Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
รถไฟ เรือเมล์ ลิเก ตำรวจ (และแมว) : ตอนที่ 3 ติดต่อทีมงาน

ตอนที่ 1 : http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2012/03/W11888273/W11888273.html
ตอนที่ 2 : http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12061718/W12061718.html


----------------------------------------------------------------------


(3)

“มีแฟนแล้วเหมือนไม่มี กลับไปเป็นโสดยังดีซะกว่า”  

“เดี๋ยวนี้ แกทำงานหนักจนเมาได้แม้กระทั่งกาแฟแล้วเหรอ ก้อย” นวลปรางส่ายหน้ากับการประกาศอย่างจริงจังเกินเหตุของเพื่อนสมัยมัธยมที่มีสำนักงานทนายความอยู่ห่างกันเพียงช่วงตึก แต่กลับได้พูดคุยกับผ่านสื่อออนไลน์มาตลอดโดยแทบจะไม่ได้เห็นหน้ากันเลย เว้นแต่วันที่ตัวเธอเอง หรือกีรติ ‘มีปัญหา’ และอยากหาเพื่อนดื่มแก้กลุ้ม “หรือช่วงนี้ทำคดีหย่าบ่อยซะจนเซ็งพวกผู้ชาย...”

จะว่าไป ตั้งแต่เธอมีปัญหากับงานเก่าจนเมาอาละวาดต่อหน้าชัชพลคราวนั้น เธอก็ไม่เคยดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพื่อหนีปัญหาหรือแก้เครียดอีกเลย ยกเว้นแต่จิบเป็นเพื่อนคนอื่น หรือเพื่อสังสรรค์เล็ก ๆ น้อย ๆ กับเพื่อน ๆ บ้างเป็นบางเวลาเท่านั้น

นอกจากหาเพื่อนดื่มแล้ว อีกเหตุผลหนึ่งที่กีรติมักจะมาถึงร้านกาแฟของเธอก็คือ ต้องการคาเฟอีนอย่างมากเพื่อที่จะได้ทำสำนวนคดีกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา ซึ่งเรียกได้ว่าเป็น ‘มหกรรมการฟ้องร้อง’ ให้นักศึกษาที่กู้เงินเรียนจนจบเป็นบัณฑิตคืนเงินที่ยืมไปเรียนแก่กองทุนเสียที และที่เรียกว่าเป็น ‘มหกรรม’ ได้ก็เพราะมีสำนวนมหาศาลชนิดที่ต้องระดมคนเกือบทั้งออฟฟิศมาจัดการ และส่งฟ้องศาลของแต่ละจังหวัดที่มีอำนาจพิจารณา  

ดูจากขอบตาที่คล้ำเป็นวงพอ ๆ กับแพนด้าและกาแฟเอสเปรสโซเย็นแบบเพิ่มช็อตที่สั่งก็รู้ว่า เธอทำงานจนเกือบเช้ามาหลายวันแล้ว แต่วันนี้ แทนที่จะสั่งกาแฟแล้วรีบไป เธอกลับมานั่งคุยอยู่ได้เป็นนานผิดกับทุกที เหมือนมีอะไรอยากคุยแต่ยังตัดสินใจไม่ได้ พูดอ้อมไปอ้อมมาจนน่าสงสัย แถมพูดอะไรแปลก ๆ กับเธออีก

“แกน่ะสิเมา ถ้าไม่เมาก็ความจำเสื่อม” ทนายความสาวว่า “ก็ตะกี้แกบ่นให้ฉันฟังเองว่า แฟนแกไม่ค่อยมีเวลาให้ แถมพักหลัง ๆ แทบไม่ได้คุยกัน ฉันก็เลยบอกแกไปว่า ถ้ามีแฟนแล้วเหมือนไม่มีก็กลับไปเป็นโสดดีกว่า”

“เอ๊า... อะไรของแก” นวลปรางขึ้นเสียงสูง “ฉันบ่นอะไรที่ไหนกัน ก็แกถามฉันเองว่าช่วงนี้ ฉันกับชัชได้คุยกันบ้างหรือเปล่า ฉันก็ตอบแกไปตามความจริงว่า ไม่ค่อยได้คุยกัน เหมือนชัชจะยุ่ง ๆ มาหลายสัปดาห์แล้ว”

“แต่แกก็บอกว่า เขาดูเหมือนมีเรื่องที่บอกแกไม่ได้ หรือดูท่าทางไม่อยากบอกแกอยู่ไม่ใช่เหรอ...”

“ก็ใช่อยู่หรอก...” ผู้จัดการร้านกาแฟถอนใจยาว คำถามนี้จี้ใจดำของเธอจริง ๆ แม้จะไม่แรงนักก็ตามที แต่ตอนนี้เธอกำลังอยากรู้ว่ากีรติอยากบอกอะไรเธอเกี่ยวกับชัชพลกันแน่ “แกมีอะไรหรือเปล่า ก้อย แกทำตัวแปลก ๆ นะ”

คราวนี้ เพื่อนของเธอกลายเป็นฝ่ายถอนใจด้วยความอึดอัดบ้าง “ไอ้มีน่ะก็มีอยู่หรอก... แต่ฉันขอถามแกก่อนอีกคำถามได้ไหม ปราง ว่าแกมีความสุขกับการเป็นแฟนกับผู้ชายที่แทบไม่มีเวลาให้แก มีความลับสารพัดกับแกจริง ๆ หรือเปล่า”

ไม่มีคำตอบใด ๆ จากคนฟัง... และไม่อาจบอกได้ว่า ความเงียบนั้นแทนค่าคำตอบว่า ใช่หรือไม่

“ถ้ารักกันแล้วไม่ได้อยู่ด้วยกัน แกจะทนได้ไหม หรือถ้าคิดจะอยู่ด้วยกัน ก็ต้องมีคนใดคนหนึ่งยอมเสียสละ ด้วยงาน ด้วยหน้าที่ ฉันไม่คิดว่าแฟนแกจะย้ายเข้ามาอยู่กรุงเทพฯ กับแกได้แน่ ๆ... คนที่ต้องยอมเขาทุกอย่างก็คือแกนั่นแหละ ปราง” กีรติถามต่อ “แกคิดว่าการที่คนรักกันได้แต่เดินไปด้วยกันแบบทางขนานเหมือนเดินกันอยู่คนละข้างของรางรถไฟกันไปเรื่อย ๆ แบบที่พวกแกเป็นอยู่นี่ มันเรียกว่าเป็นความสุขได้ตรงไหน...”

นวลปรางยังคงเงียบ หากมองเพื่อนสมัยเรียนมัธยมด้วยสายตาครุ่นคิด

“ปราง ฉันไม่ได้บอกให้แกเลิกกับเขานะ...” ทนายความสาวว่า “แต่ฉันอยากให้แกคิดดูดี ๆ พวกแกไม่มีทางที่จะอยู่ด้วยกันได้ แล้วเท่าที่ฉันฟังแกมา เขาก็มีความลับกับแกเยอะไปหมด แกจะเชื่อใจเขาได้ยังไงว่าเรื่องไหนเป็นเรื่องงานจริง เรื่องไหนเป็นเรื่องที่เขาแต่งขึ้นมา แกก็รู้ว่ารถไฟ เรือเมล์ ลิเก ตำรวจน่ะ คบยาก แล้วไหนเรื่องที่แกโทรหาเขาก็แล้ว ส่ง sms เขาก็แล้ว แต่เขาแทบไม่ยอมตอบแกกลับมาเลย มันหมายความว่าไง ฉันไม่อยากให้แกง้อเขามากจนเขาได้ใจว่าแกเป็นของตายของเขา... ยิ่งพวกตำรวจเขี้ยว ๆ ไม่สนใจหน้าอินทร์หน้าพรหมแล้วด้วยนะ แกคิดเหรอว่าจะแคร์”

ผู้จัดการร้านกาแฟเลิกคิ้วน้อย ๆ รู้สึกเหมือนมีความหมายบางอย่างแฝงอยู่ในคำพูดนั้นของกีรติ และท่าทางเมื่อเพื่อนของเธอพูดถึงชัชพลนั้นดูราวกับทั้งคู่เคยพบกันมาก่อน และน่าจะเป็นการพบกันที่ไม่น่าประทับใจเสียด้วย

“แกพูดอย่างกับเคยเจอแฟนฉันตัวเป็น ๆ มางั้นแหละ” เธอออกปาก

ข้อสันนิษฐานนั้นทำให้เพื่อนของเธอชะงัก “ปราง... ฉันไม่ได้ใส่ร้ายแฟนแกนะ”

“ฉันรู้” เธอบอกพร้อมถอนใจ “แกก็รู้นี่ ก้อยว่าฉันเป็นคนยังไง ที่ฉันพูด ฉันหมายความตามนั้นจริง ๆ ฉันคิดว่าแกคงเคยเจอเขามาก่อน ไม่ได้หมายความว่า ฉันกำลังประชดแกว่า ไม่รู้จักชัชดีแล้วเอาเขามาพูดให้ฉันฟังแบบเสีย ๆ หาย ๆ”

นวลปรางดื่มชาผลไม้ที่เหลือในแก้วจนหมด จิบน้ำตาม และหันกลับมาถามกีรติตรง ๆ “แกเจอชัชแล้วเหรอ”

น้ำเสียงของคนที่ร้างวงการกฎหมายไปนานแต่เข้มอยู่ในทีเหมือนกับเสียงทนายที่คาดคั้นพยานทำให้หญิงสาวอีกคนหนึ่งจำต้องยอมแพ้ “ใช่... ฉันเจอเขาที่ศาลจังหวัดชัยนาท ในคดีที่ลูกความฉันเป็นจำเลยคดีทำร้ายร่างกาย ส่วนผู้กองชัชเป็นพยานฝ่ายโจทก์”

เล่ามาเท่านี้ นวลปรางก็จินตนาการได้ทันทีว่า การเผชิญหน้ากันระหว่างกีรติกับชัชพล ในฐานะทนายจำเลยกับพยานโจทก์จะออกมาในรูปไหน... ในขณะที่ฝ่ายแรกก็จะเค้นเอาความจริงออกมาให้ได้ด้วยการรุกจนเขวและย้อนกลับไปประเด็นเดิมด้วยคำถามใหม่ให้พยานสับสนจนคำให้การไม่มีน้ำหนัก แต่ฝ่ายหลังก็ใช่ว่าจะหลงกลใครง่าย ๆ ไหนจะพูดจาขวานผ่าซาก แถมบางทียังปากเสียอีก มิหนำซ้ำยังชอบทำหน้าบอกบุญไม่รับอีก สำหรับคนที่ไม่สนิทสนมกับเขามากพอ ไม่ว่าใครก็ต้องคิดว่าเขากวนประสาททั้งนั้น หากกีรติจะเกิดเขม่นเขาขึ้นมา เธอก็ไม่ประหลาดใจเลยสักนิด

จะอย่างไรก็ตามแต่ คนกลางอย่างเธอตกที่นั่งลำบากที่สุดในสถานการณ์แบบนี้...

เมื่อก่อนเคยคิดและพูดเล่น ๆ กันว่า เวลามีแฟนก็ขออย่าให้ได้ชอบผู้ชายคนเดียวกันเลย แต่เธอไม่เคยไกลไปถึงกรณีว่า ถ้าหากเพื่อนกับแฟนไม่ถูกกันขึ้นมา เธอควรจะทำตัวอย่างไรดี และตอนนี้ เธอก็เริ่มทำอะไรไม่ถูกเข้าแล้วจริง ๆ  

“ชัชไปทำอะไรแกเข้า” เธอกลั้นใจถามออกไป

“ก็ไม่ค่อยให้ความร่วมมือในการสืบพยานเท่าไหร่ แล้วก็เล่นงานฉันซะเกือบไปไม่เป็น แค่นั้นแหละ แต่มันก็เป็นเรื่องธรรมดาของตำรวจกับทนายอยู่แล้ว” กีรติยักไหล่ หากเมื่อจะอธิบายความต่อมา เธอกลับเงียบไปอย่างกะทันหัน สายตาที่มองยังเพื่อนสมัยมัธยมมีแววลังเลใจ “แต่ว่ามันเป็นอีกเรื่องหนึ่ง...”

“เรื่องอะไร”

ทนายความสาวเม้มปากแน่นเหมือนไม่อยากพูดต่อ แต่จู่ ๆ ก็โพล่งถามออกมา “แฟนแกมีสัตว์เลี้ยงประเภท หมา แมว กระต่าย หรือตัวอะไรสักอย่างหรือเปล่า ปราง”

คำถามดังกล่าวทำให้นวลปรางมองหน้าเพื่อนอย่างงุนงง

“เออ... มึนซะให้พอใจ แต่ระหว่างที่แกงง ขอให้ตอบคำถามฉันมาก่อนว่า แฟนแกมีสัตว์เลี้ยงอะไรหรือเปล่า”

“ไม่ได้เลี้ยงนะ... เขาก็ชอบหมา แมวอยู่ แต่ไม่มีเวลาดูแล เลยไม่อยากเลี้ยง” ผู้จัดการร้านกาแฟตอบ แต่ยังคงเชื่อมโยงคำถามของอีกฝ่ายกับต้นสายปลายเหตุของความไม่พอใจที่กีรติมีต่อชัชพลไม่ออก “แล้วการที่ชัชเลี้ยงสัตว์หรือไม่เลี้ยง มันเกี่ยวอะไรด้วย”

“หลังเสร็จจากศาลแล้ว ฉันเห็นแฟนแกไปกินข้าวที่กับผู้หญิงคนนึง สวยมาก ท่าทางสนิทกันมาก คุยกันไป ยิ้มกันไป...” กีรติบอก “ฉันลองถามคนแถวนั้นแล้ว ผู้หญิงคนนั้นเป็นสัตวแพทย์ ชื่อ หมอนุ่น พักนี้ มีคนเห็นแฟนแกก็เข้าออกคลินิกของหมอคนนี้อยู่บ่อย ๆ ทั้ง ๆ ที่แกบอกฉันว่า แฟนแกไม่ได้เลี้ยงสัตว์อะไรสักอย่าง...”
เธอหยิบเอาโทรศัพท์มือถือมาเปิดภาพที่บันทึกไว้ให้คนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามดู หลังภาพบนจอปรากฏต่อสายตา นวลปรางก็ส่งโทรศัพท์มือถือคืนให้เจ้าของแทบทันที...

ชัชพลเป็นลูกคนกลางในบรรดาพี่น้องชายล้วนสามคน ไม่มีญาติสนิทรุ่นราวคราวเดียวกันที่เป็นผู้หญิง และไม่มีเพื่อนสมัยเรียนมัธยมหรือมหาวิทยาลัยคนไหนที่ทำงานอยู่จังหวัดเดียวกันกับเขาแม้แต่คนเดียว

“ปราง ฉันไม่อยากให้สิ่งที่ฉันกับแกเห็นเป็นความจริง แต่ฉันก็ไม่อยากเห็นแกเสียใจเหมือนกัน...”



(มีต่อค่ะ)

แก้ไขเมื่อ 05 มิ.ย. 55 22:12:53

จากคุณ : ปิยะรักษ์
เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 55 00:23:57




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com