Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
คฤหาสน์สนธยา ตอนที่ 8 ติดต่อทีมงาน

รุริโกะทั้งสอง ก้าวเดินติดตามมารดาของพวกเธอไปเงียบๆ ภายใต้การเฝ้ามองจากดวงตาเล็กๆ เศร้าๆ ของสิ่งมีชีวิตขนาดยักษ์ที่ลอยตัวนิ่งอยู่ภายในคุกน้ำ ในนั้นยังมีสัตว์น้ำชนิดอื่นๆ อีกเป็นจำนวนมาก กำลังแหวกว่ายแสดงชีวิตอันไม่เป็นธรรมชาติของพวกมันออกมาให้ได้ชม

ทั้งคู่หยุดอยู่ตรงหัวมุม ซ่อนร่างไว้เบื้องหลังกำแพง เมื่อยื่นหน้า แอบมองออกไปในช่องทางเดิน มันก็เป็นการแสดงอีกฉากหนึ่ง มนุษย์ซึ่งกักขังตนเองเอาไว้ภายในกรงไร้สภาพที่ร่วมกันสร้างขึ้น กำลังแสดงชีวิตที่พวกเขาใช้หลอกลวงผู้อื่น และตัวเอง การแสดงที่พวกเขาเชื่ออย่างหมดใจ ว่าเป็นวิถีชีวิตตามธรรมชาติของเผ่าพันธุ์

มารดาของพวกเธอกำลังยืนก้มหน้าคล้ายกับหวาดกลัวชายที่สวมใส่สูทหรูหราสีดำสนิท มือถือกระเป๋าเอกสารสีเดียวกันที่ยืนอยู่ตรงหน้า แต่พวกเธอมองเห็น สิ่งที่นางต้องการคือเก็บซ่อนประกายในดวงตา รอยยิ้มที่มุมปาก และความหวังน้อยๆ ของนางเอาไว้ให้พ้นจากสายตาของเขา

“คุณสบายดีนะคะ...”

ผู้ชายคนนั้นซ่อนร่าง และใบหน้าอยู่ในมุมมืดแห่งความทรงจำของพวกเธอ เขาทำท่าราวกับยืนอยู่เพียงลำพัง ความเงียบที่แสนเจ็บปวดเสียดแทงเข้าไปในหัวใจของนาง ความเงียบที่โหดร้ายยิ่งกว่าคำกราดเกรี้ยวใดๆ ความเงียบที่แสดงให้เห็นว่า ไม่มีความข้องเกี่ยวใดๆ ระหว่างกัน

“...คุณดูผอมไป งานคงหนักมากใช่ไหมคะ”

ความเย็นชายังคงยืนอ้อยอิ่งกั้นกลางระหว่างทั้งสอง แม้จะพยายามอย่างไร นางก็ไม่อาจขับไล่มันไปได้

“คุณไม่ได้บอก ว่าเธอเป็น...เด็กผู้หญิง”

คำพูดห้วนๆ ประโยคแรกของเขา หลังจากที่ทั้งสองไม่ได้พบหน้ากันมานาน ทำให้ประกายในดวงตาของนางหม่นหมอง รอยยิ้มจางหาย และความหวังน้อยๆ ต้องมอดดับไป

เขาไม่พูดอะไรอีก ราวกับว่าเพียงแค่นั้นก็มากเกินพอแล้ว

“...แต่เธอก็เป็นลูกของคุณ เป็นลูกของพวกเรา เป็นเลือดเนื้อเชื้อไข เป็น เป็น...”

นางคิดอะไรไม่ออก น้ำตาเม็ดกลมๆ ใสๆ หยาดไหลไปตามเส้นทางแห่งความเศร้าซึ่งทอดตัวอยู่บนใบหน้า และจะทอดยาวไกลไปในชีวิตที่เหลือทั้งหมดของนาง ก่อเกิดเป็นเครื่องดื่มมึนเมาที่รุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ เหล้าที่หมักบ่มขึ้นจากน้ำตา ความมึนเมาล้ำลึกอันมีจุดเริ่มต้นในใจตนเอง

เพราะเป็นน้ำตามันจึงเศร้า เพราะเป็นใจตนมันจึงมิอาจสร่าง สองสิ่งนี้จะกัดกินลึกลงจนกระทั่งถึงวันหนึ่ง ชีวิตของนางจะกร่อนลงจนขาดสะบั้น วันหนึ่งในอนาคตอันมืดมนที่จะต้องมาถึง วันที่นางบีบหัวใจตนเองจนแสลกสลายคามือ และไม่ตื่นขึ้นอีกเลยตลอดกาล

“เธอเป็นเด็กผู้หญิง แต่เธอก็เป็นสายเลือดที่ถูกต้องของผม...”

ความหวังจุดประกายวาบขึ้นอีกครั้ง

“...ผมสืบมาเรียบร้อยแล้ว”

ความโกรธเข้ามาแทนที่

“ผมไม่อาจยอมรับพวกคุณทั้งสอง แต่ผมก็มีความรับผิดชอบ...ในฐานะของมนุษย์คนหนึ่ง”

เขายกกระเป๋าขึ้น เปิดออกให้นางดู ธนบัตรเป็นปึกๆ เรียงเต็มอยู่ด้านใน เงินสดที่ยากสืบหาที่มา เงินสดที่ยากสืบหาความเกี่ยวข้อง ระหว่างตัวเขากับใครก็ตามที่รับพวกมันไป เขาปิดมัน ก่อนยื่นส่งให้ เงินที่สองแม่ลูกจะสามารถใช้ดูแลชีวิตในอนาคต เงินซึ่งเป็นตัวแทนแห่งความรับผิดชอบที่เขาพูดถึง

นางอยากหัวเราะ นางอยากร้องไห้ นางอยากกรีดร้อง นางอยากฆ่าเขา นางอยากฆ่าลูกของเขา นางอยากฆ่าตัวตาย นางอยากลืมอดีต นางอยากเกลียดเขา นางอยากเกลียดตัวเอง นางอยากหลบหนีไปจากทุกสิ่ง ไปให้พ้นจากชีวิตนี้ นางอยากทำทุกอย่างนั้น และไม่อยากทำอะไรเลย

เขายังคงทำท่าเหมือนยืนอยู่เพียงลำพัง พูดคุยกับอากาศ กับความว่างเปล่า มือของนางสั่น ก่อนค่อยๆ เอื้อมออกไปอย่างช้าๆ เงินจำนวนนี้จะทำให้นางมีชีวิตที่สุขสบาย ทำให้บุตรสาวมีอนาคตที่ดี เงินไม่ใช่ทุกสิ่งในชีวิต แต่ภายในกรงขังที่มนุษย์ร่วมกันสร้างขึ้นมานั้น เงินซื้อได้เกือบจะทุกสิ่ง

มนุษย์ตีราคาให้กับทุกอย่างที่เข้าไปเกี่ยวข้อง ไม่ว่ามันจะเป็นอะไรก็ตาม รูปธรรม นามธรรม ความคิด ความรู้สึก ชีวิต หรือความตาย แม้แต่สิ่งที่พวกเขาบอกว่าไม่อาจประเมินค่าได้ก็ตาม

ราคาที่อาจไม่ได้บ่งบอกออกมาอย่างชัดเจน แต่ก็มีอยู่ภายในใจ เป็นสิ่งที่พวกเขาทำไปโดยไม่รู้ตัว ทำไปตามความคุ้นชิน การอาศัยมูลค่าเพื่อเปรียบเทียบคุณค่าของสิ่งต่างๆ มูลค่าที่พวกเขาสร้างขึ้น บูชา และแบกเอาไว้

นางแบมือ เอื้อมออกไปช้าๆ เขากำมือ อย่างรอคอย เมื่อฝ่ายที่กำไว้แบมือออก ฝ่ายที่แบมือรับเอาไว้ การแลกเปลี่ยนก็จะสิ้นสุดลง ความรับผิดชอบที่เขาว่า แลกกับธนบัตรในกระเป๋า ชีวิตของสองแม่ลูก แลกกับมูลค่าที่ตีได้เป็นเงินจำนวนหนึ่ง

นางขบกราม ชักมือกลับมา 'มันจะไม่จบลงอย่างที่คุณต้องการ' หากนางรับเงินจำนวนนี้เอาไว้ มันจะกลายเป็นข้ออ้างที่เขาใช้ในการบอกกับตัวเอง บอกว่าเขาได้รับผิดชอบในสิ่งที่ตนทำลงไปแล้ว เขาอาจสบายใจขึ้น และทำเป็นลืมเรื่องราวทั้งหมดนี้ แม้ว่าเขาจะไม่มีวันลืมมันได้เลยก็ตาม

'ฉันจะเป็นผีร้ายคอยตามหลอกหลอนคุณ' ทั้งยามตื่น และยามหลับ เขาจะต้องคิดถึงพวกนาง คิดถึงสิ่งที่ตนเองได้ทำลงไป เสียใจในสิ่งที่พวกนางต้องเผชิญพบในอนาคต 'เมื่อคุณไม่รักฉัน ก็จงเกลียดฉัน และจงจดจำฉันไปตลอดกาล'

“ฉันไม่รับเงินสงเคราะห์จากคุณ”

นางเชิดหน้า พูดด้วยความสะใจ 'เขาจะต้องเสียใจ เขาจะต้องโกรธ ทุกอย่างจะไม่เป็นไปตามที่เขาต้องการ' เขาเหลือบมองนาง เพียงครู่เดียว ก่อนหันหลังเดินจากไป โดยไม่หันกลับมาอีกเลย

“...ก็ตามใจคุณ”

เขาจากไปแล้ว 'ดูเขาไม่เสียใจเลยสักนิด ไม่โกรธด้วยซ้ำไป' เขาไม่เป็นอย่างที่นางต้องการ และมันทำให้นางโกรธ นางอยากตะโกน อยากกรีดร้อง 'แต่นั่นคงเป็นสิ่งที่เขาต้องการ' นางจึงพยายามสะกดกลั้นมันเอาไว้ กล้ำกลืนมันลงไป ทุกสิ่งทุกอย่างรวมทั้งความหวังสุดท้ายในชีวิต

รุริโกะทั้งสอง ค่อยๆ ย่องกลับไป เด็กน้อยอาจไม่เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้นเท่าใดนัก ความทรงจำนี้จึงหลบซ่อนตัวมันเองจากเธอมาเนิ่นนาน เธอเกลียดที่มันไม่ยอมจางหาย เธอเกลียดที่นึกถึงมันขึ้นมาได้ เกลียดที่ตอนนี้เธอเข้าใจความหมายทั้งหมดของมันแล้ว

บิดาที่เธอไม่เคยรู้ว่าเป็นใคร ถึงแม้ว่ามารดาจะโกรธ จะเกลียด จะแค้น แต่นางก็ไม่เคยลืมเขา นางจึงไม่อาจปลดปล่อยตัวเองจากอดีต เพื่อก้าวเดินไปข้างหน้า นางหยุดตัวเองอยู่แค่ในวันนั้น ทิ้งตัวเองให้จมหายไปในขวดเหล้า พ่ายแพ้ให้กับความรักที่เดินจากไปนานแล้ว

รุริโกะทั้งเกลียด และก็รักบิดา เหมือนกับที่มารดาของเธอเป็นอยู่จนถึงวันสุดท้าย 'ในฐานะของมนุษย์คนหนึ่ง' อย่างนั้นหรือ 'เขาไม่แม้แต่จะเรียกตัวเองว่าพ่อด้วยซ้ำ'

'เธอต้องปลดปล่อยฉัน กลับคืนสู่ท้องทะเล กลับคืนสู่บ้าน' เสียงโหยหวนของปลาฉลามวาฬที่ถูกคุกคามจากอาการทางประสาท ซึ่งเกิดจากการถูกกักขังเอาไว้เป็นเวลานาน ดังขึ้นมาอีกครั้ง

'ไม่' เธอส่งเสียงกรีดร้องใส่มันในใจ 'ฉันจะขังแกเอาไว้ในความทรงจำ ให้แกต้องว่ายวนงับหางของตัวเอง ขังแกเอาไว้ตลอดกาล' เธอหัวเราะอย่างสะใจ

มันเองก็หัวเราะเช่นกัน 'ปลาหัวเราะไม่ได้' แต่มันก็หัวเราะจนสำลักน้ำทะเล ร่างบิดส่ายไปมาไม่ยอมหยุดเกิดเป็นกระแสน้ำวนขึ้นภายในตู้จัดแสดง สัตว์น้ำในตู้ทั้งหมดรวมตัวกันว่ายเป็นวง หมุนวนไปพร้อมกับกระแสน้ำ เร็วขึ้น เร็วขึ้น

เสียงหัวเราะถูกตัดขาดลงอย่างฉับพลัน ทุกสิ่งดับเลือนหาย เหลือเพียงความมืดมิด โทรศัพท์ของเธอหมดสิ้นพลังงาน เขตป้องกันสุดท้ายจางหายไปแล้ว เสียงครูดไปกับพื้นของขวานดังมาให้ได้ยิน

เด็กหญิงความเงียบผู้สวมหมวกเปื้อนไปด้วยสีแดงเหนอะหนะเริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง

#####

ประตูบ้านร้างถูกเปิดทิ้งเอาไว้ให้ แต่ก็ยังเป็นการยากในการตัดสินใจเดินเข้าสู่สถานการณ์ที่ไม่คุ้นชิน หากลองนึกดูให้ดี ชีวิตของคนเรานั้นมิได้มีความเปลี่ยนแปลงมากมายเลยในแต่ละวัน

ที่พัก เส้นทาง ผู้คน อาหาร ที่ทำงาน ของใช้ เสื้อผ้า ชีวิตประจำวัน สิ่งที่ต้องเข้าไปข้องเกี่ยว ทุกอย่างล้วนไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากๆ หรือบ่อยๆ และการเปลี่ยนแปลงแต่ละครั้งมักนำมาซึ่งความรู้สึกไม่มั่นคง แม้แต่คนที่ต้องใช้ชีวิตเดินทางอยู่ตลอดเวลา การเดินทางเหล่านั้นก็จะค่อยๆ กลายเป็นความคุ้นชินรูปแบบหนึ่งเช่นกัน

การได้ไปพักผ่อนในสถานที่แปลกใหม่ ใช้ชีวิตที่แตกต่างออกไป อาจทำให้หลายคนรู้สึกมีความสุข แต่มันก็ตั้งอยู่บนพื้นฐานความคิดที่ว่า การพักผ่อนเหล่านั้นปลอดภัย ควบคุมได้ และชีวิตเก่าๆ ที่คุ้นเคย จะยังคงรอให้กลับไปใช้อยู่เช่นเดิม

สองสาวพร้อมใจกันผลัก จริงใจ ให้ออกเดินนำเข้าไปก่อน เขาอดไม่ได้ที่จะออกแรงฝืน เหมือนกับเป็นแมวตัวหนึ่ง แมวที่พยายามจะไปข้างหน้าเมื่อถูกดัน หรือพร้อมจะถอยหลังเมื่อถูกดึง

“พี่จริงเข้าไปก่อนสิ”

“น้องไหมมีไฟฉายอยู่ ก็เข้าไปสิ”

ปุ้ยคว้าโทรศัพท์จากน้องสาวยัดใส่มือ แล้วมองหน้า เขาได้แต่ฝืนยิ้ม พยายามส่องแสงไฟลำเล็กๆ นั้นฝ่าเข้าไปในช่องว่างเล็กๆ ระหว่างบานประตูทั้งสองที่เปิดค้างเอาไว้ เขามองเข้าไปในความมืด พยายามที่จะไม่นึกถึงพวกนั้น 'ก็ผีไง' เขานึกถึงมันเข้าอีกแล้ว

ผู้กล้าแห่งลำแสงจำนวนน้อยนิดถูกส่งเข้าสู่ใจกลางของกองทัพอสูรแห่งความมืดขนาดมหึมา ผลการต่อสู้ที่ออกมาแตกต่างจากในหนังสือเทพนิยายแฟนตาซีทั้งหลายเหล่านั้น เหล่าผู้กล้าแห่งลำแสงตายเรียบ

บานประตูเปิดกว้างออกตามแรงดึงโดยไม่ส่งเสียงดังเหมือนกับในหนังสยองขวัญทั้งหลาย ซึ่งทำให้เขาแปลกใจ ลำแสงในมือเคลื่อนผ่านไปทั่วทุกทิศทาง เขามองเห็นบางส่วนของเสา ขั้นบันได สิ่งที่ดูคล้ายกับโคมระย้า กองอะไรบางอย่างบนพื้น ผ้าที่ใช้คลุมของเก่าๆ โบกไหวเบาๆ เมื่ออากาศมีการเคลื่อนตัว

จินตนาการของเขาเริ่มทำงานอย่างเต็มที่โดยไม่ต้องได้รับการร้องขอ บันไดที่พร้อมจะมีร่างบิดหักงอคืบคลานลงมาได้ตลอดเวลา มุมมืดที่อาจมีเด็กตัวขาวเหมือนไปตกถังแป้งนั่งกอดเข่าซุกซ่อนอยู่ ที่ว่างในอากาศซึ่งพร้อมจะมีผมดำยาวย้อยห้อยลงมา ผ้าคลุมที่พร้อมจะลอยขึ้นเป็นตัวอะไรบางอย่าง ยังมีชายที่สวมถุงมือเป็นใบมีด ใช้เลื่อยไฟฟ้า หรืออาวุธอื่นๆ ซ่อนตัวอยู่ทุกที่ในความมืด

แต่ไม่มีหญิงสาวผมยาวห่มสไบเฉียงที่พร้อมจะฉีกปาก แหวกอก หรือห้อยหัวหลอกหลอน เขาไม่ได้นึกถึงอะไรแบบนั้นเลยด้วยซ้ำ พวกมันเป็นความน่ากลัวที่หล่นหายไปจากยุคสมัย สูญพันธุ์ไปแล้วเหมือนกับไดโนเสาร์ เหมือนของโบราณประเภทอื่นๆ เป็นสิ่งที่ไม่อาจวิวัฒนาการตามยุคสมัยได้ทัน

ความน่ากลัวที่ล้าหลัง แสนเชย ต้องปล่อยให้ความน่ากลัวยุคใหม่ที่เป็นผู้ได้รับชัยชนะ จากสงครามการแข่งขันเพื่อกลืนกินวัฒนธรรม เพื่อขึ้นเป็นค่านิยมแห่งโลก เพื่อการตลาด เพื่อขายสินค้า เพื่อเงินตรา เพื่อผลกำไร ให้คอยทำหน้าที่หลอกหลอนผู้คนทั้งโลกต่อไป

ทั้งกลุ่มยังไม่ได้เคลื่อนห่างจากประตูทางเข้าไปไกลเท่าใดนัก สองสาวขยับเข้ามาเกาะแขนเขาเอาไว้ทั้งซ้ายขวา ไม่รู้ว่าในหัวของพวกเธอกำลังพบเจอกับสิ่งใด แต่ก็คงไม่ต่างจากเขามากนัก

ความนุ่มนวล สัมผัสที่นุ่มนิ่ม กระชากดึงจินตนาการของเขาให้กลับลำไปในอีกทิศทางหนึ่ง ซึ่งเป็นหนึ่งในองค์ประกอบที่พบได้ทั่วไปในหนังสยองขวัญทั้งหลาย ความมืด เลือด เสียงกรีดร้อง ตัวประหลาด และเรือนร่างของหญิงสาว

“...ไหมขยับออกไปหน่อยสิ ไม่ต้องเกาะพี่จริงแน่นขนาดนั้นก็ได้”

เสียงปุ้ยกระซิบ

“พี่ปุ้ยหึงน้องตัวเองหรือไง ก็ไหมกลัวนี่...โอ้ย”

เขาพอจะเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น ปุ้ยคงหยิกไหมเข้าให้นั่นเอง เขากำลังจะยิ้ม เมื่อมีมือข้างหนึ่งหยิกแขนเขาเข้าอย่างแรง เขาส่งเสียงร้องออกมาเบาๆ ไหมที่พอจะเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้นเช่นกัน ส่งเสียงหัวเราะคิกคักออกมา

“ทำไมต้องกระซิบกันแบบนี้ด้วย...”

เขาเองก็เผลอลืมตัวกระซิบไปด้วยเหมือนกัน เขากระแอมสองสามครั้ง พยายามพูดให้เต็มเสียง แต่ก็ยังคงเบากว่าปกติอยู่ดี

“เราตะโกนเรียกหมอนั่นเลยดีไหม”

“ดี”

“ไม่ดี”

คนที่ตอบดี คือ ปุ้ย ส่วนคนที่ตอบว่าไม่ดี คือ ไหม สองสาวพยายามมองหน้ากัน ถึงตอนนี้สายตาของทั้งสามคนก็เริ่มปรับตัวเข้ากับความมืดได้ดีขึ้นแล้ว แต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก

“ทำไมถึงไม่ดี”

ปุ้ยถาม

“ก็ ในนี้เงียบจะตาย แค่ที่เราพูดกันอยู่ พี่เคนก็น่าจะได้ยิน และออกมาได้แล้ว”

ปุ้ยหันไปสบตากับเขา ความสงสัยถ่ายทอดถึงกัน เขาพูดขึ้นบ้าง

“น้องไหมหมายความว่าไง เคนจิรู้ว่าพวกเราเข้ามาแล้ว แต่ไม่ยอมออกมาอย่างนั้นหรือ”

“ก็...ใช่...น้องไหมคิดว่า เขาอาจจะอยากแกล้ง...พี่เคนชอบเล่นอะไรแผลงๆ แบบนี้”

“ถ้าอย่างนั้น พวกเราก็กลับ ปล่อยให้เขาเล่นสนุกไปคนเดียว”

เขาไม่เสียเวลาขบคิดให้มากความ ไม่ได้แกล้งพูดเล่นๆ แต่อยากทำแบบนั้นจากใจจริง

“ไม่ได้นะคะ...”

ไหมปล่อยแขนของเขา เธอดูมีท่าทางร้อนรนจนผิดปกติ จนปุ้ยรู้สึกสงสัยในตัวน้องสาว 'เธอไม่เคยปกติ แต่ก็ไม่แปลกถึงขนาดนี้' เธอหวนนึกถึงเรื่องราวในอดีตที่ผ่านมา ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเธอสองพี่น้อง 'ที่ไม่ใช่พี่น้องอีกต่อไป' แม้จะเป็นสำหรับเธอเพียงฝ่ายเดียวก็ตาม

“...ถึงพี่เคนจะเป็นอย่างนั้น แต่ถ้าเขา...เขาเกิดเป็นอะไรไปจริงๆ ขึ้นมา จะทำอย่างไร เขาก็บอกเราไม่ได้เหมือนกัน ดังนั้น เราต้องช่วยกันหาพี่เคนให้เจอนะคะ นะคะ...นะ”

ไหมส่งเสียงออดอ้อนอย่างที่เธอชอบทำ เสียงที่ครั้งหนึ่งเคยทำให้ปุ้ยรู้สึกเอ็นดู แต่ในวันนี้มันไม่ใช่ มันกลับกลายเป็นเสียงที่ทำให้เธอรู้สึกรำคาญ รู้สึกอยากจะทำให้มันเงียบไปตลอดกาล

“...มันก็จริง”

เขาเริ่มใจอ่อน เหมือนอย่างที่เขาเป็นอยู่เสมอ ใจอ่อนให้กับเพศหญิง ไม่ว่าเธอคนนั้นจะเป็นใคร เกี่ยวข้องอย่างไร จะดีจะร้ายกับเขา มันไม่สำคัญเลยสักนิด ขอเพียงเป็นเพศหญิง ขอเพียงเป็นท้องทะเล ทะเลทั้งหมดล้วนเป็นหนึ่งเดียวกัน 'ไม่ใช่ ไม่ใช่ทะเล'

“พี่จริงไม่ต้องไปสนใจ เล่นกันเกินไปแล้ว ทั้งคู่เลย”

น้ำเสียงของปุ้ยฟังดูจริงจัง จริงจังมาก แต่ไหมเหมือนจะไม่เข้าใจ เธอมองไปรอบๆ ก่อนชี้ไปที่ของสิ่งหนึ่งซึ่งมีผ้าเก่าๆ พวกนั้นคลุมเอาไว้ และอยู่ใกล้ที่สุด

“พี่เคนอาจจะหลบอยู่ใต้นั้นก็เป็นได้”

เขาส่องไฟไปตามทิศทางที่เธอชี้ ข้างใต้ผ้าผืนนั้น มันอาจจะเป็นตู้อะไรสักอย่าง 'ไม่น่าจะใช่คนอย่างที่เธอคิด' ยกเว้นว่าคนนั้นจะตัวเล็กมาก และมุดเข้าไปอยู่ในตู้อีกที 'หรือไม่ก็ถูกหั่นเป็นชิ้นๆ แล้วจับยัดเข้าไป'

“...จะทำอะไรน่ะ เดี๋ยว เดี๋ยวก่อน”

ไหมไม่สนใจคำทัดทานของพี่สาว เธอเดินเข้าไปดึงผ้าผืนนั้น ฝุ่นที่นอนนิ่งโดยไม่ถูกรบกวนมานาน ฟุ้งกระจายหายไปในอากาศที่มืดมิด ข้างใต้นั้นเป็นโต๊ะแต่งหน้าเก่าๆ ที่ทำด้วยไม้ สิ่งที่บ่งบอกว่ามันเป็นอะไร คือกระจกเงาบานใหญ่แปลกตา

กระจกเงาเป็นสิ่งพิเศษ พวกมันมักเข้าไปเกี่ยวข้องกับพิธีกรรม ความเชื่อ ถูกนำไปเชื่อมโยงเข้ากับสิ่งเหนือธรรมชาติอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นกระจกวิเศษในเทพนิยาย กระจกที่เป็นบานประตูเข้าสู่ดินแดนที่แปลกพิศดาร กระจกที่สามารถส่องให้เห็นอดีต ปัจจุบัน และอนาคต

กระจกเงาสะท้อนให้เห็นสิ่งที่เหมือนกับตัวเรา แต่ไม่ใช่ตัวเรา เป็นรูปเงาที่สลับกลับด้าน กระจกเงาที่บางครั้งสะท้อนให้เห็นบางสิ่งบางอย่างซึ่งไม่มีอยู่ในที่นั้น กระจกเงาที่ถูกใช้เพื่อสะท้อนบางสิ่ง ขับไล่บางอย่าง หรือไม่ก็กักขังพวกมันเอาไว้

เขาส่องไฟเข้าไปในกระจกเงา และมันสะท้อนทำให้ห้องโถงสว่างขึ้น แต่เป็นแสงสว่างที่แปลกตา แสงสะท้อนที่ชวนให้มึนงง เงาพร่าเลือนในกระจกมัวๆ ส่งผลกับแต่ละคนแตกต่างกันออกไป

ปุยฝ้าย มองเห็นใบหน้าที่บิดเบี้ยวของตนเอง เธอกำลังยืนแช่อยู่ในน้ำทะเลสีแดงเลือด โดยมีร่างของน้องสาวนอนลอยคว่ำหน้าอยู่ใกล้ๆ นั่นเป็นสิ่งที่เธอเคยคิดจะทำ สิ่งที่เธอลงมือ และเกือบจะทำสำเร็จ

เธอจ้องดูรอยยิ้ม ยิ้มที่ชั่วร้ายนั้น 'นั่นคือใบหน้าที่แท้จริงของฉัน' เธอพยายามที่จะเอื้อมมือออกไปปิดมัน 'อย่าดูนะ' ไม่ต้องการให้ใครได้เห็น

จริงใจ มองเห็นเงาสะท้อนของภายในบ้านร้างหลังนี้ แต่เงาในนั้นไม่ใช่บ้านร้าง มันดูเหมือนเป็นบ้านใหม่ที่ยังสร้างไม่เสร็จมากกว่า 'หรือจะเป็นภาพในอดีต' มีเงาของใครบางคนเดินผ่านไป หญิงสาวงดงามผู้มีผมสีดำยาวสลวย 'เธอคือทะเลของฉัน ไม่ใช่ ไม่ใช่ ทะเล'

เขาไม่คิดว่าเธอเป็นผี ปีศาจ หรือสิ่งชั่วร้ายใดๆ เธอต้องเป็นคนที่มีเลือด มีเนื้อ มีลมหายใจเช่นเดียวกับเขา เพียงแต่ไม่รู้ว่าสิ่งที่เห็นนั้นผ่านมาแล้วนานเท่าใด และตอนนี้เธอหายไปอยู่ในที่ไหน

เหมือนไหม มองเห็นบางสิ่งที่เธอไม่เข้าใจ มันน่าจะเป็นห้องหนึ่งในที่พักของพวกเธอ แต่มันตกอยู่ในความมืด มีเงาของใครบางคนนั่งอยู่ที่โต๊ะริมหน้าต่าง กับเงาของบางสิ่งที่เคลื่อนไหวช้าๆ เงาที่บิดเบี้ยว เงาที่น่ากลัว เธอมองเห็นมันได้ชัดเจนขึ้น และนั่นเป็นตอนที่เธอเริ่มส่งเสียงกรีดร้อง พร้อมกับวิ่งขึ้นบันใดหายไปบนชั้นสอง ท่ามกลางความตื่นตะลึงของคนที่เหลือ

ประตูที่พวกเขาใช้เป็นทางผ่านเข้ามาปิดเข้าหากันดังปัง ภายในของคฤหาสน์ถูกตัดขาดออกจากโลกภายนอก ปุ้ยจะออกวิ่งติดตามน้องสาวไป แต่จริงรีบคว้าแขนเอาไว้ เธอพยายามดิ้น แต่เขาจับเอาไว้แน่น

“ปล่อย”

“ไม่ เราจะไปด้วยกัน...คืนนี้มีอะไรบางอย่าง ในนี้มีอะไรบางอย่าง คุณคงรู้ตัวแล้วว่า มันไม่ปกติ”

เธอจ้องมองเขา ก่อนมองขึ้นไปชั้นบน เธอสงบลง ก่อนยื่นมือออกมา ทั้งสองจับมือกัน มันเป็นความรู้สึกที่เหลือเชื่อ เธอกำลังจะไปช่วยคนที่ไม่ใช่น้องสาว คนที่เธอเคยคิด และลงมือฆ่า แต่ยังไม่สำเร็จ เธออยากช่วยจริงๆ หรือเพียงแค่ไม่อยากถูกสิ่งใดมาตัดหน้าแย่งสิทธิในการฆ่าไปกันแน่

ส่วนเขากำลังดื่มด่ำกับความรู้สึกที่ได้จากมืออันนุ่มนิ่มข้างนั้น ก่อนที่มันจะบีบมือเขาเต็มแรงจนเกือบเผลอร้องโวยวายออกมา

“ไปได้แล้วย่ะ”

จากคุณ : zoi
เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 55 22:37:08




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com