Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
บันทึกความทรงจำบทที่ 11: เบื้องหลังคำสารภาพกับการทำกิมจิ ติดต่อทีมงาน

บทที่ 1 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12134405/W12134405.html

บทที่ 2 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12137466/W12137466.html

บทที่ 3 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12142609/W12142609.html

บทที่ 4 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12155159/W12155159.html

บทที่ 5 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12160123/W12160123.html

บทที่ 6 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12165127/W12165127.html

บทที่ 7 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12170398/W12170398.html

บทที่ 8 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12175926/W12175926.html

บทที่ 9 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12192814/W12192814.html

บทที่ 10 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12198174/W12198174.html


หลังจากที่ผมกอดเธอแล้วเอ่ยประโยคนั้นออกไป ผมไม่อยากเชื่อตัวเอง คงเป็นเพราะบรรยากาศพาไป พอรู้ตัวอีกทีมันก็ไม่ทันแล้ว ตอนนี้ผมไม่กล้าที่จะผละออกไป เพราะไม่อยากเห็นสีหน้าของเธอ ผมได้แต่ยืนหลับตาปี๋ค้างไว้อย่างนั้น เธอเองก็ไม่ได้มีทีท่าว่าอยากออกจากอ้อมกอดผมเท่าไหร่ (คาดว่าผมคงคิดไปเอง 555) แต่แล้วผมต้องปล่อยเธอ แล้วถอยออกมา เว้นระยะซักนิดนึงเพื่อดูสีหน้าของเธอ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอทำหน้าเอ๋อๆ (ถ้ามีรูปให้ดูคงจะดี เพราะตอนที่เธอทำหน้าเอ๋อ น่ารักมากกก ^^) แล้วก็พูดขึ้นว่า

"เมื่อกี้ตอนที่เธอกอดชั้น เธอพูดอะไรรึเปล่า รอบๆตัวเรานี่เสียงดังมาก ชั้นเลยได้ยินเสียงเธอพึมพัมๆ จับใจความไม่ได้เลยไม่รู้ว่าเธอพูดอะไร "  เป็นงั้นไป ตกลงเธอไม่ได้ยินที่ผมพูด โล่งอกไปที คราวหน้าคงต้องเตือนตัวเองอย่าเผลอแบบนี้อีก เฮ้ออออออ เกือบไปๆ

"เปล่า ไม่มีอะไร ไม่ได้พูดอะไรนี่" ผมเองก็เนียนเฉไฉไปเรื่อย ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วก็ชวนเธอกลับหอ

เราออกมาเป็นคู่แรกๆ เดินเรื่อยเปื่อยออกมาตามทางเดิมที่เรามาเพื่อกลับหอพัก ใจของผมยังเต้นตึกตัก ยุน จีเองก็ไม่ได้พูดอะไรมาก ความเงียบปกคลุมระหว่งเราอยู่พักนึง แล้วอยู่ๆ เธอก็เอ่ยขึ้นมาว่า

"จริงสิ!! กิมจิ จะหมดแล้ว ทำไงดีนะ ตายๆๆๆ ลืมซื้อผักซะสนิทเลย"

"ไปซื้อสำเร็จรูปก็ได้นี่ ทำไมต้องซื้อผักด้วย"

"ที่นี่หากิมจิยากจะตาย คงต้องซื้อผักมาหมักเอง พวกเครื่องหมักยังพอหาได้"

"กิมจินี่มันสำคัญขนาดนั้นเลยเหรอ"

"แน่นอน สำหรับคนเกาหลีเรา กิมจิเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้บนโต๊ะอาหารเลยล่ะ"

"แล้วเธอหมักเป็นเหรอ" ผมถามแบบโง่ๆ ไป เพราะถ้าตาม common sense แล้ว คนเกาหลีส่วนมากน่าจะหมักกิมจิเป็นอยู่แล้ว

"ใช่สิ ต้องหมักเป็นอยู่แล้ว ตอนอยู่บ้านแม่เคยสอน" เธอก็ยังอุตส่าห์ตอบคำถามโง่ๆ ของผมอีกนะ เธอนี่จัดว่าเป็นผู้หญิงที่มีความอดทนสูงคนนึงเลยนะครับ 5555

แบบนี้ดีแล้วล่ะครับ เธอจะได้ไม่ต้องไปใส่ใจสงสัยต่อว่าผมพูดอะไรออกไปในตอนนั้น......

เช้าวันใหม่...จริงๆแล้วมันไม่เช้าหรอกครับ มันสายโด่งแล้วล่ะ เมื่อคืนกว่าจะเข้านอนก็ประมาณตีหนึ่งกว่า นอนคิดโน่นคิดนี่เพลินไปอีกไม่รู้ว่านานแค่ไหนกว่าจะผล็อยหลับไป  รู้สึกตัวตอนได้ยินเสียงเคาะประตู หันมามองนาฬืกา แม่เจ้า!! ผมอุทานเบาๆ สิบโมงสี่สิบ นอนยาวเลยแฮะ คงเพราะอากาศที่หนาวด้่วยแหละครับทำให้ผมหลับสบาย ยุนจี ยืนยิ้มแฉ่งอยู่หน้าประตู แต่งตัวพร้อม จะชวนผมออกไปซื้อวัตถุดิบมาหมักกิมจิต้อนรับปีใหม่ที่มาถึงในอีกไม่กี่วัน พอเธอเห็นผมเท่านั้นล่ะ เธอก็หัวเราะออกมา เพราะหัวผมมันยุ่งเหลือเกิน เห็นได้ชัดเลยว่าเพิ่งตื่นนอน เธอจึงให้เวลาผม 20 นาทีจัดการตัวเองให้เรียบร้อย ส่วนเธอจะไปรอที่ครัว

ผมใช้เวลาไม่เกิน 15 นาที ล้างหน้าแปรงฟัน แต่ไม่อาบน้ำเพราะอากาศหนาวสุดๆ แต่งตัวทำธุระเสร็จเรียบร้อย รีบวิ่งเข้าไปในครัวอย่างรวดเร็ว เพราะไม่อยากให้เธอต้องรอนาน ปกติผู้ชายเค้าไม่ชอบปล่อยให้ผู้หญิงรอนานๆใช่มั้ยครับ แล้วผู้หญิงก็ไม่ค่อยชอบรออะไรนานๆ ใช่รึเปล่า เรื่องพวกนี้ผมไม่ค่อยสันทัดเท่าไหร่ พอเปิดประตูครัวเข้าไปก็ตกตะลึง มีอาหารใส่จานรอผมไว้แล้ว เธอทำอาหารเช้าเผื่อผมด้วยแหละ มีความสุขมากกกก    ^___________^  ต้องฉีกยิ้มกว้างๆ อิอิอิ เช้านี้เธอทอดไข่ดาว แฮม มีขนมปังปิ้งสองชิ้น สลัดผักอีกนิดหน่อย

"มาแล้วเหรอ...กินสิ แล้วจะได้ไปกัน" เธอพูดพลางส่งยิ้มหวานๆมาให้ผม นี่ถ้าเมื่อคืนเธอได้ยินสิ่งที่ผมสารภาพออกไป เช้านี้ผมคงไม่ได้เห็นภาพนี้อย่างแน่นอน ผมอาจจะไม่เห็นเธอตลอดวัน เธออาจจะหลบหน้าผมไปก็ได้ เพราะผู้หญิง (โดยเฉพาะผู้หญิงสวยๆ น่ารักๆ) มักจะชอบสร้างระยะห่างจากผู้ชายที่แสนจะดูธรรมดาเมื่อเธอรู้ว่าผู้ชายคนนั้นมีใจให้เธอ จะยังไงก็เถอะ ผมรีบจัดการอาหารเช้าที่อยู่ตรงหน้าซะเกลี้ยงเลย ระหว่างที่กินยุน จีก็มองผมอย่างเอ็นดู (อีกแล้ว) สายตาเธอดูอ่อนโยนจังเลยครับ ไม่เห็นเหมือนกับคนเกาหลีในแบบที่ผมได้ยินมาเลยซักนิด ปกติคนเค้าจะวิจารณ์คนชาตินี้ว่า แข็งกระด้าง ไม่มีน้ำใจ เห็นแก่ตัว ชอบนินทาว่าร้าย ใจร้อน หลงตัวเอง เป็นพวกวัตถุนิยม พวกบรรดาหนัง ซีรีย์ ที่เราดูๆกัน มันหลอกลวงทั้งเพ แต่พอผมได้เจอเธอความรู้สึกแบบนั้นกลับไม่มี เธอเหมือนนางเอกในหนังเลย จริงๆนะครับ เท่าที่ได้สัมผัสมาเธอเป็นในลักษณะที่ตรงข้ามกับคำวิจารณ์พวกนั้นอย่างสิ้นเชิง

เราไปซุปเปอร์มาร์เก็ตเจ้าประจำ เพื่อหาซื้อวัตถุดิบมาหมักกิมจิ เธอจดรายการเป็นหางว่าวเลย ไม่ว่าจะเป็น ผักกาดขาว สาลี่ ต้นหอม กระเทียม ขิง กุ้ง ข้าวเหนียว พริกป่น งา กับอะไรอีกสารพัด ที่ซุปเปอร์มันจะมีทั้งหมดเลยได้ยังไง แต่สุดท้ายเราก็หามาได้หมด!!! เก่งจริงๆ นะจ๊ะ ดูเธอตั้งใจเหลือเกินที่จะหมักกิมจิกินเอง......

หลังจากกลับมาถึงหอพักแล้ว เราสองคนเริ่มกระบวนการทำกิมจิทันทีแบบไม่รอช้า ใกล้ปีใหม่แล้วก็ต้องทำอะไรที่มันเป็นกิจกรรมสนุกๆร่วมกัน ยุน จี จัดเตรียมเครื่องปรุง ผมเองก็เอาผักกาดขาวมาล้างทำความสะอาดแล้วหั่นแบ่งครึ่งเตรียมไว้ ก่อนที่จะเด็ดออกทีละใบ ระหว่างนั้นเธอเตรียมเกลือ สาลี่ พริก ป่น หัวไชเท้า สับกระเทียม ขั้นตอนการทำทั้งหมดเป็นแบบนี้ครับ


1. หลังจากเตรียมผักกาดขาวเสร็จ ก็หั่นหัวไชเท้า สาลี่ ต้นหอมและผักกุยช่ายเป็นเส้นยาวพอประมาณ

2. ผสมหอมใหญ่สับ กระเทียมสับละเอียด และขิงขูด เข้าด้วยกัน

3. ตั้งไฟ เติมข้าวเหนียวและน้ำในหม้อ จากนั้นคนให้เป็นเนื้อเดียวกัน

4. เติมน้ำข้าวเหนียวและน้ำซุปลงไปในชามที่ใส่พริกป่นจำนวนมากๆ (ต้องดูปริมาณให้สมดุลกับผักกาดขาวด้วยนะครับ) ผสมให้เข้ากัน

5. นำส่วนผสม พวกหอมใหญ่สับ กระเทียมสับ ขิงขูด คลุกลงไปในชาวที่ได้ผสมน้ำข้าวเหนียวกับพริกป่นไว้แล้ว ทิ้งไว้ประมาณ ครึ่งชั่วโมง

6. ระหว่างที่รอก็ให้ดองเกลือผักกาดขาดที่เตรียมไว้ประมาณ 6-7 ชั่วโมง

7. นำเครื่องปรุงที่คลุกผสมกับพริกป่นตามข้อ 5 ทาลงบนผักกาดขาดทีละใบจนทั่วทุกใบ แล้วเข้าตู้เย็นทิ้งเอาไว้ข้ามวัน

เท่านี้ก็จะได้กิมจิไว้ทานแล้วครับ ช่วงระหว่างที่รอการดองเกลือ ผมกับเธอก็นั่งเล่นเกมส์กันบ้าง ฟังเธอเล่นเปียโนบ้าง จริงๆ แล้วการหมกตัวกันอยู่แต่ในหอพักมันอาจดูน่าเบื่อ แต่เราสองคนกลับไม่รู้สึกแบบนั้นนะครับ รอไปรอมาจนเย็น ผมนึกอะไรไม่ออกเลยโทรสั่งพิซซ่ามากินกัน อ้วนกันละทีนี้ เพราะขี้เกียจทำอาหารเต็มที นับเวลาดูแล้วกว่าจะเอาเครื่องปรุงมาทาผักกาดขาวได้ก็จะประมาณ เกือบๆ 3 ทุ่ม เราทั้งคู่นั่งกินพิซซ่ากันไป จ้องตากันไป คุยโน่นคุยนี่ไปเรื่อย โดยเฉพาะแผนการเที่ยวช่วงซัมเมอร์หลังทำ dissertation เสร็จ เราตกลงกันได้ว่าจะเที่ยวกันในอังกฤษนี่แหละ ปัญหาคือไปจะเมืองไหนดี สุดท้ายเราก็เอาแผนที่ประเทศอังกฤษมากางออกแล้วติดตรงบอร์ดในครัว คงจะเดาออกนะครับว่าจะทำอะไร....................บังเอิญมีลูกดอกอยู่ในตู้กับข้าว ไม่รู้ว่าของใคร เลยได้ไอเดีย เอามาปาสุ่มเลือกเมืองกันซะเลย เราเป่ายิ้งฉุปกันว่าใครจะเป็นคนปา หวยมาออกที่ผมเพราะผมชนะเธอ  ผมหายใจเข้าลึกๆ แล้วหลับตา นึกว่าตัวเองคือ ลี้ คิม ฮวง พระเอกฤทธิ์มีดสั้น แล้วปาออกไป ปรากฎว่าลูกดอกมันพุ่งไปปักตรงด้านตะวันตกค่อนๆ ไปทางใต้ของอังกฤษ พอเข้าไปดูใกล้ๆ เราสองคนถึงกับอุทานออกมาพร้อมกันว่า "บาธ!!!!!!" ถูกต้องครับ ตกลงเราจะไปเที่ยวบาธกันในช่วงซัมเมอร์

หลังจากทำเรื่องไร้สาระนั่นเสร็จ ก็ได้เวลาเอาเครื่องปรุงมาทาผักกาดขาว ตอนนี้เครื่องปรุงกำลังได้ที่ส่งกลิ่นหอมหวนเหลือเกิน ผมช่วยเธอทามันลงไป ทุกใบ แถมเธอยังป้อนให้ผมลองชิมดูด้วย อร่อยจริงๆ กิมจิที่หมักเอง เลยถึงบางอ้อว่า คนเกาหลีเค้าชอบกินอะไรแบบนี้นี่เอง

จากคุณ : Red Boomer
เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 55 07:28:29




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com