บทที่ 13
แม้ว่าแอร์คอนดิชั่นเนอร์ในห้องนอนจะถูกปรับให้เย็นถึงยี่สิบสามองศาก็ตามที แต่มันไม่ได้ทำให้ใจของคนที่นอนซมคลุมโปงใต้ผ้าห่มอยู่ในห้องเย็นขึ้นมาได้แม้แต่นิดเดียว ดุจฝันนอนกระสับกระส่ายเพราะพิษไข้มาพักใหญ่แล้ว ปวดหัวเมื่อยามนอนนั้นมีแต่จะเพิ่มความหนักหน่วง เธอภาวนาให้ตัวเองหลับลงโดยเร็วที่สุด พลางนึกถึงเมื่อครั้งยังเป็นนิสิตที่เธอถึงกับต้องเข้าโรงพยาบาลเพราะช็อกจากอาการไข้ คราวนั้นทรมานเพียงใดเธอจำมันได้เป็นอย่างดี
ภาคภูมิ
เพราะเขาคนเดียวแท้ๆที่ทำให้เธอต้องมาตกอยู่ในสภาพสมเพชเช่นนั้นอีกครั้งหนึ่งในชีวิต
ดุจฝันนอนกัดฟันกรอดพร้อมกับบอกตัวเองว่าถ้าหายดีเมื่อไร เธอจะหาบทแก้แค้นคืนเพื่อเป็นการตอบแทน แต่แล้วความคิดในหัวที่กำลังหมุนก็ต้องสะดุดลง เมื่อเธอตระหนักได้ถึงคำสำคัญที่อยู่ในความคิดเธอเมื่อครู่นี้
แก้แค้น
เพราะคำนี้นี่เอง ที่ทำให้เขาก้าวเข้ามาในชีวิตเธอ
เพราะเธอไปทำลายชีวิตที่สงบสุขของน้องชายเขาไว้ ด้วยมารยาหญิงที่แสนจะมั่นใจ โดยไม่เคยรู้สึกผิดอะไรต่อการกระทำดังกล่าว แถมยังมองข้ามไม่ใส่ใจว่าใครจะเป็นอย่างไรเพราะตัวเธอเอง
ดุจฝันหลับตาลงช้าๆอย่างไม่อยากที่จะรับรู้ความเป็นจริงใดๆทั้งสิ้น ความปวดหัวยิ่งหนักหน่วงขึ้นแทบทนไม่ไหว จนทำได้แค่นอนนิ่งๆหลับตาอยู่บนเตียง พร้อมเริ่มยอมรับความจริงเรื่อยๆว่างานนี้โทษใครไม่ได้นอกจากที่จะต้องโทษตัวเอง...
เป็นครั้งแรกที่ดุจฝันเริ่มรู้สึกผิดจากข้างในจิตใจ เธอทำร้ายคนดีๆไปเท่าไรกัน ตั้งแต่สมัยเรียนอยู่จนถึงปัจจุบัน เธอไม่เคยคิดจะมอบความรักให้ใครอย่างแท้จริงเนื่องด้วยบทเรียนจากชีวิตคู่อันล้มเหลวของพ่อแม่ สิ่งที่เธอต้องการคือแค่อยากที่จะแก้แค้นผู้ชาย เพื่อปลดล้างปมปัญหาอันเลวร้ายที่ฝังใจเธอมานานนับเป็นสิบปี
แก้แค้น...
ตอนนี้ เธอไม่มีสิทธิ์ที่จะคิดถึงคำว่าแก้แค้นอีกต่อไป ดุจฝันยังคงนอนนิ่งพร้อมกับสติที่เริ่มหายไปเป็นส่วนๆเพราะฤทธิ์ของยาแก้ปวด แต่ก็ยังพอที่จะคิดตัดสินใจกับตัวเองได้ว่าเธอเลือกที่จะไม่แก้แค้นภาคภูมิเพราะนี่ก็เป็นสิ่งที่เธอสมควรจะโดนอยู่แล้ว ถึงแม้เธอเลือกที่จะจบเกมแก้แค้นนี้แล้วเธอสัญญากับตัวเองจนขึ้นใจว่าจะไม่มีวันให้อภัยคนที่ทำร้ายเธอเป็นอันขาด
เสียงเคาะประตูกระจกที่ดังขึ้นเป็นจังหวะทำให้เธอเลื่อนผ้านวมหนาที่คลุมหน้าอยู่ออกมา เสียงเคาะนั้นดังเป็นจังหวะช้าๆแตกต่างไปจากสโรชาที่ไม่เคาะประตูก่อนเข้า
ใคร...?
คำถามผุดขึ้นมาก่อนที่คำตอบจะปรากฏอยู่ตรงข้างเตียงของเธอ
ดวงหน้าหล่อเหลาที่เธอคุ้นเคยเมื่อหลายเดือนก่อนกำลังแสดงออกซึ่งความกังวลอย่างเห็นได้ชัดเจน นัยน์ตาเรียวสองข้างฉายแววขอโทษออกมาจนเธอสัมผัสมันได้ ก่อนที่ริมฝีปากจะเริ่มเอื้อนเอ่ยอย่างอาทร
ฝัน
ดุจฝันนอนนิ่ง คอแห้งผาดจนแทบไม่มีแรงจะเรียกชื่อเขากลับ พิธกรจะมาได้อย่างไรก็ช่างเถอะ คงจะเป็นสโรชาที่โทรไปคุย เขามายืนอยู่ตรงนี้ก็ดีเพราะตอนนี้เธอรู้สึกอยากขอโทษผู้ชายคนนี้เหลือเกิน
หิวน้ำใช่ไหม
ชายหนุ่มรีบรินน้ำลงแก้วใบใสแล้วส่งให้เธออย่างรวดเร็ว ดุจฝันค่อยๆดันตัวขึ้นพร้อมกับผู้มาเยี่ยมที่ช่วยพยุงให้เธอเปลี่ยนท่าได้สะดวก ทันทีที่ดื่มน้ำจนหมด คนป่วยก็มองผู้มาเยี่ยมด้วยแววตาที่ต่างไปจากทุกครั้งก่อนหน้านี้แล้วเอ่ยเสียงเบา
ขอบคุณนะคะ... พี่พีท
พิธกรมองสภาพของหญิงสาวที่ท่าทางร่อแร่เต็มที วันนี้เธอพูดดีกับเขาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ฝันยังโอเคไหม
เขาถามไปอย่างนั้นเองทั้งที่ภาพตรงหน้าก็แทนคำตอบได้เป็นอย่างดีอยู่แล้ว
ไม่ค่อยดีเท่าไรค่ะ แล้วนี่?
พี่มาหาฝัน ขอโทษนะที่จู่ๆก็มา แต่พี่เป็นห่วงฝัน
ดุจฝันเงียบไปชั่วครู่ด้วยอาการมึนๆ เมื่อรับรู้ว่าชายหนุ่มขอโทษตัวเองอยู่ จึงรีบรวบรวมสติแล้วกล่าว
ทำไมต้องขอโทษคะ ฝันต่างหากที่ต้องพูดคำนั้น
คนป่วยอยู่สบตามองหน้าผู้ที่มาเยี่ยม ดวงตานั้นเบิกกว้างราวกับไม่คาดคิดว่าจะได้ยินในสิ่งที่เธอกำลังพยายามจะสื่ออยู่ เธอจึงย้ำอีกครั้งด้วยความรู้สึกผิดที่ส่งตรงมาจากก้นบึ้งของใจ
ฝันขอโทษ... สำหรับทุกสิ่งที่ผ่านมา
พิธกรยอมรับกับตัวเองว่าเขารู้สึกดีที่ได้ยินดังนั้น แต่เพราะฤทธิ์ที่เธอเคยทำกับเขาไว้มันเจ็บแสบนัก ความรู้สึกดีนั้นจึงถูกบรรเทาไปพอสมควร เอาจริงๆแล้วเขายังกลัวกับการเริ่มต้นใหม่ในสถานะเดิมกับดุจฝัน แม้ว่าในวันนี้เธอกำลังจะพร่ำเอ่ยขอโทษเขาก็ตาม
ฝัน... ไม่ต้องพูดก็ได้นะ
พี่พีทคงโกรธฝันมากจนไม่อยากได้ยินคำนั้น แต่ฝันขอโทษจริงๆ ฝันแค่อยากให้พี่พีทรับรู้มัน ตอนนี้ฝันรู้แล้วว่ามันเป็นเพราะตัวฝันเองที่เคยทำไม่ดีกับพี่พีทไว้เยอะ... สมควรแล้วที่จะโดนแบบนี้
ดุจฝันพูดเสียงอ่อนแรงจนพิธกรต้องเอี้ยวตัวเข้าไปใกล้ๆเพื่อให้ได้ยินมากขึ้น
คำขอโทษจากปากเธอในยามนี้นั้นช่างแผ่วเบา... แต่ชัดเจน
ชายหนุ่มค่อยๆนั่งลงข้างเตียงแล้วมองหน้าซีดของคนป่วย ทางเขาเองก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เธอต้องกลายมาป่วยหนักขนาดนี้
ถ้าหากเขาไม่ฟูมฟาย แล้วพี่ชายไม่เห็นในวันนั้น...
มันเป็นเพราะความรักที่พี่มีให้ฝัน... สุดท้ายแล้วมันก็ดันเป็นต้นเหตุให้เรื่องราวบานปลายแบบนี้ เป็นเพราะพี่ไม่ดีเองที่ไม่ได้ช่วยห้ามอะไรมาก พี่ขอโทษแทนพี่ไพรด์ด้วยนะ
หยุดโทษตัวเองแล้วก็ช่างมันเถอะค่ะ บอกแล้วไงว่าฝันสมควรโดน
มีอะไรที่พี่พอจะทำเพื่อไถ่โทษได้บ้าง
ไม่มีค่ะ เพราะพี่พีทไม่ผิดจริงๆ ฝันต่างหากล่ะที่ควรทำแบบนั้น
เสียงของหญิงสาวเริ่มแหบลงจนพิธกรต้องรีบรินน้ำให้อีกรอบ หญิงสาวที่เขาเคยรัก... ไม่สิ ยังรักอยู่คนนี้กลายเป็นอีกคนที่ดีกว่าตอนที่เคยปั้นหน้าคบกับเขา เพียงเพราะบทเรียนราคาแพงจากญาติผู้พี่ที่เป็นอาจารย์ได้สั่งสอนเธอเข้าให้อย่างจัง พิธกรยอมรับกับตัวเองว่าตอนนี้เขายังคงรักเธออยู่เต็มหัวใจ และยิ่งรักมากขึ้นไปเมื่อเห็นตัวตนด้านนี้ของเธอ เพียงแต่ว่าจากนี้ไป เขาคงจะไม่คาดหวังที่อยากจะเป็นคนรักของเธอดั่งเช่นเคยเพราะรู้ดีว่าเคยเป็นอย่างไรตอนที่ต้องทนทรมานกับการหักหลังของดุจฝัน ในขณะที่เธอเองนั้นก็คงไม่อยากที่จะกลับมาเริ่มต้นกับเขาใหม่อีกครั้ง... ตอนนี้เขารู้แล้วว่าควรจะให้ความสัมพันธ์ของเขาและเธอไปในทิศทางใด
ถ้าอย่างนั้น พี่ขอดูแลฝันไปแบบนี้ได้ไหม... แบบพี่น้องกันไปเรื่อยๆ เพราะพี่รู้ดีว่าฝันตอนนี้คงไม่พร้อมที่จะเริ่มต้นอะไรกับใคร แต่พี่แค่ไม่อยากให้สถานะมาเป็นตัวจำกัดความเป็นห่วงกับความหวังดีของพี่ ให้โอกาสนั้นกับพี่ได้ไหม
ถ้าพี่พีทไม่นึกเกลียดฝันที่เคยแย่กับพี่พีทขนาดนั้น... ฝันขอบคุณนะคะ
ดุจฝันน้ำตาซึมจากคำพูดของคนข้างเตียง เธอยิ้มให้เขาอย่างจริงใจแม้ใบหน้าของคนตรงหน้าจะรางเลือนเต็มทีก่อนที่สติสุดท้ายจะหลุดไป
นัยน์ตาคู่เรียวหลังแว่นสายตากรอบดำหรี่ลงช้าๆอย่างพร้อมยอมรับว่าตัวเองกำลังเจ็บปวดกับภาพที่กำลังเห็นอยู่ตรงหน้า ภาพที่ญาติคนสนิทกำลังยืนอยู่ข้างเตียงของอดีตคนรักของเขาเอง มันดูไม่น่าแปลกใจเท่าใดนักที่คนเคยรักกันจะมาเยี่ยมกัน... หากแต่พิธกรมาได้อย่างไร อาการดุจฝันเป็นอย่างไร แล้วทั้งคู่คุยอะไรกัน แม้ว่าจะมีคำถามมากมายขนาดนี้แต่ก็กลับนึกอะไรไม่ออกสักอย่างเดียว มีเพียงความรู้สึกหนักหน่วงเท่านั้นที่ตกค้างอยู่ในความคิด
เขาเลือกที่จะเดินขึ้นมาดูอาการของดุจฝันทันทีหลังจากที่จบบทสนทนากับสโรชา หมายมั่นว่าคราวนี้ต้องพูดขอโทษกับเธออย่างหนักแน่น และจะไม่มีการแก้แค้นระหว่างกันต่อไปอีกแล้ว เขารู้สึกผิดมามากพอกับการกระทำของตัวเองเมื่อท้ายสุดแล้วนั้นไม่มีแม้แต่ครั้งเดียวที่จะรู้สึกสะใจ ทุกอย่างที่เขาทำต่อดุจฝันไปมันปราศจากการไตร่ตรองใดๆแบบที่คนมีเหตุผลเขาทำกัน จนรู้สึกแย่กับตัวเองที่ไม่คิดให้มากกว่านี้ ทุกย่างก้าวช้าๆบนทางเดินไม้ขัดในบ้านพักหลังนี้ที่รู้ว่าดุจฝันเป็นจุดหมายปลายทางทำให้หัวใจมันเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆด้วยความหวาดหวั่นว่าเธอจะตอบรับคำขอโทษของเขาอย่างไร
แต่ทันทีที่ถึงหน้าห้องของหญิงสาว เขาก็ได้เพียงยืนอยู่หน้าประตูกระจกใสอยู่แค่นั้นเมื่อเห็นช่องว่างเล็กๆระหว่างผ้าม่านว่ามีคนมายืนก่อนหน้านั้นอยู่แล้ว
พิธกรกำลังนั่งอยู่ข้างเตียงดุจฝันแสดงความเป็นห่วงเป็นใยอย่างเต็มที่ บรรยากาศในห้องดูเหมือนจะมีความเข้าใจและความอาทรของคนทั้งสอง ทิ้งให้คนนอกห้องยืนเดียวดายพร้อมกับคำขอโทษที่ไม่ได้เอื้อนเอ่ย
ภาคภูมิยืนมองภาพนั้นอยู่อีกพักใหญ่ มือยื่นไปหมายที่จะจับบานเลื่อน หากแต่หยุดชะงักอยู่กลางอากาศ ก่อนที่จะตัดสินใจเดินออกมาด้วยท่าทางสิ้นหวังอย่างไม่สมกับชื่อเล่นและชื่อจริงของตนแม้แต่น้อย