 |
เมืองลำปาง, ห้างฉัตร คฤหาสน์ของเดโช
นาฬิกาลูกตุ้มโบราณบนผนังชี้เวลาหกโมงเย็นสิบนาทีเมื่อพิชิตเปิดประตูก้าวเข้ามาในห้องทำงานของพี่ชายร่วมสาบาน เดโชนั่งอยู่หลังโต๊ะไม้สัก สีหน้ายิ้มแย้ม แต่กลับน่าหวาดกลัวอย่างประหลาด ไง หน้าเครียดจังนะ ยังติดต่ออาหมิงไม่ได้อีกหรือไง? นั่นคือคำแรกที่ผู้เป็นเจ้าของห้องเอ่ยทักทาย พิชิตเดินก้มหน้ามาหยุดยืนเบื้องหน้าโต๊ะไม้สัก ยังเลยครับ เอาน่า ไม่ต้องห่วงหรอก อั๊วว่าคืนนี้เดี๋ยวอาหมิงก็วิ่งแจ้นมาหาลื้อเองแหล่ะ เดโชแสยะยิ้มวูบหนึ่งก่อนผายมือไปยังเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงาน นั่งก่อนสิ
ผู้เป็นน้องชายร่วมสาบานทำตามอย่างเสียไม่ได้
บุรุษผู้มีผมสีดอกเลาเอนกายพิงพนักเก้าอี้ ฉีกยิ้มกว้างอย่างพึงพอใจและกล่าว วันนี้ลื้อคงยุ่งกับการตามหาตัวอาหมิงมากสินะ อาเล้ง พิชิตสงบจิตใจให้เยือกเย็นตามปกติ เขาตอบ อั๊วขลุกอยู่ที่ตลาดทุ่งเกวียนตลอดทั้งบ่าย รถคันนั้นเป็นรถของอาหมิงจริงๆ ครับ แต่ไม่มีหลักฐานชี้บอกเบาะแสอะไรเพิ่มเติมอีก ไม่มีใครจำได้เลยว่ารถของอาหมิงมาจอดอยู่ตั้งแต่ตอนไหน เดโชพยักหน้าหงึกหงัก ที่อั๊วถาม เพราะรู้ว่าลื้อคงยุ่งจนลืมไปแล้วว่าตอนนี้เป็นเวลาอะไร ถ้าอั๊วไม่โทรไปตาม ลื้อก็คงไม่มา ตลอดเวลาที่พี่ชายร่วมสาบานพูด พิชิตเอาแต่นั่งก้มหน้าเพ่งพินิจหลังมือตัวเอง
อันที่จริงแล้ว เขาไม่ได้ลืมว่าต้องเดินทางมาที่นี่ตอนห้าโมงเย็นหรอก แต่เขาจงใจเมินเฉยต่อนัดหมายครั้งนี้ต่างหาก บุรุษผู้มีผมสีดอกเลาเห็นน้องชายไม่พูดอะไรจึงกล่าวต่อ อั๊วนัดให้ไอ้พีภัทรนั่นมาที่นี่ตอนหกโมงเย็น ลื้อบอกอั๊วทีสิว่าตอนนี้กี่โมงแล้ว? พิชิตแสร้งเป็นชำเลืองมองนาฬิกาข้อมือแล้วตอบ หกโมงสิบสี่นาทีครับ เดโชหัวเราะในลำคอ และพูดเสียงเย็นยะเยียบ หมายความว่าไอ้พีภัทรมันไม่หลงกลเราใช่มั้ย? บางทีมันอาจจะมาช้าก็ได้นะครับเฮีย พิชิตเงยหน้าตอบพี่ชาย พยายามรักษาความหนักแน่นมั่นคงให้อยู่ในน้ำเสียง ไม่ใช่มาช้า แต่มันไม่มาแล้วต่างหาก เดโชล้วงมือเข้าในอกเสื้อและหยิบมีดพับออกมาถือ เฮียรู้ได้ยังไงครับ? ผู้เป็นน้องชายร่วมสาบานถาม สองตาจับจ้องคมมีดที่ดีดเด้งออกจากด้ามพับ กล้ามเนื้อทุกส่วนบนร่างกายของพิชิตเกร็งเขม็ง ดุจเดียวกับท้องไส้ที่บิดตัวปั่นป่วน หลังจากเกิดเหตุการณ์กรีดมีดทำสัญลักษณ์ให้ทารกน้อยเมื่อยี่สิบสี่ปีก่อน มันก็เป็นอาการที่มักเกิดขึ้นกับเขาเสมอเมื่อเห็นเดโชถือมีดเล่มนี้ ลื้อลองทายสิว่าเกิดอะไรขึ้นที่บ้านพักของอั๊วในเสริมงาม เดโชพูดพลางเหยียดกายนั่งหลังตรง พิชิตถอนหายใจ ส่ายศีรษะ อั๊วไม่รู้หรอกครับ เฮียมีอะไรจะพูดกับอั๊วก็พูดมาเถอะ แต่อั๊วบอกให้ลื้อทาย! บุรุษผู้มีผมสีดอกเลาอารมณ์เปลี่ยนในฉับพลัน เขาคำรามขณะตวัดมือปักมีดลงบนโต๊ะอย่างแรง เสียงเนื้อเหล็กปะทะเนื้อไม้ดังระคายหู ปลายมีดแทงลึกลงไปในเนื้อโต๊ะเกือบครึ่งนิ้ว ด้ามจับของมีดกระเพื่อมไปมาตามแรงสั่นสะเทือนราวก้านธงที่ถูกลมพัดปลิวสะบัด พิชิตก้มหน้ามองพื้น หัวใจเต้นระทึก สองมือสั่นเทาจนต้องกำเป็นหมัดอย่างไม่รู้ตัว
เขาสูดหายใจลึก ไม่กล้าเงยหน้าสบสายตาที่จ้องมองมาอย่างเย็นเยือกสักแวบ ด้วยรู้ดีว่าหากอยากให้เดโชมีอารมณ์เย็นลง เขาต้องทำตัวเป็นผู้น้อยที่ดี คือไม่จ้องตาและเอ่ยปากตอบโต้ผู้ที่มีอำนาจเหนือกว่า
เงียบ
เสียงลูกตุ้มของนาฬิกาแกว่งตัวไปมาเป็นเสียงเดียวเท่านั้นที่ดังนอกเหนือจากเสียงลมหายใจของพวกเขา เดโชสูดหายใจลึกและพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนขึ้น เอาล่ะ ลื้อไม่ทายก็ไม่ต้องทาย อั๊วจะบอกให้ว่าตัวประกันทั้งสองคนที่ลื้อจับมาจากชลบุรีนั่นนะ เมื่อชั่วโมงก่อนมีใครบางคนมาช่วยพวกมันออกไปแล้ว
พิชิตเบิกตาโตด้วยความประหลาดใจ ไอ้พีภัทรมันรู้ว่าแม่บุญธรรมของมันถูกจับตัวอยู่ที่ไหนหรือครับ? มันรู้ได้ยังไงกัน?
เดโชถอนหายใจหนักๆ ด้วยความหงุดหงิด ไอ้เชา มันคงปากเปราะ
แต่ไม่น่าเชื่อว่ามันจะทำสำเร็จนะครับ เฮียเองวางกำลังคนไว้ตั้งเยอะ พิชิตพูดอย่างเคร่งเครียด แต่ความรู้สึกที่แท้จริงนั้น เขากลับดีใจอย่างประหลาดที่ทราบข่าวว่าพีภัทร สินธุธานต์มาช่วยแม่บุญธรรมออกไปจากเงื้อมมืออำมหิตของเดโชได้สำเร็จ
มันมีคนมาช่วยไม่ต่ำกว่ายี่สิบคน บุรุษผู้มีผมสีดอกเลาเอนกายพิงพนักเก้าอี้อีกครั้ง ก่อนเล่าเหตุการณ์รถส่งอาหารกำมะลอ กลุ่มชายชุดดำกับระเบิดควันสลบ และชายสามคนที่บุกเข้าไปชิงตัวประกันในตัวคฤหาสน์ซึ่งเป็นเรื่องที่รายงานโดยลูกน้องผู้รอดชีวิตอย่างหวุดหวิดจากระเบิดน้อยหน่าให้พิชิตฟัง
ฟังจบ พิชิตก็โพล่งขึ้น ดูท่ามันคงจะมีคนรู้จักในลำปางคอยช่วยเหลืออยู่นะครับเฮีย อาวุธอย่างนั้น กำลังคนอย่างนั้น รถส่งอาหารอย่างนั้น ใช่เรื่องที่จะเตรียมพร้อมกันได้ง่ายๆ ในเวลาไม่กี่ชั่วโมงเสียเมื่อไหร่ แสดงว่าคนที่มันรู้จัก ต้องเป็นคนที่ใหญ่โตพอสมควร
เดโชแสยะยิ้มที่ทำให้พิชิตเสียวสันหลังวาบและกล่าวว่า ในลำปาง นับดูก็มีไม่เยอะ หาที่เป็นผู้มีอิทธิพลจริงๆ น่ะไม่ยาก แต่อั๊วรู้แล้วว่าใครกันเป็นคนช่วยไอ้พีภัทรตลอดเวลาที่ผ่านมา
ใครหรือครับ? พิชิตกลั้นใจถาม
อั๊วมีเรื่องมาเล่าให้ฟัง ถ้าลื้อฟังจนจบ ลื้อจะรู้เองว่าไอ้สันขวานนั่นเป็นใคร เดโชโน้มตัวมาข้างหน้า กระซิบแผ่วเบาว่า เรื่องของเรื่องก็คือ เมื่อเช้านี้ ไอ้เฟยขับรถพาอาเจินไปทำธุระข้างนอก ลื้อลองทายสิว่าไอ้เฟยพบอะไร?
พิชิตไม่อยากให้พี่ชายร่วมสาบานโมโหในเวลานี้อีก เขาตอบไปทั้งที่รู้ว่าทายไม่ถูก เฟยพบกับไอ้พีภัทรและคนที่ช่วยมันใช่มั้ยครับ?
เดโชสั่นศีรษะและจุ๊ปาก ไม่ใช่ ลื้อทายผิดว่ะ เช้านี้สิ่งที่ไอ้เฟยพบตั้งแต่ขับรถออกจากโรงพยาบาลก็คือ มีรถเก๋งคันหนึ่งแอบตามสะกดรอยรถของอาเจินทุกฝีก้าว พิชิตนั่งนิ่ง ตั้งใจรับฟังประโยคต่อมาเป็นอย่างยิ่ง ระหว่างที่อาเจินลงจากรถไปทำธุระ ไอ้เฟยเหลือบไปเห็นว่ารถคันนั้นตามเข้ามาถึงในลานจอด มันเลยไปลากคอคนขับลงมาจัดการ สอบถาม ลื้อลองทายอีกทีสิอาเล้ง ไอ้เฟยพบอะไรจากตัวนักสะกดรอยคนนั้น พบ...พบว่ามันเป็นลูกน้องของใครบางคนใช่มั้ยครับ? เดโชหัวเราะอย่างถูกใจ เออ คราวนี้ค่อยทายแบบมีสมองหน่อย สิ่งที่ไอ้เฟยพบจากตัวนักสะกดรอยคนนั้นคือบัตรพนักงาน...บัตรพนักงานของรีสอร์ทกลิ่นเกสรสาขาลำปาง! พิชิตเย็นวาบไปทั้งตัว เขาอ้าปากค้าง แต่เสียงไม่อาจเปล่งผ่านริมฝีปากออกมาได้ อั๊วรู้ว่าลื้ออยากแก้ตัวแทนลูกชาย บุรุษผู้มีผมสีดอกเลายิ้มเหยียดหยัน แต่ลองทายสิว่า ไอ้นักสะกดรอยอ่อนหัดนั่นบอกอะไรกับไอ้เฟยบ้าง มันบอกว่า...อาหมิง...เป็นคนสั่งให้มาสะกดรอย...ใช่มั้ยเฮีย? พิชิตตอบอย่างยากลำบาก เดโชเลิกคิ้วสูง แสร้งมองน้องชายร่วมสาบานด้วยความประหลาดใจ ลื้อฉลาดขึ้นแล้วนะ อาเล้ง ถูกต้อง ไอ้นักสะกดรอยบอกว่าอาหมิงเป็นคนสั่ง ลูกลื้อมันบ้า ส่งคนในรีสอร์ทมาทำงานของนักสืบ แบบนี้จะไปตามสะกดรอยใครเขาได้ แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าลูกอั๊วเป็นคนที่คอยช่วยเหลือไอ้พีภัทรนะครับ พิชิตรีบพูดออกมาอย่างละล่ำละลัก ถ้าอาหมิงเป็นคนช่วยมันจริง คงไม่ถูกลักพาตัวไปด้วย - จนถึงขั้นนี้ลื้อยังคิดว่าลูกลื้อมันโดนลักพาตัวอีกเรอะ! เดโชคำรามด้วยความเหลืออด แต่กับเรื่องของบุตรชาย เป็นตายร้ายดีอย่างไรพิชิตก็ยอมไม่ได้ทั้งนั้น เขาตอบกลับไปทันทีว่า แต่จะอธิบายยังไงเรื่องที่อาหมิงสู้กับไอ้พีภัทรเพื่อปกป้องคุณหนูรัมภาล่ะเฮีย ในเทปเฮียก็เห็นว่าอาหมิงกับไอ้พีภัทรมันสู้กันจริงๆ! เดโชฟาดฝ่ามือลงบนโต๊ะดังเปรี้ยง นั่นมันละคร! ลื้อเข้าใจมั้ยว่ามันจัดฉากสร้างละครขึ้นมาเพื่อหลอกล่อให้เราหลงทาง เหมือนที่ลูกลื้อเคยหลอกไอ้เหลาเฟอสำเร็จมาแล้วไงล่ะ!!! เป็นอีกครั้งที่พิชิตนั่งนิ่งตะลึงลาน เฮีย...เฮียรู้ได้ยังไง? เขาถาม เสียงสั่นพร่าเหมือนคนจับไข้ เดโชผ่อนลมหายใจลงช้าๆ และตอบ อั๊วเป็นคนถามมันเองกับปากเมื่อตอนบ่าย คนขับรถของลื้อเล่าให้อั๊วฟังหมดแล้วว่าไอ้โม่งสองคนนั่นเอาคลิปอะไรให้มันดู พิชิตรู้ดีว่าเดโชกำลังพูดถึงอะไร เพราะตั้งแต่ที่เหลาเฟอฟื้นจากอาการสลบเมื่อเช้า เขาก็ได้สอบถามลูกน้องอย่างละเอียดทางโทรศัพท์ จนเมื่อมาที่โรงพยาบาลห้างฉัตรในตอนสายหลังเกิดเหตุลักพาตัวคุณหนูรัมภา พิชิตก็ได้เข้าไปเยี่ยมเหลาเฟอในห้องพักที่อยู่ต่ำลงมาจากห้องพักของคุณหนูสองชั้น ในตอนนั้นเหลาเฟอมีสีหน้าประหลาดใจมากที่พบว่าทิวากรไม่ได้เป็นอันตรายใดๆ อย่างที่เห็นในคลิปวีดีโอ
ความเงียบผ่านไปครู่หนึ่ง พิชิตก็กระแอมไอ เรียกเสียงปกติกลับคืนสู่ลำคอ ไม่แน่เหลาเฟออาจจะจำผิดก็ได้นะครับเฮียโช มันถูกกระแทกสมองไปอย่างนั้น สมองอาจจะเลอะเลือนจำอะไรผิดเพี้ยนไปหมด ไม่ใช่แน่ อั๊วคิดว่าสมองไอ้แห้งนั่นไม่เลอะเลือนหรอก เดโชถอนหายใจยาว ลองคิดดีๆ นะ ในคลิปที่ไอ้เหลาเฟอได้ดู ลูกลื้อถูกทรมานปางตาย ฮึ ปางตายกะผีน่ะสิ เช้านี้ถึงวิ่งปร๋อมาเฝ้ายัยภาได้ เห็นๆ กันอยู่แล้วว่าลูกลื้อมันกำลังเล่นแง่อยู่กับอั๊ว มันคิดอะไรอยู่วะ ลื้อเป็นพ่อมัน น่าจะรู้ความเคลื่อนไหวของลูกชายบ้างสิ พิชิตก้มหน้า สองมือที่กำแน่นนั้นปรากฏเส้นเอ็นบนหลังมือปูดโปน เขาบดกรามจนเห็นเป็นสันนูน ครุ่นคิดครู่หนึ่งก็เงยหน้ากล่าวว่า เราเรียกเหลาเฟอมาสอบถามอีกทีดีมั้ยครับเฮีย ถามซ้ำหลายๆ ครั้งให้แน่ใจว่าสมองมันไม่ได้เลอะเลือนสร้างเรื่องขึ้นมาเอง อั๊วว่าแบบนั้นเสียเวลาว่ะ เดโชแสยะยิ้มอีกครั้ง และตอนนี้ไอ้แห้งของลื้อคงไม่ว่างให้ลื้อเรียกตัวมาสอบถามได้อีกแล้ว พิชิตเผลอตัวจ้องมองฝ่ายตรงข้ามอย่างตื่นตะลึง เฮียทำอะไรเหลาเฟอ? เขาถาม ไม่ได้ทำอะไร อั๊วแค่จับมันเป็นตัวประกันเพื่อที่ลื้อจะได้ไม่ทิ้งอั๊วไปกลางคันไงเล่า เดโชยังคงนั่งบนเก้าอี้ ใบหน้าประดับยิ้มเย้ยหยันขณะเงยหน้ามองน้องชายร่วมสาบานถ้าลูกลื้อคิดว่าการลักพาตัวยัยภาไปอยู่กับมันและช่วยเพื่อนมันพาตัวแม่บุญธรรมกลับไปได้คือชัยชนะที่ได้รับจากอั๊ว ลูกลื้อคิดผิดแล้ว มันคงลืมไปว่าอั๊วยังมีแม่ของมันอยู่ในกำมืออีกทั้งคน อาหยง เฮียทำอะไรอาหยง! พิชิตคำราม ผุดกายลุกขึ้นยืน หัวใจที่เคยหวาดหวั่นถูกความเดือดดาลหล่อหลอมจนไม่กลัวเกรงอะไรอีกแล้ว ก็แค่ยืมตัวมาใช้งานหน่อยเท่านั้นเอง เดโชตอบเสียงเรียบพร้อมกับยันกายลุกขึ้นยืนอย่างแช่มช้า อั๊วจะให้ลูกลื้อพาตัวยัยภากับไอ้พีภัทรมาแลกตัวแม่มัน เงียบ บุรุษทั้งสองคนยืนเผชิญหน้ากัน มีโต๊ะไม้สักหนึ่งตัวคั่นกลาง เฮียจะเอาอาหยงมาเกี่ยวกับเรื่องนี้ไม่ได้ พิชิตพูดอย่างพยายามสะกดกลั้นอารมณ์เต็มที่ ได้หรือไม่ได้ก็ไม่สำคัญหรอก เดโชหัวเราะในลำคอ เพราะว่าป่านนี้ คนของอั๊วคงพาตัวอาหยงไปใกล้ถึงโรงเลื่อยไม้แล้วล่ะ โรงเลื่อยไม้...
พิชิตทวนคำ ภาพของโรงเรื่อยไม้ขนาดใหญ่กลางป่าผุดวาบในห้วงคิด เขารู้จักที่นั่นดี เพราะมันเป็นที่ๆ เขาและเดโชเคยลักลอบผลิตไม้เถื่อนลับหลังพ่อเลี้ยงไกรศักดิ์เมื่อสิบกว่าปีก่อน แต่พิชิตก็เลิกทำงานผิดกฎหมายทุกอย่างหมดแล้วตั้งแต่ที่ทิวากรเริ่มโต เหลือแต่พี่ชายร่วมสาบานเท่านั้นที่ส่งสัมปทานไม้เถื่อนในส่วนแบ่งของพิชิตต่อให้พวกกะเหรี่ยงซึ่งเคยเป็นพันธมิตรกันมาก่อนสมัยค้ายาเสพติด จวบจนปัจจุบันเดโชก็ยังคงดำเนินการค้าไม้เถื่อนอยู่ เหตุนี้เองเขาถึงไม่ยอมให้พ่อเลี้ยงกำธรเข้ามาหากินเกี่ยวกับไม้เถื่อนในห้างฉัตรอย่างเด็ดขาด
เหลาเฟอก็อยู่ที่นั่น ลื้อไม่ต้องห่วงหรอกนะ อาเล้ง เดโชพูด เอื้อมมือดึงมีดขึ้นจากโต๊ะ คนของอั๊วจะดูแลคนขับรถกับเมียลื้อเป็นอย่างดี...
อั๊วจะไปพาตัวอาหยงกลับมา! พิชิตกระชากเสียงห้วนสั้น หมุนตัวกลับหลังหันเดินตรงไปที่ประตูโดยไม่สนใจว่าพี่ชายร่วมสาบานจะมีปฏิกิริยาอย่างไรบ้าง พิชิตจึงไม่เห็นว่าขณะนี้เดโชกำลังเผยยิ้มเย็นยะเยียบ นัยน์ตาทอแววอำมหิตอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนเวลามองน้องชาย
พิชิตเอื้อมมือเปิดประตู แต่เขาก็ต้องหยุดชะงักและก้าวถอยหลังเข้ามาในห้องเพราะปรากฏชายฉกรรจ์ห้าคนยืนขวางประตู สีหน้าที่เคยยิ้มแย้มแสดงความนอบน้อมเมื่อพิชิตเดินเข้ามาในตอนแรก บัดนี้กลับกลายเป็นแข็งกระด้างไร้ความรู้สึก
พิชิตถอยกลับมาถึงเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานของเดโช เขารวบมือจับพนักเก้าอี้ ชายฉกรรจ์ห้าคนก้าวเท้าเดินเข้ามาในห้อง ยืนล้อมกรอบเขาไว้พร้อมกับหักนิ้วมือดังกร็อบๆ ข่มขวัญ พิชิตหันขวับกลับไปที่พี่ชายร่วมสาบานและพูด
บอกให้คนของเฮียหลีกไปเดี๋ยวนี้
เดโชสั่นศีรษะ คงไม่ได้ว่ะ ลื้อต้องเป็นตัวประกันของอั๊วอีกคนที่ไอ้หมิงต้องมาช่วย
เฮียจะจับตัวอั๊ว? พิชิตทวนคำ ความโกรธแค้นแล่นพล่านจนใบหน้าร้อนวูบวาบ
ก็ถ้าขอให้ร่วมมือดีๆ ลื้อคงไม่เอาด้วย เดโชหยักยิ้มบนริมฝีปาก จริงมั้ย?
พิชิตสูดหายใจลึก ผงกศีรษะสองครั้ง ใช่ แต่อั๊วก็คงไม่ยอมให้จับตัวง่ายๆ เหมือนกัน
ไม่ห่วงเหลาเฟอบ้างหรือไงวะ? บุรุษผู้มีผมสีดอกเลาดีดมีดพับกลับเข้าที่และยัดใส่ด้านในเสื้อสูท อย่าลืมซี่ มันเป็นตัวประกันที่อั๊วจับมาเพื่อขู่ลื้อโดยเฉพาะเลยนา
เหลาเฟอจะเข้าใจดีว่าอั๊วทำอะไร พิชิตกำพนักเก้าอี้แน่น ตกลงเฮียจะไม่สั่งให้ลูกน้องหลีกไปใช่มั้ย?
ไม่ว่ะ เดโชส่ายหน้า
งั้นอั๊วก็ต้องลงมือ อย่าหาว่าไม่เกรงใจเฮียก็แล้วกัน!
เมื่อพิชิตตะโกนจบคำ เขาก็สะบัดกายหมุนตัวกลับหลัง เหวี่ยงเก้าอี้ฟาดใส่ชายฉกรรจ์ทางขวามือล้มกลิ้งไปหนึ่งคน อีกสี่คนที่เหลือกระโจนเข้ามาอย่างพร้อมเพรียงกัน ซึ่งถึงแม้ว่าพิชิตจะเสียเปรียบในเรื่องอายุ แต่จากการที่เขารักษาสภาพร่างกายเป็นอย่างดี มันก็ทำให้เขาสามารถหลบหมัดที่พุ่งเข้ามาอย่างว่องไวและใช้เก้าอี้ฟาดกลับด้วยความหนักหน่วง
เดโชยืนมองลูกน้องของตนเองถูกพิชิตอัดกระเด็นไปอีกสามคน เปิดช่องว่างให้ฉวยโอกาสวิ่งผ่านประตูออกไปได้
พิชิตวิ่งออกไปแล้วพร้อมเก้าอี้ที่เป็นอาวุธป้องกันตัว เดโชเดินอ้อมโต๊ะก้าวตามหลังน้องชายไปอย่างเฉยชา ด้วยทราบดีว่าต่อให้พิชิตมีสองปีก ก็ยังไม่อาจบินหนีเขาได้ในคืนนี้
ด้านนอกห้องทำงาน มีชายฉกรรจ์ยืนรอพิชิตนับสิบคน
ในขณะที่เดโชเดินออกมานั้น เก้าอี้ของพิชิตนอนพิงอยู่ข้างผนัง ส่วนพิชิตกำลังนอนอยู่บนพื้น ใบหน้ามีเลือดไหลอาบ ถูกฝูงชายฉกรรจ์รุมสกรัมด้วยฝ่าเท้าและหน้าแข้งตามแผ่นหลัง หน้าท้อง หน้าอก ใบหน้า เสียงดังพลั่กๆ สะท้านหูอย่างยิ่ง
แต่ตลอดเวลา พิชิตไม่เปล่งเสียงร้องเลยสักคำ
พลัน ชายฉกรรจ์เหล่านั้นก็หยุดการรุมสกรัมทันทีเมื่อหันมาเห็นเดโชยกมือส่งสัญญาณ พิชิตนอนหอบหายใจ เลือดไหลกลบปากกลบจมูกทะลักเข้าปากจนสำลัก แต่เขาก็พอมีสติอยู่บ้างจึงพลิกตัวนอนคว่ำ พยายามใช้มือลากตัวเอง ตะเกียกตะกายคลานออกไปจากบริเวณนั้นให้ได้
แต่แล้วเขาก็ไม่สามารถทำได้อย่างใจนึก
เท้าของใครบางคนกระแทกลงมากลางแผ่นหลังของเขาอย่างแรง
หูของพิชิตได้ยินเสียงเจ้าของเท้าที่เหยียบแผ่นหลังเขาอยู่ในตอนนี้กล่าวอย่างเย็นชาว่า
ทำกับลื้อแค่นี้ยังถือว่าเกรงใจนะ อาเล้ง แต่ถ้าจับลูกลื้อได้เมื่อไหร่ อั๊วจะทำกับมันให้หนักกว่านี้เป็นร้อยเท่า จำเอาไว้!
-------------------------
จากคุณ |
:
ทะเลเดือดพันธุ์ร็อค
|
เขียนเมื่อ |
:
12 มิ.ย. 55 11:46:43
|
|
|
|
 |