Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เลขาเนื้อทอง :: ยอแสงแข - 1 ติดต่อทีมงาน

บทที่ 1

'ณพนา' ทิ้งหุ่นโปร่งลงเก้าอี้อย่างหงุดหงิด ออกจะรำคาญใจที่สามีตามรบกวนไม่หยุดหย่อน หล่อนเร่งสุดกำลังอยู่แล้วที่จะปลดหนี้ที่เหลือเพื่อให้ตนเป็นไท ฝ่ายโน้นก็จะหมดอำนาจคุกคามลง แต่ตราบใดที่ 'พันศิลป์' หมั่นราวีไม่เลิกอย่างนี้ กำลังที่ทุ่มออกไปมันก็ต้องมีรวนกันบ้าง

"เรื่องเดิมหรือครับ"

"ฮื่อ"

หล่อนลืมตาที่เพิ่งจะพริ้มไม่ถึงอึดใจ อ่อนล้าจนไม่อยากตอบคำถามของ 'ตรงฉัตร' หุ่นโปร่งที่เอนพิงพนักเกือบจะเป็นนอนค่อยขยับมานั่งหลังตรง พยักพเยิดให้คนถามมาหยิบจดหมายไปอ่านเอง

ตรงฉัตรโคลงศีรษะ เขาเองก็เอือมระอากับวิธีบั่นกำลังที่พันศิลป์ใช้บ่อยเกินไป เป็นผู้ชายชนิดไหนก็ไม่ทราบ ตามจี้ตามจิกภรรยาราวกับเป็นศัตรูคู่อาฆาต เพียงแค่ว่าตนต้องการแต่งงานใหม่กับหญิงคนใหม่

"จะทำยังไงดีครับ เอ้อ ผมหมายถึงเราควรทำอะไรบ้าง"

"ทำอะไรล่ะ ฉันยังเป็นหนี้มันอยู่ ทางเดียวที่สะสางมันให้น้อยลงก็ต้องปิดบริษัทขายหุ้นขายบ้านขายรถ นี่ถ้ามีคนอยากซื้อตัวเหี่ยวๆ ของฉันด้วย ฉันก็คงต้องขาย แล้วก็ยังใช้หนี้ไม่หมดอยู่ดี"

ตรงฉัตรเดินมานั่งข้างๆ วางจดหมายเร่งหย่าไว้ที่เดิม ประสานมือหลวมๆ มองสีหน้าอ่อนระอาของเจ้านายสาวใหญ่อย่างเห็นใจ เขาเป็นเลขาวัยสามสิบปลายๆ แก่อ่อนกว่าเจ้านายสาวไม่เกินห้าปี หรือถ้าจะเท้าความก็ต้องบอกว่าฟ้ากำหนดให้เจอกันบนเส้นทางสายวิบาก ตอนนั้นหล่อนเพิ่งจะยี่สิบสองปลายๆ ส่วนเขาก็สิบเจ็ดต้นๆ

ชีวิตหนุ่มสิบเจ็ดต้นๆ รุดหน้าไปพร้อมกับเจ้านายสาวยี่สิบสองปลายๆ มองเห็นการเปลี่ยนแปลงในชีวิตของหล่อนอย่างเข้าใจและเห็นใจ ทุกครั้งที่หล่อนร้องไห้ ข้างกายหล่อนก็จะมีเขานั่งมองอย่างเอาใจช่วยโดยไม่ปลอบอะไรสักคำ ไม่ใช่ใจดำ แต่เพราะรู้ว่าหล่อนไม่อยากฟัง

"ดูรูปในซองนั่นสิ" หล่อนพยักพเยิด

"โอ้โฮ คราวนี้มีรูปด้วยหรือครับ"

เขาไม่เชิงอุทานขณะเอื้อมไปหยิบมาดูทีละรูป หน้าแห้งลงแต่ตาวาวขึ้น เจ้านายสาวยักไหล่ยิ้มแค่นๆ ตอนเขาเงยขึ้นมองอย่างตกใจ

"เป็นยังไง แสบไหม ไอ้สารเลว ฉันน่าจะฆ่ามันตอนมันหลับอยู่บนเตียง ไม่น่าอวดดีทิฐิสูง มั่นใจว่าต้องใช้หนี้มันได้ แล้วดูสิ ตอนนี้ฉันตกเป็นเบี้ยล่างให้มันตามราวีอย่างได้เปรียบ นึกแล้วก็แค้นใจตัวเองจริงๆ "

รูปถ่ายเกือบสิบรูปเก็บอิริยาบถของเขากับเจ้านายสาวไว้เกือบทุกระยะ ฝ่ายโน้นรุกหนักเพราะต้องการบีบคั้นให้หล่อนยอมหย่าแต่โดยดี ที่ผ่านมาสองสามปีแล้ว ณพนาออกจะดื้อรั้นแกมยโส หล่อนยืนกรานไม่ร่วมมือคล้ายเปิดศึกท้าทายทั้งที่ในมือหล่อนมันปราศจากอาวุธ เขายังเคยติว่าหล่อนบ้าดีเดือดอย่างโง่ๆ หล่อนเองก็ยอมรับแต่ก็ไม่วายยืนกราน

"คราวนี้เขาเล่นหนักนะครับ ถ้าผมไม่ทายไม่ผิด ผมคงมีเอี่ยวด้วยแล้ว"

"ใช่ นายเก่งเสมอแหละ มันโทรหาฉันเมื่อสิบนาทีก่อน อ้างว่านี่แค่หลักฐานพื้นๆ ว่าฉันกับนายเป็นชู้กัน ถ้าเรื่องนี้แพร่ออกไป ชื่อเสียงบริษัทก็จะเสื่อมเสีย รวมทั้งตัวฉันก็จะหมดความน่าเชื่อถือไปด้วย แล้วถ้าขึ้นศาล.. "

"ก็แพ้เห็นๆ ผมอยู่กับคุณนาทั้งวันทั้งคืน ทำงานที่เดียวกัน อยู่บ้านหลังเดียวกัน ไปไหนก็ไปกัน ศาลไม่เชื่อว่าเราเป็นเจ้านายเลขามากไปกว่าหลักฐานพื้นๆ กับข้อกล่าวหาแน่นๆ ของทนายฝ่ายโน้นแน่"

"ตั๋วเครื่องบินล่ะ เรียบร้อยดีไหม" ณพนาเปลี่ยนเรื่องเสียดื้อๆ

"เรียบร้อยดี เดินทางได้พรุ่งนี้ครับ นี่เร็วที่สุดแล้วนะ"

"ไม่ว่ายังไง ฉันก็ต้องตะล่อมไอ้เสี่ยไต้หวันให้เซ็นสัญญากับเราให้สำเร็จ มันเป็นทางเดียวที่เราจะมีเงินทุนเพิ่มอย่างมหาศาล"

"ผมเอาใจช่วย ถ้าคุณนาเปลี่ยนใจยอมให้ผมเดินทางไปด้วย ผมจะอุ่นใจกว่านี้"

"ไม่ต้องหรอก นายอยู่ดูแลงานทางนี้ ฉันจะอุ่นใจกว่า คนที่ฉันมีอยู่ร่วมร้อย สู้นายคนเดียวก็ไม่ได้ ฉันโชคไม่ดี มีลูกน้องไม่ส่งเสริม ทุ่มเทสุดตัวแค่ไหนก็ถึงได้เป็นรองไอ้สารเลวนั่น"

ตรงฉัตรมองหล่อนลุกไปฉวยกระเป๋าคล้องไหล่ กระดิกนิ้วเป็นเชิงสั่งให้ตามไปด้วย เขาไม่รู้หรอกว่าหล่อนจะไปไหนอีก บทเปลี่ยนอารมณ์ของณพนามันคาดเดายาก แต่ขอเพียงเป็นความต้องการของหล่อน เขาไม่เคยปฏิเสธ



รถยนต์คันโก้สีดำพุ่งผ่านหน้าไปอย่างเฉียดฉิว 'ปัญปัทม์' ห่อปากเสียดายว่าตนมาถึงช้าไปเพียงแค่เสี้ยวนาทีเอง อุตส่าห์ลงทุนใช้บริการรถจักรยานยนต์แล้วนะ ยังไม่ทันจนได้ เธอสาวเท้าเร็วไปหาที่หลบแดดใกล้ป้อมยาม คนข้างในโผล่หน้ามาสำรวจก่อนยิ้ม เธอก็ถือโอกาสแถเข้าไปทำความสนิทสนม เริ่มต้นประโยคแรกว่า

"สวัสดีค่ะพี่ชาย ฉันมาขอพบคุณตรงฉัตร มีขั้นตอนการขอเข้าพบยังไงบ้างคะ พี่ชายพอจะแนะนำได้ไหม"

"ขั้นตอนหรือครับ" ยามหนุ่มรูปหล่อขมวดคิ้ว

"ค่ะ คือฉันก็ทำการบ้านมาบ้าง ถึงได้รู้ว่าเขาเป็นเลขาเนื้อทองไม่ค่อยยอมให้ใครเข้าพบง่ายๆ "

"อ้อ" คราวนี้คุณยามถึงบางอ้อ หน้ายิ้มรื่นขึ้นมาเลย "เป็นอย่างนั้นจริงๆ ครับ แหม คุณนี่ไม่ใช่แค่ทำการบ้านมาบ้างหรอก ทำมาดีมากเลยต่างหาก ไม่อย่างนั้นก็คงเรียกฉายาคุณตรงไม่ถูกหรอก"

ปัญปัทม์รีบยิ้มคลุกกับเสียงหัวเราะของอีกฝ่าย ในใจยังนึกเสียดายไม่หายที่มาช้าไปเพียงเส้นยาแดงผ่าแปด เธอไม่รู้จักชายหนุ่มเป็นการส่วนตัว แต่ก็แอบมาดักถ่ายรูปเก็บๆ ไว้บ้างแล้ว และทำอย่างนี้มาเกือบสิบวันแล้ว

ใจจริงอยากตามไปเก็บพฤติกรรมให้ถึงบ้าน แต่ต้องถอดใจทุกครั้งหลังห้าทุ่ม มันดึกเกินไปสำหรับสาววัยเบญจเพสอย่างเธอที่จะซุ่มแกร่วอยู่หน้าบริษัท เขาเป็นคนบ้าพลังมาก ทำงานหักโหมจัดราวกับว่าพรุ่งนี้จะไม่มีงานไม่มีบริษัทให้เขามาทำอีก

"เอ้อ พี่ชายคะ" เธอเรียกเมื่อเห็นว่าฝ่ายโน้นหัวเราะจนพอใจแล้วก็เงียบไปเลย "ตกลงว่าพี่ชายพอจะมีคำแนะนำดีๆ ให้ฉันขอเข้าพบคุณเลขาเนื้อทองได้คล่องๆ สักข้อสองข้อไหมคะ"

"มีข้อเดียวเอง" อีกฝ่ายตอบมายิ้มๆ

"หรือคะ ว่ามาเลยค่ะ"

"อดทนให้สูงกว่าคนอื่น"

'โอ้โฮ' คนฟังครางเหมือนอยากแจกหมัด ตอบแบบนั้นไม่สู้ส่ายหน้าเสียยังดีกว่า มันช่วยอะไรเธอได้บ้างไหมเล่า อดทนสูงกว่าคนอื่นหรือ แล้วที่เธอทนแกร่วตากแดดตากน้ำค้างตั้งแต่แปดโมงเช้าจนถึงห้าทุ่มนี่เล่า มันน้อยกว่าอยู่อีกหรือ

"เฮ้อ รู้อย่างนี้ไม่ไปกินข้าวดีกว่า"

เธอบ่นให้ยามหนุ่มรูปหล่ออมยิ้ม ร่างเล็กถอยมานั่งม้าหินอ่อนใต้ซุ้มเฟื่องฟ้าด้านข้าง ลูบผมไปด้วยปาดเหงื่อเต็มหน้าผากไปด้วย ดีนะที่เธอไม่ชอบไว้ผมยาว แต่ถึงจะซอยสั้นแบบนี้ ยามบ่ายแก่ๆ แดดเปรี้ยงๆ มันก็ร้อนได้ถึงอกถึงใจพอกัน กำลังนึกเสียดายว่าไม่น่าทิ้งถุงน้ำส้มคั้นไว้ที่ร้านอาหารเลย ถ้าหิ้วมาด้วยก็คงได้ดูดคลายอบอ้าวสักวืดสองวืด

"จะรอหรือครับคุณ" ยามรูปหล่อโผล่หน้ามาถามยิ้ม ยื่นน้ำดื่มแช่เย็นมาให้ด้วย

"ขอบคุณค่ะ มันร้อนค่ะ ขอหลบแดดสักประเดี๋ยว ถ้าไม่ได้ความยังไง พรุ่งนี้จะมาใหม่ค่ะ"

"ผมเห็นคุณมาด้อมๆ มองๆ หลายวันแล้วนะ ทำไมไม่เข้าไปติดต่อข้างใน รอในโน้นน่ะตากแอร์นะครับ"

"ไปแน่ค่ะ แต่ยังไม่ถึงเวลา"

ปัญปัทม์ดื่มน้ำด้วยการยกซดแทนการใช้หลอดดูด ตาหยีเมื่อมองเข้าไปในเปลวแดดเปรี้ยงๆ เริ่มจะลังเลใจว่าตนคิดผิดไปแล้วที่ยอมรับงานหินชิ้นนี้ มันไม่สนุกจริงๆ เหมือนที่ทนายความรุ่นพี่แอบมาติงๆ ยุๆ ว่าอย่าเผลอหลงลมปากเจ้านาย เพราะถ้าหลวมตัวไปแล้ว โอกาสจะถอยหลังกลับมันยาก

ก็เห็นจะจริง ไม่มีใครยอมรับทำงานหินชิ้นนี้เลย 'อมฤทธิ์' จึงปากหวานหว่านล้อมให้เธอตกปากรับคำ เขาทำสำเร็จเสียด้วย แล้วเธอก็เริ่มต้นงานหินด้วยการมีอภิสิทธิ์มากมาย สำนักงานไม่ต้องเข้าทุกวันก็ได้ มีอะไรด่วนนักก็โทรรายงานได้ เบิกค่าใช้จ่ายโอนผ่านธนาคารได้เลย หลักฐานใบเสร็จก็เก็บๆ ไว้ก่อน ค่อยไปแจกแจงกันภายหลัง  

"แล้วนี่กล้องตัวใหม่ อย่างหรูและอย่างที่แกอยากได้ พี่รู้ว่าแกกำลังเก็บเงินซื้ออยู่ เก็บเงินต่อไปแต่ไว้ซื้ออย่างอื่นเถอะ ตัวนี้พี่ซื้อให้ในนามสำนักงานเลย งานสำเร็จเมื่อไหร่ มันก็จะเป็นของแกโดยชอบธรรม"

กล้องถ่ายรูปอย่างหรูที่เธอมักจะแวะเวียนไปจ้องจนกระจกร้านแทบจะทะลุมันอยู่ตรงหน้าเธอจริงๆ ไม่ใช่ความฝันอีกต่อไป แล้วกว่าจะเก็บเงินซื้อได้ก็คงอีกหลายเดือน ตอนเธอเอื้อมมือสั่นๆ ไปแตะไปลูบ อมฤทธิ์ยังขยายความอีกว่า

"เอาเป็นว่างานหินชิ้นนี้คือค่าซื้อกล้องอย่างหรูตัวนี้ก็แล้วกัน ทีนี้ก็ต้องวัดใจแกแล้วล่ะ"

ทำไมต้องวัดใจ มันเป็นข้อแลกเปลี่ยนที่เจ้านายเลือกเฟ้นมาล่อหลอกอย่างชาญฉลาดต่างหาก เขารู้นี่ว่าเธอเป็นคนคลั่งกล้อง เห็นที่ไหนเป็นไม่ได้ต้องแถเข้าไปชื่นชมจนตาอิ่มโน่นล่ะ ถึงจะยอมล่าถอย ซ้ำร้ายไปกว่านั้น เขายังล่วงรู้ไปถึงความฝันอันมุ่งมั่นของเธออีกด้วยว่าอยากเปิดร้านถ่ายรูป มีแกลลอรี่เป็นของตัวเอง

"อีกอย่างนะไอ้ปัทม์ ที่พี่เลือกแก เพราะรู้ว่าแกถ่ายรูปเก่ง มันมีประโยชน์มากกับงานหินชิ้นนี้ของแก"

ใช่ และรูปถ่ายเกือบสิบรูปในห้องทำงานของณพนานั่นล่ะ คือตัวอย่างแบบน้ำจิ้มเพื่อชิงลางหรือหยั่งเชิงปฏิกิริยาฝ่ายตรงข้าม และใช่อีก สำหรับเธอ ณพนากับตรงฉัตรต้องเรียกว่าฝ่ายตรงข้าม เพราะเธอเป็นทนายความฝ่ายโจทก์ และโจทก์ของเธอก็ชื่อพันศิลป์นั่นเอง



'นางผุดผ่อง' เก็บข้าวของอยู่ในครัวตอนบุตรสาวเดินโผเผมาเปิดตู้เย็นหาน้ำดื่ม นางโคลงศีรษะอ่อนระอา นึกไปว่าตั้งแต่เธอรับทำคดีฟ้องหย่าครึกโครมของเศรษฐีมาเฟียรายนี้ ดูเหมือนว่าเธอจะซูบผอมลงได้เร็วแบบจะจะตาทีเดียว

"สิบกว่าวันของแกเหมือนสิบเดือนหรือสิบปีชอบกลนะ รู้ตัวไหมว่าแกทั้งซูบทั้งคล้ำลงไปตั้งเยอะ" นางร้องทัก

"รู้สิแม่ แต่เพื่ออนาคตของเรา ปัทม์ก็พร้อมจะเหนื่อยให้มากกว่านี้ วันไหนที่มีร้านถ่ายรูปเป็นของตัวเองได้ เปิดแกลลอรี่ได้ เราก็จะมีรายได้มากขึ้น แม่ก็จะได้ไม่ต้องไปหลังขดหลังแข็งขายของในตลาด"

"โอ๊ย แค่นั่งขายของกับโม้แหลกกับพวกแม่ค้าคุ้นเคยมันไม่เหนื่อยนักหรอก ทำแค่พออยู่พอกินเถอะวะ"

"ไม่ได้หรอก ปัทม์อยากมีเงินเข้าบ้านเยอะๆ อยากส่งไอ้เพชรมันไปเรียนเมืองนอกด้วย มันอยากไป"

'เพชรหนึ่ง' กลับมาจากเตะบอลกับเพื่อนข้างบ้านทันได้ยินความมุ่งมั่นของพี่สาวเข้าพอดี เด็กหนุ่มวัยสิบหกหย่อนๆ ยิ้มอย่างซาบซึ้ง ต่อหน้าก็มักจะทุ่มเถียงกันอยู่เรื่อย แต่จากใจแล้ว เขารักพี่สาวมากเลย สงสารจนน้ำตาซึมก็หลายครั้ง เวลาที่เห็นพี่สาวกลับดึกดื่นแล้วนอนหลับสนิทแผ่หลากลางพื้นอย่างหมดแรง อยากปลุกแต่มารดาก็มักจะปรามเรื่อย

"ผมแค่พูดลอยๆ ไม่ได้บอกว่าอยากไปสักหน่อย อย่ามาทำอวดตัวอวดหน้าว่าใหญ่นักเลย ฝันเพ้อเจ้อ"

เสียงห้าวลอยไปกวนๆ มันกลบเกลื่อนความซาบซึ้งในตาคมไม่ค่อยมิดนักหรอก แต่ก็ดีกว่าจะให้สองสาวต่างวัยจับได้ เขาโยนบอลลงเข่งแบบแม่นยำมาก ผิวปากสมใจเสียงหนึ่งที ก่อนจะตะครุบรับขวดน้ำที่พี่สาวโยนวืดมาให้

"แกเลิกเรียนแล้วก็มาช่วยแม่หยิบจับทำโน่นนี่ในบ้านบ้างสิวะ เอะอะก็แต๊ดแต๋ออกไปสำราญข้างนอก"

"ผมกลับมายกสำรับเองทุกวันรู้ไว้เสียด้วย พี่นั่นแหละ ตั้งแต่จับงานฟ้องหย่าเศรษฐี ทำตัวลืมบ้านลืมช่อง"

"เออ ถ้าอย่างนั้นก็ไปยกได้แล้ว แม่ทำเสร็จแล้ว พี่จะไปอาบน้ำก่อน"

สองแม่ลูกสบตากันแวบหนึ่งแล้วค่อยเลื่อนตามร่างเล็กโผเผขึ้นบันได ท่าทางก็บอกว่ายังไม่หายเหนื่อย แต่เชื่อเถอะว่าพอกินข้าวเสร็จแล้ว จอมอึดต้องออกไปทำงานต่ออีก

"เฮ้ย แกมีการบ้านทำหรือเปล่าไอ้เพชร"

พอแยกย้ายกันไปหยิบจับสำรับ จอมอึดก็ตะโกนลงมาเสียงแจ๋วๆ พ่อน้องชายก็ตะโกนกลับว่า 'ไม่มี' ก็เห็นว่าเงียบไปแล้ว นึกว่าเข้าห้องน้ำเสียอีก ที่ไหนได้ร่างเล็กซอยเท้าย้อนกลับลงมาแล้วว่าหน้าตาเฉย

"ถ้าอย่างนั้นกินข้าวเสร็จแล้วแกไปกับพี่นะ"

"ได้ยังไง ผมจะดูบอลคืนนี้"

"แกรักบอลหรือว่ารักพี่วะไอ้เพชร เดี๋ยวแม่ก็เตะกบาลแทนบอลเสียเลยไอ้นี่ เอาตามนี่แหละ"

เพชรหนึ่งนิ่วหน้าไม่พอใจใส่มารดา แต่อีกฝ่ายทำเมินไม่รู้ไม่ชี้ ได้ยังไงกัน มาใช้อำนาจพี่สาวข่มเหง นึกอยากใช้ไปโน่นนี่ตามแต่ใจ มันต้องถามความสมัครใจกันก่อนสิ ถึงจะเรียกว่าประชาธิปไตย



ไม่น่าเชื่อว่าฝ่ายโน้นจะไหวตัวและหลบฉากได้ทัน แบบนี้ที่ไล่ตามสะกดรอยกันมาไกลเป็นชั่วโมงๆ ก็สูญเปล่าสิ จะโทษเพชรหนึ่งดีไหมที่ทะเล่อทะล่าเผยตัว

"อ้าว มาโยนปี่โยนกลองกันแบบนี้เดี๋ยวมีเคืองนะพี่ปัทม์ ก็ใครกันที่หยิกหลังเร่งยิกๆ ว่ารีบเข้าๆ น่ะ"

"พี่หมายถึงอย่าทิ้งห่างเกินไป ไมได้ให้จี้ซ้ายย้ายขวาตามเขาแบบนั้น จอดเว้ย เมื่อย"

"หน้าป้อมโน่นก็แล้วกัน ตรงนี้มันมืด เปลี่ยวด้วย ผมก็กลัวโดนฉุดไปปู้ยี่ปู้ยำเหมือนกันนะ"

พี่สาวหัวเราะหมั่นไส้ หลงตัวว่าหล่อหรือเปล่าถึงได้พ่นวาจาน่าอ้วกแบบนั้นออกมา ต้องโทษมารดาคนเดียวเลยที่ชอบฝังหัวว่าน้องชายหล่ออย่างนั้นหล่ออย่างนี้ เพชรหนึ่งเชื่อสนิทแล้วล่ะ แล้วก็โชคดีนะว่าหล่อจริง ไม่อย่างนั้นละก็ เธอคงผะอืดผะอมตายเลย

แสงไฟแถวป้อมยามหน้าหมู่บ้านสว่างกว่าถนนเปลี่ยวสายที่เพิ่งผ่านมา บนทางเดินเท้าตั้งเก้าอี้เรียงห่างเป็นระยะ ปัญปัทม์หย่อนตัวหนึ่ง น้องชายก็ไปหย่อนอีกตัว สีหน้ายังไม่หายหงุดหงิด เธอเองก็บูดในอารมณ์เหมือนกัน

อุตส่าห์ไปดักรอหน้าบริษัทตั้งสามชั่วโมง จนเห็นรถยนต์สีดำคันโก้โผล่มา คนขับก็ไม่ใช่ใคร พ่อเลขาเนื้อทองที่ปะเหมาะเคราะห์ซวย โดนเอี่ยวมารับข้อหาชายชู้นั่นเอง แล้วดูซิ ตามไปตามมา เหยื่อรอดหูรอดตาไปเสียเฉยๆ ล้มเหลวชวนโมโหชะมัด ทำไมชายหนุ่มถึงได้หูตาว่องไวแบบนั้นนะ

"จะเอายังไงต่อ" น้องชายถามลอยๆ มาดังๆ

"กลับบ้านสิวะ แกจะนอนเฝ้าหมู่บ้านให้เขาหรือยังไง ไป ทีนี้ก็บิดไม่ต้องเกรงใจสายลมเลยนะไอ้น้อง"

"เออ กอดแน่นๆ ก็แล้วกัน"

สองพี่น้องเดินเฉื่อยๆ กลับมาที่รถจักรยานยนต์คันเก่งของพ่อหนุ่มสิบหกหย่อนๆ อ้อ ต้องแนบท้ายว่ารูปหล่อด้วย ตอนเหวี่ยงร่างขึ้นซ้อน ปัญปัทม์ก็ยังไม่วายมองลึกเข้าไปในความมืดข้างทางอย่างเสียดาย นึกภาพไปว่าตอนนี้ไอ้รถคันโก้มันไปลอยชายอยู่แถวไหน



ก็ไม่ได้ไปลอยชายไกลนัก เพราะตรงฉัตรก็อยากรู้อยากเห็นเหมือนกันนี่ว่าใครกำแหงมาสะกดรอยตาม เขาระแวงว่าจะเป็นคนของฝ่ายโน้น เจ้านายสาวใหญ่ก็คิดตรงกัน

"เห็นหน้าไหม" ณพนาถามทั้งที่ตนก็จ้องเขม็งท้ายรถที่พุ่งผ่านไปเหมือนลมกระโชก

"เห็นหมวกไง ชัดที่สุดเลย ป้ายทะเบียนก็จับไม่ทัน มันจะขับไปตายโค้งหน้าหรือยังไง"

"วัยรุ่นหรือเปล่า" ณพนาปรารภอีก แต่ก็อดขำไม่ได้กับข้อสังเกตตลกๆ ของเลขาหนุ่ม

"ผมว่าไม่ใช่หรอก ระดับมาเฟียอย่างคุณพันศิลป์จะใช้คนมาสะกดรอยเราทั้งที มันก็มืออาชีพหน่อย"

"ก็ถ้าเป็นมืออาชีพ แล้วจะเข้าหูเข้าตานายได้ยังไงเล่า"

ตรงฉัตรยักไหล่ เขาไม่มีความเห็นนอกจากเคลื่อนรถออกจากที่ซ่อนในเงามืด เอาเป็นว่าที่เขาผิดสังเกตมันไม่ผิดก็แล้วกัน ยามรูปหล่อหน้าป้อมก็รายงานว่าหลายวันนี้มีผู้หญิงแปลกหน้ามาป้วนเปี้ยน เคยแวะนั่งคุยและซักถามโน่นนี่ด้วย อ้างว่ามีธุระจะขอเข้าพบ ก่อนจากยังใจดีถ่ายรูปให้เป็นที่ระลึกด้วย

"มันจงใจเล่นสงครามประสาทกับฉันมากกว่า"

ตรงฉัตรฟังเจ้านายสาวใหญ่ปรารภไปเงียบๆ เขาไม่มีความเห็นมาร่วมวง เพราะนึกไม่สบายใจที่ฝ่ายโน้นรุกหนักข้อขึ้นทุกที มันเป็นปัญหาขัดแย้งที่ค่อยๆ รุนแรงอย่างช้าๆ กระทั่งแตกหักจนไม่อาจประสานรอยร้าวได้อีกของสามีภรรยา

ดังนั้น ไม่ว่าฝ่ายโน้นจะรุกคุกคามหนักแค่ไหน หรือฝ่ายนี้จะเร่งระดมเค้นวิธีตั้งรับจนเส้นเลือดในสมองจะแตกยังไง เขาก็ได้แต่รับรู้และทำโน่นทำนี่ได้เท่าที่ขอบเขตมีเท่านั้น

"รอให้ฉันตะล่อมไอ้เสี่ยไต้หวันเซ็นสัญญาได้สำเร็จเสียก่อนเถอะ ฉันจะฉะกับมันสักตั้ง ให้มันได้รู้รสและสำนึกว่าหมาที่ถูกบีบคั้นให้จนตรอกน่ะ บทแว้งกัดแลกชีวิตของมันจะดุเดือดทุกหยดเลือดแค่ไหน"

เกือบจะเลี้ยวเข้าซอยใหญ่คุ้นเคย และ 'บ้านอาดิศัย' ก็น่าจะถึงภายในสิบนาที จู่ๆ เจ้านายสาวใหญ่ก็สั่งเฉียบให้ย้อนกลับไปบ้านพักท้ายสวนเมืองนนท์โน่น

"โอ้โฮ" ตรงฉัตรร้องเหมือนประท้วง เหลือบตาไปเคืองๆ ด้วย

"ทำไม มีปัญหาอะไรกับคำสั่งของฉันหรือ"

"ใครที่ไหนอยากจะไปมี"

ต้นแขนร้อนขึ้นเมื่อโดนทุบเบาๆ แต่ก็เจ็บจี๊ดเมื่อหล่อนหยิกหมั่นไส้ เขารีบบ่ายออกแล้วเปลี่ยนเป็นคว้ามือร้ายข้างนั้นมากุมตั้งบนต้นขา หล่อนก็ทำท่าจะหยิกตอบโต้ เขาก็เลยดึงกลับขึ้นไปกัดเบาๆ ให้หล่อนร้องโวยวาย

"บ้าหรือ ฉีดยาหรือยัง ถ้าฉันเป็นโรคพิษหมาบ้าตอนนี้ ฉันจะถือว่าเป็นความผิดไม่มีโทษให้อภัยเชียวนะ"

ตรงฉัตรแค่นหัวเราะเบี่ยงหน้าหนีปลายเล็บที่วืดมาเกือบข่วนแก้มได้แบบหวุดหวิด ณพนาชอบวุ่นวายกับแก้มของเขา หล่อนเคยชมว่า

"แก้มนายเนียนมาก ใสมากด้วย แล้วถ้านายยังไม่รู้ตัว ฉันก็จะบอกให้รู้ไว้ว่าหน้านายก็อ่อนกว่าวัยมาก"

"ไม่ต้องมาปากหวานหรอก ถึงยังไงผมก็มอบกายถวายใจเป็นทาสชีวิตคุณนาอยู่แล้ว"

"ฉันรู้ แต่นายเกือบจะสี่สิบแล้ว ดูสิ หน้าอ่อนเหมือนหนุ่มยี่สิบต้นๆ เลย นายทำได้ยังไง"

"ไม่เห็นจะยากเลย แค่สวดมนต์ก่อนนอนเอง"

แล้วหล่อนก็หัวเราะร่วนชอบใจกับคำตอบไม่ได้ความที่เขาตอบส่งๆ ไปเท่านั้น นั่นคือบทสนทนาต่อปากต่อคำที่เคลื่อนไปบนเยื่อใยความสนิทสนมผูกพัน ซึ่งน้อยคนหรืออาจต้องบอกว่าไม่มีสักคนเข้าใจ

ณพนายังเคยเปรยว่าอยากเห็นเขามีเหย้ามีเรือนก่อนที่หล่อนจะอับปางหรือหายนะ แต่เขากลับหัวเราะขำๆ เพราะแน่ใจล่วงหน้าไปแล้วว่าจะไม่มีวันนั้น ไม่มีใครจะมาพรากเขาออกไปจากทุกช่วงนาทีชีวิตของหล่อนได้ หรือต่อให้มีจริงๆ เขาก็ 'ไม่ไป'

จากคุณ : รัชนีกานต์
เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 15:22:20




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com