ต้องขอโทษอีกครั้งค่ะที่บทนี้นานมากกว่าจะได้โพสต์ คราวก่อนบอกว่าอีกบทเดียวจบแล้ว หลังจากที่คุณ MidNite ทักว่ายังไม่น่าจบเร็วเกินไป ยังมีอะไรอีกหลายอย่างไม่ลงตัว ก็เลยเอาบทสุดท้ายนั่นมาอ่านทวนก็เห็นจริงตามนั้นเลยค่ะ บทสุดท้ายที่เขียนไปแล้วรวบรัดเกินไป ก็เลยเอามาขยายให้มีรายละเอียดขึ้นอีกเป็น 3 บท คือบทนี้กับอีก 2 บท แล้วก็บทส่งท้าย ต้องขอขอบคุณคุณ MidNite อย่างสุดซึ้งเลยค่ะที่ทักขึ้นมา ไม่งั้นก็คงคิดไปไม่ถึง อีก 2 บทที่เขียนเพิ่มขึ้นมากับบทส่งท้ายจะพยายามลงให้จบภายในเดือนนี้หรือย่างช้าที่สุดก็ต้นเดือนหน้านะคะ
บทที่ 33 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12109606/W12109606.html
บทที่ 34
ความหมายของคำพูดเหล่านั้นอึงอลอยู่ในรถนานทีเดียว ทั้งยังมีผลต่อคนฟังรุนแรงไม่ต่างกัน ฉวีเงียบกริบ ไอรีนจ้องเขม็งออกไปนอกรถแม้มองไม่เห็นอะไรสักอย่าง ใจเต้นโครมครามเมื่อคิดทบทวนและทำความเข้าใจ เขาหมายถึงใครทำไมเธอจะไม่รู้ พอมองออกมานานแล้วว่ากริชคิดอย่างไร เพียงแต่ทำใจให้เชื่อไม่ได้เท่านั้นเอง ที่สำคัญยิ่งกว่าคือยอมรับไม่ได้ ในเมื่อไม่ว่าจะมองจากแง่ไหนก็ล้วนแต่ไม่ถูกต้องไปเสียทั้งนั้น
สติกลับคืนเมื่อได้ยินเสียงแหบระโหยมาจากทางด้านหลัง เป็นคำถามที่ทำเอาร้อนวูบแล้วชาวาบไปทั้งตัวเมื่อได้ยินชัดๆ
คุณกริชหมายถึงคุณหญิงหรือคะ ฉวีถามตรงไปตรงมาเสียจนน่าตกใจ
กริชไม่ตอบ ที่จริงก็ไม่จำเป็นต้องตอบ ความเงียบของเขาบอกชัดอยู่แล้ว
แต่ความเงียบนั้นกลับกลายเป็นแรงยั่วยุอารมณ์ของฉวีได้อีก
ทำไมคุณกริชไม่บอกหวีแต่แรกล่ะคะ หล่อนตัดพ้อ
คราวนี้เขาสวนกลับแทบจะในทันที
ก็ทำไมผมต้องบอกคุณล่ะคุณฉวี ผมจะรักใครชอบใครไปเกี่ยวอะไรกับคุณด้วย
เสียงเขาเข้มจัด แสดงว่าเริ่มหมดความอดทนแล้ว เป็นน้ำเสียงแบบที่เธอไม่ได้ยินกริชใช้กับใครบ่อยนัก เขาทำให้เธอแปลกใจจนต้องเหลียวมอง สบนัยน์ตาเข้มเฉียบทอประกายอบอุ่นผิดกับเสียงพูดลิบลับ และทันทีที่ตาสบกัน พรายยิ้มอ่อนจางผุดขึ้นที่มุมปาก เธอเป็นฝ่ายหลบ เสมองผ่านเขาออกไปภายนอกจากฝั่งคนขับเมื่อเริ่มเห็นบ้านเรือนผู้คนประปราย
เข้าเขตจอมบึงแล้วใช่ไหมกริช เธอตั้งใจจะลดความตึงเครียดของบรรยากาศลงเสียบ้าง
และเขาก็เข้าใจ
ครับคุณหญิง ที่จริงก็เข้าเขตจอมบึงนานแล้วครับ
น้ำเสียงเขากลับมาเหมือนเดิมเมื่อคิดได้ ไม่มีประโยชน์อะไรจะถกเถียงกับคนที่ดูเหมือนไม่ยอมเข้าใจอะไรง่ายๆ เวลานี้ฝ่ายนั้นกำลังอ่อนแอทั้งร่างกายและจิตใจ คงยากที่จะพูดกันรู้เรื่อง
เหลือบมองทางกระจกส่องหลังอีกครั้งก็ให้อนาถใจ ฉวีดูยับเยินราวเป็นคนละคนกับที่ลงจากรถไฟเมื่อครู่ ใบหน้าที่ตกแต่งไว้อย่างประณีตนั้นหมองคล้ำ ขอบตาแดงช้ำ มีสีดำจากดินสอเขียนคิ้วและขอบตาละลายเลอะเป็นทางอยู่บนสันแก้ม ผมเผ้ายุ่งเหยิงเพราะถูกลมตีและหล่อนก็ไม่สนใจจะจัดให้เข้าที่เข้าทางอีกแล้ว
ใจเขาจึงอ่อนลง น้ำเสียงพลอยอ่อนโยนตามไปด้วย
คุณไพจิตรย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านเช่าแล้วครับคุณฉวี ผมคิดว่าเรือนแถวของข้าราชการไม่เหมาะที่จะอยู่กันเป็นครอบครัว คุณฉวีไปกรุงเทพไม่นานผมแนะนำให้คุณไพจิตรหาบ้านเช่า ได้บ้านหลังใหญ่ใช้ได้ทีเดียว อยู่เยื้องกับบ้านพักของผม ใกล้ที่ทำการอำเภอด้วย คุณไพจิตรบอกผมว่าคุณฉวีเองก็บ่นเรื่องที่ต้องอยู่เรือนแถวอยู่เหมือนกัน ไปเห็นหลังนี้คุณคงชอบ
หล่อนจะชอบหรือไม่ก็ยากจะเดาเมื่อรถมาจอดเทียบหน้าประตูบ้านไม้สองชั้น แม้อาณาบริเวณจะไม่กว้างขวาง หากก็มีรั้วรอบขอบชิดและมีความเป็นส่วนตัวอยู่มาก ตัวเรือนนั้นมีขนาดใหญ่ทีเดียว แม้มองจากภายนอกก็เห็นได้ชัดเจน
ผมคงต้องส่งคุณลงแค่นี้ ผมมีงานที่ผมต้องไปทำ กริชสรุปแบบมัดมือชก ไม่เปิดโอกาสให้ฝ่ายนั้นได้คัดค้านหรือเหนี่ยวรั้งไว้ได้อีก
บอกแล้วเขาเปิดประตูลงก่อน แล้วอ้อมรถมาทางตอนหลัง
ฉวีไม่ขยับเขยื้อน หล่อนพึมพำอะไรบางอย่าง พอจับความได้เพียงว่าหล่อนจะไม่ไปอยู่กับไพจิตรอีกแต่จะกลับกรุงเทพ
คุณกริชช่วยพาหวีกลับไปที่สถานีรถไฟด้วยเถอะค่ะ หล่อนวิงวอนเมื่อเขาเปิดประตูรถให้
วันนี้ไม่มีรถกลับกรุงเทพแล้วครับคุณฉวี เที่ยวต่อไปก็พรุ่งนี้สายๆ คุณจะไปคอยอยู่ที่สถานีรถไฟทั้งคืนอย่างนั้นหรือ
ฉวีอ้ำอึ้ง ทำท่าทำทางเหมือนจะเริ่มร้องไห้อีกครั้ง ไอรีนเห็นใจ หล่อนคงทั้งสับสนและท้อแท้ จึงเสนอทางเลือกให้
ค้างที่นี่สักคืนเถอะค่ะคุณฉวี นี่ก็เย็นแล้ว อีกไม่นานก็มืด ค่ำๆ มืดๆ จะให้กริชขับรถพาไปทิ้งไว้ที่สถานีปากท่ออีกคงไม่ดีแน่ พรุ่งนี้ถ้าคุณฉวียังคิดจะกลับกรุงเทพ กริชคงไปส่งให้ได้ หรือไม่เราก็กลับด้วยกันวันมะรืนนี้
ดูเหมือนจะได้ผล ฉวีอ้อมๆ แอ้มๆ ตอบรับแต่โดยดี
หวีขอกลับพร้อมคุณหญิงก็แล้วกันค่ะ
หล่อนลงจากรถอย่างกระปลกกระเปลี้ย และยอมเข้าบ้านไปกับผู้ยังคงได้ชื่อว่าเป็นสามีแต่โดยดี ไอรีนเดาเอาว่าฉวีคงท้อแท้จนหมดเรี่ยวแรงที่จะต่อต้านอะไรอีก และทุกอย่างคงจบลงด้วยดีในที่สุดเมื่อสามีภรรยามีโอกาสได้พูดคุยกันตามลำพัง