Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
บันทึกความทรงจำบทที่ 16 Debate และงานวันเกิด ติดต่อทีมงาน

บทที่ 1 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12134405/W12134405.html

บทที่ 2 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12137466/W12137466.html

บทที่ 3 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12142609/W12142609.html

บทที่ 4 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12155159/W12155159.html

บทที่ 5 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12160123/W12160123.html

บทที่ 6 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12165127/W12165127.html

บทที่ 7 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12170398/W12170398.html

บทที่ 8 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12175926/W12175926.html

บทที่ 9 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12192814/W12192814.html

บทที่ 10 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12198174/W12198174.html

บทที่ 11 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12202507/W12202507.html

บทที่ 12 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12207363/W12207363.html

บทที่ 13 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12220562/W12220562.html

บทที่ 14 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12225332/W12225332.html

บทที่ 15 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12230280/W12230280.html


จะว่าไปแล้วเวลามันผ่านไปค่อนข้างเร็ว หนึ่งภาคการศึกษาใช้เวลาเรียน 12 สัปดาห์ หรือสามเดือน วิชาที่เรียนก็เขี้ยวขึ้นเรื่อยๆ การวัดผลเริ่มโหดขึ้นทุกทีๆ วิชาที่ผมลงเรียนพอดีเป็นวิชาบังคับที่ผมเองก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ วิชานั้นคือ Policy Making in the European Union ความยากของมันไม่ใช่แค่คอร์สเวิร์กเท่านั้น มันมีการ Debate หรือโต้วาทีอีกด้วย เมื่อต้นเทอม ทันทีที่ผมอ่าน Course outline แล้วเจอเรื่องนี้เข้าผมถึงกับผงะ ตกใจทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ภาวนาขออย่าให้มันยากเลย จุดอ่อนของผมที่เห็นได้ชัดที่สุดคือ การพูดต่อหน้าสาธารณชน ไม่ว่าจะมั่นใจในตัวเองแค่ไหน พอออกไปยืนต่อหน้าสาธารณชนแล้ว ผมมักจะเขิน อาย ประหม่า มากถึงขั้นบางครั้งก่อนขึ้นเวทีผมถึงกับอาเจียนออกมาเลย ซึ่ง Debate คราวนี้ อาจารย์จะให้เรา Debate กันต่อหน้าสาธารณชน โดยเชิญบุคคลภายนอกเข้าฟังด้วย โอ้ววว แม่ เจ้า ภาษาอังกฤษของผมก็ใช่ว่าจะพูดแบบน้ำไหลไฟดับ นี่ต้องมาเถียงกับฝรั่งอีก ต่อหน้าธารกำนัลอีก สยองงงงงงง และการ Debate ที่ว่ากำลังจะมาถึงในอีก 1 สัปดาห์ข้างหน้า เป็นการสอบก่อนจบภาคเรียน ผมจึงต้องเตรียมตัวอย่างหนัก ไม่มีเวลาเที่ยวเล่นสนุกๆ หรือทำอะไรเรื่อยเปื่อย สีหน้าเคร่งเครียด ไม่พูดไม่จา กินเสร็จก็เข้าห้อง ไปห้องสมุดยืมหนังสือมาเป็นตั้ง ค้นหาข้อมูลต่างๆ อ้อ ลืมบอกไปว่า หัวข้อ Debate คือ จะทำให้ EU มีความเป็นประชาธิปไตยมากขึ้นได้อย่างไร นักเรียนในชั้นมีประมาณ 10 คน แต่ละคนก็เป็นตัวแทนรัฐบาลแต่ละประเทศ ผมบังเอิญจำสลากได้เป็นตัวแทนรัฐบาลโปรตุเกส (โปรตุเกสหน้าตี๋ 555) แต่โทษที ในชั้นเรียนผมมีแต่ฝรั่งหัวทอง กับเม็กซิกันอีกหนึ่ง พูดภาษาอังกฤษขั้นเทพ จะเอาไงดีล่ะทีนี้ แต่ก็คิดว่าทำให้ดีที่สุดก็แล้วกัน

“นี่!!!! เป็นไงมั่ง ไม่ค่อยเห็นหน้าเห็นตาเลย ช่วงนี้ยุ่งอยู่เหรอ” ยุน จี ถามผมตอนเจอกันที่ห้องครัว

“ก็ใช่น่ะสิ ยุ่งมาก เพราะจะมีสอบ Debate ตอนนี้กำลังเครียด” ผมเริ่มบ่น ก่อนที่จะเล่าถึงอาการที่ผมเป็น รวมถึงความประหม่า และประสบการณ์เก่าๆอันเลวร้ายเกี่ยวกับการพูดต่อหน้าสาธารณชนหเธอฟัง ซึ่งเธอก็รับฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ

“เอาล่ะ เข้าใจแล้ว เดี๋ยวชั้นจะช่วยเธอเอง ไม่ต้องห่วง ไว้ใจชั้นได้เลย” เธอพูดแล้วเอามือตบที่หน้าอกตัวเองเบาๆ

“ขอบคุณมาก แต่เธอจะทำยังไงล่ะ”

“ก็จะช่วยเธอซักซ้อมความเข้าใจในเนื้อหาไง ไอ้เรื่องเนี้ยชั้นเองก็ไม่ค่อยรู้หรอกว่ายุโรปมันเป็นยังไง แต่ถ้าดูตาม paper ของเธอก็น่าจะพอเข้าใจอยู่ จะทำแค่ซักซ้อมความเข้าใจของเธอก่อน อย่าลืมว่า จะต้องแม่นในตัวเนื้อหาทั้งหมด เข้าใจมันอย่างทะลุปรุโปร่ง มันจะช่วยลดความกลัวไปได้ถึงครึ่งนึงเลยนะ” เธอร่ายยาว

“เป็นงั้นได้ก็ดี”

“ไปเอาเอกสารมาสิ จะลองอ่านดูก่อน” เธอคะยั้นคะยอ

“โอเค รอแป๊บนึงนะ”

ไม่นานนักผมก็มาพร้อมกับเอกสารกองใหญ่ แต่มีใบนึงที่เป็นเอกสารสรุปแนวคิดที่ผมไปค้นมา แล้วก็ยื่นให้เธออ่าน พอเธออ่านไปไดพ้ซักพัก สีหน้าเริ่มเคร่งเครียด เกิดอะไรขึ้นไม่รู้

“ยากเอาการเลยนะเนี่ย แต่ไม่เป็นไร เดี๋ยวชั้นจะตั้งคำถาม แล้วให้เธออธิบายนะ เอาแบบให้คนที่ไม่มีความรู้เลยอย่างชั้นรู้นะว่า สหภาพยุโรปคืออะไร ไม่เป็นประชาธิปไตยยังไง แล้วท่าทีของเธอเป็นยังไง”

ผมจึงเริ่มอธิบายรายละเอียดทั้งหมดตามที่เธอบอก เธอจะคอยถามสิ่งที่ไม่เข้าใจ บางทีก็หัวเราะ บางทีก็ตีหน้าเครียด ผมเองก็เริ่มรู้สึกมั่นใจขึ้นมาทีละนิดๆ แล้ว

“จะบอกอะไรให้อย่างนะ สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับการออกไปพูดต่อหน้าสาธารณชนคือ ความมั่นใจ ต้องจำไว้เสมอว่า ความมั่นใจในตัวเองจะเป็นหนทางพาเราไปสู่ความสำเร็จอย่างที่เราตั้งใจไว้ เพราะฉะนั้นอย่ากลัว” นี่คือสิ่งที่เธอบอกผม และเป็นกำลังใจให้ผมสู้ต่อไป

ซักพักเธอออกไปนอกห้องครัว ปล่อยให้ผมนั่งทำความเข้าใจเอกสารและเนื้อหาเงียบๆ คนเดียว ไม่นานนักเธอก็เข้ามาพร้อมกับเพื่อนๆ ในแฟลทของเรา เห็นเข้ามากันซักประมาณ 5-6 คน มีอาคีฟ ปาโบล ซารีฟ แอนโทนี ลิเลียน่า และทาเคชิ ส่วนคริสตี้ คิดว่าคงไปเดทกับหนุ่มยังไม่กลับ

“อะไรกันเนี่ย เข้ามาพร้อมกันเลย” ผมตกใจถาม

“ก็ยุน จีน่ะสิ ไปเคาะประตูห้องขอแรวมาช่วยฟังนายพูดหน่อย เอ้า เริ่มได้แล้ว อยากฟังเต็มแก่แล้วเนี่ย 5555” ปาโบลบ่นแกมประชด ส่วนคนอื่นๆ ก็ดูร่าเริงดี เตรียมพร้อมที่จะฟังผม

“เถอะน่า เป็นกำลังใจให้ปิงหน่อยสิ เอ้า เดี๋ยวชั้นจะสวมบทเป็นคนโต้วาทีกับเธอเอง พยายามเข้านะ” พูดเสร็จเธอก็มายืนฝั่งตรงข้าม แล้วเริ่มเปิดประเด็น

ผมเองถึงจะเคยชินกับเพวกเพื่อนๆ ในแฟลท แต่ก็ไม่วายประหม่าอยู่ดี พูดไม่ค่อยออก แต่ก็พยายามอย่างที่สุด ต้องขอบคุณยุน จีด้วยที่อุตส่าห์ช่วยเหลือ......

พอถึงวันจริง คืนก่อนหน้านั้นผมนอนไม่หลับ ใจเป็นกังวลอยู่กับเรื่อง Debate นี่แหละครับ กลัวทำได้ไม่ดี ไหนจะตื่นเต้นอีก ใจมันเต้นตึกตักๆๆๆ เสียดายวันนี้ยุน จี ติดธุระไปดูไม่ได้ แล้วก็ไม่มีใครไปดูซักคน นี่ผมต้องเผชิญโชคอย่างโดดเดี่ยวหรือนี่ โอ้ ไม่นะ ไม่
ผมเดินไปยังห้องดีเบทอย่างโดดเดี่ยว ทั้งๆที่อากาศแสนจะอบอุ่นสบาย แต่มือผมเย็นเฉียบ อาจารย์นั่งรออยู่แล้วท่านนึง และมีคนเข้ามาดูกันพอสมควรแล้ว ดูจากเก้าอี้ที่จัดน่าจะเกิน 50 คน ผมสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วเดินไปนั่งเตรียมตัว อ่านโพยอีกรอบ ด้านหน้าของผมเป็นโพเดียม สองตัวตั้งห่างกันพอสมควร ส่วนตรงกลางจะเป็นอาจารย์ทำหน้าที่เป็น moderator ขาผมชาไปหมด ทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ก้มลงอ่านโพย อ่านแล้วอ่านอีก แต่รู้สึกมันจะไม่เข้าหัวเอาเสียแลย ระหว่างนั้นคนทยอยเดินเข้ามากันนั่งจนเกือบเต็มเหลือที่ด้านหน้าไว้เพียง 2-3 ที่เท่านั้น เพื่อนร่วมชั้นของผมต่างเดินเข้ามา ส่วนมากแสดงสีหน้ามั่นใจและผ่อนคลายผิดกับผมราวฟ้ากับเหวนั่นทีเดียว อีกประมาณ 10 นาทีจะเริ่มการ Debate ผมเพิ่งสังเกตเห็นว่าคนที่มานั่งดูเป็นฝรั่งทั้งหมด ไม่มีคนเอเชียแม้แต่คนเดียว พูดคุยกันเสียงจอแจ ในขณะที่เพื่อนร่วมชั้นของผมก็เป็นฝรั่งทั้งสิ้น มีผมเพียงคนเดียวที่เป็นคนเอเชียหัวดำ

ผมเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง รู้สึกอ้างว้าง และโดดเดี่ยวเหลือเกิน แล้วความรู้สึกเหงาก็เกิดขึ้น เสียงพูดคุยกันไม่ได้ทำลายความเงียบเหงาในใจของผมให้หมดไปแม้แต่น้อย ผมคงต้องเผชิญสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างโดดเดี่ยว แต่ในอีกไม่กี่นาที ผมเห็นผู้หญิงเอเชียคนหนึ่ง ใบหน้างดงามคุ้นตา ลี ยุน จี นั่นเอง!!! ไหนเธอบอกว่าติดธุระ แต่ทำไมเธอถึงมาที่นี่ได้ เธอค่อยๆ เดินเข้ามา แล้วมองไปรอบๆ เข้าใจว่าคงมองหาผม จนเธอเห็นผมนั่นแหละครับ เธอส่งยิ้มให้ผม แล้วเดินไปนั่งตรงเก้าอี้แถวหน้าสุด วินาทีนั้น ผมรู้สึกมีกำลังใจขึ้น เหมือนคนที่กำลังจะตายเพราะขาดน้ำได้เจอกับน้ำเย็นสะอาดใสเพื่อดื่มประทังชีวิต ผมรู้สึกได้เลยว่าน้ำตามันเริ่มเอ่อล้น (เขียนถึงบรรทัดนี้น้ำตาของผมมันก็จะไหลลงมาเมื่อได้นึกถึงความรู้สึกนั้นอีกครั้ง) ผมยิ้มให้เธอทั้งน้ำตา เมื่อเห็นเธอกำมือชูกำปั้นให้กำลังใจ แล้วพูดว่า สู้ๆ

หลังจากนั้นอาจารย์ให้สัญญาณเริ่มการ Debate ทุกคนทำได้ดีมากๆ จนมาถึงคิวผมลุกขึ้นพูด ผมเหลือบมองไปที่ยุน จีแว่บนึงเห็นเธอยิ้ม และทำท่าตั้งใจฟัง เสียงผมสั่นๆ แต่เธอก็ยังยิ้มและพยักหน้าให้กำลังใจเวลาพูด เวลาต้องให้เหตุผลโต้เถียง เธอจะทำหน้านิ่วคิ้วขมวดตอนที่มีคนเถียงผม พอทุกอย่างเริ่มเข้าที่ผมก็อาศัยความรู้จากที่ได้ค้นคว้ามา พูดออกไป ซึ่งถือว่าไม่เลวนัก พอการ Debate เสร็จสิ้น ผมรู้สึกเหมือนกับยกภูเขาออกจากอก มีความสุขเหลือเกินที่ทุกอย่างผ่านพ้นไปได้ ผมรีบเดินไปหาเธออย่างไม่รอช้า

“ทำได้ดีทีเดียวนะ ไม่ผิดหวังจริงๆ” ยุน จี แตะไหล่ผม แล้วพูดให้กำลังใจ

“ขอบคุณมาก ขอบคุณจริงๆ ที่มาให้กำลังใจ ทำธุระเสร็จแล้วเหรอ ถึงได้มาที่นี่”

“พอดีขอเค้าเลื่อนซ้อมน่ะ ไว้ซ้อมวันหลังก็ได้ อย่างน้อยวันนี้ก็อยากมาให้กำลังใจเธอ กลัวว่าเธอจะเป็นลมเป็นแล้งไปก่อนขึ้นพูด”

“555555 ว่าแต่ไม่เป็นไรแน่เหรอที่ขอเลื่อนซ้อม”

“อื้มม ไม่เป็นไรหรอก ปกติชั้นก็ซ้อมเป็นประจำอยู่แล้ว คราวนี้แค่ซ้อมกลุ่มกับเพื่อน 2-3 คนเท่านั้นเอง ไม่สำคัญอะไรหรอกนะ ไม่ต้องกังวล”

นั่นคือเหตุผลที่เธอบอกผม แต่คราวนี้อย่างน้อยผมต้องตอบแทนเธอซักหน่อย อ้อ จริงสิ วันเกิดเธอสิ้นเดือนนี้นี่นา 31 มีนา งั้นผมเตรียมงานวันเกิดให้เธอดีกว่า ผมจะทำอาหารให้เธอทานจากฝีมือของผมเอง จะทำอาหารอร่อยๆ ด้วยตัวเอง แต่เรื่องนี้ต้องเป็นความลับ ให้เธอรู้ไม่ได้เด็ดขาด......

พอตัดสินใจได้แล้ว ผมจึงเริ่มคิดว่าจะจัดงานวันเกิดแบบไหน จะทำอะไรให้เธอทาน จะให้อะไรเป็นของขวัญกับเธอ วันเกิดเธอจะมาถึงในอีกไม่กี่วัน อีกอย่างคืออีกแค่สัปดาห์เดียวผมก็เรียนจบแล้ว เหลือบไปดูปฏิทิน เวลาสอบข้อเขียนก็กลางเดือนพฤษภาโน่นเลย กำหนดส่ง dissertation ก็ปลายเดือนกันยา ช่วงนี้เลยรู้สึกชิวๆ ไม่มีอะไรต้องเครียดอีก มีเวลาเหลือแหล่ จะแบ่งเวลามาคิดเตรียมงานให้เธอก็เห็นจะไม่เสียหายอะไร

เช้าวันนั้น (31 มีนาคม) ผมเปิดดูเมนูอาหารในเว็บไซต์ พลางนึกว่า เธอชอบทานอะไร เมื่อก่อนเคยถามอยู่เหมือนกัน แต่เธอบอกว่าทานได้หมด เวลาใครบอกว่าทานได้หมดเนี่ย มันน่าหนักใจเหมือนกันนะครับ เพราะมันกว้างมากเลย ไม่รู้ว่าจะทำอะไร เออ ถ้าชอบนั่น ชอบนี่ ค่อยง่ายหน่อย ถ้าผมจะทำอาหารเกาหลีก็กลัวว่าเธอจะเบื่อ เพราะคนเกาหลีพอออกมานอกประเทศคงอยากกินอาหารอื่นนอกจากอาหารเกาหลี (ยกเว้นกิมจิ ที่ดูเหมือนจะขาดไม่ได้เลย) หรือว่าจะทำอาหารฝรั่งดี แล้วจะทำอะไรดีล่ะ สเปน อิตาเลียน อาหารไทยเหรอ จะทำอะไรดี ปกติเวลาผมหาสูตรอาหารผมชอบเข้าเว็บของเชฟผู้ยิ่งยงของไทยสองท่าน คือ อ.ยิ่งศักดิ์ กับหมึกแดง ชอบ อ.ยิ่งศักดิ์ อยู่อย่างคือ เวลาแกทำอาหารแกชอบบ่น “ก็ใส่ๆ มันเข้าไป กินได้ก็กิน กินไม่ได้ก็ไม่ต้องกินนะคุณผู้ชม....” 555555 เว็บแกก็สุดแนว พอเปิดเข้าไปปุ๊บจะได้ยินเพลง my hump ของ Black eye pea แถมมีสูตรอาหารแปลกๆ ให้เลือก ส่วนของหมึกแดงจะออกแนวไฮโซนิดนึง วัตถุดิบหายากกว่าของ อ.ยิ่งศักดิ์ แต่พอทำออกมาก็อร่อยไม่ผิดหวัง บังเอิญเห็นสูตรอาหารนึงน่าจะทำง่ายหน่อย คือ สเต็กปลาแซลมอน กับผัดฟูซิลลี่ ทำไม่ยากครับ ผมจึงหากระดาษมาจดรายการวัตถุดิบลงไป ก่อนไปซื้อที่ซุปเปอร์มาเก็ต

ผมวางแผนว่า พอซักผ้า อบผ้าเสร็จ ก็จะรีบเดินทางไปซื้อของขวัญให้เธอที่ห้างสรรพสินค้าก่อน แล้วแวะไปที่ร้าน pound land (ของทุกชิ้นราคา 1 ปอนด์) เพื่อไปหาของตกแต่งห้องครัว แล้วถึงไปซื้อของที่ซุปเปอร์

ตอนกำลังขนถุงผ้าไปห้องซักรีด ยุน จีกำลังเดินออกจากห้องพอดี ผมแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ทำเป็นลืมว่าวันนี้เป็นวันเกิดของเธอ

“จะเอาผ้าไปซักเหรอ” เธอถาม

“ใช่แล้ว วันนี้มีอะไรต้องทำเยอะแยะเลย อ้าว แล้วเธอจะไปไหนน่ะ”

“วันนี้ต้องไปซ้อมเปียโน ใกล้สอบแล้ว ต้องตั้งใจหน่อย คงซ้อมจนค่ำนั่นแหละ” เธอพูด พร้อมกับแสดงแววตากังวลเล็กน้อย
“พยายามเข้านะ เอาใจช่วย เธอทำได้แน่ๆ” ผมพูดก่อนเดินออกจากแฟลทไปอย่างรวดเร็ว ปล่อยให้เธอยืน งง อยู่หน้าประตูห้อง เพราะผมพยายามทำให้น้ำเสียงดูเย็นชาเล็กน้อย 5555 (เลวจริงๆ ตอนนั้น)

ระหว่างที่รอผ้าในเครื่อง ผมได้แต่คิด แล้วก็คิดว่า จะเซอร์ไพรซ์เธอยังไงดี แล้วจะซื้ออะไรเป็นของขวัญ แต่ไม่ต้องห่วงครับ เงินที่ผมได้จากงานพิเศษเล็กๆน้อยๆ ยังเหลืออยู่พอสมควร น่าจะพอซื้ออะไรเล็กๆน้อยๆ เป็นของขวัญให้เธอได้ พอซักผ้าอบผ้าเสร็จแล้ว ผมจึงเริ่มดำเนินการตามแผนทันที

“เอ่อ......ขอดูอันนั้นหน่อยครับ คือผมจะเลือกให้กับเพื่อนผู้หญิงคนนึงครับ ขอลายสวยๆ เข้ากับผู้หญิงหน้าตาน่ารักๆ น่ะครับ เธออายุประมาณ 25 ปี (ในตอนนั้น) ครับ” ผมบอกกับคนขายผ้าพันคอบนห้างผมเองก็ไม่เคยซื้อของขวัญให้สาวซะด้วย ครั้งนี้เป็นครั้งแรก มันรู้สึกแปลกๆพิกล

“อันนี้โอเครึเปล่าคะ” พนักงานขายถาม ขณะชูผ้าพันคอสีเทาอ่อน มีลายโค้งเหมือนลายน้ำสีฟ้าอ่อน ดูสวยมากผืนนึงให้ผมดู สวยจัง ถูกใจผมมากแต่ไม่รู้จะถูกใจเธอรึเปล่า เท่าที่สังเกตดู เธอเป็นคนแต่งตัวดูดีมีสไตล์ แล้วเธอจะชอบผ้าพันคอที่ผมเลือกรึเปล่าไม่รู้ แต่ผมก็ตัดสินใจซื้อผ้าพันคอชิ้นนั้น ห่อของขวัญเสร็จสรรพ เป้าหมายต่อไปของผมคือ pound land แล้วก็ไม่ผิดหวัง ได้ของตกแต่งเล็กๆ น้อยๆ มาแล้ว เป็นริบบิ้นสวยๆ มีลูกบอลประดับที่ใช้ในงานคริสมาสต์ มีแตรกระดาษเป่าให้มีเสียงดังๆ เอาไว้ฉลอง

“เอาล่ะ ทีนี้ก็เป็นวัตถุดิบทำอาหาร เออ จริงด้วย ขนมเค้กล่ะ ลืมไปสนิท ดีนะที่นึกได้ก่อน ถ้าลืมไปล่ะงานกร่อยแน่” ผมรำพึงรำพันกับตัวเองขณะนั่งอยู่บนรถเมล์ จนเด็กที่นั่งข้างๆ หันมามองแบบแปลกๆ สงสัยคงนึกว่าผมเพี้ยนนั่งบ่นอยู่คนเดียวแน่ๆ 5555

พอถึงที่หมาย ผมก็ไม่รอช้า เพราะตอนนั้นเข้าสู่ช่วงบ่ายแล้ว มีอะไรต้องเตรียมเยอะไปหมด ผมซื้อปลาแซลมอนชิ้นใหญ่ไปสองชิ้น กะให้อิ่มเลย ซื้อฟูซิลลี่ถุงใหญ่ (พาสต้าเกลียว คล้ายๆขนมโปเต้) มาถุงนึง ผงหมักสเต็ก เครื่องปรุงอื่นมีแล้ว ส่วนเค้ก ผมเลือกชิ้นขนาดพอดีสองคนทาน เปล่าผมไม่ได้เห็นแก่ตัวกินกับเธอสองคนนะ เพียงแต่ก่อนจะออกมาซื้อของ ผมคุยทำความเข้าใจกับแฟลทเมทคนอื่นๆ แล้วว่า เย็นนี้ผมจะจัดงานพิเศษให้ยุน จี แค่สองคนเท่านั้น ซึ่งพวกนั้นก็เข้าใจผมดี ไม่เข้ามาเป็น กขค. เด็ดขาด 555

ผมนั่งรถกลับด้วยความเบิกบานใจอย่างที่สุด มองออกไปนอกหน้าต่างรถ รู้สึกสดชื่นกับอากาศอันอบอุ่น สบายๆ มีความสุข อยากเห็นหน้าเธอตอนประหลาดใจจริงๆ บางครั้งผมก็หัวเราะ หึ หึ ออกมาคนเดียว คนนั่งข้างๆ ก็มองผมด้วยความแปลกใจ (อีกแล้ว) เปล่า ผมไม่ได้บ้า ผมแค่มีความสุขจนเก็บไว้ไม่อยู่เท่านั้นเอง 55555

กว่าจะถึงหอพักก็เกือบสี่โมงเย็น หลังจากจัดของเสร็จ ผมลงมือทำอาหารอย่างไม่รอช้า หมักปลาแซลมอนกับผงสเต็ก ใส่เกลือ พริกไท ออริกาโนอีกนิดนึง ใส่น้ำต้มสุกลงไปประมาณหนึ่งช้อนชา คลุกแล้วหมักเอาไว้ประมาณ 45 นาที ก่อนนำไปย่าง ระหว่างนั้น ผมเตรียมฟูซิลลี่ ผงคะนอร์ อันนี้ขาดไม่ได้ครับ เพราะเตรียมไว้ใส่ตอนผัดฟูซิลลี่ สับกระเทียม หั่นเห็ดให้เรียบร้อย เตรียมพร้อมทุกอย่าง ระหว่างที่รอปลาแซลมอนหมักจนได้ที่ ผมเอาของที่ซื้อมาประดับห้องติดประตู หน้าต่างครัว ดูสวยงาม พิมพ์ข้อความลงบนกระดาษติดเป็นป้ายตั้งแต่ทางเข้า เหมือนป้ายบอกทางให้ยุน จี เดินเข้ามาในครัว ติดไว้ข้างนอกเรียบร้อย แล้วจึงลงมือเอาปลาแซลมอนเข้าเตาย่าง ผัดฟูซิลลี่ กลิ่นหอมฉุย เตรียมผักสลัดน่าทานไว้ด้านข้าง ไม่นานนักปลาแซลมอนย่างร้อนๆ เกรียมหน่อยๆ ก็พร้อมเสริฟ ผมเอาฝาชีมาครอบอาหารทั้งหมดบนโต๊ะ ตอนนี้ก็ประมาณอีกสิบห้านาทีหนึ่งทุ่ม ไม่รู้เธอจะกลับมากี่โมง แต่ดูแล้วยังไม่มีทีท่าว่าจะกลับ ผมจึงรีบวิ่งไปอาบน้ำอาบท่าอย่างรวดเร็วแล้วกลับมาประจำการ

ผมรอไปเรื่อยๆ ไม่รู้ว่าเธอจะมาเมื่อไหร่ เพื่อนบางคนเดินเข้ามาอุ่นอาหารในครัวแปลกใจ จนถามผมว่า “ยังไม่มาอีกเหรอ” รอจนถึงสองทุ่ม ผมเองก็ปิดไฟในครัวไว้ รอเธอในความมืดอยู่อย่างเงียบๆ นั่งรอเธอบนเก้าอี้ตัวยาวริมหน้าต่างหัวพิงกับด้านข้างของตู้เย็น เหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง ทางที่มืดมิด มีเพียงแสงไฟริมทางเดินเท่านั้นที่ช่วยให้บรรยากาศรอบๆ ดูสว่างขึ้น แม้เพียงเล้กน้อยก็ตาม เธอกลับช้าจัง เกิดอะไรขึ้นรึเปล่านะ เธอกินข้าวรึยัง แล้วจะหิวรึเปล่า ผมคิดไปคิดมาจนผล็อยหลับไปเพราะความเหนื่อย

ผมรู้สึกตัวอีกครั้งตอนที่รู้สึกเหมือนกับว่ามีแสงไฟมาแยงตา แล้วรู้สึกเหมือนมีอะไรแข็งๆ มาแตะที่จมูก พอลืมตาขึ้นมา ผมถึงกับตกใจ เพราะเห็นตาของคนๆ นึงแนบชิดกับตาของผมแบบขนตาชนกัน ผมผงะจนหัวโขกเอากับตู้เย็น อูยยยยย เจ็บ พอเงยหน้าขึ้นมอง เห็นยุน จียืนยิ้มแฉ่งอยู่ข้างหน้า ผมคิดว่าคนที่เซอร์ไพรซ์คงจะเป็นผมมากกว่าเธอ

“อะไรกันเนี่ยยยย”  ผมถาม

“5555555 ตกใจมากเลยเหรอ เมื่อกี้สงสัยอยู่ว่าที่หน้าแฟลทมีกระดาษอะไรแปลกๆแปะอยู่ พออ่านดูเลยเดินตามเข้ามา พอเปิดไฟก็เห็นใครไม่รู้นอนอยู่ เกิดอะไรขึ้นล่ะเนี่ย วันนี้ดูครัวของเราสวยขึ้นนะ” เธอยิ้มอย่างมีความสุข

ผมไม่รอช้าเป่าแตรออกมาเสียงดังในขณะที่เธอหันหลังให้จนเธอตกใจร้องกรี๊ดออกมา

“สุขสันต์วันเกิดครับ คุณลี ยุน จี!!!! ขอให้มีความสุขตลอดไปนะ”

“ขอบคุณมากๆเลย มีอาหารด้วยเหรอเนี่ย ไหนดูสิ มีอะไรบ้าง” เธอเปิดฝาดู แล้วร้องออกมาอย่างดีใจ “โอ้โห มีแซลมอนด้วย เธอทำเองเหรอ”

“ใช่ แต่ตอนนี้คงเย็นหมดแล้วล่ะ เธอหิวรึเปล่า”

“ไม่เป็นไรๆๆ อุ่นได้นะ เธออุตส่าห์ทำทั้งทีก็ต้องกินให้อร่อย”
หลังจากอุ่นแล้วเราสองคนก็นั่งทานด้วยกันอย่างเอร็ดอร่อย ยุน จีเล่าเรื่องในวันนี้ให้ผมฟังว่า เธอต้องทำอะไรบ้าง แล้วก็ถามเรื่องที่ผมทำในวันนี้ เธอคิดว่าผมจะลืมวันเกิดเธอไปซะแล้ว เพราะเมื่อเช้าดูเหมือนผมจะไม่สนใจอะไรเลย

แล้วผมก็เอาเค้กออกมาจากตู้เย็น ปักเทียนจำนวนเท่าๆ กับอายุของเธอ จุดไฟ ร้องเพลงอวยพรวันเกิดให้กับเธอ ผมร้องเพลงวันเกิดเป็นภาษาเกาหลีด้วยนะ แซงอิลชุกคา ฮัมนิดา แซงอิลชุกคา ฮัมนีดา เธอถึงกับหัวเราะออกมาเสียงดัง ผมร้องผิดรึเปล่าไม่รู้ 555 พอจบเพลงเธอก็อธิษฐานก่อนเป่าดับเทียน ทีเดียวหมด แรงดีจริงๆ

“รอแป๊บนึงนะ เดี๋ยวมา...” ผมขอตัวออกไปเอาของขวัญที่เตรียมไว้ให้เธอจากในห้อง

“มีของขวัญด้วยเหรอ ดีใจจังเลย ขอบคุณมากๆเลยนะ” เธอยิ้มออกมา แต่นัยตาเธอเริ่มแดง น้ำตาปริ่มๆ

“ไม่เป็นไรหรอก แกะออกดูสิ ไม่รู้เธอจะชอบรึเปล่า”

เธอแกะกระดาษห่อของขวัญออก เปิดกล่องออกมาแล้วยิ้มอย่างมีความสุขเมื่อเห็นผ้าพันคอ

“ชอบสิ สวยมากๆ เลยนะ” เสียงเธอออกเครือๆ น้ำตาเริ่มใหลลงมา ผมเอามือเช็ดน้ำตาให้เธอ

“ร้องไห้ทำไมเหรอ ชั้นไม่เคยทำอะไรให้เธอเลยซักครั้ง แต่เธอสิอุตส่าห์ให้กำลังใจชั้นตอนชั้นกำลังตกที่นั่งลำบาก เวลาที่ต้องการใครซักคน มีแต่เธอที่เป็นกำลังใจให้”

“ไม่หรอกๆ เธอดีกับชั้นจริงๆ ขอบคุณมากๆ รู้สึกตื้นตันใจเหลือเกิน” เธอพูดแล้วจับมือผมเอาไว้

พอทานเค้กเสร็จ เราก็ช่วยกันล้างจานเก็บของจนเสร็จ ตอนนั้นสี่ทุ่มกว่าแล้ว พอออกจากห้องครัว เราสองคนเห็นคริสตี้ ยืนอมยิ้มอยู่หน้าประตูครัว ก่อนที่เธอจะพูดอะไรออกมา ผมกับยุนจีรีบเดินไปที่ห้องแล้วแยกย้ายกันเข้าห้องใครห้องมัน

เรื่องราวงานวันเกิดของลี ยุน จีก็จบลงด้วยประการฉะนี้.........

จากคุณ : Red Boomer
เขียนเมื่อ : 14 มิ.ย. 55 07:22:12




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com