Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
บันทึกความทรงจำบทที่ 10 วันคริสมาสต์กับคำสารภาพ ติดต่อทีมงาน

บทที่ 1 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12134405/W12134405.html

บทที่ 2 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12137466/W12137466.html

บทที่ 3 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12142609/W12142609.html

บทที่ 4 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12155159/W12155159.html

บทที่ 5 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12160123/W12160123.html

บทที่ 6 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12165127/W12165127.html

บทที่ 7 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12170398/W12170398.html

บทที่ 8 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12175926/W12175926.html

บทที่ 9 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12192814/W12192814.html


ตอนนี้เข้าช่วง Christmas Break แล้ว เพื่อนๆหลายคนตื่นเต้นกับช่วงเวลานี้กันมาก หลังจากที่คร่ำเคร่งกับการเรียนมาตลอด ส่วนใหญ่วางแผนไปเที่ยวในยุโรป (ภาคพื้นทวีป) บางคนก็กลับไปเยี่ยมบ้าน เพื่อนๆในแฟลทของเราเริ่มทะยอยไปเที่ยวกันหมด ทาเคชิไปเที่ยวเบลเยี่ยม ฝรั่งเศสกับแฟน ลิเลียน่ากลับบ้านที่เวเนซูเอล่า กลอเรีย กับคริสตี้ไปเที่ยวกับพวกเพื่อนๆใต้หวันแถวแสกนดิเนเวีย เหลือแค่ผมกับยุน จี เฝ้าหอพัก เพราะอย่างที่เคยบอกไปแล้ว ยุน จี ไม่มีกะจิตกะใจไปเที่ยวไหนหลังจากเกิดเหตุการณ์นั้นขึ้น แต่เธอยังมีใจจะสัญญาไปดูหนังกับผมอีก คงเป็นเพราะรู้สึกผิดที่ชกท้องผมวันนั้น แต่ก็ช่างมันเถอะ สิ่งที่ผมต้องทำตอนนี้คือปลดพันธนาการใจเธอจากเค้านั่นเอง (ใช้คำนี้คงไม่หาว่าผมน้ำเน่านะครับ 555) ผมสงสัยตัวเองเหมือนกันว่ายิ่งเวลาผ่านไปเท่าไหร่ ผมยิ่งรักเธอมากขึ้นเรื่อยๆ ผมอยากจะบอกรักเธอใจจะขาด แต่ทำไม่ได้ และไม่กล้าที่จะทำ ผมกลัวเหลือเกินว่าความสัมพันธ์ระหว่างเราจะเปลี่ยนไป แต่เพลงของพี่เบิร์ดยังคงก้องอยู่ในหูของผม ไม่แข่งยิ่งแพ้ (ตอนนั้นเพลงนี้กำลังฮิตที่เมืองไทย) หรือผมจะตัดสินใจบอกเธอตอนที่เราอยู่กันสองคน หรือว่าจะยังไม่บอกไปตอนนี้ มันคงน่าเกลียดเหมือนกับผมฉวยโอกาสที่เธอเพิ่งเลิกกับเขาแล้วเข้ามาเสียบ ผมคิดวนไปวนมาอยู่อย่างนั้น สับสนตัวเองอย่างมาก ผมเองก็ไม่เคยเข้าใจผู้หญิงเลย ไม่รู้ว่าผู้หญิงชอบอะไรไม่ชอบอะไร ชอบผู้ชายแบบไหน แต่ยอมรับอย่างนึงว่าผมไม่ใช่ผู้ชายในแบบที่ผู้หญิงหลายคนชอบ

ตื่นมาตอนเช้าผมเช็คข่าวพยากรณ์อากาศในเว็บ บีบีซี ปรากฎว่า อุณหภูมิจะลดลงอีกและจากนี้ไปจะลดลงอีกเรื่อยๆ จนติดลบ ไม่ทันไร ผมก็ได้ยินเสียงเคาะประตู เป็นยุน จีนั่นเอง

“ไปซุปเปอร์มาเก็ตกันเถอะ ไปซื้อไก่กัน วันนี้อบไก่ทั้งตัวกินกันนะ” ยุนจี ทักทายผมด้วยน้ำเสียงร่าเริง ผิดกับเมื่อวันก่อนโน้น ไม่รู้ว่าเธอฝืนใจร่าเริงรึเปล่า โอ้ยยย ทำไมผมถึงคิดมากแบบนี้ก็ไม่รู้

“ไปสิ ขอแต่งตัวก่อนนะ ขอเวลา 5 นาที” ผมรีบหาชุดใส่ ใส่เสื้อขนเป็ดตัวเก่ง รู้สึกอุ่นมาก แล้วรีบออกจากห้องโดยพลัน

วันนี้เธอดูดีขึ้นผิดหูผิดตา ไม่ซีดเซียว ซึมเซาเหมือนเคย ผมรู้สึกโล่งอกสบายใจ ยิ่งเห็นรอยยิ้มของเธอผมก็มีความสุข หวังว่าเธอจะผ่านช่วงเวลาอันเลวร้ายนี้ไปให้ได้ และเวลาจะช่วยให้เธอรู้สึกดีขึ้น

วันนี้ท้องฟ้ามืดครึ้ม สลับกับมีหิมะตกลงมา อากาศที่หนาวเย็นนี้ทำเอาหน้าผมรู้สึกชาๆ จมูกเริ่มแดง ที่รู้ว่ามันเริ่มแดงเพราะ ยุน จีมองมาที่จมูกผมแล้วหัวเราะ ส่วนผมเองก็ลองจับจมูกเธอดูเพื่อเป็นการแก้แค้น แล้วถามว่า “ไปเสริมมารึเปล่า” (คงไม่หาว่าผมใจร้ายนะครับ 55555)  เรามาถึง Morrison ช่วงสายๆ เห็นคนทะยอยเข้าไปซื้อของกัน วันนี้มีคนมาซื้อของกันมาก คงเพราะเตรียมจ่ายอาหารทำกับข้าวต้อนรับวันคริสต์มาส

“คิดเมนูอาหารรึยังว่า นอกจากไก่อบแล้วจะกินอะไรเพิ่ม” เธอถาม

“ตัวเดียวใหญ่ๆ กินสองคนก็อิ่มแล้วล่ะมั้งไม่ต้องกินอะไรเพิ่มหรอก เดี๋ยวอ้วนตายพอดี” ผมพูด

“เอางี้...เดี๋ยวซื้อขนมปัง กับไวน์ดีมั้ย แล้วก็พวกเครื่องเทศ”

เป็นอันว่าตกลง ดังนั้นการช็อปปิ้งของเราในวันนี้คือ ไก่ตัวใหญ่ 1 ตัว (เค้าหมักให้เสร็จสรรพ) เครื่องเทศ ขนมปัง ไวน์สเปนขวดนึง แก้วสำหรับกินไวน์อีก 2 ใบ ผมเป็นคนหิ้วของทั้งหมดขึ้นรถเมล์ ส่วนเธอก็เดินเฉิดฉาย เป็นคุณนาย กลับหอพัก เอาของเข้าตู้เย็น เราวางแผนกันว่าหลังอาหารเย็นจะไปดูหนังกัน เรื่องนึง จำได้ว่าตอนนั้นแฮร์รี่ พ็อตเตอร์เพิ่งเข้าโรงได้ไม่นาน ผมตื่นเต้นเหลือเกิน ใจมันเต้นตึกตักๆๆๆๆ เหมือนตีกลอง เตรียมตัวไปดูหนังกับเธอ!!!

จำไม่ได้แล้วว่าครั้งนี้เป็นครั้งที่เท่าไหร่ที่ผมทำอาหารเย็นกับเธอ แต่ครั้งนี้เป็นการทำอาหารเย็นที่พิเศษมาก เพราะมีเธอกับผมแค่สองคนเท่านั้น เราเอาไก่ทั้งตัวเข้าเตาอบ ปิ้งขนมปัง เตรียมไวน์ ระหว่างที่รอเรานั่งคุยโน่นนี่ไปเรื่อยเปื่อย เธอนึกครึ้มอกครึ้มใจ ไปยกคีย์บอร์ดมาเล่นเพลงสนุกๆ ร้องเพลงร่วมกันไปกับผม กลิ่นหนังไก่อบแบบเกรียมๆ หอมเข้ามาเตะจมูก เราสองคนมองตากันแล้วหัวเราะออกมา ต่างคนต่างหิวกันทั้งคู่ ไก่สุกพอดี อร่อยมากๆ เข้ากับขนมปังกับไวน์ และสลัดผักคนละจาน กว่าจะจัดการล้างจานเสร็จ ก็เลยไปจนเกือบทุ่ม เราจึงรีบไปดูหนังกันตามสัญญา............

หลังจากที่เราดูหนังที่โรงหนังใกล้สถานีรถไฟเสร็จ ตอนนั้นก็ดึกแล้วตกประมาณสี่ทุ่มกว่า เราสองคนจึงนั่งรถเมล์เที่ยวสุดท้ายกลับมหาวิทยาลัย ยังโชคดีที่ยังมีรถเมล์เหลืออยู่ แต่ก็มีแค่เราสองคนนั่งไปด้วยกัน ระหว่างทางเราพูดคุยเรื่องต่างๆ เกี่ยวกับหนังอย่างออกรส ค่ำคืนนี้ผมมีความสุขจริงๆ แล้วเธอก็เอ่ยขึ้นมาว่า


"วันที่ 24 นี้ไปโบสถ์ด้วยกันมั้ย"


"เธอจะขอชั้นแต่งงานเหรอ" ผมแกล้งหยอกเธอเล่น ทำเอาเธอหัวเราะออกมา

"55555 เธอนี่ชอบล้อเล่นอยู่เรื่อยเลยนะ คืองี้ วันที่ 24 นี้เป็นวันคริสต์มาสอีฟใช่รึเปล่า เลยคิดว่าจะไปที่โบสถ์ไปดูบรรยากาศวันคริสต์มาสที่นี่กัน น่าสนุกดีไม่ใช่เหรอ"

"โอเค ได้เลยตามใจเธอ" ตอนนี้ผมเริ่มง่วงแล้ว อยากกลับไปนอนเต็มทน ผมเองก็คิดว่า ไปโบสถ์ก็ดีเหมือนกัน อยากเห็นบรรยากาศในโบสถ์ที่นี่จริงๆ คือว่า สมัยที่ผมเรียนอยู่มัธยมผมเรียนที่โรงเรียนคริสต์นิกายโรมันคาธอลิกครับ เคยเข้าไปในโบสถ์อยู่เหมือนกัน จะได้ยินเสียงสวดมนต์ ได้ยินเสียงเพลงประสานเสียงเพราะๆ ถึงผมจะนับถือศาสนาพุทธผมก็ชอบครับ แต่ที่นั่นก็คือประเทศไทย คราวนี้คงจะมีโอกาสได้เห็นบรรยากาศของฝรั่งจริงๆ ซะที อยากรู้ว่าจะเหมือนกับในทีวีรึเปล่า
ก่อนจะถึงวันที่ 24 ผมกับเธอใช้เวลาอยู่ด้วยกันในหอพักเป็นส่วนใหญ่ ผมเองก็เอาเกมส์ที่เพิ่งซื้อมาจากเจ้าประจำในเมืองมาเล่น ถือว่าเป็นการผ่อนคลายจากการเรียนที่แสนจะเคร่งเครียดตลอด 12 สัปดาห์ที่ผ่านมาก ตอนนั้นจำได้ว่า มีเกมส์สามก๊ก (เวอร์ชั่นนี้สนุกมากครับ มีการสร้างบ้านสร้างเมือง สร้างกำลังทหารขึ้นมาเอง) เกมส์โจรสลัด แล้วก็เกมส์ชื่อ The age of Empire สนุกมาก บางครั้งยุน จีก็มาเล่นในห้องของผม บางทีเราก็เล่นแข่งกันผ่านระบบสายแลนด์ พอใครชนะก็จะโทรเข้ามาเยาะเย้ยคนแพ้ สนุกดีครับ ผมคิดว่ามันคงจะทำให้เธอลืมเรื่องเศร้าๆนั่นได้ไม่มากก็น้อย.....

จนถึงวันที่ 24 ธันวา ตอนนั้นเป็นเวลาค่ำแล้ว หลังจากกินข้าวเย็นกัน ร้องเพลงฆ่าเวลา จนถึงเวลาประมาณห้าทุ่มกว่า เราจึงเดินออกจากหอพักเพื่อมุ่งหน้าไปโบสถ์ วันนี้ยุน จีดูสดใส และสวยกว่าวันก่อนๆ ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองรึเปล่านะครับ แต่ผมรู้สึกแบบนั้นจริงๆ ผมเองก็ไม่รู้ว่าผมจะเก็บคำพูดที่บอกว่าผมรักเธอไว้ได้อีกนานแค่ไหน แล้วถ้าผมตัดสินใจพูดออกไปผลลัพธ์มันจะออกมายังไงผมเองก็ยังไม่รู้

หิมะเริ่มตกลงมา อากาศก็เย็นลงอีก ตอนนี้ผมเริ่มชินกับอากาศหนาวแล้วครับ ดีกว่าอากาศร้อนตับแตกที่เมืองไทยอีก เดินไปไม่นานนักเราก็เห็นผู้คนทยอยออกมาจากบ้าน บ้างก็มากันเป็นครอบครัว บ้างก็เป็นคู่หนุ่มสาว บ้างก็เป็นกลุ่มคนแก่ ดูแล้วรู้สึกอบอุ่นครับ สถาบันครอบครัวฝรั่งดูแน่นแฟ้นกันดี ต่างคนต่างเดินไปตามทาง พูดคุยกัน เป็นช่วงเวลาที่น่าจดจำที่สุดช่วงหนึ่งในชีวิตของผมเลยทีเดียว แล้วเราก็เดินมาถึงโบสถ์ ตอนนั้นใกล้จะได้เวลาเที่ยงคืนแล้ว ผู้คนมากันเพิ่มขึ้น ไม่นานนักก็มีบาทหลวงท่านหนึ่งเดินมาตรงแท่น แล้วก็เริ่มกล่าวคำเทศสนาสั้นๆ จนถึงเวลาเที่ยงคืน เสียงระฆังในโบสถ์ดังขึ้น บาทหลวงนำสวดมนต์ เมื่อสวดเสร็จคณะร้องเพลงก็ร้องเพลงเฉลิมฉลอง "Joy to the world the lord is come......." เสียงเพลงนั้นยังคงก้องอยู่ในหูของผมจนบัดนี้ ทุกๆคนไชโยโห่ร้องกัน ต่างคนต่างสวมกอดกันและกัน เป็นภาพที่สวยงาม อบอุ่นมากๆครับ ส่วนผมกับยุน จี ต่างฝ่ายต่างมองตากันแล้วยิ้มให้กัน แต่ไม่รู้อะไรมาดลใจให้ผมดึงเธอเข้ามากอดแล้วพูดประโยคที่ผมเองก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไม ผมพูดเพียงประโยคสั้นๆว่า "ฉันรักเธอ" นั่นคือคำสารภาพทั้งหมดของผมต่อเธอในวันนั้น....

จากคุณ : Red Boomer
เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 55 09:54:02




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com