Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ใจเอย... บทที่ ๑๓ ติดต่อทีมงาน

มาดูติดตามกันต่อนะคะ หลังจากรมัณยายอมคบกับรามภณแล้ว พวกเขาจะเป็นยังไงกันต่อไป

คุณ ห้าสิบป่าย: ขอบคุณค่ะ ^^
คุณ N_Foxtrot: สำหรับรามภณ มีโอกาสแล้วต้องรีบฉวยค่ะ ส่วนวสวัตติ์ แรกๆ ก็ต้องทำใจไปก่อนนะ ^^ ขอบคุณที่ติดตามค่ะ

บทที่ ๑-๗ http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11983207/W11983207.html
บทที่ ๘ http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11983317/W11983317.html
บทที่ ๙ http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12022148/W12022148.html
บทที่ ๑๐ http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12053256/W12053256.html
บทที่ ๑๑ http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12093651/W12093651.html
บทที่ ๑๒ http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12149869/W12149869.html

% ====================

บทที่ ๑๓

โทรทัศน์ในห้องพักผู้ป่วย แม้จะไม่ใหญ่เท่าในบ้านเช่า และโรงพยาบาลก็ไม่อนุญาตให้เอาเกมเพลสเตชันมาเล่น แต่เพื่อนๆ ของรามภณทั้งสี่คน ก็มาจุ้มปุ๊กยู่ที่นั่นตั้งแต่เย็น จนดึกจนดื่นทุกคืน อีกทั้งยังผลัดกันมานอนค้าง เพื่อดูแลคนเจ็บ ซึ่งทำอะไรได้ไม่ถนัดนัก

วันนี้ก็เช่นกัน หลังจากรมัณยากลับไปแล้ว หนุ่มๆ ทั้งสี่ก็ยังคงอยู่กับเพื่อน และคืนนี้ก็เป็นเวรของวสวัตติ์ที่ต้องอยู่ค้างในโรงพยาบาล

"เอาล่ะสิไอ้วัตติ์ คืนนี้เอ็งไม่มีอะไรกินแน่" ธาวินโพล่งขึ้น หลังจากเปิดดูในตู้เย็น "เอ็งดูสิ ศาสตรามันกินของเยี่ยมที่ยากับภาเอามาให้หมดเลย ในตู้เย็นเหลือแต่น้ำเปล่าสองขวด"

"โทษข้าคนเดียวได้ยังไง เอ็งก็กินด้วย" ศาสตราบอก พลางเดินมาตบศีรษะคนพูดจนหน้าแทบมุดเข้าไปในตู้เย็น

"เอาน่า ไปซื้อใหม่ก็ได้ ข้างล่างก็มีมินิมาร์ท" วสวัตติ์บอก พลางทำท่าจะเดินออกจากห้อง ทว่าภวาภพกลับห้ามไว้

"ไอ้สองตัวนี้กินหมด ให้มันไปซื้อกันเอง" เขาบอกเสียงนิ่ง หากแต่ศาสตรากับธาวินไม่นิ่งด้วย ทั้งคู่ตรงรี่เข้ามากอดคอภวาภพ

"เอ็งก็ลงไปด้วยกันเลย" ศาสตราบอก

"ใช่ เมี้อกี้เอ็งก็กิน" ธาวินเสริม

จากนั้นทั้งสามคนจึงพากันลงไปหาซื้อเสบียง ปล่อยให้วสวัตติ์อยู่ดูแลคนเจ็บ

วสวัตติ์นั่งเงียบ ตามองโทรทัศน์อยู่ครู่ใหญ่ จึงได้ยินเสียงรามภณพูดขึ้น

"วัตติ์ เอ็งไม่โกรธข้าแล้วใช่มั้ย"

วสวัตติ์หันมองเพื่อน ลอบถอนหายใจเบาๆ ก่อนตอบ

"ข้าต้องเป็นฝ่ายถามมากกว่า เอ็งไม่โกรธแล้วใช่มั้ย"

รามภณส่ายหน้ายิ้มๆ

"แต่จะว่าไป" วสวัตติ์พูดต่อ "หมัดเอ็งนี่หนักไม่เบาว่ะ แทนที่จะเป็นดีเจ น่าจะไปต่อยมวยมากกว่า"

รามภณส่งเสียงหัวเราะเบาๆ ด้วยเกรงจะกระทบกระเทือนแผลผ่าตัด จากนั้นความเงียบก็เข้าครอบคลุมคนทั้งสองอีกครั้ง

"วัตติ์" รามภณเอ่ยขึ้นอีก "เอ็งจะว่าอะไรมั้ย ถ้า..."

เสียงของรามภณขาดหายไป วสวัตติ์เห็นเจ้าตัวก้มหน้าหลบตา จึงลุกขึ้นมายืนข้างเตียง ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ตั้งใจฟัง

"ถ้าข้าคบกับรมัณยา..."

คนร่างใหญ่นิ่งไป สายตาจ้องอยู่ที่ใบหน้าเพื่อน... ใบหน้าที่มีแต่รอยช้ำ รอยถลอก กับผ้าพันแผล ซึ่งเงยขึ้นมามองเขาด้วยสายตาที่มีแววทั้งรู้สึกผิด ขอร้อง และขอความเห็นใจ

วสวัตติ์มองตาเพื่อนนิ่งนาน ก่อนที่จะตอบออกมาในที่สุด "ข้าตัดใจแล้ว"

เสียงของเพื่อนทั้งแผ่วเบา ทั้งอ่อนล้า แม้จะพยายามกลบเกลื่อน หากกระแสเสียงยังคงสั่น

"นาย...โกหกอีกแล้ว" รามภณก้มหน้าลงอีก

ระหว่างคนทั้งสอง ยังคงมีกำแพงที่มองไม่เห็นกั้นขวางอยู่ หากแต่สายใยแห่งมิตรภาพก็แน่นเหนียวไม่แพ้กัน

"ถึงข้าจะยังทำอย่างที่พูดไม่ได้ในตอนนี้ แต่สักวัน ข้าต้องทำได้" เขาบอก แล้วจึงค่อยๆ เดินออกมาจากห้อง ยืนพิงหลังกับผนังหน้าห้องผู้ป่วย

ทำอย่างไรได้ ในเมื่อเขาไม่ใช่คนที่นอนเจ็บอยู่ในห้องนี้ ทำอย่างไรได้ ในเมื่อคู่แข่งคือเพื่อนรักของเขาเอง... คิดแล้ววสวัตติ์ก็สูดลมหายใจลึกๆ หลับตาแหงนหน้าขึ้น แล้วผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ

% ###

ตัดใจ... แค่พูดน่ะง่าย แต่จะทำให้ได้อย่างที่พูดนั้นยากยิ่งกว่าหลายร้อยหลายพันเท่า

วสวัตติ์ยืนพิงกรอบประตูห้องพักคนไข้ มองเพื่อนของเขาซึ่งเปลี่ยนมาอยู่ในชุดไปรเวทเรียบร้อยแล้ว ค่อยๆ ลุกจากเตียงลงมาที่รถเข็น โดยมีบุรุษพยาบาล กับหญิงสาวอีกคนหนึ่งคอยประคองอยู่ข้างๆ

หญิงสาวที่ทำให้หัวใจของเขาสั่นไหวตลอดมา...

หลายวันที่รามภณพักฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาล รมัณยาก็มาดูแลไม่ได้ขาด

...แน่สิ เขาคบกันอยู่นี่นะ

"วัตติ์" ศาสตราส่งเสียงทักขึ้นในระยะประชิด ทำให้วสวัตติ์ถึงกับสะดุ้งจนตัวโยน "อะไรวะ แค่นี้ทำเป็นตกใจไปได้"

"เออ มีอะไรล่ะ"

"เอ็งไปดูไอ้ภพกับไอ้วินมันหน่อยสิ เห็นคุยเรื่องค่ารักษาอยู่นานแล้ว"

"เอ็งไม่ไปเองล่ะ"

"หรือเอ็งอยากจะอยู่แถวนี้"

คำพูดของศาสตราทำเอาวสวัตติ์ต้องเงียบเสียงลง เขาไม่อยากอยู่ตรงนั้น ไม่อยากยืนมองภาพที่ทำให้ใจต้องเจ็บ...

...หากแต่ความรู้สึกเช่นนี้ ยังคงดีกว่าเมื่อตอนที่รู้ว่า เขาอาจจะต้องเสียเพื่อนไป

"ขอบใจ" เขาบอก แล้วสาวเท้ายาวๆ ไปตามทางเดิน ตรงไปยังลิฟท์โดยสาร

ศาสตรามองตามเงาหลังสูงใหญ่เพื่อน เห็นเขาก้าวเข้าลิฟท์โดยสารไป ในเวลาพอดีกับที่ลิฟท์โดยสารอีกตัวมาถึง เมื่อประตูเปิดออก เขาก็เห็นหญิงสาวสองคนก้าวออกมา

"ยา... ภา..." ศาสตราร้องทักขึ้นพร้อมรอยยิ้มกว้างเช่นเคย ต่อหน้านฤตยา เขาอยากให้เธอรู้สึกดี อยากให้เธอมีความสุขที่สุด

นฤตยากับภารดีก้าวมาหยุดยืนอยู่หน้าห้องผู้ป่วย ก่อนเอ่ยทักทายหนุ่มหน้าเป็นคนนี้

"ศาสตรา เห็นว่าวันนี้ภณจะออกจากโรงพยาบาลแล้ว ก็เลยมาดูสักหน่อย เผื่อจะมีอะไรให้ช่วย" นฤตยาว่า พลางเหลือบมองเข้าไปภายในห้อง ภาพที่เห็นทำให้เธอต้องชะงักนิดหนึ่ง ก่อนจะก้มหน้าซ่อนสายตาตนเอง

...รู้อยู่แล้วว่าต้องเจ็บ ทำใจไว้อยู่แล้วว่าจะยอมรับมันให้ได้ แต่เอาเข้าจริงกลับยังรู้สึกหวั่นไหว

"เอ้อ ทางนี้คงอีกนาน เราไปนั่งกินไอศกรีมข้างล่าง รอพวกเขากันดีกว่า" ศาสตราเอ่ยชวนขึ้น เพราะเห็นอาการของนฤตยา...ไม่สู้ดีนัก

"เธอพายาไปคนเดียวเถอะ พอดีกำลังลดความอ้วนอยู่ด้วยน่ะ เดี๋ยวฉันจะอยู่ดูทางนี้ให้" ภารดีบอก พลางหันไปขยิบตาให้ชายหนุ่ม

นฤตยาเงยหน้าขึ้นมองศาสตรา แล้วหันมองภารดี จากนั้นจึงยิ้มออกมา "ขอบใจนะ"

% ###

ศาสตรานั่งมองนฤตยาที่กำลังเหม่อ เอาช้อนคนไอศครีมเยลลี่ซึ่งละลายกลายเป็นน้ำนมสีชมพูกองอยู่ก้นถ้วยแล้วให้รู้สึกหงุดหงิด

ที่หงุดหงิดนั้นไม่ใช่เธอ แต่เป็นตัวเขาเองต่างหาก... นี่เขาทำอะไรให้เธอไม่ได้มากไปกว่านี้แล้วหรืออย่างไรนะ

"ยา..."

นฤตยาสะดุ้งเล็กน้อย หันมามองคนเรียก "อะ...อะไรเหรอ"

"ไอศครีมละลายหมดแล้ว"

"อ๋อ จ๊ะ" นฤตยาวางช้อนลง หากสายตายังจับอยู่ที่พื้น

"เป็นอะไรรึเปล่า"

หญิงสาวส่ายหน้า ศาสตราจึงได้แต่ถอนหายใจ

ความจริงคำตอบของเธอเป็นที่คาดเดาได้ เขาเองก็ไม่ควรถามออกมา หากแต่ที่ถาม ก็เพราะเขารู้สึกว่า เขาควรชวนเธอพูดคุยบ้าง

ศาสตรานั่งมองอาการเหม่อของหญิงสาวอีกครู่หนึ่งจึงตัดสินใจพูดขึ้น

"เธอรู้แล้วใช่มั้ย เรื่อง...ภณกับรมัณยา"

นฤตยาเงยหน้าขึ้นมองคนถาม ปากจะเอ่ยอะไรบางอย่าง ทว่ากลับหุบเงียบลงไปอีก

"แล้วเธอจะทำยังไงล่ะ" ศาสตรายังคงตั้งคำถามต่อไป แม้จะรู้ว่าไม่ควรถาม แต่ในเมื่อเรื่องของรามภณกับรมัณยามาถึงไกลถึงปานนี้แล้ว เขาก็ไม่ควรจะปล่อยนฤตยาไว้เช่นเดิมอีก

หญิงสาวส่ายหน้า ดวงตามีหยาดน้ำเอ่อขึ้นมา "ฉัน...ไม่ใช่คนที่เขาเลือก"

ไม่ใช่คนที่ถูกเลือก มันเจ็บ เขารู้ดี เพราะเขาก็ไม่ใช่คนที่เธอเลือกเช่นกัน แต่จะเป็นไปได้ไหมนะ หากเขา...จะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดให้เธอ

ถ้ารามภณไม่ได้ชอบเธอ เขาก็จะอยู่กับเธอ เป็นกำลังใจให้เธอ และดูแลเธอ... นี่เป็นคำพูดที่เขาบอกกับภวาภพเอง เป็นความรู้สึกจากใจของเขาเอง และเวลาที่เขาต้องทำอย่างที่พูดไว้ ก็มาถึงแล้ว

"ป่านนี้ ภาคงรอแล้ว" หญิงสาวบอก พลางลุกออกจากโต๊ะ แล้วหันหลัง เตรียมจะเดินออกจากร้าน

"กีฬามหาวิทยาลัยปีนี้..." ศาสตราโพล่งขึ้น "ถ้าทีมฉันชนะ เธอ..."

นฤตยายืนนิ่ง รอฟังอยู่

"...คบกับฉันนะ"

หญิงสาวไม่ได้ส่งเสียงตอบ เธอนิ่งไปนาน หากแต่ศาสตราก็ยังคงรอฟังคำตอบอยู่อย่างอดทน... เขารอมานานแล้ว รออีกสักนิดจะเป็นไร

เห็นไหล่ทั้งสองข้างของหญิงสาวสั่นเล็กน้อย อีกครู่หนึ่งเธอก็ขยับเท้า ก้าวออกจากร้านไป โดยไม่มีคำตอบใดๆ ให้เขาเลย

% ###

"ว่าไงนะ! รมัณยาคบกับรามภณ เป็นไปได้ยังไง" เสียงจิรัชย์ตะโกนลั่นออกมาจากห้องซ้อมของชมรมการแสดง "เธอต้องโกหกแน่ๆ ไม่มีทาง!"

"ฉันไม่ได้โกหก!" มายาวดีกระชากเสียงแข่ง "ตั้งแต่รามภณเข้าโรงพยาบาล แม่นั่นก็ไปดูแลทุกวัน พอออกจากโรงพยาบาลก็ไปดูแลถึงที่บ้าน แบบนี้ไม่เรียกว่าคบกันแล้วจะเรียกว่าอะไร"

"มันเป็นไปได้ยังไง มันเป็นไปได้ยังไง!" จิรัชย์บ่นอย่างหัวเสีย แล้วจึงทุบผนังห้องซึ่งทำจากไม้อัดดังปัง

"เห็นบอกว่าที่ภณเข้าโรงพยาบาลคราวนี้ ก็เพราะรมัณยา ไม่รู้ว่าเป็นเพราะแบบนี้รึเปล่า รมัณยาถึงได้คบกับรามภณ" มายาวดีอธิบายต่อ ลดระดับเสียงลงมาอีกหน่อย

"ถ้าเป็นแบบนี้ สองคนนั่นก็ไม่จริงใจสิ"

"คงใช่"

"อย่างนั้นก็ง่ายล่ะ"

"เธอมีแผนอะไรงั้นเหรอ"

สายตาของจิรัชย์ที่ชำเลืองมองหญิงสาวผ่านเลนส์ไร้กรอบ มีประกายวิบวับ "แน่นอนอยู่แล้ว ลองคิดดูสิ ถ้าเราบอกรามภณไปว่า ที่รมัณยาคบกับมัน เป็นเพราะรมัณยารู้สึกผิด ผลมันจะเป็นยังไง"

"หยุดเถอะจิรัชย์" เสียงห้าวแต่สูงดังแทรกขึ้น พร้อมกับร่างของชายหนุ่มหน้าสวยปรากฏขึ้นตรงกรอบประตู "ถึงพวกเขาจะต้องเลิกกัน แต่รมัณยาก็ไม่มีทางหันมาคบกับคุณหรอก"

จิรัชย์กอดอกเหยียดสายตามองผู้มาใหม่อย่างดูแคลน "คิดว่าพูดแบบนี้แล้วฉันจะยอมเลิกราเหรอ ไม่มีทาง!"

นภสินธุ์ยิ้มนิดหนึ่ง จากนั้นจึงก้าวเข้ามาภายในห้อง ค่อยๆ ทอดเดินรอบตัวจิรัชย์ พลางทิ้งสายตามองเขาตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า

"คุณพูดแบบนี้ ก็เพราะคุณยังไม่รู้จักรมัณยาดีพอ" เขาบอก เมื่อมาหยุดเท้าลงตรงหน้าจิรัชย์

"หมายความว่ายังไง"

"ก็หมายความอย่างที่บอกนั่นแหละ คุณยังไม่รู้จักรมัณยาดีพอ ไม่รู้ถึงจิตใจของเธอ ไม่รู้ว่าเธอเป็นยังไง" เขาบอกเสียงค่อยราวกับกระซิบ พลางหรี่ตา ยื่นหน้าเข้ามาใกล้จิรัชย์ จนประธานชมรมการแสดงต้องเอียงตัวไปด้านหลังเล็กน้อย

"หรือว่าเธอรู้อะไรเกี่ยวกับรมัณยา" หญิงสาวหนึ่งเดียวในห้องนั้นตั้งคำถาม

หนุ่มหน้าสวยหันมองมายาวดี แล้วยิ้มด้วยดวงตานิดหนึ่ง "ผมเป็นเพื่อนรมัณยา รู้จักกันมาตั้งแต่เรียนไฮสคูลที่เท็กซัสด้วยกัน ผมต้องรู้อยู่แล้วว่ารมัณยาชอบอะไร และไม่ชอบอะไร"

"เธอจะบอกเหรอว่ารมัณยาชอบรามภณจริงๆ" มายาวดีถามอีก

นภสินธุ์หลุบตามองพื้นอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงส่ายหน้าช้าๆ "คนที่รมัณยาชอบ และคิดถึงอยู่ตลอดเวลา ไม่ใช่รามภณ แต่เป็นอีกคน"

"ใคร" ทั้งจิรัชย์และมายาวดีถามขึ้นพร้อมกัน

"เขาเป็นคนที่อยู่ไกล...ไกลถึงครึ่งโลก"

% ###

ครึ่งโลก... สำหรับบางคน แม้จะไกลถึงปานนั้น เขาก็กระ:-)กระสนที่จะมา... มาเพื่อตามหัวใจของตน

ตฤษณะนั่งอยู่บนพื้นทรายสีขาวสะอาด ทอดตามองทะเล ปลดปล่อยอารมณ์ให้ลอยไปพร้อมกับเกลียวคลื่นที่หวนคืนสู่ท้องทะเล ในมือของเขามีเพชรฆาตปอด ปล่อยควันสีขาวลอยขึ้นสู่บรรยากาศ

"เลิกได้แล้ว ไอ้บุหรี่นี่น่ะ" เสียงห้าวสูงดังมาจากทางด้านหลัง ตฤษณะเหลียวกลับไปจึงได้เห็นเจ้าของเสียงยืนท้าวแขนอยู่บนผนังกั้นคลื่น เมื่อเห็นว่าผู้มาเป็นใคร เขาก็ทำหูทวนลม ทั้งที่ฟังเข้าใจ แต่ก็ยิ่งอัดควันมรณะเข้าปอดมากขึ้น

นภสินธุ์เห็นอาการแบบนี้ยิ่งรู้สึกหมั่นไส้ เดินลงมายังชายหาด แล้วฉวยเอาบุหรี่ที่เพื่อนคาบอยู่ ขยี้ลงกับพื้นทราย

"เรารู้ว่านายเข้าใจที่เราพูด" หนุ่มหน้าสวยพูดช้าๆ เพื่อเน้นคำ

หนุ่มลูกครึ่งยักไหล่ แล้วควักเอาซองบุหรี่กับไฟแช็กออกจากกระเป๋าเสื้อ กระแทกก้นซอง เพื่อหยิบบุหรี่อีกมวนขึ้นมาจุด จากนั้นจึงอัดควันเข้าปอดอีกระลอก

"เมื่อไหร่นายจะเลิก" นภสินธุ์ถามเสียงหงุดหงิด พลางนิ่วหน้า ตวัดสายตาจ้องเพื่อนอย่างเค้นคำตอบ

ตฤษณะไม่ได้พูดอะไร หากแต่จ้องตอบใบหน้าสวยนั้น ดวงตาสีเขียวทั้งคู่ราวกับสามารถสื่อความหมายแทนคำพูดได้มากมาย

แล้วคนที่แพ้ก็คือนภสินธุ์ ในที่สุดเขาก็ต้องถอนสายตากลับพร้อมใบหน้าแดงก่ำ... คนบ้า...

"เมื่อกี้ ไปไหน" ในที่สุดคำไทยสำเนียงแปร่งก็หลุดออกจากปากหนุ่มลูกครึ่ง

"ไปหาจิรัชย์"

ตฤษณะนิ่วหน้า น้ำเสียงแข็งขึ้น "ไปทำไม"

นภสินธุ์ชำเลืองมองคนถาม ดวงตาปรากฏแววซุกซนขี้เล่น "แค่อยากไปหา ไม่ต้องมีเหตุผลนี่"

"Why?" คนตัวโตกว่าถามเสียงขุ่น ภาษาที่ใช้ก็เปลี่ยนเป็นภาษาของตัวเอง "Have feelings for him?"

ใบหน้าสวยประดับด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ สะบัดหันไปทางหนึ่ง "ไม่บอก"

ได้ยินคำตอบแบบนี้แล้ว ตฤษณะก็อัดควันเข้าปอดตัวเองอีก

"พอเถอะน่า" นภสินธุ์ส่งเสียงรำคาญ พลางเอื้อมมือคว้ามวนบุหรี่ในมือเพื่อน หากแต่คราวนี้คนตัวโตกว่ารู้ทัน เหยียดแขนหลบไปเสียจนสุด นภสินธุ์จึงคว้าไม่ถึง ทว่าตัวกลับล้มลงบนอกกว้างของตฤษณะแทน

"ขะ...ขอโทษ" เขาบอก พลางรีบยันตัวลุกขึ้น ขยับห่างออกมาอีกหน่อย

ทั้งคู่เงียบกันไปพักหนึ่ง จากนั้นนภสินธุ์จึงเริ่มรู้สึกถึงมือใหญ่แข็งแรง ที่เอื้อมมาโอบบ่าของเขาไว้ ร่างเล็กกว่าจึงโน้มไปตามแรง วางศีรษะลงบนบ่าที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม

"ความจริง เราไปหาจิรัชย์" หนุ่มหน้าสวยเริ่มต้นอธิบายสิ่งที่อีกฝ่ายอยากรู้ "กะจะไปดูว่าเขาเป็นยังไงบ้าง พอรู้ว่ารมัณยาคบกับคนอื่น เราสงสารเขาน่ะ แต่แค่สงสารนะ ไม่มีอย่างอื่น"

ได้ยินเสียงตฤษณะหัวเราเบาๆ

"Why do you want me to quit it?"

"อะไรนะ"

"บุหรี่...ทำไมอยากให้ฉันเลิก"

"เป็นห่วงน่ะสิ ไม่รู้รึไง worried น่ะ"

ตฤษณะยิ้มกว้างออกมา "ทำไมเป็นห่วง"

"ไม่บอก" นภสินธุ์พูดพลางสะบัดหน้าไปอีกทางหนึ่ง ตฤษณะจึงหัวเราะออกมาอีกครั้ง

"รู้ไหม ทำไมฉันมาที่นี่" คำถามภาษาไทยสำเนียงประหลาดยังคงหลุดออกมาจากปากตฤษณะ

นภสินธุ์หันกลับมามอง เลิกคิ้วเป็นเชิงถาม

"Because of you... I'm here for you"

คนหน้าสวยยิ้มหวานออกมาอีก "ดีนะ ที่นายบินข้ามน้ำข้ามทะเลมากับเราด้วย แต่รมัณยาสิน่าสงสาร..." เขาถอนหายใจ แล้วแหงนมองฟ้าสีสวย "ไม่รู้พวกเขาจะได้เจอกันอีกรึเปล่า"

% ====================

จากคุณ : ตรีพันธ์
เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 55 22:04:33




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com