Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
บันทึกความทรงจำบทที่ 14 เจ้าหญิง ติดต่อทีมงาน

บทที่ 1 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12134405/W12134405.html

บทที่ 2 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12137466/W12137466.html

บทที่ 3 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12142609/W12142609.html

บทที่ 4 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12155159/W12155159.html

บทที่ 5 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12160123/W12160123.html

บทที่ 6 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12165127/W12165127.html

บทที่ 7 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12170398/W12170398.html

บทที่ 8 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12175926/W12175926.html

บทที่ 9 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12192814/W12192814.html

บทที่ 10 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12198174/W12198174.html

บทที่ 11 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12202507/W12202507.html

บทที่ 12 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12207363/W12207363.html

บทที่ 13 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12220562/W12220562.html


ในที่สุดชีวิตการเรียนของผมก็เดินทางมาถึงเทอมสุดท้ายแล้ว ได้ฤกษ์เปิดเรียนเทอมใหม่ที่ชื่อฟังดูแล้วรู้สึกอบอุ่น คือ Spring Semester แต่สภาพอากาศมันไม่ได้เป็นอย่างชื่อ เพราะหิมะยังคงตกลงมาอีก บางวันก็มีพายุพัด นักศึกษาเอเชียที่ไม่ได้มาจากประเทศที่มีหิมะ พูดง่ายๆ คือ พวกที่มาจากเขตร้อน ต่างบ่นเป็นเสียงเดียวกันว่า หนาวมากกกก มันหนาวเข้าไปปถึงกระดูกเลยทีเดียว แต่ไม่แปลกเพราะมันเพิ่งเป็นช่วงกลางเดือนมกราคมเอง

พอเริ่มเทอมใหม่วิชาเรียนเป็นวิชาใหม่ๆ แต่ความโหดยังคงเดิม ไม่ว่าจะเป็นรายการหนังสือที่จะต้องอ่านยาวเป็นหางว่าว course work แสนยาก และอะไรต่อมิอะไรไม่รู้ดูสับสนอลหม่านไปหมด เห็นนักศึกษาแต่ละคนทำหน้าแล้วพอเข้าใจได้เลยว่ามันโหดแค่ไหน เรียกได้ว่าไม่ต้องกินต้องนอนกันเลย แต่ชีวิตคนเรามันก็ต้องดำเนินต่อไปจริงมั้ยครับ ถ้าฝ่าฟันอะไรยากๆพวกนี้ไปได้อีกหน่อยไม่ว่าจะทำอะไรก็สบายมาก ชิวๆ แต่ก็เอาเถอะ ชีวิตมีสีสันตรงได้พอเจอเพื่อนต่างชาติ สัมผัสชีวิตผู้คนที่นี่ มันได้อะไรมากกว่าการเรียนเพียงอย่างเดียว คิดได้แค่นี้มันก็แฮปปี้แล้ว

จำได้ว่าหลังจากเปิดเทอมได้ประมาณ 2 อาทิตย์ ก็จะเป็นงานเลี้ยงนักศึกษาต่างชาติ อย่างที่ได้เคยบอกไป งานนี้นอกเหนือจากชุดประจำชาติแล้ว theme หลักของงานคือการแต่งตัวแฟนซี แน่นอนคราวนี้มีซุ้มนักเรียนไทยด้วย แต่ผมไม่กะจะแต่งชุดไทย ถึงยังไงก็มีคนแต่งอยู่แล้ว ผมเลยตัดสินใจแต่งตัวเป็นโจรสลัด 555 ฟังดูเหมือนพวกคิดสิ้นคิดนะครับ คือคิดอะไรไม่ออกก็ชุดโจรสลัด เหมือนสั่งข้าวนั่นแหละ คิดอะไรไม่ออกก็กระเพราไก่ไข่ดาว ข้าวหมูกระเทียมยันเต แต่ชุดโจรสลัดผมไม่เหมือนใครนะจะบอกให้ โดยเฉพาะที่ปิดตา ผมคงไม่เอาสายคาดดำๆ แบบที่เห็นกันเกร่อในหนังมาคาดหรอก ผมกะจะเอาหน้ากากมาปิดหน้าซักครึ่งหนึ่งเหมือนในหนังเรื่อง Casanova ให้มันดูเท่ๆ หน่อย ส่วนยุน จี น่ะเหรอครับ เธอยังคิดไม่ออกเลยว่าจะแต่งเป็นอะไร แต่ดูเธอไม่ค่อยจะสนใจเรื่องชุดที่จะใส่เท่าไหร่ เพราะยังเศร้าอยู่กับเหตุการณ์ในวันนั้น พอเห็นเธอเป็นแบบนี้มันพลอยทำให้ผมเศร้าไปด้วย อะไรๆกำลังไปได้ด้วยดี ดูเหมือนเธอจะลืมเขาไปได้แล้วด้วย แต่เขาดันกลับมาหาเธออีกครั้ง เริ่มต้นทะเลาะกันอีกครั้ง เธอเลยกลับมาเศร้าอีกครั้ง แต่เธอบอกกับผมว่าเธอตัดสินใจจบมันไปแล้ว แต่ร่อยรองแห่งความเศร้ายังคงเหลืออยู่ แล้วผมจะทำยังไงล่ะ ที่จะทำให้เธอหายเศร้า ชวนไปโน่นไปนี่ ขอให้เธอเล่นเปียโนให้ฟัง อันนี้สำคัญมาก ตอนแรกเธอก็อิดออดไม่ยอมเล่นอยู่ท่าเดียว ผมเลยอ้างว่า ซ้อมไว้ก่อน หยุดนานๆ ไม่ค่อยเห็นเธอจะเล่นเลย เดี๋ยวสนิมจับหมด พอเปิดเทอมใหม่มาเดี๋ยวก็ลืมกันพอดี แต่นั่นก็เพียงพอที่จะทำให้เธอหัวเราะงอหาย แล้วบอกผมว่า “เธอนี่มันน่ารักดีจริงๆ”  ในที่สุดผมก็ทำสำเร็จจนได้ ฮี่ๆๆๆ  ^_______^V

พอจบอาทิตย์แรกของการเรียน ตอนสายของวันเสาร์ ผมชวนเธอเข้าไปในเมือง ถึงตอนนี้ดูเธอคลายความเศร้าลงไปได้แล้ว เราเดินทางไปหาชุดแฟนซีกัน เราไปที่ร้านตามที่เพื่อนๆ บอก แต่ก็หาแบบที่ถูกใจไม่ได้ เลยลองเตร็ดเตร่ไปแถวๆ Castle Mall อยู่ติดๆ กับป้อมปราการโบราณของเมือง เป็น Mall ค่อนข้างใหญ่ คล้ายๆ เซ็นทรัล พลาซ่า ของบ้านเรา แล้วก็ไม่ผิดหวัง ที่นั่นมีร้านขายชุดประเภทแฟนซี มีชุดโจรสลัดสีแดง ขลิบดำ หมวกสีดำมีรูปหัวกะโหลก ชัดเลย สวยดี เหมาะกับผมสุดๆ ส่วนหน้ากากก็มีนะครับ ในแบบที่ผมชอบ ยุน จี มองผมอย่างพินิจพิเคราะห์ หลังจากผมเอาเข้าไปเปลี่ยนในห้องลองแล้วเดินออกมา

“อืมมมมม...ใช้ได้ๆ ดูดี เหมือนโจรสลัดจริงๆ” เธอพูดแล้วหัวเราะหึๆ พลางยิ้มอย่างมีเลศนัย

“เดี๋ยวก่อน เหมือนโจรสลัดจริงๆ นี่มันหมายความว่าไง หน้าชั้นเหมือนโจรเหรอ ถามจริง โจรที่ไหนจะดูดี แถมหน้าตี๋ซะขนาดนี้”

“55555 เปล่าๆ ไม่ได้หมายความแบบนั้น คิดมากไปได้ หมายถึงดูเท่ในแบบโจรสลัดต่างหากล่ะ”

“อืมมม งั้นแล้วไป หึหึหึ เอ่อ แล้วเธอล่ะจะใส่ชุดอะไร มีที่หมายตาไว้รึยัง”

“มีแล้วล่ะ เห็นอยู่ชุดนึง สวยดี”

“ลองใส่ให้ดูหน่อยสิ”

“ไม่ได้ๆ จะใส่ให้ดูตอนนี้ได้ไง เดี๋ยวก็ไม่เซอร์ไพรซ์น่ะสิ เอาไว้ดูตอนวันงานดีกว่านะจ๊ะ ฮี่ๆๆๆ”

“ความลับเยอะจริงเชียว งั้นก็ได้ จะลองดูซิว่าจะสวยซักแค่ไหน”

ครับ หลังจากที่ถูกใจชุดแล้วทีนี้ก็ลงมือเช่ากันเลย สนนราคาไม่ขอเปิดเผย กลัวจะตกใจกัน เพราะผมสู้อุตส่าห์ลงทุนไปทำงานพิเศษเป็นพนักงานขายเฟอร์นิเจอร์ในเมือง เป็นเวลา 1 อาทิตย์เต็มๆ เพื่อชุดนี้โดยเฉพาะ คิดดูก็แล้วกันว่าพยายามแค่ไหน เรื่องนี้เธอไม่รู้หรอกครับ ปิดเป็นความลับ ผมบอกเธอแค่ว่าบางทีที่ไม่ค่อยเห็นผม เพราะผมไปขลุกอยู่ที่ร้านขายหนังสือในเมือง ขืนบอกว่าไปทำงานพิเศษเอาเงินมาเป็นค่าชุดมีหวังเสียฟอร์มกันพอดี ^^

หากมองเผินๆ เรื่องบางเรื่องอาจดูไร้สาระ แต่ถ้ามองให้ลึกลงไปมันกลับมีอะไรซ่อนอยู่ในนั้น เรื่องราวของงานแฟนซี หรืองานเลี้ยงนักศึกษาต่างชาติ บางคนมองว่าเป็นเรื่องไม่น่าสนใจ แต่หากมองในมุมกลับ มันก็เป็นการเปิดโอกาสให้นักศึกษาต่างชาติทุกคนได้พบปะ ทำความรู้จักกัน บ้างก็อาจเคยเดินสวนกัน บ้างก็เรียนอยู่คนละคณะ บ้างก็พักคนละที่กระจัดกระจายกันไป การพบปะครั้งนี้จึงมีความสำคัญในการสร้างมิตรภาพและเผยแพร่วัฒนธรรมให้แก่กัน คนที่ไม่เคยรู้จักกันก็มีโอกาสทำความรู้จักกัน ผมรู้สึกมีความสุขมากๆ ที่จะได้พบปะพูดคุยกับผู้คนหลากหลาย ที่มาจากหลายๆแห่งในมุมโลกนี้ ได้เรียนรู้แนวความคิด และมุมมองของแต่ละคนที่มีพื้นฐานวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน เป็นการเปิดโลกทัศน์ให้กับตัวเองรับเอาความรู้ใหม่ๆ เข้ามาในชีวิต

ค่ำคืนวันนั้นผมเริ่มแต่งตัวประมาณ 6 โมงครึ่ง โดยงานจะเริ่มประมาณหนึ่งทุ่มตรง สถานที่จัดอยู่ภายในมหาวิทยาลัย ด้านข้างของ Union Bar เป็นโถงขนาดใหญ่พอจุคนได้หลายร้อยคน พี่ๆ คนไทยหลายคนทะยอยไปกันล่วงหน้าเพราะต้องเตรียมซุ้มอาหารไทย มีตัวแทนของสมาคมนักเรียนไทยแต่งชุดไทยประจำที่ซุ้ม เมื่อผมแต่งชุดโจรสลัดที่ซื้อมาเสร็จ ก็ลองส่องกระจกดู รู้สึกพอใจมากที่ใส่แล้วพอดี แล้วก็ดูดี (ชมตัวเองบ้าง คงไม่ว่ากันนะครับ 555) พอใส่หน้ากากปิดครึ่งหน้ากับหมวกก็เป็นอันเสร็จพิธี แต่ที่ผมอยากรู้มากที่สุดคือ ยุน จี จะใส่ชุดอะไร พอเคาะประตูถาม เธอบอกให้ผมล่วงหน้าไปก่อนเลยไม่ต้องรอ เดี๋ยวเธอจะตามไปเอง บังเอิญระหว่างทางที่จะออกจากหอพัก ผมเห็นสาวเอเชียคนนึงใส่ชุดแฟนซีพยาบาล เซ็กซี่มากๆ ใส่แบบไม่กลัวอากาศหนาวข้างนอกเลย เดรสสีขาวรัดรูปเหมือนใส่เสื้อแค่ตัวเดียว สั้นมากจนเห็นชั้นใน รับกับรูปร่างที่สวยงาม หุ่นสูงเพรียว สวมรองเท้าหนังสีขาวสูงเลยหัวเข่าขึ้นมานิดเดียว มีที่คาดหูฟังหัวใจเต้นของคนไข้ (ไม่รู้จะเรียกว่าอะไรดี อะไรสโคปๆ นี่แหละ) สวมหมวกพยาบาล เธอเดินมากับผู้ชายคนนึง เขาใส่ชุดปกติไม่ได้แต่งแฟนซีอะไร รูปร่างหน้าตาดีทีเดียว พอผมเดินเข้าไปใกล้ กลับตกใจ ครับ เธอคนนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก คริสตี้!!!

“เปรี้ยวตามเคยนะ” ผมเอ่ยปากแซว พลางกลืนน้ำลายดังเอื๊อก ทันทีที่เหลือบไปเห็นด้านหน้าของเธอ คือเสื้อของเธอมันเป็นร่องลึกจนเห็นเนินอกขาวๆ ที่เริ่มล้นออกมานิดๆ เปล่าทะลึ่ง เพียงแต่บังเอิญเห็นเท่านั้นเองครับ 555

“555 แน่ล่ะ ชอบมั้ยล่ะ...เอ่อ แล้วทำไมเธอแต่งอะไรที่มันพื้นๆ แบบนี้ล่ะ โจรสลัดเนี่ยนะ สิ้นคิดจริงๆ” เธอใส่เป็นชุด ผู้ชายที่มากับเธอก็หัวเราะอย่างขบขัน

“มันก็จริงนะ แต่ชุดนี้ดีแล้ว เหมาะกับบุคลิกคนอย่างชั้นที่สุดแล้ว” ผมตอบตรงๆ “เอาเถอะ รีบเข้างานกันดีกว่า เดี๋ยวไม่ทัน”

พอเราเดินเข้าไปในงาน ตอนนั้นคนเริ่มทยอยมากันแล้ว นอกจากซุ้มประจำชาติต่างๆ เราก็เห็นนักศึกษาต่างๆ ชาติแต่งชุดแฟนซีหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นปีเตอร์แพน วินนี่ เดอะพู แม่มด หมอผี แม่บ้านสวยเซ็กซี่ มากันหมด บางคนอุตริแต่งเป็นกอลลัม (ตัวผอมๆ ซีดๆ หน้าตาน่าเกลียดๆ บ้าๆบอๆ ในเรื่องเดอะ ลอร์ด ออฟ เดอะ ริงส์ ที่บ้าอยากเป็นเจ้าของแหวนมากนั่นแหละครับ) ซะงั้น โจรสลัดพวกเดียวกับผมก็มีนะ เข้ากับธีมของงานสุดๆ

ตอนนี้ผมเริ่มกังวลว่า เมื่อไหร่ ยุน จี จะมาซะที คอยแต่ชะเง้อมองหา ก็ยังไม่เห็นวี่แววว่าเธอจะเดินเข้ามาในงาน เป็นห่วงมาก กลัวว่าเธอจะเป็นลมเป็นแล้งไปรึเปล่า หรือว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ เพราะตอนนี้งานกำลังจะเริ่มแล้ว ไม่นานนัก โฆษกของงานก็ประกาศต้อนรับผู้ร่วมงานทุกๆ คน ก่อนจะแนะนำรายละเอียดของการแสดงพิเศษของงานในวันนี้ ผมไม่ค่อยสนใจอะไรมากนัก เอาแต่มองหา ยุน จี คนเดียว ซักพักนึงเสียงที่จ็อกแจ้กจอแจกลับเงียบลง ผมก็สงสัยว่ามีอะไร พอหันกลับไปมาองปรากฎว่าสายตาทุกคู่จับจ้องไปที่ ลานกลางของ Hall ที่ทำพื้นต่ำลงไป ต่างระดับจากที่เรายืนกันอยู่ นิดนึง ผมเดินเข้าไปดูใกล้ๆ ด้วยความอยากรู้อยากเห็นเป็นกำลัง ตรงกลางลานมีผู้หญิงเอเชียคนนึงสวมชุดเจ้าหญิงสีฟ้าอ่อน ดูสวยสง่า รวบผมเกล้าเป็นมวย สวมมงกุฎ นั่งอยู่บนเก้าอี้กับเปียโนสีดำตัวใหญ่ แบบที่ใช้ในการแสดงโอเปร่า ใบหน้าของเธอขาวใส ดูสะอาด เป็นสาวสวยที่เป็นเหมือนกับเจ้าหญิงจริงๆ คงไม่สงสัยนะครับว่าเธอเป็นใคร เธอคือคนที่ผมมองหาอยู่ตลอด ลี ยุน จี นั่นเองครับ ถามจากคนข้างๆ ได้ความว่าเป็นการแสดงจากนักศึกษาคณะดนตรี เป็นการโชว์การเล่นเปียโนเพียงแค่ 1 เพลงเท่านั้น ก่อนที่จะแปลงฟลอให้เป็นงานเต้นรำ และการดิ้นแบบหลุดโลก ใครหลายคนแถวนั้น ทั้งหญิงและชายต่างบอกว่าผู้หญิงที่กำลังจะเล่นเปียโนคนนั้นสวยจริงๆ....

ยุน จี เริ่มบรรเลงเปียโน เป็นเพลงที่ผมไม่เคยได้ยินมาก่อน ทำนองฟังดูเศร้าๆ แล้วเธอก็ร้องเพลงตามไปด้วย นี่เป็นครั้งแรกเลยนะครับที่ผมได้ยินเธอร้องเพลง เพราะที่ผ่านๆ มาเธอมักจะเล่นแต่ดนตรีเพียงอย่างเดียว เธอเป็นผู้หญิงที่มีเสียงเพราะมากๆ เป็นเพลงภาษาเกาหลี ผมแปลไม่ออก และก็คิดว่าคงไม่มีใครแปลออกนอกจากคนเกาหลีกับคนที่รู้ภาษาเกาหลีเท่านั้น เมโลดี้เศร้ามาก เธอร้องท่อนฮุกของเพลงอย่างได้อารมณ์ เหมือนมีออาชีพมากๆ การเล่นของเธอสะกดทุกคนในงานให้นิ่งอยู่กับที่ ทุกคนต่างนิ่งเงียบ จนได้ยินเสียงลมหายใจของคนข้างๆ กับเสียงเต้นของหัวใจของตัวเองเท่านั้น ผมเองก็ไม่รู้ตัวเลยว่าไปยืนอยู่ด้านหน้าสุดได้ยังไง ผมจ้องมองเธออีกครั้ง และอีกครั้ง เป็นภาพที่ผมจะไม่มีวันลืมไปได้เลย พอเธอเล่นจบ ทุกคนต่างปรบมือกันกึกก้อง บางคนก็เป่าปาก เธอโค้งคำนับให้กับทุกคนในงาน ก่อนที่จะเหลือบมองมาที่ผม เธอเห็นผมแล้ว ก่อนจะยิ้มให้ แล้วเดินเข้ามาหา สายตาทุกคู่จับจ้องมองเธอตอนที่เดินเข้ามาหาผม เธอส่งรอยยิ้มอันแสนน่ารักมาให้ แล้วเดินเข้ามาแนบชิดผม ก่อนกระซิบที่ข้างๆหูผมว่า

“ขอโทษที่ทำให้รอนานนะ วันนี้ชั้นดูเป็นยังไงบ้าง เห็นเธอยืนตะลึงอยู่ แสดงว่าสวยมากเลยใช่มั้ย”

“อืมม...สวยมากจริงๆ แต่นี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่ได้ยินเธอร้องเพลง เพราะดีแต่มันเศร้ามากๆ เลย ชื่อเพลงอะไร บอกได้มั้ย”

“เพลง Waiting ของ โบอา ลองไปหาฟังได้นะ เพลงนี้เหมาะกับที่จะร้องตอนเล่นเปียโน เวลาร้องก็ต้องใส่อารมณ์เข้าไปด้วย มันถึงจะได้ฟีล”

“เข้าใจแล้วครับ องค์หญิง ^______^”

หลังจากนั้นก็มีคนเอาเปียโนออกไป แล้วเปลี่ยนฟลอให้เป็นที่เต้นรำ ดีเจในงานเปิดเพลงช้าๆ ซึ้งๆ ให้แต่ละคู่ลงไปเต้นรำกัน ส่วนมากจะเป็นคู่รักซะมากกว่า ส่วนคนอื่นๆ ก็พูดคุยกันไปตามปกติ ผมจะขอยุน จี ไปเต้นรำด้วยกัน แต่ก็ต้องทำใจอยู่นานจนกว่าจะเอ่ยปากออกมา ระหว่างที่ผมทำใจอยู่นั้นก็มีผู้ชายหลายคนมารุมล้อมเธอ ชวนพูดคุย บางคนก็ขอเธอเต้นรำ เธอได้แต่ ยิ้ม หัวเราะไปตามเรื่อง จนผมเดินเข้าไปถามเธอว่า

“องค์หญิงครับ เต้นรำกับผมซักเพลงได้มั้ยครับ” เหมือนฉากในหนังที่พระเอกขอนางเอกเต้นรำนั่นแหละครับ ดูน้ำเน่าไปนิดแต่ก็เรียกเสียงฮือฮาจากผู้ชายกลุ่มนั้นได้ทีเดียวเชียว เธอยิ้มแล้วหัวเราะออกมานิดหน่อย

“ยินดีค่ะ คุณโจรสลัด Casanova” ก่อนที่จะยื่นมืออกมาให้ผมจูงเข้าไปยังฟลอเต้นรำ

“โอเครึเปล่า ที่ชวนมาเต้นรำน่ะ ไม่รังเกียจนะ” ผมถามระหว่างที่เราเต้นรำกันอยู่

“ไม่รังเกียจหรอก ยินดีมากๆเลย ที่ปิงอุตส่าห์ชวน แต่ขออะไรอย่างได้มั้ย”

“อะไรเหรอ”

“อย่าเหยียบเท้าได้มั้ย มันเจ็บ เธอเหยียบมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว”

“อ้าวเหรอ ขอโทษนะ” เอาแล้วไง ดันซุ่มซ่ามเหยียบเท้าเธอเข้าให้แล้ว

จริงๆ ผมเต้นรำไม่เป็นหรอกครับ แค่อยากชวนเธอออกมาจากผู้ชายพวกนั้นเท่านั้นเอง แบบว่าหวงอ่ะ ไม่อยากให้ใครมาเกาะแกะกับเธอ ถ้าถามว่าผมเป็นแฟนเธอเหรอ ก็เปล่า สำหรับเธอผมคงเป็นได้แค่เพื่อนที่สนิทกันที่สุดเท่านั้นเอง แต่ผมก็ไม่วายทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ ซึ่งผมไม่ควรที่จะทำแบบนั้น แต่ผมก็ไม่อยากเห็นเธอเป็นของคนอื่นอยู่ดี พอเห็นเธออยู่กับชายอื่นทีไรความอิจฉามันชอบบังเกิดขึ้นทุกที.....จะยังไงก็แล้วแต่ คืนนั้นเป็นคืนที่ผมมีความสุขจริงๆ ที่ได้อยู่ข้างๆเธอ เจ้าหญิงแสนสวย คนที่ผมมอบใจทั้งใจให้ไปอย่างไม่มีเงื่อนไข.................

จากคุณ : Red Boomer
เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 55 06:36:48




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com