Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ชายิกาของเจ้าชาย บทที่ 8+9 โดย นปภา ติดต่อทีมงาน

บทที่ 8 หนุ่มอิตาเลียน

หลังจากแยกกันกับคามินแล้ว แพรธาราก็มานั่งตัวเกร็งอยู่ในกับลอยด์สองต่อสอง ชายหนุ่มยังอารมณ์บูดไม่หายจึงนั่งเงียบไม่ยอมพูดจา

ตอนนี้คนที่เขาโกรธที่สุดไม่ใช่คามินแต่เป็นแพรธารา ชายหนุ่มนึกเคืองที่หญิงสาวเลือกพึ่งพาคามินมากกว่าจะขอความช่วยเหลือจากเขา

ทางด้านแพรธารา หญิงสาวกำลังนั่งเครียดเพราะไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี เธอเกลียดความเงียบที่น่าอึดอัดแบบนี้เป็นที่สุด แต่จะชวนคุยก็ไม่รู้ว่าจะคุยเรื่องอะไร เธอกลัวว่าถ้าพูดอะไรผิดหูจะยิ่งทำให้สถานการณ์เลวร้ายไปกันใหญ่ หญิงสาวเลยภาวนาให้ถึงบริษัทเร็วๆ

เนื่องจากเป็นเช้าวันเสาร์การจราจรจึงไม่ถึงขั้นติดขัด แต่ในความรู้สึกของแพรธาราก็ยังเคลื่อนตัวได้ช้าไม่ทันใจเธออยู่ดี หญิงสาวลอบถอนหายใจเมื่อเห็นว่าลอยด์ขับอ้อมมาอีกทางเพื่อเลี่ยงรถติด แต่กลายเป็นว่ากลับเจออุบัติเหตุกลางทางเสียอีก

กว่าจะมาถึงแยกไฟแดงสุดท้ายก่อนจะถึงบริษัท ก็กินเวลาไปเกือบสี่สิบห้านาที แพรธารานึกโล่งใจที่จะได้ลงจากรถเสียที ทว่าพอถึงหน้าตัวตึกจริงๆ ลอยด์กลับขับรถเลยไปเสียอย่างนั้น

“บอสคะเลยแล้วค่ะ จอดค่ะจอด มาลงตรงนี้แล้วเดินไปก็ได้” หญิงสาวรีบบอก

ถ้าต้องไปกลับรถใหม่เธอจะต้องติดอยู่กับคนอารมณ์บูดอีกไม่ต่ำกว่าสิบห้านาที ดังนั้นขอยอมเดินไกลดีกว่า

“วันนี้ทำงานนอกสถานที่”

ลอยด์เร่งความเร็วรถเพื่อเปลี่ยนเลน จากนั้นก็ขับตามป้ายบอกทางตรงขึ้นทางด่วนไป

“จะไปไหนคะ แล้วมาต้องทำอะไรบ้าง มาทำเป็นแต่บัญชีกับงานทั่วไปในออฟฟิศนะคะบอส” แพรธาราเริ่มวิตก

การทำงานนอกสถานที่ของลอยด์หมายถึงการออกไปสังสรรค์กับผู้บริหารของบริษัทอื่น บางทีก็กินข้าวหรือเล่นกอล์ฟ ลอยด์ยังโสดจึงมักจะพาเลขานุการไม่ก็พนักงานผู้หญิงที่ทำงานคล่องไปด้วยเสมอ เพื่อที่จะได้ไปเป็นเพื่อนคุยกับพวกคุณหญิงคุณนายที่มากับสามี แพรธาราเลยกลัวว่าจะวางตัวไม่ถูก

“แค่พาหัวหน้าแผนกพัฒนาจากบริษัทแม่ไปเลี้ยงรับรอง ไม่มีอะไรหรอก”

“คนไทยหรือฝรั่งคะ”

หญิงสาวถามด้วยความหวั่นใจ เพราะรู้ภาษาอังกฤษแค่งูๆ ปลาๆ

“อิตาเลียน”

เจอคำนี้เข้าไปแพรธาราถึงกับเอามือก่ายหน้าผาก ภาษาอังกฤษยังไม่รอดเลย แล้วนับประสาอะไรกับภาษาอิตาเลียน เธอคงได้แค่ยิ้มกับคุยภาษามือกับแขกของบอสอย่างเดียว

“บอสแกล้งมาใช่ไหม มาไปทำอะไรให้บอสเคืองกัน ปล่อยมาลงตรงนี้เลยนะคะ แล้วให้พี่อิ๊บหรือใครก็ได้ที่พูดอิตาเลียนได้ไปแทน มาไม่ไหวหรอกค่ะ แค่คำว่าสวัสดีมายังไม่รู้เลยว่าเขาพูดว่ายังไง”

หญิงสาวออกอาการกระสับกระส่ายสติแตกอย่างเห็นได้ชัด เดี๋ยวหน้าแดงเดี๋ยวหน้าซีดสลับกัน มองแล้วบอกไม่ถูกว่าจะหัวเราะหรือสงสารดี

“ผมสั่งให้คุณทำอะไรก็ต้องทำสิ เป็นลูกน้องมีสิทธิ์ต่อรองกับเจ้านายด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องด้วยหรือไง” ลอยด์แกล้งทำเสียงดุใส่ เขาอารมณ์ดีขึ้นบ้างแล้วแต่ก็ยังสงวนท่าทีอยู่

แพรธาราหน้าจ๋อยสนิท ตั้งแต่ทำงานด้วยกันมาเธอยังไม่เคยโดนเขาดุด้วยน้ำเสียงโทนนี้เลยสักครั้ง พอคิดว่าเขาพาลคนอื่นแล้วมาลงที่เธอหญิงสาวก็นึกน้อยใจขึ้นมา

พอปล่อยให้อารมณ์เป็นใหญ่ดวงตาคู่สวยก็เริ่มมีหยาดน้ำตาคลอ แพรธาราพยายามกลั้นเอาไว้สุดความสามารถ หญิงสาวสูดจมูก แล้วรีบปาดน้ำตาที่กำลังจะหยดลงมา

เสียงสูดจมูกฟืดฟาดดึงความสนใจลอยด์จากการขับรถ พอเห็นว่าหญิงสาวทำตาแดงๆ คล้ายกำลังจะร้องไห้ เขาก็ใจหายวาบ

ลอยด์รู้ดีว่าตัวเองคือตัวต้นเหตุ ถ้าไม่ติดว่ากำลังอยู่บนทางด่วน เขาคงจอดรถแล้วขอโทษแพรธาราเสียเดี๋ยวนั้น ผู้ชายตัวโตอย่างเขาแพ้ทางก็แค่น้ำตาของผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนี้

ชายหนุ่มรู้สึกผิดจนปวดหนึบไปทั้งใจ เขากำพวงมาลัยรถยนต์แน่น ครุ่นคิดอย่างหนักว่าต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อให้สถานการณ์ดีขึ้น

การปลอบผู้หญิงไม่ใช่งานถนัดของลอยด์เลย ถ้าเป็นคนอื่นเขาคงปล่อยให้ร้องไป แต่นี่เป็นคนสำคัญทั้งตนเองยังเป็นต้นเหตุ ก็เลยต้องใช้ความคิดนาน กว่าจะคิดออกว่าต้องพูดว่าอย่างไร ฝ่ายที่เหมือนกำลังร้องไห้ก็ควบคุมอารมณ์ได้โดยไม่ต้องปลอบแล้ว

แพรธาราบอกตัวเองว่าต้องไม่ร้องด้วยเรื่องเพียงเท่านี้ ปาดน้ำตาเสร็จเธอก็เริ่มคิดหาทางแก้ปัญหา โดยไม่รู้เลยว่าช่วงเวลาที่เธอทำตาแดงๆ ไม่ถึงครึ่งนาที จะทำให้ลอยด์รู้สึกผิดและคิดมากขนาดไหน

“บอสคะ มาขอโทษที่เกี่ยงงาน มาจะช่วยบอสรับรองแขกเท่าที่จะทำได้ค่ะ เพราะฉะนั้นยืมมือถือมาหาข้อมูลหน่อยนะคะ ถึงเวลาพูดทักทายได้สักสองสามประโยคก็ยังดี”

ลอยด์ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังสนั่น เมื่อรู้ว่าไม่จำเป็นต้องพูดข้อความที่คิดมาหัวแทบแตก เขาลืมไปเสียสนิทว่าแพรธาราไม่ใช่คนอ่อนแอเจ้าน้ำตา

“บอสหัวเราะทำไมคะ” แพรธารามองอีกฝ่ายอย่างหวาดๆ เธอเดาอารมณ์เขาไม่ถูกแล้ว เดี๋ยวบึ้ง เดี๋ยวดุ ปุบปับก็หัวเราะอย่างกับคนบ้า

“เปล่า” ชายหนุ่มตอบทั้งที่ยังกลั้นหัวเราะอยู่

หลังเสียงหัวเราะบรรยากาศในรถก็ดีขึ้น แพรธาราไม่รู้ที่มาที่ไปว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น ให้เดาก็คงเดาไม่ถูกเลยใช้คำพูดประจำตัวว่า ‘ช่างมัน’

“หิวไหมมารีน แวะกินอะไรก่อนไหม” ลอยด์เปรยขึ้นมา

ลอยด์นัดกับแขกเอาไว้ตอนเที่ยง เขาจองร้านกับสั่งอาหารไว้แล้ว แต่เห็นว่าอีกนานกว่าจะได้เวลาอาหารก็เลยนึกห่วงแพรธารา

“ไม่หิวค่ะ บอสหิวหรือคะ”

“นิดหน่อย แต่อยากจะไปพัทยาแล้วค่อยกินมื้อใหญ่เลยทีเดียว”

“เอาอย่างนั้นก็ได้คะ” หญิงสาวรับคำ “อ๊ะ! มามีหมูทอดค่ะ กินรองท้องก่อนไหมคะ”

พอแพรธาราหยิบถึงขึ้นมา ลอยด์ก็จำได้ว่าเป็นถุงที่คามินยื่นให้หญิงสาว เลยออกอาการหยิ่งไม่อยากกินของศัตรูหัวใจ

“คนเขาฝากมาให้ตัวเอง มาให้คนอื่นกินแบบนี้จะเสียน้ำใจเอานะ” ชายหนุ่มแอบประชด

“มาซื้อมาต่างหากล่ะคะ พอดีผ่านไปเจอแล้วนึกถึงบอสขึ้นมา” หญิงสาวพูดพลางเปิดถึงให้กลิ่นหมูทอดหอมๆ ลอยออกมา “จำได้ไหมคะบอส เจ้าที่อยู่ตรงซอยแถวบ้านมาไง บอสเคยบอกว่าอร่อย แต่เขาย้ายไปขายตลาดนัดแล้ว เพิ่งรู้นี่แหละค่ะว่ามีสาขาสองขายตอนเช้าด้วย”

คำพูดแสนธรรมดานี้ทำให้คนแอบมีใจให้สุดแสนจะปลาบปลื้มใจ ที่อีกฝ่ายมีแก่ใจนึกถึงเขา เทียบกับโจ๊กที่คามินได้ไป หมูทอดถุงนี้มีความหมายมากกว่ากันเยอะ ลอยด์กลับมาอารมณ์ดีเต็มร้อย พร้อมๆ กับความเจ้าเล่ห์ที่กลับมาแบบเกินพิกัดเช่นกัน

“ป้อนหน่อย” ชายหนุ่มขอร้องกึ่งสั่ง

เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายลังเล ลอยด์ก็พยักพเยิดไปที่พวงมาลัยเหมือนจะบอกว่ามือไม่ว่าง แพรธาราก็เลยต้องหยิบมาป้อนให้แบบจำใจ หญิงสาวรู้สึกขัดเขินไม่น้อยที่ต้องมาป้อนให้กันเหมือนคนรักแบบนี้ แต่พอเห็นเขากินอย่างมีความสุขเธอก็เลิกเขิน เพราะมันอารมณ์เหมือนป้อนขนมเด็กมากกว่า

หญิงสาวป้อนเพลิน ส่วนลอยด์ก็กินเพลิน ไม่ทันไรของกินก็หมดเกลี้ยง

“หมดแล้วเหรอ” ชายหนุ่มถามเมื่อหญิงสาวหยุดป้อนไปนาน

“ค่ะ เกลี้ยงแล้ว” แพรธาราชูถุงเปล่าขึ้นมาให้ แล้วเอี้ยวตัวไปหยิบทิชชูจากกล่องมาเช็ดมือ แต่ยังไม่ทันได้เช็ดก็ถูกลอยด์คว้าแขนเอาไว้เสียก่อน

“หมดที่ไหน ยังเหลือ”

จอมเจ้าเล่ห์ยิ้มกริ่ม ก่อนจะใช้ปากดูดนิ้วมือของหญิงสาวทีละนิ้ว สัมผัสรัญจวนทำเอาแพรธาราสติหลุด หญิงสาวตัวแข็งทื่อ หูอื้อตาลาย ใจมันหวิวเหมือนวิญญาณจะหลุดออกจากร่างไปเสียให้ได้

“บอส…บอสทำ…”

แพรธาราอ้าปากพะงาบๆ พูดไม่ออก เธออยากดึงมือหนีแล้วทุบเขาแรงๆ สักทีแต่ใจมันกลับคิดว่าโทษเขาไม่ร้ายแรงขนาดนั้น จะเรียกว่าโกรธก็ไม่ใช่ จะพอใจก็ไม่เชิง รู้แต่ว่าตอนนี้เธอกำลังใกล้ละลายตายคาเบาะรถแล้ว

‘อ๊ากกก! ไม่ไหวแล้ว’ หญิงสาวกรีดร้องในใจ

แพรธาราพยายามดึงมือออกจากมือลอยด์ แต่ดูเหมือนจะช้าไปหน่อย เพราะเขาเป็นฝ่ายปล่อยมือเธอก่อน เนื่องจากต้องแบ่งสมาธิไปให้การขับรถ ถึงกระนั้นก็ยังไม่วายหันมายิ้มหวาน

“อร่อย” ชายหนุ่มไล้ลิ้นไปบนริมฝีปาก

“ห้ามทำแบบนี้อีกนะคะบอส” แพรธาราแว้ดใส่

“ห้ามทำอะไร” ลอยด์ทำตาใสเหมือนเด็กซนที่แกล้งทำไม่รู้ไม่ชี้เวลามีความผิด

“ก็…ก็ทำแบบเมื่อกี้ มันไม่ดี ห้ามเด็ดขาด” หญิงสาวพูดไปหน้าแดงไป เธอรู้สึกกระดากปากที่จะพูดออกมาว่าห้ามเอานิ้วเธอไปดูดอีก

“ไม่เป็นไร ผมไม่ถือ” จอมเจ้าเล่ห์เถียงหน้าตาย

“มันไม่ใช่อย่างนั้น”

“เอาน่า มารีนอุตส่าห์ป้อน ผมเลยทำความสะอาดนิ้วให้ไง จริงๆ นิ้วมารีนก็อร่อยดีนะ รสมัน…”

“กรี๊ดดด! พอคะพอ…ไม่ต้องพูดแล้ว เงียบไปเลย” หญิงสาวรีบห้ามก่อนจะได้ยินคำวิจารณ์เรื่องรสชาติตัวเอง

ลอยด์หัวเราะในลำคออย่างชอบใจเมื่อเห็นปฏิกิริยาของหญิงสาว อยากไม่ระวังตัวทำให้เขาหึงแทบบ้าก่อนทำไม ‘ทีใครทีมัน’

ทางด้านแพรธารา พอลอยด์ยอมเงียบเธอก็ซบหน้าลงกับเบาะรถ เพื่อจัดการกับความรู้สึกแปลกๆ ในใจอย่างเร่งด่วน ถ้าไม่รีบทำอะไรสักอย่างวันนี้ทั้งวันเธอคงสู้หน้าเขาไม่ได้แน่

พอสงบใจได้หญิงสาวก็ถอนใจออกมาหนึ่งเฮือก แล้วหันไปแอบค้อนคนขับรถ

‘อีตาบอสบ้า! คนอะไรโคตรตะกละ’


ลอยด์ต้องไปรับแขกที่นัดกันไว้ที่โรงแรมก่อนแล้วจึงค่อยไปพาไปที่ร้านอาหาร สองหนุ่มสาวไปถึงก่อนเวลาพักใหญ่ เลยต้องตัดสินใจว่าจะโทรศัพท์ตามตัวเลยหรือหาทำไรทำฆ่าเวลาไปก่อน

“ไปหาขนมกันดีไหมมารีน”

ลอยด์ชี้ไปที่ป้ายซึ่งบอกรายละเอียดว่าทางโรงแรมมีบุฟเฟต์ขนมนานาชาติเปิดให้บริการในวันเสาร์อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์

“อย่าดีกว่าค่ะบอส จะไปกินข้าวกันอยู่แล้ว”

“ถ้าอย่างนั้นไปเดินเล่นกัน โรงแรมนี้ดีนะ มีห้องสมุดด้วย สวนก็สวยมาก”

ครั้งนี้แพรธาราไม่เอ่ยขัด ทั้งสองจึงเดินออกจากล็อบบี้เข้ามาในเขตสวนซึ่งเชื่อมต่อกับสระว่ายน้ำกลางแจ้ง

แพรธารามองดูไม้พุ่มที่ตัดแต่งเป็นรูปสัตว์ด้วยความถูกใจ เธอชอบตัวที่เหมือนแกะเป็นพิเศษเลยชี้ให้ลอยด์ดู แต่ชายหนุ่มกลับบอกให้เธอหันมาทางเขาแทน ที่เป็นแบบนั้นเพราะแขกของลอยด์ไม่ได้อยู่บนห้องดังที่เข้าใจ แต่บังเอิญลงมาเดินเล่นเหมือนกัน

“คนไหนคะบอส” หญิงสาวกวาดตามองเพราะขณะนี้มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติกลุ่มหนึ่งเดินมาพอดี

“คนตัวสูงผมดำนั่นไง”

ในบรรดาแขกของโรงแรมมีคนผมดำอยู่แค่คนเดียว แถมยังดูแตกต่างจากภาพที่วาดเอาไว้มาก เธอคิดว่ามิสเตอร์ฟรานเชสโก้จะเป็นชายสูงวัย แต่กลับกลายเป็นว่าเขายังดูหนุ่มแน่น คะเนอายุแล้วไม่น่าจะเกินสามสิบต้นๆ

ฟรานเชสโก้มีนัยน์ตาดำสนิทแบบเดียวกับเรือนผม โครงหน้าก็คมเข้มหล่อเหลาตามสไตล์อิตาเลียนแท้ๆ แถมยังรูปร่างดีสูงโปร่งราวกับนายแบบ

ชายหนุ่มสวมเสื้อชาวเลสีน้ำเงิน ติดกระดุมตรงกลางเพียงไม่กี่เม็ด ที่เหลือปล่อยเอาไว้โชว์กล้ามอกกับกล้ามท้องแบบวับๆ แวมๆ ให้สาวแท้สาวเทียมน้ำลายไหลกันเล่น

แพรธาราก็เป็นอีกคนที่มองหนุ่มกล้ามคนนี้แล้วเคลิ้ม ทันทีที่เขาสาวเท้าของมาใกล้เครื่องในหัวเธอมันก็ร้องปี๊บๆ ว่าผู้ชายคนนี้ไม่แมนเป็นแน่แท้

“Buongiorno!” แพรธาราทักทายเป็นภาษาอิตาเลียนตามที่ท่องมา แต่เขากลับเมินเดินไปกอดทักทายกับลอดย์เสียอย่างนั้น ทำเอาเคว้งไปเลย

ถึงกระนั้นเธอก็ไม่นึกโกรธ ออกจะเป็นบุญตาด้วยซ้ำที่ได้มาเห็นหนุ่มหล่อสองคนกอดกันอย่างสนิทสนม พอยืนฟังทั้งคู่ทักทายกันได้สักพัก เธอก็รู้ตัวว่าโดนลอยด์แกล้งเข้าให้แล้ว เพราะฟรานเชสโก้พูดภาษาอังกฤษได้

หญิงสาวแอบส่งค้อนไปให้คนขี้แกล้งทันทีที่รู้ตัว พอประสานสายตากันลอยด์ก็เลยถือโอกาสแนะนำแพรธาราให้อีกฝ่ายรู้จัก ลอยด์แนะนำว่าเธอคือ ‘Girlfriend’ ไม่ใช่ผู้ร่วมงาน หญิงสาวนึกแปลกใจอยู่หรอกที่เขาแนะนำแบบนี้ แต่ก็ไม่ได้ติดใจสงสัยเพราะเธอแปลคำนี้ว่าเพื่อนผู้หญิงไม่ใช่แฟน

ฟรานเชสโก้เลิกคิ้วเล็กน้อยตอนได้ยิน ชายหนุ่มกวาดตามองหญิงสาวตั้งแต่หัวจรดแล้วพูดอะไรออกมาก็ไม่รู้ยาวเหยียด แพรธาราได้ยินแต่คำว่า ‘Pretty’ เลยโมเมว่าเขาชมจึงยิ้มรับ

จริงๆ แล้วอีกฝ่ายไม่ได้ชมสักหน่อย แต่ว่ากำลังเปรียบเทียบเธอกับแฟนเก่าของลอยด์ต่างหากว่าคนเก่าน่ารักกว่าเยอะ แถมด้วยคำเหน็บว่าเปลี่ยนแฟนทีไรรสนิยมแย่ลงทุกที

“พูดอะไรให้เกียรติกันบ้าง” ลอยด์ตีหน้าขรึมใส่

ฟรานเชสโก้ยักไหล่แล้วหัวเราะอย่างไม่ใส่ใจ

“นายผิดสัญญาเองนะลอยด์ที่พายัยนี่มา บอกจะเดทด้วยกันสองต่อสองแท้ๆ”

ชายหนุ่มทำท่ากระฟัดกระเฟียด ทำภาพลักษณ์มาดแมนสมชายพังป่นปี้ ลอยด์รู้ว่าอีกฝ่ายชอบผู้ชายด้วยกันแต่ก็ไม่ได้รังเกียจ เขาค่อนข้างเปิดกว้างจึงมองว่ามิตรภาพอยู่เหนือเรื่องเพศ

“จำไม่ยักได้ว่าเคยสัญญาอะไรบ้าบอแบบนี้”

ความจริงคืออยู่ๆ ฟรานเชสโก้ก็โทรมาบอกว่าอยู่ภูเก็ตแล้วให้รีบออกมาเจอกัน เขากำลังยุ่งจึงบอกปัดไป ทว่าแทนที่จะเลิกตอแย หมอนี่กลับไปขู่พวกผู้บริหารว่าถ้าเขาไม่ยอมพาเที่ยวจะลาออกให้ดู ถ้าคนระดับฟรานเชสโก้ลาออกไป บริษัทจะได้รับผลกระทบมากทีเดียว ลอยด์ก็เลยต้องหยุดงานมาจัดการกับจอมสร้างปัญหา

“ทำหน้าดุอีกแล้ว แต่สายตาแบบนี้แหละที่เซ็กซี่ ไม่เจอกันนานยังเร้าใจเหมือนเดิม” ชายหนุ่มทำเสียงกระเส่าพลางขยิบตาให้

“ฟราน!” ลอยด์เอ็ดเสียงเข้มเพราะกลัวแพรธาราเข้าใจผิด ชายหนุ่มรีบหันไปบอกหญิงสาวเป็นภาษาอังกฤษว่าอย่าสนใจ

“บอสว่าอะไรนะคะ มาฟังไม่ถนัด” หญิงสาวถามกลับด้วยสีหน้างงๆ

แพรธาราฟังออกแค่ครึ่งเดียว แต่ถ้าถามว่าแปลได้ไหมคำตอบคือแปลได้ไม่ถึงครึ่งจากที่ฟังออกด้วยซ้ำ

“ไม่เป็นไรหรอก เรื่องไร้สาระทั้งนั้น”

ลอยด์ลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก ดูเหมือนว่าแพรธาราจะอ่อนภาษาอังกฤษมากกว่าที่เขาคิด ส่วนฟรานเชสโก้เองก็พูดไทยไม่ได้ สื่อสารกันไม่รู้เรื่องแบบนี้น่ะดีแล้ว เขาจะได้ปวดหัวน้อยลง


หลังจากทักทายกันได้สักพักลอยด์กับแพรธาราก็ขับรถพาแขกไปที่ร้านอาหาร ตัวร้านเป็นสวนอาหารขนาดใหญ่ติดริมหาด ภายในตกแต่งแบบเรียบง่ายเน้นเฟอร์นิเจอร์ไม้กับของตกแต่งที่เป็นธรรมชาติ อย่างพวกเปลือกหอย ปลาปักเป้า

ส่วนที่ลอยด์จองเอาไว้ เป็นระเบียงยื่นออกไปริมน้ำพอดี เนื่องจากบริเวณนี้ค่อนข้างเป็นส่วนตัวและในร้านค่อนข้างเงียบ จึงได้ยินเสียงคลื่นกระทบฝั่งชัด

“อยากกินอะไรก็สั่งเอาแล้วกัน” ลอยด์ยื่นเมนูให้ แต่ฟรานเชสโก้ส่งคืน

ชายหนุ่มอยากให้คนที่อยู่เมืองไทยมาหลายปีอย่างลอยด์แนะนำมากกว่า คำขอของฟรานเชสโก้เข้าทางลอยด์พอดี ก่อนมาเขาสั่งให้เตรียมของสดเอาไว้ทำกุ้งเผากับปลาเผาแล้ว ก็เลยสั่งกับข้าวมาเพิ่มอีกห้าจาน ประกอบด้วยไข่เจียวกุ้ง ผัดปู ผัดฉ่าหอยเซลล์ โป๊ะแตกและน้ำพริกไข่ปู

พออาหารประเภทต้มยกมาเสิร์ฟ แพรธาราก็ทำหน้าที่เจ้าบ้านที่ดีด้วยการตักโป๊ะแตกจากหม้อไฟใส่ถ้วยให้แขก จากนั้นจึงตักให้ลอยด์แล้วค่อยตักให้ตัวเอง

ในระหว่างมื้ออาหาร ลอยด์กับฟรานเชสโก้คุยกันอยู่แค่สองคน ราวกับโลกนี้มีแค่เราสอง แต่หญิงสาวก็ไม่ถือสา เธอพอใจที่จะนั่งเป็นอุปกรณ์ประกอบฉากอยู่ตรงนี้ แล้วเก็บรายละเอียดของสองหนุ่มเอาไปเขียนนิยาย

หญิงสาวนั่งมองสองหนุ่มไป ละเลียดอาหารในจานไปอย่างมีความสุข มื้อนี้พวกของทะเลสดใหม่อร่อยถูกปากเธอ เสียก็แต่พวกของรสจัดทำมารสชาติอ่อนเกิน บางจานก็หวานเลี่ยนไปเลย

“ทำรสฝรั่งมาให้อีกแล้ว อุตส่าห์ย้ำแล้วเชียว” ลอยด์บ่นอุบตอนตักโป๊ะแตกเข้าปาก

พอได้ชิมอีกสามจานที่เหลือก็ยิ่งหน้าหงิกไปกันใหญ่ ชายหนุ่มหันขวับมาสบตากับแพรธารา ไม่ต้องบอกหญิงสาวก็รู้ว่าเขาจะให้เธอสั่งอาหารใหม่

“จะรับอะไรเพิ่มคะบอส” หญิงสาวถามอย่างรู้ใจ

“ปลาหมึกผัดกะเพรา ยำหอยแครง แล้วก็ให้ทำน้ำพริกกับน้ำจิ้มมาใหม่ทั้งหมด เอาเผ็ดๆ นะ ย้ำด้วยว่าถ้าไม่เผ็ดอาจได้เห็นฝรั่งล้มโต๊ะ”

แพรธาราหัวเราะขำคนเห็นแก่กิน แล้วรีบเรียกบริกรมาสั่งให้อย่างเร่งด่วน

ในระหว่างที่กำลังสั่งอาหารนี้เอง มหกรรมนินทากันซึ่งหน้าก็บังเกิดขึ้น โดยมีแกนนำหนึ่งเดียวคือฟรานเชสโก้ แต่แค่หนึ่งก็เกินพอแล้ว ระดับนี้ตัวพ่อมาเอง คารมคมคายยอมจิกกัดได้แสบสันต์

“เมืองไทยมันร้อนมากจนทำรสนิยมนายเพี้ยนไปเยอะเลยนะลอยด์” ชายหนุ่มเปรย

“ยังไง”

“เมื่อก่อนรสนิยมออกจะหรูเลิศแท้ๆ มาอยู่นี่แค่สี่ห้าปี ทุกอย่างเปลี่ยนไปหมดหมด โดยเฉพาะเรื่องผู้หญิง”

ชายหนุ่มเอาก้ามปูชี้ไปทางแพรธาราก่อนจะเอาเข้าปากอย่างเซ็งๆ เนื่องจากคาดหวังในตัวคนรักของเพื่อนเอาไว้สูงมาก

เขาเกือบจะเปลี่ยนใจไม่มาเมืองไทยแล้ว เนื่องจากคู่ควงหนุ่มติดงานกะทันหัน ที่ยังมาเพราะมีพรายกระซิบมาบอกว่าลอยด์เหมือนจะคบใครบางคนอยู่ เขาเลยอยากมาดูหน้าสักหน่อย แฟนคนก่อนๆ ของลอยด์ถ้าไม่ใช่ระดับนางแบบ ก็ต้องสวยเลิศ มีแม่คนนี้นี่แหละที่แปลกแหวกแนวกว่าทุกคน

“น่ารักเป็นธรรมชาติใช่ไม่ล่ะ ไร้สารปรุงแต่ง” ลอยด์ยิ้มอย่างภูมิใจ

ถึงตอนนี้จะเป็นแฟนเธอฝ่ายเดียว แต่มารีนในสายตาของเขาก็น่าเอ็นดูที่สุดในโลก ทว่าฟรานเชสโก้กลับไม่เห็นเป็นอย่างนั้น ก็เลยวิจารณ์เสียไม่มีดี

“อืม…ธรรมชาติมากเลยล่ะ ถามจริงไปเก็บแม่นี่มาจากไหนกัน เห็นทีแรกนึกว่าผู้ประสบภัยจากทอนาโด”

ประโยคนี้ทำเอาลอยด์หน้าหงิก ชายหนุ่มพยายามไม่ถือสา แล้วดึงความสนใจด้วยการตักผัดฉ่าใส่จานให้

ฟรานเชสโก้ลองตักเข้าปากชิมดูทันที ชายหนุ่มค่อยๆ เคี้ยวแล้วหลับตาเพื่อซึมซับรสชาติ ลอยด์เลยถามว่าเป็นอย่างไร แต่คำตอบแทนที่จะเป็นเรื่องของอาหาร กลับวกมาวิจารณ์แพรธาราไม่เลิก

“จริงๆ หน้าตาก็พอไหวหรอกนะ แต่ก็ไม่ดูแลตัวเองเลย หน้าตาไม่แต่ง ปล่อยให้ผมฟูยุ่งเหยิง เสื้อผ้าก็ไม่ได้เรื่อง เสียชาติเกิดเป็นชะนี จ้างล้านหนึ่งได้ไหม ช่วยเลิกกับแม่นี่ทีเถอะ เห็นแล้วขัดนัยน์ตา”

“ขอล่ะตราบใดที่นายยังไม่ได้เฉาะไอ้นั่นทิ้ง ช่วยทำตัวเป็นสุภาพบุรุษให้สมกับกล้ามที่มีหน่อยได้ไหม” ลอยด์ปราม

ชายหนุ่มหันไปมองสีหน้าฝ่ายที่ถูกว่า หญิงสาวยังคงยิ้มได้ แถมยังทำตัวมีน้ำใจแกะกุ้งให้คนปากเสียอีก

“ไม่ได้นินทา พูดต่อหน้าเลยจะๆ เขาเรียกว่าจริงใจ”

ฟรานเชสโก้กระตุกยิ้มอย่างกวนๆ แถมยังจ้อต่อไปแบบไม่แคร์สื่อ

ลอยด์นึกฉุนแล้วหมั่นไส้เต็มแก่ เขาเกือบจะชกหน้าคนปากเสียไปแล้ว โชคดีที่ถูกขัดโดยบริการก่อนเสียก่อน การสนทนาจึงชะงักไป

ทางร้านเอาน้ำจิ้มเผ็ดจัดมาเสิร์ฟให้พร้อมกล้ามปูที่แกะแล้วอีกหนึ่งจาน ชายหนุ่มเลยจัดการเอาปูจิ้มน้ำจิ้มสุดเผ็ด แล้วยัดเข้าปากเพื่อนตัวดีทีเดียวสามชิ้น

“รางวัลสำหรับการวิจารณ์แฟนชาวบ้าน กินเข้าไปเยอะๆ เลย”

ฟรานเชสโก้รู้ว่าลอยด์แกล้งแต่ก็ยังทำเป็นไม่รู้ร้อนรู้หนาว ชายหนุ่มพูดขอบคุณเสียงอู้อี้แล้วเคี้ยวของในปากจนหมด แรกๆ มันก็อร่อยดี แต่พอผ่านไปสักสามวินาที ความเผ็ดของพริกก็เริ่มออกฤทธิ์ น้ำจิ้มสูตรนี้ขนาดคนไทยส่วนใหญ่ยังว่าเผ็ด แล้วกับฝรั่งที่กินเผ็ดไม่ได้อย่างพ่อหนุ่มคนนี้ มันไม่ต่างอะไรกับการกลืนไฟลงท้อง

ชายหนุ่มรีบคว้าน้ำตรงหน้ามาดื่มแก้เผ็ด แต่ก็ยังไม่ดีขึ้นเลยถือวิสาสะคว้าน้ำดื่มของลอยด์มาดื่มด้วย แพรธาราเห็นแบบนั้นก็เลยช่วยรินน้ำใส่แก้เพิ่มไปให้ พลางกล่าวตำหนิลอยด์

“บอสล่ะก็ แกล้งเขาไปได้”

ลอยด์ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ สมน้ำหน้าแล้ว อยากปากเสียเองก็ต้องเจอแบบนี้ล่ะ

ฟรานเชสโก้กินน้ำไปหนึ่งขวดใหญ่ก็ยังไม่หายเผ็ด แพรธาราเห็นชายหนุ่มหน้าแดงไปจนถึงคอก็เลยตะโกนบอกเด็กในร้านให้ แต่น้ำก็มาช้าไม่ทันใจ ชายหนุ่มก็เลยกินน้ำที่อยู่ใกล้ตัวก่อน

ชายหนุ่มยกชามที่มีมะกรูดฝ่านลอยอยู่ขึ้นมาซดจนหมดชาม แล้วหงายหลังพิงกับพนักเก้าอี้อย่างโล่งใจ ที่รอดตายจากอาการพริกเผาคอมาได้หวุดหวิด

“เข้าใจแล้วว่าทำไมเวลากินอาหารไทยถึงต้องมีน้ำใส่ชามตั้งไว้ เอาไว้เผื่อเหตุฉุกเฉินแบบนี้เอง” ชายหนุ่มเปรย พร้อมกับยกให้ประเทศไทยเป็นชนชาติที่รอบคอบ

ลอยด์ไม่พูดอะไรได้แต่ยิ้มสะใจอย่างที่สุด ส่วนแพรธาราทั้งสงสารทั้งขำ เธอลังเลอยู่นานว่าควรจะอธิบายดีไหม แต่จนแล้วจนรอดก็พูดไม่ออก

‘โธ่! ใครจะกล้าบอกกันล่ะว่าน้ำที่เขาซดโฮกๆ ไป มันมีเอาไว้ให้ล้างมือ’

จากคุณ : ตารกา
เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 55 00:27:51




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com