ภูตคราม บทที่ 5 การตรวจสอบ
|
 |
ภูตครามบทต้น http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=moonyforever&month=26-04-2012&group=22&gblog=1
บทที่ 4 เงา http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12188924/W12188924.html
บทที่ 5 การตรวจสอบ เช้าวันใหม่พิมมาดาลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวเพื่อออกไปทำงานตามปรกติ ระหว่างที่กำลังปิดกุญแจรั้วหญิงสาวก็ต้องนิ่วหน้าเมื่อรู้สึกถึงความเย็นจากลมกลุ่มหนึ่งพัดวูบผ่านร่าง เธอรีบเงยหน้าขึ้นและหันมองไปรอบตัวโดยหยุดสายตาไว้ที่มะตูมต้นใหญ่ริมคลอง เมื่อแน่ใจว่าไม่มีสิ่งใดก้าวออกจากต้นไม้แล้วหญิงสาวจึงถอนใจพร้อมกับบ่นพึมพำ
คิดไปได้นะเรา ภูตครามจะเข้าไปอยู่ในต้นมะตูมได้ยังไง
พูดจบเธอก็หย่อนกุญแจลงกระเป๋าและเดินไปตามทางที่รกครึ้มไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ เมื่อเห็นรถจักยานยนต์รับจ้างคันหนึ่งวิ่งผ่านมาหญิงสาวจึงรีบร้องเรียกเพื่อโดยสารออกไปยังปากซอย เมื่อถึงถนนใหญ่แล้วจึงขึ้นรถโดยสารประจำทางต่อไปยังบริษัทของเธอ
ทันทีที่ก้าวเข้าไปในห้อง พนักงานทุกคนต่างหันมามองพิมมาดาเป็นตาเดียว ฤทธิ์ซึ่งปรกติจะเป็นคนพูดจาสนุกสนานเฮฮาอยู่ตลอดเวลารีบเดินเข้ามาหาพร้อมกับถามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วง
พี่พิมเป็นอะไรมากหรือเปล่าครับ
อะไรนะพิมมาดาทำหน้างงและไล่สายตามองทุกคนในห้อง ฤทธิ์จึงพูดต่อ
ก็ที่หกล้มเมื่อวานไงครับ
อ๋อคราวนี้หญิงสาวหันไปมองนิลเนตรที่กำลังจัดเอกสารลงแฟ้ม อีกฝ่ายส่งยิ้มกลับมา
ฉันเล่าเรื่องที่เราเจอเมื่อวานให้ทุกคนฟังน่ะ
เพื่อนสาวรีบบอก พิมมาดาถอนใจออกมาเบาๆก่อนจะหันไปตอบพนักงานรุ่นน้อง
แค่หัวเข่าถลอกนิดหน่อยเท่านั้นไม่ได้เป็นอะไรมากหรอก
แต่ก็โชคดีนะคะที่คุณพิมไม่ได้เป็นอะไร ป้าแช่ม แม่บ้านผู้รับทำงานจิปาถะประจำบริษัทพูดขึ้นมาบ้าง หลายคนพยักหน้าเป็นทำนองเห็นด้วยในขณะที่สิทธิศักดิ์พูดเสียงเรียบ
แต่ผมสะใจที่คนร้ายสองคนนั่นตาย
นั่นสิ แบบนี้เขาเรียกว่ากรรมทันตา คุณพิมเป็นคนดีผีสางเทวดาเลยลงมาช่วย หมดเคราะห์หมดโศกกันไปแล้วล่ะค่ะ
ป้าแช่มพูดเสริมตามความเชื่อของตน ความรักนับถือในตัวพิมมาดา ทำให้เธอรีบพนมมือขึ้นและหันไปไหว้หิ้งพระที่อยู่อีกด้านหนึ่งของห้องพร้อมกับกล่าวอะไรออกมาสองสามคำซึ่งหญิงสาวพอจะฟังออกว่ามันเป็นคำเรียกขวัญของชาวเหนือ คำพูดและความห่วงใยของพนักงานบริษัทที่มีต่อพิมมาดาสร้างความหมั่นไส้ต่อนงนภัสที่กำลังนั่งไขว่ห้างอยู่หน้าห้องนายองอาจเป็นอย่างมาก เธอแบะปากและสะบัดหน้าไปทางอื่นพร้อมกับพูด
ฉันว่าเป็นตัวซวยมากกว่า
นิลเนตรชะงักงานที่กำลังทำทันทีและหันไปถามเสียงกระด้าง
หมายความว่ายังไงคุณนงนภัส
นงนภัสมองเธอด้วยหางตาและปรายไปทางพิมมาดา
แหม จะให้หมายความว่ายังไงล่ะคะคุณเลขาฯ ลองคิดดูให้ดีถ้าเจ้าผู้ร้ายสองคนนั้นไปวิ่งราวคนอื่นก็คงจะรอด แต่เพราะดวงซวย มากระชากกระเป๋าจากตัวซวย ความซวยมันก็เลยพุ่งเข้ามาหาจนตายคาที่ไปทั้งสองคน
การพูดแบบลอยหน้าลอยตากับน้ำเสียงที่เน้นย้ำตรงคำว่า ซวย โดยเฉพาะทำให้นิลเนตรถึงกับเดือดขึ้นมา
พูดแบบนี้ไม่สวยเลยนะคุณนงนภัส
ฉันแค่พูดความจริง จะสวยหรือไม่สวยก็แล้วแต่คนจะคิด อีกฝ่ายทำเป็นเมินมองไปทางด้านอื่นเหมือนไม่ใส่ใจในสิ่งที่ตัวเองพูดเท่าใดนัก นิลเนตรขยับเตรียมจะต่อว่าแต่พิมมาดากลับแตะแขนของเธอเอาไว้พร้อมกับส่ายหน้าเป็นเชิงห้าม
ช่างเขาเถอะ
แต่ยายนั่นกำลังว่าเธอ เลขานุการสาวพูดด้วยความโมโห พิมมาดายิ้มอย่างใจเย็น
ก็อย่างที่เขาบอก ทุกอย่างแล้วแต่คนคิด ถ้าเรารับเราก็เป็นอย่างที่เขาพูด แต่ถ้าไม่ใช่ หญิงสาวเลื่อนสายตาไปทางนงนภัสและกล่าวต่อด้วยเสียงที่ราบเรียบแต่แฝงความคมดุจต้องการเชือดผู้ฟัง
คนพูดนั่นแหละที่เป็น
นงนภัสหันขวับมามองตาวาว ในขณะที่ฤทธิ์ทุบโต๊ะระรัวพร้อมกับปล่อยเสียงหัวเราะออกมาดังลั่น
สุดยอดไปเลยพี่พิม
พนักงานรุ่นน้องหัวเราะงอหายจนนิลเนตรกลัวว่าเขาจะขาดใจตายไปเสียก่อน โชคดีที่นายองอาจก้าวเข้ามาในห้อง ฤทธิ์จึงหยุดและรีบเดินไปทำหน้าที่ของตนส่วนพิมมาดายกมือไหว้เจ้าของบริษัทอย่างนอบน้อม
สวัสดีค่ะ
นายองอาจพยักหน้ารับอย่างเคร่งขรึมและขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อนงนภัสโผเข้าไปกอดแขนพร้อมกับออดอ้อน
มาช้าจังเลย รถติดเหรอคะ
พอดีผมแวะทำธุระอะไรนิดหน่อย นายองอาจตอบและมองนิลเนตรที่กำลังก้มหน้าก้มตาจัดเรียงเอกสาร เมื่อกี้ผมได้ยินเสียงหัวเราะ คุยอะไรกันอยู่เหรอ
เรื่องไร้สาระของพวกพนักงานน่ะค่ะ อย่าไปสนใจเลย นงนภัสรีบพูดตัดบทและพยายามลากนายองอาจเข้าห้อง อีกฝ่ายฝืนตัวเล็กน้อยพร้อมกับพูด
จะรีบไปไหนน่ะนง น้ำเสียงเจือความรำคาญพลางดึงแขนออกจากการเกาะกุมของหญิงสาว อ้อคุณนิล ผมอยากจะได้ผลประกอบการของเดือนนี้ ช่วยจัดการให้หน่อย แล้วโทร.ไปย้ำคุณเอกภพด้วยว่าเรามีนัดกันพรุ่งนี้บ่ายสาม
ค่ะนิลเนตรรับคำพร้อมกับบันทึกคำสั่งทั้งหมดลงสมุดและรีบเดินตรงไปที่ห้องของ พิมมาดาเพื่อขอเอกสารตามที่เจ้านายต้องการ ทางด้านนายองอาจเมื่อสั่งงานเลขานุการเสร็จเรียบร้อยแล้วจึงเดินเข้าไปในห้องโดยมีนงนภัสก้าวตามไปด้วยเหมือนเงาตามตัว ทันทีที่อยู่กันตามลำพัง หญิงสาวจึงเริ่มออดอ้อนทันที
คุณองอาจขา เมื่อกี้นิลเนตรกับพิมมาดาชวนพนักงานบริษัทคุยค่ะ
ไม่เห็นแปลก พวกเขาทำงานด้วยกัน ก็ต้องคุยกันบ้างเป็นเรื่องธรรมดา นายองอาจพูดพลางดึงแฟ้มงานมาเปิด นงนภัสกระแทกลมหายใจออกมาค่อนข้างแรง
แต่นี่มันเป็นเวลางานนะคะ ทำแบบนี้เหมือนหาเรื่องอู้กันชัดๆ
อย่าคิดมากไปหน่อยเลยนงเสียงนายองอาจออกแนวเบื่อหน่ายมากกว่าความรำคาญขณะไล่สายตาดูเอกสารที่ถูกจัดเตรียมเอาไว้ นงนภัสเม้มปากเล็กน้อยก่อนทิ้งตัวนั่งลงบนโต๊ะ
แต่พวกเขาว่านงด้วยนี่คะ
เขาว่าอะไรคุณ อีกฝ่ายถามทั้งที่สายตายังคงจ้องอยู่ที่ตัวเลขบนกระดาษ เมื่อเห็นหญิงสาวทำเป็นอิดเอื้อนเหมือนไม่อยากจะพูดนายองอาจจึงเงยหน้าขึ้น ทำไมไม่พูดล่ะ
ก็นงไม่อยากบอก เดี๋ยวคุณองอาจจะโกรธ
ผมจะไปโกรธอะไรคุณ นายองอาจปิดแฟ้มและเลื่อนไปกุมมือนงนภัสอย่างเอาใจ นิลเนตรเขาพูดว่ายังไง
ช่างมันเถอะค่ะนงนภัสแสร้งทำเป็นไม่สนใจและย้ายสะโพกจากโต๊ะลงไปนั่งบนตักนายองอาจนงว่าเราคุยเรื่องอื่นกันดีกว่า
งั้นคุยเรื่องอะไรดี เจ้าของบริษัทยาถาม อีกฝ่ายเอียงหน้าเพื่อให้ดูน่ารักก่อนทำเสียงอ้อน
เมื่อวานนงไปเดินห้าง เจอกระเป๋าใบนึงสวยถูกใจ เธอเอนตัวลงซบอกนายองอาจครั้นจะซื้อก็เงินไม่พอ นงงี้เสียดายแทบตาย
งั้นเย็นวันนี้เราไปซื้อด้วยกัน ว่าแต่กระเป๋านั่นมันใบละเท่าไหร่
สองหมื่นเองค่ะ นงนภัสจีบปากจีบคอพูดแต่นายองอาจกลับทำตาโต
สองหมื่น! เขาทวนคำเสียงดังลั่น กระเป๋าอะไรทำไมมันแพงขนาดนั้น
ก็มันเป็นของต่างประเทศนี่คะ แต่ถ้าคุณองอาจคิดว่ามันแพงก็ไม่เป็นไร นงไม่จำเป็นต้องใช้ก็ได้ค่ะ
พูดพลางทำเป็นลุกขึ้นเดินหนีอย่างเง้างอน นายองอาจส่ายหน้าพร้อมกับถอนใจ
ในเมื่อคุณอยากได้ผมก็จะซื้อให้ แต่แค่กระเป๋าใบเดียวเท่านั้นนะ
นงนภัสรีบถลาเข้าไปกอดเขาทันทีพร้อมกับหอมแก้มซ้ายขวาข้างละหนึ่งฟอดเพื่อเป็นการเอาใจ
แค่นั้นก็ได้ค่ะ แต่นงขออะไรอีกนิดได้ไหมคะ เธอเอียงคอทำเสียงหวาน เมื่อเห็นอีกฝ่ายมองด้วยสายตาเชิงถามจึงรีบพูด เย็นนี้คุณต้องทานข้าวกับนง
อ๋อ ได้สิ นายองอาจพูดอย่างอารมณ์ดี นงนภัสยิ้มกว้างและทำท่าจะซบเขาอีกครั้งแต่ต้องหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู เธอรีบถอยออกไปนั่งที่เก้าอี้ด้วยท่าทางไม่พอใจและยิ่งตีสีหน้าบูดบึ้งหนักขึ้นเมื่อเห็นว่าผู้ที่กำลังก้าวเข้ามาคือพิมมาดา
มีเรื่องด่วนค่ะ เธอพูดแค่นั้นแล้วหยุดนิ่ง นายองอาจขมวดคิ้วด้วยความสงสัยแต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายปรายตาไปทางนงนภัสเขาจึงผงกศีรษะ
ไปนั่งเล่นข้างนอกก่อนนะนง
หญิงสาวทำท่าจะแย้งแต่เมื่อเห็นสีหน้าของนายองอาจแล้วเธอจึงลุกพรวดก้าวออกจากห้องโดยไม่ลืมส่งสายตาอาฆาตมายังพิมมาดา ฝ่ายนายองอาจเมื่อเห็นนงนภัสออกไปแล้วจึงชี้ไปที่เก้าอี้เป็นเชิงเชื้อเชิญให้พนักงานสาวนั่ง
มีอะไรหรือคุณพิม
เมื่อครู่คุณกรเทพโทร.มาค่ะเธออธิบายเขาปฏิเสธการชำระเงินงวดล่าสุดด้วยเหตุผลที่ว่า ได้รับสินค้าไม่ครบตามจำนวน
เป็นไปได้ยังไง เราส่งของให้เขาครบตามที่สั่ง มีหลักฐานยืนยันทั้งใบส่งของและใบรับ คนของเขายังเป็นตรวจนับจำนวนเองด้วยไม่ใช่เหรอ
ดิฉันก็กล่าวไปตามที่ท่านพูด แต่ทางนั้นยืนยันมาว่า ของไม่ครบ
บ้าน่า บริษัทของเราไม่เคยทำสะเพร่า ผมไม่เชื่อ เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด เขามองหญิงสาว คุณช่วยไปหาเอกสารยืนยันการรับของให้หน่อยว่าทางนั้นรับสินค้าเราไปครบทุกอย่าง และนำมาให้ผมดูด้วยจะได้โทร.ไปยืนยันกับคุณกรเทพอีกครั้ง
ดิฉันจัดการเรียบร้อยแล้วค่ะพิมมาดาพูดพลางวางแฟ้มชุดหนึ่งลงบนโต๊ะ ทุกอย่างถูกต้องครบตามจำนวน แต่พอแจ้งกลับไปทางนั้นก็ตอบมาว่า จำนวนกล่องครบ แต่ตัวยาข้างในหายไป
ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคุณกรเทพจะใช้เหตุผลแบบนั้นมาเป็นข้ออ้างนายองอาจพูดพลางอ่านเอกสารตรงหน้าจำนวนเงินไม่คุ้มกับชื่อเสียงของบริษัทเลยด้วยซ้ำ
ตอนแรกฉันก็คิดแบบเดียวกับคุณองอาจ แต่พอคุณกรเทพวางสายไปไม่นาน บริษัทอื่นก็โทร.เข้ามาขอระงับการชำระเงินด้วยเหตุผลเดียวกัน
ผู้เป็นนายถึงกับทำตาโต
นอกจากคุณกรเทพแล้วยังมีบริษัทอื่นด้วยหรือนี่ คิ้วขมวดเข้าหากันก่อนจะถามประโยคต่อไปทั้งหมดกี่ราย
เฉพาะตอนนี้มีแจ้งเข้ามาแล้วถึงแปดบริษัท ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าได้รับยาไม่ครบ มีอยู่สองที่ระบุว่ากล่องบรรจุภัณฑ์มีร่องรอยเหมือนถูกแกะ พอเปิดออกดูจึงพบว่ายาที่อยู่ในนั้นหายไป
คราวนี้นายองอาจถึงกับอึ้ง นิ้วอูมเคาะโต๊ะอย่างใช้ความคิด
ยาหายไปเขาทวนคำและยกมือขึ้นลูบคางจะบอกว่าเป็นการสร้างเรื่องเพื่อที่จะต้องไม่จ่ายเงินก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะคุณกรเทพติดต่อค้าขายกับเรามานาน แถมยังเคยชำระเงินล่วงหน้าทั้งที่ของยังไม่เข้ามาด้วยซ้ำ ส่วนบริษัทอื่นก็ไม่เคยตุกติดเรื่องการชำระเงิน
เขาพลิกกระดาษดูตัวเลขจำนวนเงินและพูดเบาๆ
แค่ไม่กี่หมื่นเท่านั้น เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะรวมหัวกันโกงบริษัทของเรา
นายองอาจปิดแฟ้มและนิ่วหน้า
หมายความว่ายาหายไปจริง แต่มันถูกดึงออกไปเมื่อไหร่และใครเป็นคนทำเขามองหญิงสาวแล้วพวกเขาบอกหรือเปล่าว่าเป็นยาชนิดไหน
พิมมาดาส่งกระดาษอีกแผ่นให้กับเขา เมื่อเปิดออกอ่าน คิ้วของนายองอาจก็ขมวดเข้าหากันทันที
เป็นยานอกราคาแพงทั้งนั้น
ค่ะ และมีแค่สามชนิดนี่เท่านั้นที่หาย
แสดงว่าคนที่เอาไปต้องรู้จักยาดีพอสมควร และต้องรู้ด้วยว่าต้องเอาไปขายที่ไหนนายองอาจพูดพลางพับกระดาษแผ่นนั้นใส่กระเป๋าเสื้อและพูดอย่างเคร่งขรึมแต่ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเป็นฝีมือของคนในบริษัทเรา
เขาทำท่าคิด
เอาอย่างนี้ คุณลงไปที่โกดังและลองสุ่มตรวจดูว่ามีอะไรหายไปบ้าง ผมรู้ว่ามันไม่ใช่หน้าที่แต่คุณคนเดียวเท่านั้นที่ผมไว้ใจ ถ้ายาในโกดังหายแสดงว่าเป็นฝีมือของพนักงานในบริษัทเรา แต่ถ้าไม่ใช่ก็หมายความว่ามีการลักลอบขนย้ายกันระหว่างการขนส่งซึ่งผมจะจัดการในส่วนนั้นอีกที ตอนนี้ขอให้คุณยืนยันให้ได้ก่อนว่ายาหายจากที่ใด
ค่ะ พิมมาดารับคำสั้นๆ นายองอาจนิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ
อีกอย่างห้ามบอกเรื่องนี้ให้ใครฟังทั้งสิ้น และระหว่างการตรวจพยายามใช้คนให้น้อยที่สุดคอยสังเกตให้ดีว่าคนที่มาช่วยแสดงอาการยังไง ทราบผลเมื่อไหร่รายงานผมได้ทันที
ค่ะ
พิมมาดารับคำพร้อมกับพยักหน้า เสียงเคาะประตูห้องทำให้นายองอาจดันแฟ้มกลับไปทางหญิงสาวเหมือนจะบอกให้เธอนำไปเก็บจากนั้นจึงรีบเอนตัวพิงพนักเก้าอี้พร้อมกับพูด
เข้ามาได้
นิลเนตรเปิดประตูอย่างระวังพร้อมกับก้มศีรษะลงเล็กน้อยเป็นเชิงขออภัยก่อนก้าวเข้ามาในห้อง พิมมาดาจึงลุกขึ้น
งั้นฉันขอตัวไปทำงานต่อนะคะ
นายองอาจพยักหน้ารับ หญิงสาวจึงส่งยิ้มให้กับเพื่อนก่อนก้าวออกจากห้องในขณะที่ นิลเนตรวางแฟ้มอีกชุดลงบนโต๊ะ
ผลประกอบการของเดือนนี้ค่ะ ส่วนคุณเอกภพ ขอเลื่อนนัดขึ้นมาเป็นบ่ายสองโมงครึ่ง สถานที่เดิม
ขอบคุณมาก นายองอาจกล่าวพลางหยิบแฟ้มมาเปิดและร้องเรียกเลขานุการสาวซึ่งกำลังเดินออกจากห้องอ้อคุณนิล
เธอหมุนตัวหันกลับมาแต่ยังไม่ทันจะได้เอ่ยปากถามเจ้านายก็เป็นฝ่ายชิงพูดขึ้นมาก่อน
พยายามอย่าต่อปากต่อคำกับนงนภัสเขาให้มากนัก ผมขี้เกียจฟังและไม่อยากเสียเงินซื้อของแพง
นิลเนตรยิ้มแหยและก้มศีรษะลง
ค่ะคุณองอาจ ต่อไปดิฉันจะระวัง ต้องการอะไรอีกไหมคะ ประโยคสุดท้ายเธอถามตามหน้าที่เลขานุการที่ดี เมื่อเห็นอีกฝ่ายส่ายหน้าหญิงสาวจึงก้าวออกจากห้องและเดินตรงไปยังโต๊ะของเธอแต่แทนที่จะได้ทำงานนิลเนตรกลับพบว่านงนภัสกำลังนั่งไขว่ห้างอยู่บนเก้าอี้ของเธอพร้อมกับเปิดสมุดบันทึกอ่านอย่างถือวิสาสะ แม้จะโกรธแต่คำเตือนของนายองอาจทำให้เลขาฯสาวจำต้องข่มใจระงับอารมณ์พร้อมกับพูดด้วยเสียงที่ไม่ดังนัก
ขอโต๊ะคืนด้วยค่ะคุณนง
อีกฝ่ายทำเพียงชำเลืองตาขึ้นมามองและลดกลับลงไปอ่านข้อความในบันทึกอย่างไม่สนใจ นิลเนตรถึงกับเดือดปุดๆเหมือนกาต้มน้ำบนเตา
ดิฉันต้องรีบทำรายงานส่งคุณองอาจ กรุณาไปนั่งโต๊ะอื่นได้ไหมคะ
น้ำเสียงสะกดอารมณ์อย่างเต็มที่ นงนภัสจึงปิดสมุดและแกล้งขยับย้ายไปนั่งเก้าอี้อีกตัวที่อยู่ใกล้กันและยกขาขึ้นไขว้ในมาดคุณนายโดยเจตนาหันปลายเท้ามาทางนิลเนตร เธอพยายามนับถึงร้อยก่อนเปิดลิ้นชักหยิบงานขึ้นมาทำ
คอแห้งจัง ขอกาแฟกินหน่อยสิ
เสียงนงนภัสดังขึ้น นิลเนตรเหลือบตามองแต่ทำเป็นไม่สนใจอีกฝ่ายจึงกอดอกพร้อมกับพูดเสียงดังมากขึ้นกว่าเดิม
หูหนวกกันหรือไง
ทุกคนหันมามองนงนภัสเป็นตาเดียว นิลเนตรเม้มปากเล็กน้อยเพื่อข่มความโกรธก่อนเงยหน้าขึ้น
ทุกคนกำลังทำงานกันอยู่ คงต้องรอสักหน่อยนะคะคุณนงนภัส
แต่ฉันอยากกินตอนนี้ เสียงแว้ดขึ้นมาอย่างวางอำนาจและจ้องนิลเนตรอย่างเอาเรื่อง เธอเป็นเลขาฯ มีหน้าที่ชงกาแฟอยู่แล้วนี่
คุณนงคงเข้าใจอะไรผิด เลขานุการมีหน้าที่จัดการงานด้านเอกสารและธุระการต่างๆให้กับเจ้านายเพียงผู้เดียวเท่านั้น ไม่มีหน้าที่ชงกาแฟให้กับใคร
นิลเนตรตอบชัดถ้อยชัดคำ นงนภัสขยับตัวนั่งตรงและมองเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจ
แต่เธอเป็นลูกจ้างของคุณองอาจ และฉันเป็นอันดับสองรองจากเขา ดังนั้นจึงมีสิทธิที่จะออกคำสั่งกับใครก็ได้
โดยนิตินัย คุณไม่มีตำแหน่งอะไรในบริษัท ทางพฤตินัยคุณอาจทำอย่างนั้นได้ แต่ก็ไม่ใช่ทุกอย่าง เอาเป็นว่าถ้าตอนนี้คุณอยากดื่มกาแฟ ฉันจะหาคนจัดการให้
เธอมองไปยังด้านหลังบริเวณทางไปห้องน้ำของพนักงานและร้องเรียก
ป้าแช่ม
ขาคุณนิล แม่บ้านขานรับพร้อมกับก้าวออกมาจากห้องน้ำในสภาพที่มือข้างหนึ่งยังถือแปรงทำความสะอาดเอาไว้ มีอะไรหรือคะ
คุณนงนภัสคอแห้งอยากได้กาแฟสักถ้วย
ได้เลยค่ะ แต่ขออิฉันล้างมือล้างไม้ให้เรียบร้อยก่อน
คุณนงเขาหิวมาก รีบมาจัดการเดี๋ยวนี้เลย นิลเนตรพูด ป้าแช่มหยุดยืนนิ่งด้วยความงงงัน ส่วนนงนภัสลุกพรวดขึ้นและแผดเสียงลั่น
จะมากไปแล้วนะ!
อะไรกันคะ คุณนงอยากดื่มกาแฟฉันก็จัดให้ ยังไม่พอใจอะไรอีก นิลเนตรพูดอย่างใจเย็น นงนภัสแทบจะเต้นเร่าๆด้วยความโกรธแต่ยังไม่ทันจะได้อ้าปากเถียงเสียงนายองอาจก็พูดขัดขึ้น
ออกไปดื่มข้างนอกกับผมก็ได้
นงนภัสหน้าเจื่อนไปเล็กน้อยส่วนนิลเนตรซึ่งถือว่าตัวเองไม่มีความผิดและทำตามที่เจ้านายสั่งทุกประการนั้นยังคงนั่งนิ่ง นายองอาจจึงวางกระดาษแผ่นเล็กลงตรงหน้าเธอพร้อมกับสั่ง
โทร.ไปบอกนวลตามนี้ด้วย
ค่ะคุณองอาจ
หญิงสาวรับคำ นายองอาจจึงเดินตรงไปที่ประตู ระหว่างนั้นพิมมาดาเดินสวนออกมาจากห้องพอดี ผู้เป็นนายจึงกำชับเสียงเรียบ
ได้เรื่องยังไงโทร.ไปบอกผมด้วย
พิมมาดาก้มศีรษะลงพร้อมกับกล่าวรับคำ
ค่ะ
สั่งเสร็จเจ้าของบริษัทเกียรติตระกูลเจริญจึงเดินออกจากห้องโดยไม่สนใจว่าใครจะตามทันหรือไม่ นงนภัสหันไปส่งสายตาอาฆาตให้กับนิลเนตรก่อนคว้ากระเป๋าและรีบวิ่งตามออกไปพร้อมกับร้องเรียก
คุณองอาจขารอด้วยค่ะ
เสียงรองเท้าส้นสูงที่ห่างออกไปทำให้พนักงานทุกคนถอนใจเฮือกออกมาพร้อมกัน ฤทธิ์หันมายกนิ้วหัวแม่โป้งให้กับนิลเนตรอย่างชื่นชม
เยี่ยมไปเลยครับคุณนิล
หญิงสาวเอนตัวพิงพนักพร้อมกับระบายลมหายใจออกมา พิมมาดาถึงถามด้วยความสงสัย
มีอะไรกันเหรอ
คุณนิลชนะน็อคเอาท์จากศึกปะทะคารมกับคุณนงนภัสน่ะครับ พนักงานรุ่นน้องพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นจนนิลเนตรต้องหันไปถลึงตาพร้อมกับพูดเสียงดุ
มากไปนายฤทธิ์ ฉันแค่บอกปัดไม่ชงกาแฟให้เขาเท่านั้น
แล้วคุณนงนภัสไม่โกรธแย่เหรอ พิมมาดาถาม เด็กหนุ่มจึงตอบด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ
จะเหลือหรือครับ เธอโกรธจนแทบจะลงไปนอนดิ้น ดีว่าคุณองอาจออกมาห้ามศึกก่อนเรื่องเลยจบ แต่จะว่าไปก็น่าเสียดายเหมือนกันเพราะมวยดีๆแบบนี้หาดูยาก
ฤทธิ์ทำท่าจะสาธยายต่อแต่นิลเนตรกลับยกมือขึ้นห้ามพร้อมกับออกคำสั่ง
ไปทำงานของเธอได้แล้ว
ครับผม พนักงานหนุ่มลากเสียงล้อเลียนและรีบเดินออกจากห้อง พิมมาดามองเพื่อนแล้วส่ายหน้า
ถึงจะไม่ชอบแต่นงนภัสเขาเป็นคนของคุณองอาจ เธอไม่ควรไปต่อปากต่อคำกับเขา
ก็แค่กวนประสาทนิดหน่อยเท่านั้น นิลเนตรตอบอย่างไม่สนใจและมองพิมมาดาที่กำลังเดินออกจากห้องนั่นเธอจะไปไหนกันน่ะพิม
ไปทำธุระข้างล่างนิดหน่อย ไว้ค่อยคุยกันต่อตอนเที่ยง
หญิงสาวร้องบอกขณะก้าวลงไปตามขั้นบันได นิลเนตรขมวดคิ้วด้วยความสงสัยแต่เมื่อนึกถึงคำพูดของนายองอาจที่กล่าวกับพิมมาดาก่อนออกจากห้อง เธอจึงเข้าใจในทันทีว่าเขาคงมอบหมายให้เพื่อนของเธอทำงานบางอย่าง เมื่อคิดได้ดังนั้นแล้วเลขานุการสาวจึงหยิบปากกาและเปิดแฟ้มเอกสารเพื่อทำงานในส่วนของเธอ
ทางด้านพิมมาดาเมื่อลงมายังชั้นล่างแล้วจึงเดินตรงไปยังโกดังเก็บสินค้าซึ่งอยู่ทางด้านหลัง พนักงานที่กำลังตรวจนับกล่องยาหันมาเห็นเข้าจึงร้องทัก
คุณพิม มีอะไรเหรอครับ
หญิงสาวสั่นศีรษะและยังคงก้าวต่อไป สิทธิศักดิ์เห็นดังนั้นจึงรีบเดินมาหาพร้อมกับถาม
มีอะไรหรือครับคุณพิม
พิมมาดามองเขาอย่างชั่งใจก่อนพูดในสิ่งที่เตรียมมา
ลูกค้าแจ้งมาว่าสินค้าชุดหลังมีปัญหาเล็กน้อย คุณองอาจเลยสั่งให้พิมลงมาดู
คำพูดของเธอทำให้หัวหน้าฝ่ายสินค้านิ่วหน้าด้วยความสงสัยพร้อมกับถาม
แล้วเขาบอกหรือเปล่าครับว่าเป็นปัญหาอะไร
ยาบางกล่องได้รับความชื้นจนเสียหาย ฉันเลยอยากลงมาตรวจดูให้แน่ใจว่ามาจากการเก็บของเราหรือเกิดขึ้นระหว่างการขนส่ง
สิทธิศักดิ์นิ่งฟังอย่างตั้งใจและผงกศีรษะรับ เขาหมุนตัวเดินนำหญิงสาวเข้าไปด้านในโกดังพร้อมกับถาม
ยาชุดไหนเหรอครับ
พิมมาดาไม่ตอบแต่กลับไล่สายตาอ่านรายชื่อตัวยาที่ระบุอยู่บนกล่องกระทั่งถึงกลุ่มตัวยาที่ได้รับแจ้งเธอจึงหยุด
ชุดนี้ค่ะ พูดพลางแสร้งทำเป็นเงยหน้าขึ้นดูเพดาน หลังคาก็ไม่มีรอยรั่ว ไม่เข้าใจเลยว่ามันชื้นได้ยังไง
นั่นสิครับ สิทธิศักดิ์พูดพลางยกลังยาใบหนึ่งลงมาวางและพลิกดูอย่างละเอียดไม่มีร่องรอยอะไรสักนิด ผมว่าน่าจะเกิดจากทางลูกค้ามากกว่า
ฉันเองก็อยากจะบอกแบบนั้น แต่เราต้องมีหลักฐานมายืนยันว่าไม่ใช่ความผิดจากทางบริษัทของเรา ไม่อย่างนั้นทางโน้นจะไม่ยอมจ่ายเงิน
พิมมาดาพูดด้วยสีหน้าเป็นจริงเป็นจัง สิทธิ์ศักดิ์ขมวดคิ้วจนหน้าผากย่น
งั้นก็เรื่องใหญ่ เขาทำท่าคิดเอาอย่างนี้ดีไหมครับ เพื่อความแน่นอนผมจะยกลังลงมาตรวจทุกใบ เขาหยุดและยกมือขึ้นเพื่อเรียกลูกน้องที่อยู่แถวนั้นแต่พิมมาดารีบห้าม
แค่ยาไม่กี่ลังเราทำกันเองก็ได้ อย่าไปกวนพวกเขาเลย
สิทธิ์ศักดิ์มองเธออย่างแปลกใจแต่ก็ยอมทำตามแต่โดยดี ทั้งคู่ช่วยกันตรวจยาทีละลังอย่างละเอียดกระทั่งถึงใบที่อยู่เกือบล่างสุด หัวหน้าแผนกสินค้ายกมันขึ้นและขมวดคิ้ว
แปลกแฮะ
อะไรหรือคะพิมมาดาถาม สิทธิศักดิ์เขย่าลังสองสามครั้งก่อนตอบ
ยาลังนี้มันเบาผิดปรกติ เขาวางมันลงและมองอย่างพิจารณา หญิงสาวส่ายหน้าพร้อมกับพูด
คุณยกยาหลายลัง อาจจะคุ้นกับน้ำหนักของมันเลยทำให้คิดว่าพวกที่เหลือเบาขึ้นกว่าเดิม
ผมทำงานที่นี่มานานจำน้ำหนักของยาแต่ละชนิดได้ดีสิทธิศักดิ์พูดพลางไล่มือไปบนกระดาษกาวที่ปิดฝาลัง หญิงสาวมองตามด้วยความสนใจ
มีอะไรหรือคะ
กระดาษนี่เคยถูกเปิด อีกฝ่ายพูดพลางใช้เล็บสะกิดกระดาษด้านหนึ่งเบาๆ มันหลุดออกมาอย่างง่ายดาย พิมมาดายืนนิ่งในทันทีขณะที่สีหน้าของสิทธิศักดิ์เคร่งเครียดขึ้น
ใครบางคนเปิดลังใบนี้และใช้กาวทาปิดทับเอาไว้อย่างเดิม เขาพูดพลางลอกกระดาษออกและเปิดฝาลังดู สิ่งที่อยู่ภายในทำให้เขาต้องอึ้งไปเล็กน้อยเพราะแทนที่จะมีกล่องยาขนาดเล็กอัดแน่นอยู่เต็ม กลับมีช่องว่างขนาดใหญ่อยู่ตรงกลาง
ยาหายไป
สิทธิศักดิ์หลุดปากพูดด้วยความตระหนก พิมมาดารีบแตะมือของเขาเอาไว้
อย่างพูดดังไปคุณสิทธิศักดิ์เธอกวาดตามองรอบตัวอย่างระวังและปิดลังยาให้เรียบร้อยเหมือนเดิม หัวหน้าแผนกสินค้ามองหญิงสาวอย่างไม่เข้าใจ
ทำไมเขานิ่งไปเล็กน้อยและมองหน้าหญิงสาว ประกายของเธอทำให้เขาฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า ยาชื้นเป็นเพียงแค่ข้ออ้างที่เธอใช้เพื่อเข้ามาตรวจนับจำนวนของยา
คุณรู้อยู่แล้ว
พิมมาดาพยักหน้าอย่างเคร่งขรึมพลางลดสายตาลงมองลังยาที่พร่องไป
ต้องขอโทษที่ไม่บอกความจริงกับคุณตั้งแต่ทีแรก มันเป็นคำสั่งของคุณองอาจ ท่านไม่อยากให้พนักงานรู้ตัวเพื่อความสะดวกในการสืบหาว่ายาถูกขโมยไปตอนไหน
แล้วทำไมคราวนี้คุณถึงยอมบอกผมสิทธิศักดิ์ถาม หญิงสาวจึงมองหน้าเขา
บอกตามตรงว่าครั้งแรกฉันก็ไม่ไว้ใจคุณเหมือนกัน แต่พอเห็นสีหน้าตอนที่รู้ว่ายาในลังหายไป ฉันถึงแน่ใจว่าคุณไม่ได้เป็นคนขโมย
เธอก้มศีรษะลงเล็กน้อย
ต้องขอโทษด้วยที่สงสัยคุณในตอนแรก
ไม่เป็นไรครับผมเข้าใจ หัวหน้าแผนกสินค้าพูดพลางก้มหน้าลงมองต้นเหตุของปัญหา แล้วคุณจะทำยังไงต่อ
เราสองคนคงต้องตรวจยาทั้งหมดเพื่อดูว่าลังไหนถูกเจาะไปแล้วบ้าง เธอหยุดพูดและหันไปมองคนงานคนหนึ่งที่กำลังเข็นรถบรรทุกลังยาออกไปก่อนอื่นเราต้องสั่งให้พนักงานทุกคนออกจากโกดัง คุณคงจะพอหาข้ออ้างได้ใช่ไหมคะ
ประโยคสุดท้ายเธอหันมาถามสิทธิศักดิ์ เขาผงกศีรษะรับและเดินหายไปราวสิบนาที พิมมาดาได้ยินเสียงพนักงานร้องบอกต่อกันจากนั้นใครบางคนก็เลื่อนประตูเหล็กปิดลง หัวหน้าแผนกสินค้าเดินกลับเข้ามาพร้อมกับพูด
เรียบร้อยแล้วครับ
ความที่ทำงานด้วยกันมานานทำให้พิมมาดาไม่จำเป็นต้องเอ่ยปากถามว่าสิทธิศักดิ์ใช้เหตุผลอะไรกับลูกน้อง เธอมองลังยาที่ตั้งเรียงซ้อนกันจนสูงเลยหัว
จะเริ่มตรงไหนก่อนดีครับ เสียงหัวหน้าแผนกสินค้าถาม หญิงสาวดึงรายชื่อยาออกมาจากกระเป๋า
แค่ยาสามกลุ่มนี้เท่านั้น
สิทธิศักดิ์รับมาอ่านและพยักหน้าอย่างเข้าใจ จากนั้นทั้งสองจึงไล่ตรวจยาภายในโกดังไปทีละลัง กระทั่งเวลาผ่านไปจนถึงห้าโมงเย็นทุกอย่างจึงเสร็จสิ้นลง พิมมาดามองลังยามีปัญหาที่ถูกแยกออกมาวางไว้ต่างหากด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหนักใจ
คิดไม่ถึงเลยว่าจะมากขนาดนี้
หญิงสาวพึมพำก่อนจะดึงโทรศัพท์มือถือมากดหมายเลข เมื่อปลายสายรับเธอจึงรีบรายงานให้นายองอาจฟัง เขานิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะออกคำสั่งกลับมา พิมมาดารับคำพร้อมกับปิดโทรศัพท์และหันหน้ากลับมาทางสิทธิศักดิ์
คุณองอาจสั่งให้แยกยากลุ่มนี้ไปไว้ด้านหลังหาผ้าใบมาคลุมให้มิดชิดและสั่งห้ามพนักงานทุกคนเข้าใกล้จนกว่าฉันจะตรวจนับเสร็จว่ายาหายไปเท่าไหร่
แต่พรุ่งนี้เราต้องส่งยาไปที่บริษัท...
คุณองอาจบอกว่าให้ดำเนินการไปตามปรกติ เพราะคนร้ายยังชะล่าใจว่าไม่มีใครรู้ ระหว่างนี้ขอให้คุณคอยสังเกตพฤติกรรมของแต่ละคนเอาไว้ให้ดี จับตาดูคนที่น่าสงสัยเอาไว้และรายงานให้ฉันหรือคุณองอาจทราบโดยเร็ว
เข้าใจแล้วครับ สิทธิศักดิ์รับคำและเริ่มต้นขนย้ายลังตามคำสั่ง เขาร้องห้ามเมื่อเห็นหญิงสาวทำท่าจะช่วยขน ไม่ต้องหรอกครับคุณพิม ยาไม่กี่ลังแค่ผมคนเดียวก็พอ
พูดจบเขาก็ตั้งหน้าตั้งตาทำต่อจนเสร็จ เมื่อคลุมผ้าใบและตรวจจนแน่ใจดีแล้วว่าไม่มีใครสามารถเปิดดูได้ง่ายๆ ทั้งคู่จึงเดินออกจากโกดังโดยสิทธิศักดิ์ขอแยกไปสั่งงานกับลูกน้องที่ทำงานล่วงเวลา ส่วนพิมมาดากลับขึ้นไปยังห้องทำงานชั้นบนซึ่งตอนนี้ทุกคนกลับบ้านไปจนหมดแล้ว ทั้งห้องจึงเหลือแค่เธอเพียงคนเดียว หลังจากจัดการกับเอกสารกองโตจนเสร็จ หญิงสาวจึงออกจากบริษัท เนื่องจากเป็นช่วงเวลาเย็นรถโดยสารประจำทางจึงแออัดยัดเยียดไปด้วยผู้คน เธอต้องรอจนกระทั่งถึงรถคันที่สามจึงจะพอแทรกขึ้นไปได้ ในช่วงที่อยู่บนรถหญิงสาวยังไม่วายจะนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ เธอพยายามทบทวนพนักงานไล่ไปทีละคนและส่ายหน้าเพราะพวกเขาไม่มีทีท่าว่าจะทำอะไรร้ายกาจอย่างขโมยยาของบริษัทเลย ระหว่างที่กำลังจมอยู่ในความคิด เสียงหนึ่งก็ดังก้องขึ้นในหัว
ระวัง!
พิมมาดาสะดุ้งสุดตัวและหันมองไปรอบข้าง สายตาสะดุดที่วัยรุ่นคนหนึ่ง เขารีบก้มหน้าลงหลบพร้อมกับเดินเลี่ยงไปทางด้านหลัง สังหรณ์บางอย่างเตือนให้หญิงสาวสำรวจตัวเองเมื่อก้มลงมองกระเป๋าเธอจึงพบว่ามันถูกกรีดเป็นทางยาว
ล้วงกระเป๋า!
พิมมาดาพูดเสียงดังเป็นจังหวะที่รถประจำทางคันนั้นจอดป้ายพอดี วัยรุ่นที่เธอเห็นกระโดดลงจากรถและวิ่งหายไป ผู้โดยสารคนอื่นพากันมองด้วยความงุนงง พนักงานเก็บเงินจึงเข้ามาถาม
มีอะไรหรือคุณ
ฉันถูกกรีดกระเป๋า พิมมาดาตอบพร้อมกับรีบสำรวจสิ่งของภายในอย่างร้อนรน หลายคนมองดูด้วยความอยากรู้ หนึ่งในนั้นถาม
มีอะไรหายไปหรือเปล่าครับ
หญิงสาวดึงกระเป๋าเงินออกมาพร้อมกับถอนใจอย่างโล่งอก
ดูเหมือนเขาจะยังไม่ทันได้หยิบอะไรออกไปเธอพูด พนักงานเก็บเงินจึงยักไหล่เหมือนเจอกับเหตุการณ์แบบนี้บ่อยครั้งจนกลายเป็นเรื่องชาชิน
งั้นก็ดี เขาหันไปทางหน้ารถพร้อมกับตะโกนไม่มีอะไรแล้วลูกพี่ ออกรถได้
รถโดยสารแล่นออกจากป้ายอย่างปุบปับจนผู้โดยสารแทบจะหน้าคะมำ พิมมาดากำกระเป๋าสตางค์ในมือแน่น แม้จะตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่บ้างแต่สิ่งที่สร้างความประหลาดใจมากกว่านั้นกลับเป็นคำเตือน แม้จะไม่ใช่เสียงดังอะไรมากนักแต่มันกลับแจ่มชัดเหมือนผู้พูดกำลังร้องกรอกอยู่ข้างหูของเธอ หญิงสาวแน่ใจว่าไม่ใช่คนที่ยืนอยู่ด้านข้างและเธอก็ไม่ได้หูฝาดไป
เมื่อลงจากรถพิมมาดาแวะซื้อกับข้าวสำเร็จสองสามอย่างก่อนนั่งรถจักรยานยนต์รับจ้างเข้าบ้าน ระหว่างที่วิ่งไปตามทาง หญิงสาวมองต้นไม้ที่เคลื่อนผ่านไปพลางคิดถึงเรื่องทั้งหลายที่เกิดขึ้นวนเวียนไปมา ช่วงที่นึกถึงคำเตือนในรถ สายตาก็เห็นเงาของอะไรบางอย่างไหววูบวาบไปตามต้นไม้ ตอนแรกพิมมาดาคิดว่ามันอาจจะเป็นเงาของเธอ แต่อาการวิ่งที่เคียงคู่ไปตลอดทางแม้จะเป็นในบริเวณที่ปราศจากแสงไฟทำให้หญิงสาวต้องจ้องด้วยความแปลกใจ เธอรีบเพ่งตาเพื่อจะมองให้ชัดแต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะรู้ตัวเพราะจู่ๆมันก็หายวับไป
อะไรน่ะ
พิมมาดาพึมพำเป็นจังหวะเดียวกับที่รถที่เธอนั่งจอดตรงหน้าบ้านพอดี เมื่อชำระค่าโดยสารแล้วหญิงสาวจึงเดินเข้าบ้าน หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าและจัดการกับมื้อเย็นจนเสร็จเรียบร้อยเธอจึงเดินเข้าห้องพระเพื่อสวดมนตร์ จากนั้นจึงกลับลงมาชั้นล่างและหยิบงานขึ้นมาทำจนกระทั่งเริ่มง่วงจึงปิดไฟเดินขึ้นห้องเพื่อเข้านอน เมื่อหญิงสาวหลับสนิทร่างสูงกำยำของภูธราก็ปรากฏขึ้น เขายืนมองใบหน้ายามหลับของพิมมาดาด้วยดวงตาที่เปี่ยมไปด้วยความสุข ภูธราเฝ้าดูหญิงสาวอยู่เช่นนั้นกระทั่งแสงสีทองของอรุณรุ่งฉาบบนขอบฟ้า ร่างของภูตหนุ่มจึงจางหายไป
*/*/*/*/*/*
เริ่มเข้าหน้าฝนแล้ว ผู้อ่านทุกท่านระวังสุขภาพกันด้วยนะคะ โดยเฉพาะไข้หวัดซึ่งเดี๋ยวนี้หายยากมาก บางทีนานเกือบเดือนเลย
เมื่อวานมีน้องคนนึงโพสต์บอกในเฟสว่า เซ็นซูได้ขึ้นกระทุ้แนะนำหน้าถนนนักเขียนพันทิปด้วย ตอนแรกก็ไม่เชื่อเลยกดข้ามาดูปรากฏว่าขึ้นจริง ดีใจมากเลยค่ะ ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านที่ให้ความกรุณานักเขียนน้อยๆคนนี้
โม้มากแล้วมาตอบคำถามพูด คุยกันดีกว่า
หนูพิมพ์เหมือนมีภูตคุ้มครองประจำตัวเลย จากคุณ : GTW - นั่นสิคะแถมภูตหล่อซะด้วย คนเขียนชักเริ่มอิจฉาแล้วค่ะ
เนื้อเรื่องชวนติดตาม ^^ จากคุณ : Cookies 'n Cream Frappe - ขอบคุณมากค่ะ ^^
ชักจะชอบสัมผัสของภูตคราม *0* จากคุณ : อสิตา - สัมผัสภูตครามจะผ่านทางลม เพราะเขาโดนตัวนางเอกตรงๆไม่ได้ค่ะ
ชอบจัง ตัวเอกขึ้นรถโดยสาร จากคุณ : scottie - มูนนี่ว่าถ้าขึ้นรถโดยสาร มันจะได้เจอเหตุการณ์อะไรได้เยอะแยะ
ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านที่ติดตามผลงานของมูนนี่นะคะ ^^
จากคุณ |
:
Moony_Lupin
|
เขียนเมื่อ |
:
15 มิ.ย. 55 11:41:19
|
|
|
|