Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เลขาเนื้อทอง :: ยอแสงแข - 2 ติดต่อทีมงาน

http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12186464/W12186464.html


บทที่ 2

เก้าอี้หวายตัวยาวใต้ร่มคันใหญ่คือมุมโปรดที่ตรงฉัตรทอดเวลาได้คราวละนานๆ เพื่อระลึกถึงอดีต ร่างสูงในกางเกงขาสั้นกับเสื้อกล้ามนอนเอกเขนกส่งตาขรึมขึ้นจับดาวหลายดวง ใบหน้าของหนุ่มสิบสี่วันวานค่อยฉายขึ้นเรียกน้ำตารื้น

"พี่คิดถึงน้องนะ จากวันที่เราพรากจากกันจนถึงวันนี้ พี่ไม่เคยลืมน้องเลย แต่น้องนี่สิ จำพี่ชายคนนี้ได้อยู่หรือ"

จะมีดาวสักดวงไหมรับฟังสิ่งที่เขาพึมพำออกไป เสียงหม่นมันแปดเปื้อนความขมขื่นที่ 'เชิญจุฑา' เคยสาดใส่อย่างไร้ความผูกพัน ไม่สิ จะบอกอย่างนั้นเลยก็ไม่เต็มปาก น้องชายอยู่ในภาวะไม่รู้ตัวต่างหาก

ตรงฉัตรหลุบตามองขาเพรียวที่ยืดตามสบายแล้วหัวเราะขื่นๆ หลายปีแล้วสินะที่เขาอ้างเหตุผลนั้นเพื่อปกป้องน้องชายให้พ้นผิด จะให้ทำยังไง ก็เขามีน้องชายคนเดียว รักดั่งแก้วตาดวงใจ น้องชายที่เติบโตมาอย่างลำเค็ญด้วยกัน ท่ามกลางความเคว้งคว้างมองไม่เห็นอนาคต

"เชิญ พี่.. "

"นึกแล้วว่านายต้องมาซุกตัวมั่วดาวอยู่ตรงนี้"

เสียงพึมพำขาดหายเมื่อโดนแทรกด้วยเสียงใสกระแนะกระแหน ณพนาร้อง 'เฮ้อ' แล้วแพลมร่างในชุดนอนออกมาจากหลืบประตู หล่อนแอบมองอยู่นานแล้ว ก็เห็นว่าพ่อเลขาเนื้อทองตาลอยมองดาวขยับปากขมุบขมิบ ไม่ต้องทายก็รู้ว่ากำลังคิดถึงน้องชายที่พลัดพราก

"คิดถึงพ่อยอดขมองอิ่มอยู่ใช่ไหมจ๊ะ"

ณพนาจะทะเล้นมากหากอยู่นอกเวลางาน มือขาวหย่อนแหมะบนต้นขาหนุ่ม ทำทีตบๆ ลูบๆ แล้วหลิ่วตาสบแสงขรึมอย่างรู้ทัน

"เชิญเป็นเป้าหมายเดียวในชีวิตของผมนี่ครับ ผมอยากรู้ว่าน้องอยู่ที่ไหน ยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า"

"ฉันก็ไม่อยากจะบั่นทอนกำลังใจของนายหรอกนะ แต่ถ้านายจะกล้ายอมรับความจริงสักหน่อย บางทีนายก็คงทำใจได้ไปตั้งนานแล้วว่าป่านนี้พ่อยอดขมองอิ่มของนายคงจะขึ้นสวรรค์ไปแล้ว"

"ถึงจะเป็นอย่างนั้น ก็ขอให้ผมได้รู้ว่าที่ฝังศพเขาอยู่ที่ไหน"

"อาจจะสละชีวิตเลือดเนื้อและกระดูกทั้งหลายเป็นทานแก่สัตว์ผู้หิวโหยกลางป่าไปแล้วเหมือนกัน"

"โอ้โฮ นี่ไม่อยากจะบั่นทอนกำลังใจของผมใช่ไหม เชื่อเขาเลย"

ณพนาหัวเราะร่วนเมื่อโดนตีไหล่ หล่อนว่าไปตามเนื้อผ้า ก็อย่างที่บอกนั่นแหละ ถ้าเขากล้ายอมรับความจริง ทุกคำพูดเตือนสติของหล่อน เขาก็ต้องไม่เคืองสิ นี่ยังเคืองอยู่ ก็แสดงว่าใจยังไม่กล้าพอเสียที

"ดึกแล้ว ทำไมไม่รีบพักผ่อน" ตรงฉัตรถามเหมือนติ "พรุ่งนี้ต้องเดินทางไปอ่อยเหยื่อ"

"ปากหรือ เดี๋ยวแม่ก็ตบให้เลย" ไม่ใช่แค่ว่าเดี๋ยวหรอกนะ ณพนาตบเลยต่างหาก "ฉันไม่ได้ไปอ่อยเหยื่อ แต่จะไปล่อหลอกให้เหยื่อติดเบ็ดต่างหาก"

"ล่อหลอกกับอ่อยนี่มันคนละความหมายหรือครับ แหม ผมเพิ่งรู้นะ"

พอยอกย้อนหาเรื่องเจ็บตัวจบก็รีบผลุนผลันหนีฝ่ามือแค้น สะดุดเท้ากันเองตัวคะมำให้เป็นที่ขบขันของอีกฝ่ายเสียอีก แต่ก็ดี เขาชอบฟังเจ้านายสาวใหญ่หัวเราะร่วนแบบนั้น มันไม่ใช่ความสุขหรอก แต่เขาก็อยากให้หล่อนมีเสี้ยวเวลานั้นบ้าง สั้นๆ นิดๆ ก็ดีกว่าไม่มีเลย

"นายเองก็เถอะ เข้านอนได้แล้ว พรุ่งนี้มีอะไรอีกตั้งหลายอย่างให้เราผจญ โดยเฉพาะไอ้มาร"

เลขาเนื้อทองอมยิ้มขำๆ เวลาจิกด่าสามีละก็ เต็มปากเต็มคำดีเหลือเกิน ไม่รู้ว่าทางโน้นจะสะอึกบ้างหรือเปล่า แต่ก็คงไม่ละสิ เวลาดึกดื่นน้ำค้างลงแบบนี้ มันไม่ใช่เวลาจะใส่ใจว่าใครแอบด่าหรือนินทาลับหลังนี่ แต่มันเป็นเวลาปั้นโลกแห่งพิศวาสให้สวย

"ผมไปส่งที่ห้อง ไปเถอะ"

เขาตัดบททั้งความคิดข้างในและการสนทนาแบบไม่ได้ตั้งใจระหว่างกัน ร่างสูงเดินมาโอบไหล่มน แขนเรียวก็รวบเอวหนาอย่างสนิทสนม แต่ปากกลับพึมพำไปถึงคนไกลอีกคนว่า

"เฮ้อ เมื่อไหร่แม่ยอดชู้ของฉันจะเรียนจบกลับมาเสียทีก็ไม่รู้"

"โทรถามสิ บ่นแบบนี้ จะรู้เรื่องหรือ" เขาเองก็ปากไม่ค่อยดี แม้จะรู้ตัวแต่ก็ไม่อยากแก้ไข

"พูดแบบนี้ใช่ไหม พูดแบบนี้เดี๋ยวฉันก็เสียบแผลเก่าเข้าให้เลย"

"ผมรู้ว่าคุณนาดุ แต่ช่วยตรองสักนิด ถ้าเสียบจริงๆ เลือดคุณนาที่สละให้ผม มันก็จะสูญเปล่านะ"

ณพนาตาโตกระทุ้งศอกแหลมใส่สีข้างแรงๆ หล่อนลืมเรื่องขี้ปะติ๋วที่หนุ่มขรึมเท้าความไปตั้งนานแล้ว เขาเองก็เหมือนกัน หล่อนสั่งแล้วสั่งอีกว่าให้ลืมๆ ไปเสียที ทำไมยังท่องจำเป็นนกแก้วนกขุนทองอยู่อีก อะไรนะที่เขาบอกว่า

"ชีวิตของผมมันรอดมาได้เพราะเลือดทุกหยดของคุณนา ผมจะขอเป็นทาสชีวิตคุณนาไปจนกว่าจะตาย"  

แต่ถ้ามาคิดดูอีกที มันก็น่าปลาบปลื้มใจไม่หยอกหรอก อย่างน้อยเขาก็ทำให้หล่อนได้รู้ว่าเลือดทุกหยดที่สละเพื่อต่อชีวิตร่อแร่ในวันนั้น มันไม่สูญเปล่าจริงๆ

วันนั้นตรงฉัตรเป็นหนุ่มสิบเจ็ดต้นๆ ที่น่าสงสาร ไม่ใช่วันนี้ที่ตรงฉัตรเป็นหนุ่มสามสิบปลายๆ ที่รอบรู้ฉลาดเฉลียว วันนั้นหล่อนเป็นผู้ช่วยชีวิต แต่วันนี้ทุกก้าวของชีวิตหล่อนมันรุดไปข้างหน้าพร้อมเขา




เหลือเวลาอีกสองสามนาทีก่อนเข้าห้องประชุมย่อย ตรงฉัตรหัวเราะเคืองๆ กับภาวะรถติดกว่าค่อนสองชั่วโมงตั้งแต่สนามบินจนถึงลานจอดรถ

เขาเป่าลมพรูระบายความหงุดหงิดขณะสาวเท้ายาวๆ สวนทางกับร่างเล็กของสาวในชุดทะมัดทะแมง รู้สึกเหมือนกันว่าเธอชะงัก แต่เขาก็ไม่มีเวลาจะใส่ใจเพราะต้องรีบเข้าห้องประชุมก่อน

"คุณ.. คุณตรง.. คุณตรงฉัตร วุ้ย ทำไมมันคลาดเคลื่อนเลื่อนทัพกันแบบนี้วะ"

สาวร่างเล็กก็ไม่ใช่ใครหรอก ทนายความมากฝันชื่อปัญปัทม์นั่นเอง เธอเกาหัวหงุดหงิดที่ตนมัวแต่ก้มหน้าก้มตาสาวเท้ายาวๆ ออกจากบริษัท มัวแต่ยึดติดกับความหัวเสียที่แกร่วรอขอพบพ่อเลขาเนื้อทองมาเกือบสี่ชั่วโมงตั้งแต่เจ็ดโมง ประตูสำนักงานยังไม่เปิดเลย

จนมันเปิดแล้วเธอก็ทำตามขั้นตอนทุกประการ แจ้งความประสงค์ต่อเลขาแล้วก็ไปนั่งรอเหมือนคนอื่น รอแล้วรอเล่าจนคนอื่นค่อยๆ ถอดใจไปทีละคน แล้วเธอก็รั้งท้ายล่ะ

แต่ดูตอนนี้สิ เธอเดินสวนทางกับเขานะ ตะโกนเรียกก็แล้ว แต่เขาก็ไม่ได้ยินเพราะเข้าลิฟต์ไปก่อน มันน่าเจ็บใจไหมล่ะ เชื่อไหมว่าถ้าปะหน้ากันแบบตาต่อตาละก็ เธอต้องคว้าแขนหมับหยุดทุกการเคลื่อนไหวของเขาไว้ที่เธอนี่แหละ

"โอ๊ย ทำไมฟ้าไม่สร้างสรรค์แบบนี้หนอ แบบนี้เมื่อไหร่ไอ้ปัทม์จะได้ร้านรวงเหมือนชาวบ้านเขาเล่า"

เธอบ่นไม่เลิก หุ่นเล็กก็มาแหมะเก้าอี้ในโถงชั้นล่าง เสยผมแรงๆ ไม่ต้องกลัวว่ามันจะเสียทรง ปกติมันก็ไม่เคยเป็นทรงสวยอยู่แล้ว อมฤทธิ์โทรเข้ามาพอดี เธอเอี้ยวซ้ายเอี้ยวขวา มองว่ายัดโทรศัพท์ตัวดีไว้กระเป๋าไหน พอเจอก็รีบรับแล้วกรอกเสียงห้าวๆ ออกไปว่า

"อารมณ์เสีย"

"เออ พี่เชื่อ" อมฤทธิ์หัวเราะไม่ถือสา

"ปัทม์สวนทางกับเขา มันน่าโมโหไหม"

"เออ น่าโมโห"

"พี่อม"

"แกหยุดโมโหสักประเดี๋ยว พี่มีข่าวร้อนจะบอก"

"ปัทม์นั่งอยู่ในห้องแอร์ แต่ตอนนี้ใจปัทม์มันร้อนเหมือนตากแดดกลางสี่แยกไฟแดง มันยังจะมีอะไรที่ร้อนกว่าใจปัทม์อีกหรือ"

อมฤทธิ์โคลงศีรษะ นี่ถ้าไม่เอ็นดูว่าเป็นรุ่นน้องละก็ จ้างให้ก็ไม่รับเข้าสำนักงาน นิสัยมุทะลุเอาแต่ใจของปัญปัทม์ไม่ค่อยเหมาะกับอาชีพทนายความนัก

แต่ก็แปลกที่เธอกลับเลือกเดินทางสายนี้ แถมคะแนนตอนเรียนก็สมบูรณ์แบบเสียจนเพื่อนๆ ค้อนตากลับ ตอนฝึกงานก็ยังไม่วายมีบรรดานิติกรมืออาชีพและฝึกหัดตามจีบ อัยการหนุ่มๆ ก็มี ทั้งที่เจ้าตัวกลับห้าวปนห้วนเหมือนสาวนักเลงเสียขนาดนั้น

"แกฟังให้ดี คุณพันศิลป์ต้องการให้จบเรื่องภายในสามเดือนนี้"

"หมายความว่ายังไงคะ สามเดือนนี้จบเรื่อง"

"ไม่รู้เว้ย แต่เอาเป็นว่าถ้าแกทำสำเร็จภายในเวลาเพียงเท่านี้ได้ งานหินชิ้นอื่นก็ไม่อยู่ในสายตาแกแล้วล่ะ"

"พี่อม" ปัญปัทม์ขยับมานั่งตัวตรง เอะอะเสียงขรม

"ย้ำนะไอ้ปัทม์ คุณพันศิลป์ไม่ต้องการให้เรื่องครึกโครม การขึ้นศาลต้องเป็นทางเลือกสุดท้ายจริงๆ ดังนั้นนะเว้ย สิ่งที่แกต้องทำให้สำเร็จก็คือทำให้ฝ่ายจำเลยยอมรับสารภาพแต่โดยดี แล้วพามาเจรจายอมความกันที่สำนักงานเรา"

"พี่อม"

"คุณณพนายอมเซ็นใบหย่าเมื่อไหร่ ฉันรับรองแทนแกได้เลยว่าไอ้ร้านถ่ายรูป ไอ้แกลลอรี่อะไรของแกน่ะ ไม่ใช่แค่ฝันอีกต่อไปเว้ย"

ปัญปัทม์อ้าปากหวอ มีคนเดินผ่านมาเธอก็กลอกตาไปสบกับแสงงงๆ ของอีกฝ่ายโดยไม่รู้สึกเคอะเขิน ข้อแลกเปลี่ยนมันเข้าท่าดีหรอก ฟังแล้วใจมันฮึกเหิมชะมัด แต่เวลาสามเดือนกับความสำเร็จมันก็ไม่ต่างอะไรกับหุบเหวลึกที่เธอต้องถมให้ตื้นด้วยสายลมนะ

"แม่เจ้าประคุณเอ๊ย ใครก็ได้ช่วยไอ้ปัทม์หน่อยเถอะ"

อมฤทธิ์ตัดสายไปนานแล้ว เธอเพิ่งจะรู้สึก เพิ่งจะลดมือลงจากหู เพิ่งจะครางแล้วเอนหลังพิงพนักหมดแรง แล้วสักอึดใจ เธอก็ค่อยฉุกคิดอะไรบางอย่างออก จึงรีบโทรกลับไปหาเจ้านายอีกครั้ง

"พี่อม ไอ้สามเดือนที่ว่านี่ไม่นับครึ่งเดือนของปัทม์ใช่ไหม นี่ก็เหลืออีกห้าวันสิ้นเดือน ปัทม์ขอเริ่มนับเดือนแรกในวันที่หนึ่งนะ ถ้าไม่ยอมก็.. "

"เออ ยอม เท่านี้นะ"

"อะไรวะ"

ทนายสาวห้าวกับห้วนทำหน้างงใส่โทรศัพท์ในมือ ทำไมเจ้านายไม่เรื่องมากแบบนี้นะ จะชมว่าน่ารักดีไหมนี่ เธอมองคนเดินผ่านไปผ่านมา เริ่มวางแผนงานในลำดับต่อไปผ่านอิริยาบถกลอกตานั่นแหละ

ถ้าเป็นไปได้ เธอน่าจะใช้เวลาที่เหลืออีกห้าวันให้เกิดประโยชน์สูงสุด อย่างน้อยก็ต้องได้พบชายหนุ่มให้สำเร็จก่อน แล้วถัดจากนั้นล่ะ มันถึงจะเป็นบทหว่านล้อมที่คงต้องอาศัยวาทศิลป์ระดับเซียนทีเดียว ไม่อย่างนั้นมีหรือที่ภรรยาเศรษฐีมาเฟียจะยอมเซ็นใบหย่าเงียบๆ ได้




สาวหุ่นเล็กคนหนึ่งเดินวนรอบรถ กอดอกเหมือนครุ่นคิดบางอย่าง เธอก้มมองฝีก้าวของตัวเองโดยไม่สนใจว่าเจ้าของรถเคลื่อนตัวมาใกล้ ตรงฉัตรหรี่ตาเมื่อเธอเงยหน้าแล้วรีบส่งยิ้มหวาน ใช่ รอยยิ้มของเธอหวานน่ามองทีเดียว

"สวัสดีค่ะ" เธอร้องทักมาอย่างนั้น หุ่นเล็กก็รีบปราดอ้อมท้ายรถมาประจันกับความสูงเกือบสองร้อยเซนติเมตร

"ครับ" ตรงฉัตรทักทายตอบแล้วเปิดประตู แต่ก็ต้องเลิกคิ้วเมื่อเธอแตะหลังมือแล้วแจกยิ้มหวานอีกครั้ง

"นี่นามบัตรของฉันค่ะ อ่านก่อน"

มันเป็นนามบัตรสีเขียวอ่อนชนิดบางหน่อย แสงสลัวตรงนี้ก็ยังพอมองเห็นตัวอักษรเล็กๆ เบียดกันในนั้น แต่ตรงฉัตรต้องสวมแว่นก่อนถึงจะอ่านได้ ซึ่งเขาไม่พร้อมในเวลาที่เขารู้สึกว่าเหนื่อยมากแล้ว

"ครับ" ตอบรับสั้นอีกครั้งแล้วหย่อนมันใส่กระเป๋าเสื้อ

"ฉันชื่อปัญปัทม์ค่ะ เป็นทนายความของสำนักงานอมฤทธิ์ฟิตทุกชัยชนะ"

ฟังชื่อสำนักงานแล้วอดขำไม่ได้จริงๆ ใครนะที่อุตริตั้งชื่อแบบนั้น แสดงว่าเจ้าของสำนักงานถ้าไม่หลงเหลิงในความสามารถจนเกินตัว ก็ต้องอารมณ์ขันเป็นนิจเป็นแน่ ขึ้นชื่อว่าคดีที่คู่กรณีแย่งชิงชัยชนะ มันไม่มีเกณฑ์ชี้วัดตายตัวสักหน่อยว่าสำนักงานไหนต้องเป็นฝ่ายชนะเสมอ

"ไม่ขำหรือคะ แหม เส้นลึกจัง ปกติถ้าเป็นคนอื่น พอได้ฟังชื่อสำนักงานของพี่อมครั้งแรกเป็นต้องยิ้มทุกราย บางรายถึงกับหัวเราะก็มีนะคะ"

"ครับ เอ้อ คุณปัญปัทม์" ตรงฉัตรจำเป็นต้องสกัดประโยคต่อไปที่เขาแน่ใจว่าเธอมี "นี่มันห้าทุ่ม ไม่ใช่สิ อีกห้านาทีเที่ยงคืน ผมทำงานหนักมาก ท่าทางคุณเองก็ไม่ได้น้อยไปกว่าผม เราแยกย้ายกันไปพักผ่อนเถอะ"

ปัญปัทม์กลอกตาหาวิธีเหนี่ยวรั้งเป็นการใหญ่ เป็นหนุ่มอารมณ์ลึกพิลึก ไม่ยิ้มไม่หัว พูดก็กระชับ ถึงจะยาวก็กระชับ และแปลว่า 'ไล่'

"เดี๋ยวค่ะ ฉันมีธุระสำคัญต้องการหารือด้วย" เธอเกาะประตูไว้ ไม่ยอมให้เขาปิด เห็นเขาเสียบกุญแจเตรียมติดเครื่องก็ใจหายแล้วล่ะ

"ไม่ใช่เดี๋ยวนี้ครับ กรุณาปล่อยประตูรถผมด้วย"

"แต่เป็นเรื่องสำคัญนะคะ"

"คุณปัญปัทม์ ปล่อยประตูรถผมด้วย"

เสียงเข้มหนักออกขนาดนั้น ปัญปัทม์ไม่กล้าดื้อรั้นอีกแล้ว เธอหน้าม่อยปล่อยมือถอยห่างไปสองก้าวเพื่อให้เขาดึงประตูปิดแล้วผิดคาดอีก นึกว่าดังโครมเหมือนที่เคยเจอบ่อยๆ เวลาคนอารมณ์เสีย

แต่ที่ไหนได้ เขาปิดสุภาพชะมัด แถมตอนเลื่อนรถก็นุ่มเชียว แหม สิ่งที่เขาทำมันเหมือนตบหน้าเธอชัดๆ จากนั้นก็ด่าว่า 'ทำการบ้านมาน้อยแล้วยังมาสะเออะ'

ตรงฉัตรใจหายวาบขากระตุกเท้าแตะเบรกกะทันหัน พอรถหยุดกึกก็ค่อยได้ยินหัวใจตัวเองมันเต้นตึกๆ ทนายความสาวหุ่นเล็กคนนี้ประสาทไม่ดีแน่ๆ จู่ๆ ก็วิ่งพรวดพราดไปกางแขนกางขาสกัดกลางลาน นี่ถ้าเขาพุ่งชน มันจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง เธอรู้ไหม

"ฉันรู้ว่าสิ่งที่ทำมันไม่ดี และเสี่ยงมาก" เธอรีบพูดเลยเมื่อเขาลดกระจกลงเพื่ออวดแสงขุ่นในตาขรึม

"ครับ"

"แต่ฉันมีธุระสำคัญมากจริงๆ ฉันรอคุณที่นี่ หน้าบริษัท หน้าห้องทำงานของคุณ ใช้เวลาแต่ละครั้งเกินห้าชั่วโมง มาตั้งแต่เช้าจนดึกดื่นอย่างที่คุณเห็น ฉันทำอย่างนี้มา.. "

"เกือบครึ่งเดือนแล้ว"

ตรงฉัตรแทรกตามที่คาดเดา เธอทำให้เขานึกถึงรายงานของยามรูปหล่อหน้าป้อม ทำให้นึกถึงสาวหุ่นเล็กที่เดินสวนทางกันตรงประตูทางเข้าแล้วเธอก็ชะงักให้เห็นตรงปลายตา แต่ตอนนั้นเขารีบ

"คุณรู้หรือคะ"

"คิดว่าใช่น่ะ ผมเข้าใจว่าคุณต้องทำงาน เราต่างมีวิธีทำงานหนักกันคนละแบบ ไม่จำเป็นที่เราต้องแจกแจงหรืออธิบายเพื่อร้องขอความเห็นใจไม่ใช่หรือ คุณต้องการพบผมก็ทำตามขั้นตอนที่.. "

"ทำแล้ว ฉันก็บอกไปแล้วไงว่าฉันนั่งรอเข้าพบหน้าห้องทำงานคุณนานเป็นชั่วโมงๆ ฉันไม่มีทางเลือกอื่น เงื่อนไขของงานฉันมันมีเวลาเร่งด่วนตีกรอบ ฉันจำเป็นต้องทำทุกวิถีทางเพื่อพบคุณให้ได้"

"ไม่ใช่เดี๋ยวนี้ครับ นี่มันดึก.. "

"ฉันขอเวลาไม่เกินสิบนาทีค่ะ ฉัน.. "

"ผมจะคุยธุระในห้องทำงานเท่านั้น ถอยออกไปครับ"

"ไม่" ปัญปัทม์ย้อนเร็วด้วยเสียงเข้มแข็ง เธอจะไม่ยอมปล่อยโอกาสนี้ให้หลุดมือเด็ดขาด "ฉันเป็นคนดื้อมาก ย้ำนะคะ ดื้อมาก ไม่ใช่ดื้อรั้น"

"คุณ.. "

"ถ้าคุณไม่ยอมให้เวลาแค่สิบนาทีกับฉันแต่โดยดีละก็ คุณจะต้องแลกกับเวลาพักผ่อนทั้งคืนนี้ไปเลย นี่ฉันไม่ได้ท้าทายนะคะ ฉันบอกเฉยๆ "

ตรงฉัตรก็เชื่ออย่างนั้น แววตาเธอมันแข็งกร้าววาววับแต่ว่าน่ามองแปลกๆ คล้ายว่ามีแรงดึงดูดตรึงให้ตาขรึมของเขาบ่ายเบนไปทางอื่นไม่ได้ เขาต้องประสานกับมันอย่างนิ่งอย่างนาน แล้ววูบหนึ่งดั่งสายลมที่เพียงแต่พัดผ่าน จู่ๆ เขาก็ปะทะเข้ากับความรู้สึกประหลาดสั้นๆ มันแปลว่า 'ชอบ'

"พรุ่งนี้ผมมีประชุมตอนเจ็ดโมงสี่สิบห้า ผมจะมาถึงบริษัทตอนเจ็ดโมงครึ่ง คุณใช้เวลาสิบนาทีตอนนั้นเถอะ ส่วนอีกห้านาทีที่เหลือ ผมจะขอเก็บไว้ดื่มกาแฟก่อนเข้าห้องประชุม"

"แต่ว่า.. "

"ผมยินดีจะแลกกับเวลาพักผ่อนในบ้านด้วยการนอนในรถโดยไม่สนใจว่าข้างนอกจะมีคุณเคาะกระจกหรือเดินวนเวียนตลอดทั้งคืน คุณนั่นแหละที่จะเป็นฝ่ายสูญเวลาพักผ่อนที่คุณบอกเฉยๆ มาก่อนหน้านี้"

ปัญปัทม์รู้สึกเหมือนโดนชกหน้าแล้วตามด้วยตุ๊ยท้องหนักๆ อ้อ อาจจะโดนท่อนแขนใหญ่สักข้างกระแทกโหดๆ เต็มยอดอกด้วย เพราะจุกเหลือเกินกับวาจายอกย้อนเรียบแสนเรียบ มันเป็นเส้นเสียงที่ไม่มีแรงดึงดูดให้อยากฟังเอาเสียเลย

แต่เห็นอะไรไหม เธอฟังเป็นบ้า ถอยห่างรถคันโก้ไปตั้งสามสี่ก้าว แล้วยืนเหม่อกับทื่อ กว่าจะถอนหายใจอีกครั้ง กว่าจะเหลียวไปรอบๆ เธอก็ค่อยยิ้มเพลียๆ เมื่อพบว่าทั้งลานจอดกว้างๆ นี่ มีเธอโด่เด่และโดดเด่นอยู่ตามลำพัง

จากคุณ : รัชนีกานต์
เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 55 18:49:27




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com