Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
กนกนาคราช (บทที่ 7 ความลับของปลายฟ้า) ติดต่อทีมงาน

กนกนาคราช (บทที่ 1 ผ้าไหมโบราณ)
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12086966/W12086966.html
กนกนาคราช (บทที่ 2 แรงดึงดูด)
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12103088/W12103088.html
กนกนาคราช (บทที่ 3 แรงปรารถนานำพา)
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12115475/W12115475.html
กนกนาคราช (บทที่ 4 ชายชุดแดง)
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12128775/W12128775.html
กนกนาคราช (บทที่ 5 คำทำนายของอดีตชาติ)
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12147685/W12147685.html
กนกนาคราช (บทที่ 6 ญาณทิพย์ของพิศลย์)
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12152536/W12152536.html





บทที่ 7 ความลับของปลายฟ้า

ปลายฟ้าขยับสูทสีชมพูเข้ารูปที่สวมทับเชิ้ตสีขาวผืนบางให้เข้าที่ ก้มมองกระโปรงสีดำเข้มที่มีลายดอกไม้ตรงชายขอบ เมื่อเรียบร้อยแล้วจึงก้าวขาเดินตรงสู่ออฟฟิศด้วยท่วงท่าอันมั่นใจและสง่างามเช่นเคย

แม้จะรู้สึกหงุดหงิดใจตั้งแต่เช้า แต่ทว่าหญิงสาวก็กลับไม่คิดว่าลางสังหรณ์ที่เกิดขึ้นจะเป็นจริง แวบแรกที่เห็นเจ้ากุหลาบแดงช่อใหญ่ที่ตั้งไว้บนโต๊ะทำงาน หญิงสาวก็ถึงกับหยุดกึกอยู่หน้าประตูห้องด้วยความตกใจ ในตอนนั้นหัวใจดวงน้อยพลันนึกไปถึงชายหนุ่มที่เธอเฝ้าฝันถึงทุกคืนวัน ฤาเขาจะส่งมอบกุหลาบช่อนี้มาให้เธอ แล้วธันย์ รัตนเวคินทร์ จะมอบดอกไม้ให้เธอเนื่องในโอกาสอะไรล่ะ...

ร่างระหงค่อยๆ ก้าวขาเข้าไปใกล้ เมื่อถึงโต๊ะแล้วจึงยื่นมือไปสัมผัสกลีบดอกสีแดงสดของผกาสีสวยเบาๆ ก่อนที่สายตาจะเหลือบไปเห็นการ์ดที่เสียบอยู่ พอหยิบขึ้นมาอ่านข้อความในนั้น เธอจึงได้รู้ความจริงว่าเจ้ากุหลาบช่อใหญ่นี้ไม่ได้เป็นของธันย์ รัตนเวคินทร์

“วิศรุต...” เสียงแผ่วเบาหลุดลอดออกมาจากเรียวสวยที่เม้มแน่นเข้าหากัน มือน้อยขยำกระดาษแผ่นนั้นก่อนจะขว้างทิ้งมันไปมุมห้อง และไม่รอช้า...เจ้ากุหลาบช่อนั้นก็ล้มกลิ้งลงมากองกับพื้นแทบเท้าปลายฟ้า

หญิงสาวยกเท้าขึ้นเหยียบย่ำเจ้าดอกไม้หอมด้วยความโมโห ขณะที่เลขานุการและพนักงานหน้าห้องต่างกรูกันเข้ามามุงดูอยู่หน้าประตู พอคนเป็นเจ้านายหันไปทำตาเขียวใส่จึงรีบวิ่งหางจุกตูดกันไปเป็นแถว

คนที่ยืนตัวสั่นเทิ้มด้วยความโกรธพยายามสงบสติอารมณ์ที่พุ่งพล่านให้เป็นปกติ แต่เมื่อเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมันก็ทำให้สมาธิที่หญิงสาวพยายามจะรวบรวมให้แน่วนิ่งพลันเลือนหายไปเสียสิ้น

และยิ่งได้เห็นว่าใครเป็นคนโทร.มา เธอก็ยิ่งโกรธเป็นฟืนเป็นไฟมากขึ้นไปอีก

“โทร.มาทำไม...ฉันบอกคุณแล้วไงว่าเราสองคนไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก” เสียงตวาดของหญิงสาวกลับทำให้ชายหนุ่มปลายสายผุดยิ้มอย่างชอบใจ วิศรุตเอามือซ้ายล้วงกระเป๋ากางเกงขณะทอดมองบรรยากาศริมแม่น้ำเจ้าพระยา บนชั้นสิบสามของตึกสูง ที่ซึ่งเขาเป็นหุ้นส่วนสำคัญ

“ผมก็แค่จะโทร.มาถามว่า ดอกกุหลาบที่ผมส่งไปให้น่ะ สวยถูกใจคุณมั้ยก็เท่านั้น”

“สำหรับคุณน่ะ ต่อให้ส่งดอกไม้ที่สวยหรือราคาแพงขนาดไหนมาให้ฉัน มันก็ยังดูไร้ค่า ดูน่ารังเกียจอยู่ดีน่ะแหละ...เลิกตอแยฉันซะทีเถอะวิศรุต”  
ปลายฟ้ากัดฟันแน่น ดวงตากลมรีเบิกกว้างด้วยไฟแห่งโทสะที่เดือดพล่าน หันมองไปทางไหนก็เห็นเป็นหน้าของชายหนุ่มผู้นี้ จนอยากจะทำลายข้าวของในห้องทิ้งเสียให้หมด

“ตกลงว่าคุณจะไม่ยอมคุยกับผมดีๆ เลยใช่มั้ย... หรือเป็นเพราะว่าคุณกำลังมีคนอื่น” วิศรุตเน้นเสียง สุรเสียงอันเย็นเยียบนั้นแฝงไปด้วยความขุ่นเคืองที่ปลายฟ้าคุ้นเคยดี

“แล้วจะทำไม...ชีวิตของฉัน คุณมีสิทธิ์อะไร”

“อย่าให้ผมรู้ก็แล้วกันว่ามันเป็นใคร... จะมีใครเหมาะสมกับคุณมากกว่าผมอีกเหรอ?” เสียงหัวเราะร่านั้นทำให้ปลายฟ้าต้องแสยะยิ้ม ไอ้ผู้ชายเห็นแก่ตัวและหลงตัวเองคนนี้มันคงไม่เคยส่องดูหน้าตัวเองในกระจก

“คุณคิดว่าตัวเองเป็นพระเจ้าอย่างงั้นเหรอ เลิกทำตัวเหนือคนอื่นซะที คุณไม่มีสิทธิ์มาควบคุมชีวิตฉัน เราสองคนไม่เคยรู้จักกัน...จำเอาไว้นะ ฉันจะหาผู้ชายที่ดีกว่าคุณ ไม่ใช่สิ ฉันพบผู้ชายที่มีจิตใจดีกว่าคุณหลายเท่าแล้ว และฉันก็จะไม่ปล่อยให้เขาหลุดมือไปเด็ดขาด ส่วนคุณก็เชิญไปตามทางของคุณเถอะ ไปหาผู้หญิงของคุณและก็กรุณาอย่าเข้ามายุ่งกับชีวิตฉันอีก”

ไม่ทันที่วิศรุตจะตอบกลับ อีกฝ่ายก็กดวางสายไปแล้ว ชายหนุ่มได้แต่ยืนนิ่ง มือที่ถือโทรศัพท์ไว้นั้นกำแน่นจนอุปกรณ์อิเล็กโทรนิกส์เครื่องบางเกือบจะแตกคามือ สายตาคมปลาบดุจพญาเหยี่ยวเดือดพล่านจนถึงขีดสุด ยิ่งเธอท้า ก็ยิ่งทำให้เขาอยากจะเอาชนะเธอให้จงได้



พิมพ์วารีต้องยิ้มอย่างไม่ยอมหุบเมื่อธันย์โทรศัพท์มานัดพบหญิงสาวออกไปทานมื้อเที่ยงด้วยกัน สำหรับเธอแล้ว นี่เป็นสัญญาณบอกว่าชายหนุ่มต้องการจะสานความสัมพันธ์เกินกว่าเพื่อนเป็นแน่...

เมื่อเคลียร์งานจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว มัณฑนากรสาวจึงรีบออกจากออฟฟิศ กะว่าจะไปนั่งรอเขาที่ร้านดีกว่าไปช้าและให้ชายหนุ่มเป็นฝ่ายรอ

ธันย์ สวมชุดสูทสีดำเข้ม มาดหนุ่มนักบริหารทำให้ชายหนุ่มดูสุขุมและมาดแมนยิ่งขึ้น ใบหน้าหล่อเหลานั้นยังคงประดับไปด้วยรอยยิ้มอันอบอุ่นเหมือนเคย ผมด้านหน้าถูกเสยไปข้างหลังอวดหน้าผากกว้างสีน้ำตาลอ่อน สายตาอันสดใสส่งให้หญิงสาวที่ลุกขึ้นทักทายเมื่อชายหนุ่มมาถึง

“พิม... พิมรู้สึกตะขิดตะขวงใจยังไงก็ไม่รู้นะคะ อันที่จริงพิมวาดรูปนั้นให้คุณธันย์เพราะอยากมอบให้จริงๆ แต่ยิ่ง...”

“ผมบอกแล้วไงครับว่าไม่ต้องคิดมาก คุณมอบภาพนั้นให้ผม ผมก็แค่อยากจะเลี้ยงข้าวสักมื้อเพื่อเป็นการขอบคุณก็เท่านั้นเอง”

คราวนี้พิมพ์วารีได้แต่ก้มหน้าทั้งรอยยิ้มด้วยความปลาบปลื้ม เมื่อช้อนสายตาขึ้นมาก็พบกับแววตาอันหวานฉ่ำคู่นั้นของชายหนุ่มที่จ้องมองเธออย่างไม่วางตา

“ผมว่า...เราสั่งอาหารกันดีกว่าครับ” ธันย์ตัดบทด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้ม หลังจากดวงตาทั้งสองคู่ประสานกันครู่หนึ่ง โดยที่พิมพ์วารีเปิดเผยความในใจของเธอที่มีต่อเขาออกมาจนหมด หญิงสาวได้แต่รอลุ้นอย่างใจเต้นว่าอีกฝ่ายจะมีทีท่าเช่นไร

ธันย์ยิ้มเรียบๆ ก่อนยื่นเมนูส่งให้หญิงสาว “คุณพิมอยากทานอะไรเป็นพิเศษ สั่งได้ตามใจเลยนะครับ”

“พิมเป็นคนทานง่ายค่ะ แต่จะชอบรสจัดเสียมากกว่า เกรงว่าคุณธันย์อาจจะ...” พอได้เห็นสีหน้าท่าทางเกรงใจของหญิงสาวชายหนุ่มถึงกับหัวเราะน้อยๆ ก่อนรับเอาเมนูอาหารจากพิมพ์วารีมา

“ใครว่าล่ะครับ ผมน่ะชอบอาหารไทยมากๆ เลยหละ ถึงแม้จะไปอยู่ต่างประเทศนานหลายปีก็เถอะ งั้นเดี๋ยวผมสั่งเองก็ได้ครับ” จบคำก็หันไปหาบริกรที่มายืนรอรับออเดอร์ ขณะที่พิมพ์วารีก็ได้แต่พยักหน้าเห็นด้วยกับชายหนุ่มทุกครั้งที่เขาหันมาขอความเห็นเมื่อบอกรายการอาหารแก่บริกร

เมื่อสั่งอาหารแล้ว สองหนุ่มสาวก็หันมาพูดคุยกันอีกครั้ง น่าแปลกที่เบื้องลึกของหัวใจชายหนุ่มรู้สึกเป็นสุขอย่างบอกไม่ถูก พิมพ์วารีเป็นคู่สนทนาที่คุยถูกคอชายหนุ่มในทุกเรื่อง เธอชื่นชอบและหลงใหลในธรรมชาติเหมือนกับเขา มีรสนิยมที่คล้ายกัน มีทัศนคติในการใช้ชีวิตเป็นไปในแนวทางเดียวกัน อีกทั้งเธอก็เป็นผู้หญิงตามแบบฉบับหญิงไทยที่มีความสุภาพ นอบน้อม แววตาที่สุขุมเยือกเย็นนั้นชวนให้ธันย์อยากจะดำดิ่งลงไปเพื่อค้นหาความลึกลับที่ซ่อนอยู่ภายในตัวเธอยิ่งนัก...



ปลายฟ้ามาถึงบริษัทของธันย์ด้วยอารมณ์อันร้อนรุ่มจากเรื่องดอกกุหลาบที่ได้รับกับคำพูดของวิศรุตที่ยังคงดังก้องอยู่ในโสตประสาทของเธอ ตอนนี้เธออยากพบธันย์มาก แม้ไม่รู้ว่าจะมาคุยกับเขาเรื่องอะไร แต่ขอเพียงให้ได้เห็นหน้าเขาก่อนเท่านั้นเป็นพอ

“คุณธันย์ไม่อยู่ค่ะ...ออกไปทานอาหารเที่ยง” เลขานุการหน้าห้องเอ่ยบอกแขกสาวที่มาขอพบชายหนุ่มผู้เป็นเจ้านาย

“ออกไปนานรึยังคะ แล้วทราบมั้ยว่าไปที่ไหน?”

“สักครู่นะคะ...” เลขานุการสาวยิ้มเรียบๆ ก่อนทรุดนั่งลงเปิดสมุดโน้ต เมื่อทราบชื่อร้านแล้วจึงเงยหน้าบอกแขกสาวที่รอฟังอยู่อย่างใจจดใจจ่อ

“คุณธันย์ออกไปทานอาหารที่ร้าน xxx ค่ะ” พอได้ทราบชื่อร้านแล้วปลายฟ้าจึงรีบผละออกมาจากออฟฟิศของเขา พอมาถึงลานจอดรถได้แขนเรียวสวยก็ถูกมือหนาดึงรั้งไว้อย่างแรง

ร่างระหงเหวี่ยงมาชนกับบุรุษที่ฉุดดึงเธอมาอย่างแรง ดวงตากลมรีที่เดือดดาลแหงนมองวิศรุตด้วยความไม่พอใจ

“ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ...” สั่งเสียงเข้มหากแต่ชายหนุ่มกลับยิ้มเยาะ จ้องมองเธอประหนึ่งเหยื่อที่ไร้พิษสง

“ไม่นึกว่าเดี๋ยวนี้คุณจะเก่งกว่าเมื่อก่อน นี่อุตส่าห์ถ่อมาหาผู้ชายถึงที่เชียวเหรอปลายฟ้า”

“ฉันจะมาหาใครมันก็เรื่องของฉัน...” หญิงสาวกระชากแขนกลับอย่างแรง จนหลุดจากการเกาะกุมของเขาในที่สุด

วิศรุตยืนกอดอก หรี่ตามองปลายฟ้าขณะที่อีกฝ่ายเชิดหน้าและเม้มปากแน่น “คุณชอบมันใช่มั้ย? ชอบไอ้ธันย์ใช่มั้ย...” คำถามนั้นถึงกับทำให้ใบหน้างอนงามนิ่งค้างไปในฉับพลัน ก่อนที่ภาพของธันย์ รัตนเวคินทร์จะปรากฏขึ้นมาในห้วงคำนึง ความรัก ผูกพัน ถักทอดังเส้นไหม เกี่ยวโยงหัวใจเธอไว้กับเขาจนมิอาจจะปันใจไปให้ใครอื่นได้อีก

ปลายฟ้าสูดลมหายใจเฮือกใหญ่ ขณะที่วิศรุตขบกรามแน่นจนเห็นเป็นสัน เขาคงไม่พอใจแน่หากว่าเธอพูดความจริงออกไป

“ใช่ ! ฉันชอบธันย์... ฉันชอบเขา ฉันรักเขา แล้วคุณก็เลิกแส่เรื่องคนอื่นได้แล้ว” จบคำ มือหนาก็คว้าเอาข้อมือน้อยอย่างแรง เรียวนิ้วที่บีบรัดนั้นทำให้หญิงสาวต้องกัดฟันด้วยความเจ็บปวด สายตาคมปลาบดุจพญาเหยี่ยวที่จ้องมองเธอทำให้ปลายฟ้ารู้สึกหวาดเกรงอย่างบอกไม่ถูก เป็นความกลัวที่ติดตรึงอยู่ภายในจิตใต้สำนึกของเธอ...

สองร่างยื้อยุดกันอยู่พักหนึ่ง เมื่อวิศรุตเห็นว่ามีคนกลุ่มใหญ่กำลังเดินตรงมาจึงปล่อยร่างระหงให้เป็นอิสระ หากแต่สองตายังคงจ้องมองเธออยู่คล้ายกับจะบอกว่าเขากำลังเจ็บแค้นหากเธอจะไปปันใจให้ชายคนอื่น

ปลายฟ้ารีบออกรถ จู่ๆ น้ำตาก็ร่วงเผาะลงมาเปื้อนกระโปรง ใบหน้างดงามบิดเบี้ยวไม่เป็นรูป ทำไมเธอถึงต้องมาพบเจอกับคนเช่นวิศรุตด้วยนะ ทำไมเขาต้องจองล้างเธอแบบนี้ด้วย...



พิมพ์วารีกำลังเอร็ดอร่อยกับอาหารบนโต๊ะ เหมือนกับชายหนุ่มตรงหน้าเธอ ทั้งสองรับประทานอาหารและพูดคุยกันอย่างมีความสุข จนกระทั่งดวงตาคมคายของหญิงสาวเหลือบไปเห็นใครบางคนกำลังก้าวขาเข้าร้านมาด้วยอาการกระวนกระวาย

“ปลายฟ้า...” สองคำที่หลุดออกจากปากของพิมพ์วารี ฉุดให้ธันย์ต้องหันหน้าไปมองตามสายตาเธอ ก่อนที่เขาจะคลายยิ้มกว้างเมื่อแลเห็นปลายฟ้า

“พี่ธันย์...” หญิงสาวและชายหนุ่มสบสายตากัน ปลายฟ้ารู้สึกราวกับว่ามีน้ำฝนเย็นๆ รินไหลลงมาอาบร่างที่กำลังร้อนรุ่มของเธอ แต่เมื่อเหลือบไปมองคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามกับชายหนุ่ม รอยยิ้มสวยบนใบหน้าหวานก็พลันเลือนหายไป

ปลายฟ้าก้าวขาฉับๆ ตรงเข้าไปยังโต๊ะชายหนุ่ม เม้มปากฝืนยิ้มให้พิมพ์วารีก่อนหันมาหาธันย์คล้ายอยากให้เขาอธิบาย

“พอดีว่าพี่มาเลี้ยงข้าวคุณพิมเขาน่ะจ้ะ ก็อยากจะขอบคุณกับภาพวาดที่คุณพิมมอบให้”

“เหรอคะ...” ปลายฟ้าปั้นหน้ายิ้ม หันมามองพิมพ์วารีด้วยหางตา คนที่ทรุดนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับธันย์ประสานมือวางไว้บนตัก พยายามบังคับลมหายใจเข้าออกให้เป็นปกติ สะกดกลั้นอารมณ์ที่กำลังพุ่งพล่านไว้

“เชิญฟ้านั่งก่อนสิจ้ะ” ธันย์บอกด้วยน้ำเสียงหวานนุ่ม หญิงสาวค้อมศีรษะลงน้อยๆ ก่อนทรุดนั่งลงยังเก้าอี้ข้างๆ พิมพ์วารี

“ทานอะไรมารึยังจ้ะ เมื่อกี้พี่เพิ่งสั่งของหวานไป น้องฟ้าทานด้วยกันนะ”

“ค่ะ... อันที่จริง วันนี้ฟ้าเบื่ออาหารที่ออฟฟิศน่ะค่ะ ก็เลยอยากจะมาหาอะไรทานข้างนอก ยัยใบหม่อนก็บังเอิญติดประชุมสำคัญเลยมาด้วยไม่ได้”

“อ๋อ...จ้ะ...” ธันย์พยักหน้าเนิบนาบ ก่อนที่ลอดช่องกะทิสดจะมาเสิร์ฟ ธันย์หันไปบอกบริกรให้นำของหวานมาเพิ่มอีกถ้วย ก่อนที่ชายหนุ่มจะหันมาหาพิมพ์วารี

“ที่คราวก่อนฟ้ามาปรึกษาพี่เรื่องการตกแต่งรีสอร์ท พี่ว่า...ตอนนี้พี่ได้ผู้รู้แล้วหละ” สายตาหวานของเขาที่ทอดมองไปยังหญิงสาวข้างๆ ทำให้ปลายฟ้าต้องย่นคิ้ว

พิมพ์วารีเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มด้วยความสงสัย “คุณพิมเป็นมัณฑนากร ดูแลเรื่องการตกแต่งบ้านของพี่ทั้งหมดเลยจ้ะ ฟ้าลองปรึกษากับคุณพิมดูสิ พี่ยืนยันได้เลยว่าคุณพิมคงไม่ทำให้ฟ้าผิดหวังแน่” ธันย์หันบอกปลายฟ้าขณะที่อีกฝ่ายได้แต่พยักหน้าเนิบนาบ

ปลายฟ้าสูดลมหายใจเข้าปอดจนสุด ค่อยๆ หันมาหาพิมพ์วารีและยิ้มเรียบๆ “เดี๋ยวคงต้องได้นัดคุยกับคุณพิมนอกรอบเสียแล้วหละค่ะ...” น้ำเสียงและแววตาอันสดใสนั้น ซุกซ่อนความเคียดแค้นชิงชังไว้

“ดิฉันว่า...คุณฟ้าเดินทางไปติดต่อกับทางบริษัทเลยดีกว่าค่ะ เพราะการดำเนินการมีขั้นตอนของมัน พิมเป็นแค่มัณฑนากรตัวเล็กๆ จะตัดสินใจแทนผู้บริหารและหัวหน้างานไม่ได้”

“งั้นเหรอคะ...” ปลายฟ้าสะบัดเสียง เมื่อไม่มีเรื่องที่จะสนทนากับหญิงข้างกายต่อปลายฟ้าจึงหันมาหาชายหนุ่มที่เอาแต่ปั้นหน้ายิ้มแย้ม ขณะทอดสายตามองหญิงสาวทั้งสองคนเบื้องหน้าสลับไปมา

“มีอะไรรึเปล่าคะพี่ธันย์...” พอเห็นเขาเอาแต่จ้องหน้าแล้วก็อมยิ้ม ปลายฟ้าจึงเอ่ยถามไปด้วยความอยากรู้ พร้อมกับพิมพ์วารีที่จ้องมองชายหนุ่มเพื่อรอฟังคำตอบ

ท่าทวงขวยเขินของชายหนุ่มทำให้ใบหน้าของสองสาวแดงซ่าน สายตาหวานฉ่ำของเขาที่ทอดมอง ไม่ต่างอะไรกับสายตาของคนที่มีใจเสน่หาต่อกัน

“คือ...วันนี้ผมไม่นึกว่าจะได้พบหญิงสาวสวยถึงสองคนพร้อมกัน เมื่อคืนนี้...ผมฝันไปว่า ตัวเองได้ว่ายน้ำในแม่น้ำใหญ่ ยาวไกลสุดลูกหูลูกตา ว่ายไปอย่างไม่รู้เหน็ดเหนื่อย โดยมีน้องฟ้าและคุณพิมว่ายอยู่เคียงข้าง” น้ำเสียงและสายตา ถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกอันเปี่ยมล้นด้วยความสุขออกมาจนหมดสิ้น ทั้งปลายฟ้าและพิมพ์วารีต่างขนลุกซู่ขึ้นมาในพลันนั้น... หญิงสาวทั้งสองหันมามองตากัน ในนั้นเต็มไปด้วยความสงสัยและไม่แน่ใจ ไม่แน่ใจว่าสิ่งที่เธอรู้สึก ภาพที่เคยฝันจะเหมือนกันกับที่ธันย์เห็นหรือไม่...

“แล้ววันนี้ก็บังเอิญเสียจริง เราสามคนมานั่งอยู่กันพร้อมหน้า...” รอยยิ้มของเขาอดทำให้ทั้งสองคลายยิ้มตามด้วยไม่ได้ หากแต่ก็มิอาจทำใจยอมรับได้ หากเขาจะคิดเสน่หาต่อพวกเธอทั้งสองคนในคราวเดียว นี่เป็นสิ่งที่ทำให้หญิงสาวทั้งสองคนหวั่นใจเป็นที่สุด



ทั้งสามแยกทางกันเมื่อเวลาล่วงใกล้บ่ายโมง ทั้งปลายฟ้าและพิมพ์วารีได้แต่ทอดมองรถยนต์คันงามของชายหนุ่มขับจากไปด้วยความกังวลและสับสน อยากรู้นักว่าชายหนุ่มคิดเช่นไรกับเธอทั้งสองคน รักใครมากกว่า ชอบใครมากกว่า...

“เห็นๆ อยู่ว่าเขามากับคนอื่น แต่คุณก็ยังหน้าด้านมาหาเขาจนได้” สุรเสียงแหบห้าวที่ดังขึ้นทำเอาปลายฟ้าสะดุ้งโหยง วิศรุตดึงแขนให้อีกฝ่ายหันกลับมาประจันหน้า พิมพ์วารีที่กำลังจะก้าวขาขึ้นรถพลันได้เหลือบไปเห็นสองร่างนั้นอย่างไม่ได้ตั้งใจ

“นี่คุณตามฉันมาเหรอ... ต้องการอะไรกันแน่วิศรุต”

“ก็ต้องการตัวคุณไง ผมต้องการคุณ...” เขาบอกช้าชัด ใบหน้าเข้มขรึมนั้นทำให้ปลายฟ้านิ่งค้างไปชั่วขณะ ภาพวันวานอันแสนหวานระหว่างเธอกับเขาผุดขึ้นในห้วงคำนึง หวนนึกถึงสายใยที่เคยถักทอร่วมกันมานานปี หากแต่ว่ามันก็ได้ขาดสะบั้นลงไปนานแล้ว...

ปลายฟ้าสะบัดหน้าหนี หากแต่วิศรุตยังคงจ้องมองใบหน้านวลเนียนด้วยความอาวรณ์ “ผมอยากให้เราสองคนกลับมาเป็นเหมือนเดิม ผมรู้ว่าผมทำตัวไม่ดี แต่ตอนนี้ผมอยากให้เราสองคนเริ่มต้นใหม่กันอีกครั้ง ให้โอกาสผมได้มั้ยฟ้า...” ชายหนุ่มเลื่อนมือลงมาบีบสองมือนุ่มนิ่ม ขณะที่พิมพ์วารีถอยกายเข้าไปซ่อนตัวในพุ่มไม้ใกล้ๆ ด้วยกลัวว่าอีกฝ่ายจะเห็น

ปลายฟ้าแกะมือชายหนุ่มออก ถอยกายออกห่างจากวิศรุต “อย่าเอ่ยถึงมันอีกเลย เราสองคนจบสิ้นกันไปนานแล้ว ฉันไม่ได้รักคุณ...”

“ไอ้นั่นมันมีดีกว่าผมตรงไหน?” วิศรุตตะคอกเสียงใส่ ก่อนกระชากดึงมือหญิงสาวมาจับไว้

“หรือลีลามันดีกว่าผม เร้าใจกว่าผมงั้นสิ !” สิ้นประโยคนั้น ปลายฟ้าก็สะบัดออกจากการเกาะกุม ฟาดเรียวมือนั้นลงบนใบหน้าของวิศรุตสุดแรง

“คุณอย่ามากล่าวหาพี่ธันย์แบบนี้อีกเด็ดขาด ตอนนี้ฉันรักพี่ธันย์...ได้ยินมั้ยวิศรุต” ปลายฟ้าตะโกนก้องใส่หน้าชายหนุ่ม รีบเอี้ยวตัวเดินหนีไปยังรถยนต์และขับออกไปอย่างเร็วที่สุด วิศรุตได้แต่ยืนกำกำปั้น วิ่งไปเตะก้อนหินตามหลังรถยนต์ที่ขับผ่านหน้าไป ในขณะที่พิมพ์วารีค่อยๆ เคลื่อนกายออกมาจากพงไม้ที่หลบซ่อน


ปลายฟ้าทิ้งกายลงบนที่นอนนุ่มด้วยความเหน็ดเหนื่อย ก่อนที่ร่างกายจะดำดิ่งลงสู่ความฝันอันแสนลึกล้ำ เธอหวนคืนสู่สายน้ำแห่งนั้นอีกครา สายน้ำที่นาคหนุ่มนามว่ากนกนาคราชบอกลาเธอ...

หญิงสาวก้าวขาลงสู่แม่น้ำใหญ่ ความเย็นจากสายน้ำแผ่ซึมเข้าสู่อณูขุมขน ก่อนที่เธอจะเอนกายขนานกับผืนน้ำ เหยียดแขนและขาออกไปจนสุด และเพียงชั่วพริบตาเดียว นางนาคสาวก็คืนกลับสู่กายเดิมในที่สุด

ปลายฟ้าเบิกตากว้าง เธออยู่ในร่างของนางพญางูสีรุ้งเลื่อมระยับ กำลังแหวกว่ายดำดิ่งลงสู่วิมานอันเป็นที่พำนัก สู่บาดาลพิภพที่จากมาหลังเที่ยวเล่นบนเมืองมนุษย์และได้พบกับเรื่องไม่คาดฝัน หากแต่ใจหนึ่งกลับร้องบอกว่ายังไม่อยากจะกลับบ้านในตอนนี้ นาคสาวจึงตัดสินใจว่ายลงไปยังสายน้ำทางใต้ เพื่อเที่ยวชมเมืองแถบนั้นเพราะยังไม่เคยไป...

กระแสน้ำแถบนี้ไหลเชี่ยวกว่าที่เธอคิด ซ้ำยังควบคุมกระแสน้ำไม่ได้เพราะสายน้ำแถบนี้อยู่เหนือการควบคุมของตระกูลเธอ ไม่นานเท่าไหร่นักนาคสาวจึงได้พบกับมิตรใหม่ที่ว่ายมาทักทาย

นาคสีเขียวลำตัวยาวเฟื้อย เกล็ดสีเขียวสะท้อนกับแสงแดดที่ส่องลงมายังสายน้ำ ว่ายฉวัดเฉวียนตรงมาพร้อมกับเอ่ยทักทายนาคสาวที่พลัดถิ่นท่องเที่ยวมายังดินแดนตน

“ไม่ทราบว่าแม่นางจะไปที่ใดฤา สายน้ำแถวนี้เชี่ยวกรากนัก มาผู้เดียวยิ่งต้องระวังตัว” นาคสีเขียวรุ่นราวคราวเดียวกันเอ่ยถามผ่านกระแสจิต ปลายฟ้าจ้องมองนางนาคาเอราปถก่อนบิดกายว่ายทวนกระแสน้ำ

“ข้าเพียงแค่ว่ายลงมาเที่ยวเล่นเท่านั้น เดินทางไปเรื่อยเปื่อย ใกล้พลบค่ำแล้วจึงจะว่ายกลับเมืองข้า”

“ข้างหน้าโน้นเป็นแก่งใหญ่ เหนือขึ้นไปบนพื้นอีกไม่ไกลก็มีสระบัวหลวงงดงามตายิ่ง ข้ากำลังจะไปเก็บมันมาถวายพระ แม่นางสนใจจะไปทำบุญกับข้าหรือไม่”

“งั้นหรือ...ถ้าอย่างนั้นแม่นางเอราปถก็ช่วยนำทางข้าด้วย” ปลายฟ้าตอบรับด้วยความยินดี ก่อนที่นางนาคาสีเขียวจะว่ายนำหน้าเธอตรงไปยังริมฝั่ง จากนั้น สตรีในชุดสีเขียวสดจึงค่อยๆ ก้าวขาเดินขึ้นจากริมแม่น้ำโขงด้วยกิริยาอรชร

พิมพ์วารียื่นมือออกไปรับหญิงสาวรูปร่างหน้าตาสะสวยในชุดสีชมพูเลื่อมระยับ ทั้งสองห่มสไบเบี่ยงและนุ่งซิ่นไหมลวดลายประณีต ก่อนที่นาคสีเขียวสาวในร่างมนุษย์จะเดินนำหน้าปลายฟ้าไปยังสระบัวด้วยความเบิกบาน... มิตรภาพระหว่างนาคสาวสองตระกูลก่อกำเนิดขึ้นนับแต่ครานั้น...

จากคุณ : ผีเสื้อสีดำ
เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 55 15:49:08




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com