้มปากแน่นแล้วเอ่ยขึ้น

“ด้วงตั้งใจจะเป็นแคดดี้อาชีพ เธอเคยบอกว่า อยากถือถุงให้นายที่เล่นจริงจังมากกว่านายที่เล่นแบบสนุกสนาน เธอว่าจะได้ถือโอกาสฝึกไปในตัว” ผู้เล่ามองหน้าชยพลเหมือนกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอีกครั้ง “แต่ชื่อเสียงของคุณพล… เอ่อ... ไปในทาง... สนุกสนาน”

ทายาทผู้บริหารจ้องเขม็ง “เธอมองว่าผมเหลาะแหละ?”

“คงไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ”

หัวหน้าแคคดี้ละล่ำละลักปฏิเสธ แต่ในความคิดของชยพล คำแก้ต่างนั้นฟังไม่ขึ้น เขาปักใจเชื่ออย่างนั้นเสียแล้ว

“ช่วยดูตารางให้ผมหน่อย วันนี้เธอมีนัดหรือยัง”

แม้หัวหน้าแคดดี้จะไม่เข้าใจความต้องการของอีกฝ่าย แต่ก็รีบเปิดสมุดสีน้ำเงินเล่มยาว ที่วางอยู่ด้านขวาของโต๊ะทันที ไม่ถึงอึดใจก็เอ่ยขึ้น “ยังไม่มีครับ”

“ขอเบอร์โทรศัพท์เธอให้ผมด้วย” ชยพลเอ่ยเสียงเข้ม สีหน้าเคร่งขรึม

หัวหน้าแคดดี้ไม่กล้าซักไซ้ เปิดดูเบอร์โทรศัพท์ในสมุดบันทึกแล้วรีบบอกทันที

หลังบันทึกเบอร์ลงในโทรศัพท์มือถือแล้ว ทายาทผู้บริหารสนามกอล์ฟสั่งการทันที “ลงเวลานัดได้เลยครับ ผมจะออกรอบกับเธอ... เดี๋ยวนี้!” บอกจบเจ้าตัวยกมือไหว้ลา แล้วลุกพรวดออกจากห้องไป

หัวหน้าแคดดี้ยกมือรับไหว้ค้างอยู่อย่างนั้น



ชาลิดากับวิภาวีมาทำงานตั้งแต่เช้าตรู่ แต่วันนี้บรรดานายๆ ไม่รู้หายไปไหน กว่าจะได้ออกรอบก็ปาเข้าไปเกือบแปดโมง

หลังจบรอบแรก ทั้งคู่รีบกินข้าว แล้วมานั่งคอยคิวรอบที่สองตั้งแต่บ่ายโมง จนนี่เกือบบ่ายสามอยู่รอมร่อก็ยังไม่เห็นวี่แวว

ปกติทั้งคู่ต้องคอยจนถึงที่สุด เพราะเคยตั้งใจกันไว้ว่า วันหนึ่งต้องได้ทำงานอย่างน้อยสองรอบ แต่วันนี้มารดาของชาลิดาอาการไม่ค่อยดี เธอไม่อยากกลับบ้านมืด จึงตกลงกันว่า ถ้าบ่ายสามยังไม่ได้ทำงาน จะกลับเลย และนี่ก็จวนจะบ่ายสามแล้ว ทั้งคู่จึงกำลังเตรียมตัวเก็บข้าวของ แต่เสียงโทรศัพท์มือถือของชาลิดากลับดังขึ้น

แคดดี้มือหนึ่งขมวดคิ้วยุ่งเมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์ที่ไม่รู้จัก แต่พอได้ยินเสียงจากปลายสายกลับต้องตะลึงงัน “พลไหนคะ” เธอถามออกไปทั้งที่ค่อนข้างมั่นใจอยู่แล้วว่าใครโทรมา

“ผมชยพล ลูกชายของคุณชาญชัย”

เสียงนั้นราบเรียบ ทว่าเธอกลับรู้สึกเย็นยะเยือก

เจ้าตัวรู้สึกเหมือนกำลังถูกจู่โจมโดยไม่ทันตั้งตัว แต่ก็พยายามรวบรวมสติ ถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่คิดว่านิ่งที่สุด “คุณพลมีธุระอะไรกับด้วงคะ”

“ผมไม่ได้มีธุระ แต่ผมจะออกรอบ และต้องการให้คุณถือถุงให้”

“คุณพลจะออกวันไหนคะ” เธอถามพลางคิดหาช่องทางที่จะหลบเลี่ยง

“วันนี้”

เสียงปลายสายชักเข้มขึ้นแต่เธอยังทำใจดีสู้เสือ “คุณพลให้คนอื่นถือแทนได้ไหมค่ะ พอดีว่าด้วงต้องรีบกลับ”

“ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน”

“เอ่อ...” น้ำเสียงของเธอตะกุกตะกัก “ที่ซุ้มแคดดี้ค่ะ”

“คุณอยู่ที่ซุ้ม ก็แสดงว่ากำลังรอคิว แล้วจะมาบอกว่ารีบกลับได้ยังไง”

เจอต้อนอย่างนี้ ชาลิดาไม่รู้จะออกทางไหนเหมือนกัน น้ำเสียงของอีกฝ่ายก็จริงจังเสียจนเธอทำอะไรไม่ถูก คิดอ่านอะไรไม่ออกเอาเสียเลย จึงถามเพียงว่า “คุณพลจะออกกี่โมงคะ”

“พร้อมเมื่อไหร่ก็ออกเมื่อนั้น” เสียงเข้มในสายบอกอย่างนั้น

จู่ๆ เธอฉุกคิดถึงทางเลี่ยงได้อีกหนึ่งอย่าง อาจดูไร้สาระ แต่ก็หวังว่าจะสร้างความรำคาญใจให้อีกฝ่ายได้บ้าง และบางทีเขาอาจล้มเลิกความคิดที่จะให้เธอถือถุงไปเลย “เดี๋ยวด้วงต้องถามหัวหน้าก่อน ว่ามีนายคนอื่นนัดไว้หรือยัง”

เสียงปลายสายเงียบไป เธอยิ้มมุมปาก มั่นใจว่าเขาคงไม่อยากง้อเธออีกแล้ว แต่ทว่า

“ไม่ต้องถามหรอก ผมถามมาแล้ว วันนี้คุณไม่มีนายคนไหนนัดทั้งนั้น”

ไม่เหลือช่องทางให้เดินบ้างเลย ชาลิดานึกโอดครวญในใจ ส่วนปากเอื้อนเอ่ยออกไปว่า “คุณพลจะมาถึงกี่โมงคะ”

“ผมมาถึงแล้ว”

เมื่อได้ยิน ชาลิดารีบดึงผ้าคลุมขึ้นมาปิดหน้า ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไร แต่ความรู้สึกส่วนลึกบัญชาให้ทำอย่างนั้น “คุณพลอยู่ไหนคะ” เธอถามออกไปด้วยน้ำเสียงตระหนกเล็กน้อย

“อยู่ข้างหลังคุณนี่แหละ”

เสียววาบไปถึงกระดูกสันหลัง ใจคิดว่าเขามายืนอยู่ข้างหลังเธอจริงๆ แต่พอหันกลับไปดูก็ไม่เห็น ครั้นกวาดสายตาดูไปทั่วๆ จึงพบว่าอีกฝ่ายยืนหน้าบอกบุญไม่รับอยู่ที่หน้าอาคารคลับเฮาส์

รู้สึกโล่งใจที่เขาไม่ได้อยู่ใกล้อย่างที่คิด

“คุณพลจะใช้รถหรือเปล่าคะ ใช้ก็ดีนะคะ จะได้ไม่เหนื่อย” เธอพยายามเกลี้ยกล่อม เพราะถ้าเขาใช้รถกอล์ฟ จะทำให้การออกรอบจบเร็วขึ้น

“ไม่ใช้... ผมอยากเดิน” โดนปฏิเสธไม่กระไรนัก แต่น้ำเสียงเข้มราวกับผู้ใหญ่ตำหนิเด็ก และสายตาที่จ้องเขม็งมาทำเธอหมดแรงเอาดื้อๆ “ไม่ต้องโยกโย้ชาลิดา ไปพบผมที่รถ”

เขาว่าพลางกดตัดสาย แล้วเดินจ้ำอ้าวไปโดยไม่เหลียวมามองเธออีก

วิภาวีซึ่งนั่งลุ้นอยู่ข้างๆ มองแคดดี้พี่เลี้ยงด้วยความอยากรู้อยากเห็น ว่าเจ้าตัวจะทำอย่างไร

“วันนี้วิคอยพี่หน่อยได้ไหม ถ้าได้มอเตอร์ไซค์วิ จะได้กลับบ้านไม่ดึกมาก พี่เป็นห่วงแม่”

“พี่ด้วงไม่ต้องห่วง ถ้าวิไม่ได้งาน เดี๋ยวเย็นๆ จะขี่มอเตอร์ไซค์กลับไปดูแม่ให้ เสร็จแล้วค่อยกลับมารับพี่ด้วงอีกรอบ”

ชาลิดารู้สึกเกรงใจแคดดี้รุ่นน้องเหลือเกิน ใจจริงไม่อยากให้เจ้าตัวพลอยลำบากไปด้วยเลย แต่ก็จนใจ “ขอบใจมากวิ พี่รบกวนหน่อยนะ”

“ไม่เป็นไรพี่ด้วง รีบไปเถอะ เดี๋ยวคุณพลจะดุเอา”

ชาลิดาพยักพเยิดหน้าแล้ววิ่งตามคนที่กำลังแสดงอาการหงุดหงิดไปทันที

เมื่อตามไปทัน เธอนึกว่าจะถูกต่อว่าอะไร แต่ก็เปล่า เขายื่นเพียง ‘กรีนฟรี’ หรือใบชำระค่าธรรมเนียมการออกรอบ กับ ‘สกอร์การ์ด’ ที่ใช้สำหรับจดคะแนนในการเล่นให้ แล้วเดินนำลิ่วไป



ที่แท่นทีออฟหลุม ๑ พาร์ ๔ ระยะ ๔๐๐ หลา เวลาประมาณบ่ายสามครึ่ง

ชาลิดายื่นหัวไม้ ๑ ส่งให้ชยพล แต่เจ้าตัวยังไม่ยอมรับ เดินเนิบๆ ขึ้นไปยืนบนแท่นทีออฟ มองนั่นมองนี่อยู่ครู่หนึ่งแล้วเดินลงมา เธอรีบยื่นให้อีกครั้ง ชยพลไม่สนใจอีก ทำทีเป็นยืดเส้นยืดสาย อบอุ่นร่างกายอย่างเอาจริงเอาจัง

ชาลิดามองย้อนกลับไปตามทางเดิน ภาวนาให้มีก๊วนหลังตามมา จะได้เร่งคนที่กำลังอบอุ่นร่างกายอย่างเนิ่นนานเกินขอบเขตไปในตัว แต่คำภาวนาของเธอดูจะไม่เป็นผล ตลอดเส้นทางปราศจากวี่แววของผู้คน ไม่มีแม้เสียงนกเสียงกา ราวกลับว่าขณะนี้โลกมีเพียงเขาและเธอ

ครู่หนึ่งชยพลรับหัวไม้ไป เธอคิดว่าเขาจะเล่นเลย แต่เจ้าตัวกลับซ้อมสวิงลมเบาๆ อย่างสบายใจ ทำเหมือนกำลังทบทวนจังหวะ ตรวจเช็คทุกขั้นตอนการสวิงไปในตัว

ใช่เธอจะไม่เคยเจอนายที่เล่นช้า ทว่าตั้งแต่เป็นแคดดี้มาเจ็ดปีเข้านี่แล้ว ยังไม่เคยเจอใครเชื่องช้าขนาดนี้ ช้าเสียจนเธอรู้สึกเหมือนกำลังถูกแกล้ง

หรือเธอกำลังถูกแกล้งจริงๆ?

ชยพลเดินสำรวจแท่นทีออฟอย่างละเมียดละไม ทรุดตัวลงนั่งยองๆ หยิบใบไม้ที่หล่นเกลื่อนกลาดอยู่บนพื้นทิ้งทีละใบ เมื่อบริเวณนั้นไม่มีเศษใบไม้หลงเหลือแล้ว จึงบรรจงปักทีลงไปในดิน ล้วงหยิบลูกกอล์ฟจากกระเป่ากางเกงออกมาขัดถูอย่างตั้งอกตั้งใจ เป่าลมไล่ละอองฝุ่น แล้ววางลงบนที หมุนตราสัญลักษณ์ของลูกกอล์ฟเข้าหาตัว คงตั้งใจว่าจะตีให้โดนจุดนั้น

ชาลิดาผ่อนลมหายใจ พยายามระงับอารมณ์ที่กำลังครุกรุ่นอย่างเต็มที่ เมื่อเห็นว่าเขายังไม่มีทีท่าว่าจะตีง่ายๆ จึงหลับตาลง รวบรวมสติที่กำลังแตกซ่านให้กลับมาสงบอีกครั้ง แต่เมื่อลืมตาขึ้นกลับต้องผงะ เพราะใบหน้าของเขามาลอยเด่นอยู่ตรงหน้า

“ขอน้ำกินหน่อยสิ”

จู่ๆ นายของชาลิดาเกิดหิวน้ำขึ้นมาซะอย่างนั้น เธอรีบก้มสำรวจตามช่องกระเป๋าของถุงกอล์ฟ แต่หาจนครบทุกช่องก็ไม่พบขวดน้ำ “คุณพลไม่ได้ซื้อมาค่ะ”

“อ้าว... เหรอ...” เขาทำเสียงยานคาง “แย่จัง... จะรอไปซื้อซุ้มหน้าก็กลัวจะตีไม่ดี เคยได้ยินว่าต้องจิบน้ำก่อนเล่นทุกหลุม ร่างกายจะได้สดชื่น”

จริงอย่างที่เขาว่า เธอเลยไม่รู้จะพูดอะไร จึงตอบเพียงสั้นๆ “ค่ะ”

“เดินกลับไปซื้อที่คลับเฮาส์ให้หน่อยสิ ผมจะจิบก่อนเล่น อยากให้ผลงานออกมาดีๆ”

แคดดี้มือหนึ่งสูดลมหายใจเข้าลึก ลึกเสียจนรอบอกขยายขึ้นอีกหลายเซนติเมตร แล้วผ่อนลมออกมาอย่างอ่อนใจ “ได้ค่ะ”

“อย่าช้านะ ผมไม่อยากกลับบ้านค่ำ” ทายาทผู้บริหารสนามกอล์ฟกำชับด้วยใบหน้าเคร่งขรึมขณะที่ยื่นธนบัตรสีแดงให้


ชยพลอาศัยช่วงเวลาระหว่างรอ กวาดสายตามองรอบๆ ตัว บรรยากาศในสนามกอล์ฟยามเย็น น่ารื่นรมย์ดีเหมือนกัน

ต้นไม้ใหญ่น้อยบรรจงปลูกเรียงรายไว้อย่างสวยงาม ไม้ดอกหลากสีหลายพันธุ์บานสะพรั่งราวกับกำลังแข่งกันอวดรูปโฉม บางชนิดดอกสวย บางชนิดใบเด่น บางชนิดสีสันสดใสของดอก ตัดกับสีเขียวเข้มของใบทำให้ดูโดดเด่นสะดุดตา ลำแสงจากดวงอาทิตย์ที่สาดส่องลัดเลาะมาตามก้อนเมฆหลากรูปทรง แม้ไม่เจิดจ้าแต่ก็พอเห็นเป็นประกายพร่างพราว โดยเฉพาะยามเมื่อยั่วเย้ากับยอดหญ้า

สมัยเด็กเขาเคยคิดต่อต้านการสร้างสนามกอล์ฟ เพราะเห็นว่าต้องตัดไม้ทำลายป่า ครั้นพอโตขึ้น กลับได้ฉุกคิดในอีกแง่มุมหนึ่ง

สนามกอล์ฟก่อให้เกิดการจ้างงานหลายอัตตา อีกทั้งยังช่วยดึงดูดให้ชาวต่างชาติมากมาย หลั่งไหลเข้ามาเล่นกอล์ฟในเมืองไทย โดยเฉพาะชาวเกาหลี ญี่ปุ่น มีการจัดทัวร์สำหรับนักกอล์ฟกันอย่างเป็นล่ำเป็นสันทีเดียว

เขาไม่รู้เหมือนกัน ว่าความคิดไหนผิดหรือถูก บางครั้งความ ผิด – ถูก อาจอยู่ที่ว่า มองจากมุมไหน หรือมุมของใครก็ได้ ถูก มนุษย์เป็นผู้ตัดสิน ผิด มนุษย์ก็เป็นผู้ตัดสินอีกเช่นกัน

แล้วความเป็นจริงอยู่ตรงไหนล่ะ?

เป็นไปได้หรือเปล่าว่า หากใครทำถูกใจเรา เราก็ว่าเขาถูก แต่หากใครทำไม่ถูกใจเรา เราก็ว่าเขาผิด

การกระทำของเขาในตอนนี้ก็เช่นกัน ใครจะบอกได้ว่าผิดหรือถูก

หากมองในมุมของชาลิดา เขาก็คงผิด ที่กลั่นแกล้งเธอ แต่ถ้ามองในมุมของเขา เธอก็ผิด ที่คิดว่าเขาเหลาะแหละ แต่ใครจะผิดหรือถูกเขาไม่สน สนแต่ว่าตอนนี้กำลังมีความสุข สุขที่ได้เห็นเธออึดอัด

แววตาของเธอเด็ดเดี่ยว บ่งบอกถึงการไม่ยอมลงให้ใครง่ายๆ แต่ในเมื่อปัจจัยทางสังคมส่งผลให้เขาเหนือกว่า เจ้าตัวจึงไม่อยู่ในฐานะที่จะใช้อารมณ์ได้ ถ้าเขาไม่ใช่ทายาทประธานบริหารในองค์กรที่เธอจำเป็นต้องทำงานอยู่ สถานการณ์จะออกมาในรูปใด เกินจะคาดเดาจริงๆ แต่เชื่อว่าคงไม่ใช่ลักษณะนี้แน่

อันที่จริงเธอก็มีความอดทนดีเหมือนกัน แต่เขาอยากรู้นัก ว่าเจ้าตัวจะอดกลั้นได้นานสักเพียงใด?




.........



(โปรดติดตามตอนต่อไป ๑๖ มิ.ย. ๕๕)

จากคุณ : วรบรรณ
เขียนเมื่อ : 31 พ.ค. 55 18:17:44




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com