Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เลขาเนื้อทอง :: ยอแสงแข - 3 ติดต่อทีมงาน

http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12195831/W12195831.html

บทที่ 3

ทันทีที่เห็นรูปถ่ายหลายสิบรูปที่ทนายสาวจอมตื๊อปนอึดยื่นมาอวด เขาก็นึกรู้ในทันทีว่าหลายรูปที่เห็นเมื่อวันก่อนก็เป็นฝีมือของเธอ

ขณะหรี่ตามองทั้งรูปสำรวจทั้งคนถ่าย เขาก็อดคิดไม่ได้ว่าเธอน่าจะไปยึดอาชีพช่างภาพหรือตากล้องเสียยังดีกว่า อีกอย่างบุคลิกห้าวๆ ภายนอกก็ดูไม่ค่อยกลมกลืนกับอาชีพทนายความที่เธอเป็นอยู่

"ฉันยังมีอีกเยอะค่ะ" ปัณปัทม์ไม่อยากเสียเวลาอันน้อยนิด จึงพาเขาเข้าประเด็นทันที "เด็ดๆ ด้วย" แถมสำทับอีกนิด "ถ้าคุณตรงฉัตรไม่อยากเดือดร้อน เอ้อ ฉันหมายถึงไม่อยากยุ่งยากใจกับปัญหาหยุมหยิมพวกนี้ก็ควรที่จะยอมรับ"

"ยอมรับว่าคนในรูปก็คือผมน่ะหรือ" ตรงฉัตรย้อนถาม วางรูปทั้งหมดลง เลื่อนกลับไปคืน "ผมยอมรับ ก็นั่นมันหน้าผมชัดๆ ส่วนผู้หญิงที่ติดโผทุกรูปก็คือเจ้านายของผม เรื่องแค่นี้เอง ทำไมผมต้องปฏิเสธด้วย"

"เอ้อ มะ.. ไม่ใช่อย่างนั้น" ปัญปัทม์ไม่นึกว่าจะโดนเล่นตลก เธอเงอะงะนิดหน่อยล่ะ

"ผมไม่สนใจความหมายที่ถูกต้อง" เลขาเนื้อทองกล่าวเสียงหนัก แล้วจ้องเขม็งเข้าไปในตาสวย "ธุระของคุณคงจบแล้ว กลับไปเถอะ ขอบคุณที่มาเพื่ออวดฝีมือ ผมชื่นชมจากใจว่าไม่เลวเลย"

"คุณกำลังตัดบท แต่บอกก่อนนะคะว่าที่ทำอยู่จะไม่ถูกเรียกว่าฉลาด"

"ถ้าความฉลาดในความหมายของคุณแปลว่าผมต้องยอมรับข้อกล่าวหาไม่เข้าท่า ผมยอมรับว่าตัวเองโง่ก็ได้ กลับไปเถอะคุณ ขอเวลาให้ผมได้ดื่มกาแฟก่อนเข้าประชุมสักหน่อย เชิญ"

"ไม่" ปัญปัทม์ขยับนั่งหลังตรงด้วยท่วงท่าเด็ดเดี่ยว แววตาวาววับแข็งกร้าวอีกแล้ว

"คุณปัญปัทม์"

"ทำไมเป็นคนเข้าใจยาก"

"คุณปัญปัทม์"

"โจทก์ต้องการให้ความขัดแย้งมันจบอย่างเงียบๆ ไม่ดีตรงไหนหรือ คุณรู้หรือเปล่าคะ การถูกกล่าวหาว่าเป็นชู้กับภรรยาชายอื่นมันน่าอาย ในเมื่อคุณได้รับโอกาส ได้เจอโจทก์ใจกว้างและยินดีที่จะออมชอมจบความเงียบๆ ทำไมไม่รับ"

"ผมไม่รับ ผมยืนยันคำเดิมว่าผมเป็นผู้บริสุทธิ์"

"แต่หลักฐาน.. "

ตรงฉัตรตัดบทประโยคเถียงเสียงแข็งด้วยการหยิบซองรูปถ่ายขึ้นมาชู เขย่าสองสามที แล้วโยนลงตักฝ่ายตรงข้ามแบบแม่นเหมือนจับวาง ปัญปัทม์สะดุ้งเฮือก เธอกัดปากตาวาววับ วูบหนึ่งก็รู้สึกโกรธ

"ถ้าไม่พอใจที่ผมหยาบคายก็สะบัดหน้ากลับออกไปได้เลย ผมยังทำอะไรได้มากกว่านี้ หมายถึงหยาบคายน่ะ"

"ฉันปัญปัทม์ แถวบ้านเรียกไอ้ปัทม์ สุนัขพันธุ์ไทยเทศเห่าดังแค่ไหน พอเจอว่าฉันเดินผ่านมันก็จะหยุด เพราะอะไรรู้ไหมคุณตรงฉัตร"

ปัญปัทม์ลุกยืนอวดหุ่นเล็กน่าเอ็นดู เธอไม่ค่อยเจียมตัวเท่าไหร่เลย กับตรงฉัตรที่สูงมากทีเดียว เธอกลับเดินเข้าไปหยุดข้างโต๊ะ เหมือนท้าทายให้เขาลุกมาประจันความขัดแย้ง

แล้วชายหนุ่มก็รับคำท้าแต่โดยดีเสียด้วย ตอนนี้เองที่ทนายสาวห้าวค่อยสำนึกว่าคิดผิดแล้ว เพราะการแหงนคอตั้งบ่ามันทำให้เธอเสียบุคลิกเป็นบ้า

"ผมไม่จำเป็นต้องสงสัยว่าทำไมสุนัขแถวบ้านมันไม่ยอมเห่าคุณ ส่วนคุณก็จะหมดข้อสงสัยว่าทำไมคำสั่งของผมจึงเด็ดขาดนัก"

ปัญปัทม์ไม่ทันสังเกตว่าตอนเขาลุกขึ้น มือก็กดปุ่มเรียกพนักงานเข้ามาคนหนึ่ง แม้จะเป็นหญิง แต่หุ่นก็ล่ำบึก แค่ว่าหิ้วเบาๆ ตัวเธอก็จะลอยวืดขึ้นได้อย่างสบาย

"เชิญแขกกลับไป ถ้าเธอลีลาเยอะเช่นว่าไม่ เดี๋ยวก่อน อย่าเพิ่ง ก็หิ้วไปเลย ไป"

"อุ๊ย ไม่ เดี๋ยวก่อน อย่าเพิ่ง อุ๊ย"

ตรงฉัตรเกือบหัวเราะเมื่อสาวทนายหลุดโวยวายออกมาอย่างนั้น เขาก็ไม่ได้นึกไปว่าจะยกตัวอย่างได้ตรงเผงนัก อืม ตอนนี้ก็เหลือเพียงเสียงแว่วๆ ข้างนอกแล้ว

รูปถ่ายในซองยังวางอยู่บนโต๊ะ เธอไม่นำกลับไปด้วย ก่อนหน้านั้นก็คุยโวแกมขู่ว่ายังมีเยอะ เด็ดๆ อีกด้วย เท่าที่เห็นในซองนี้ก็เหลือจะเด็ดแล้ว ผู้หญิงคนนี้ถ่ายรูปเก่งเป็นบ้า จังหวะดึงภาพก็ฉมังผิดวิสัยสมัครเล่น เธอเรียนมา ฝึกฝน หรือว่าฟ้าประทานพรสวรรค์มาให้กันแน่




ออกจากห้องประชุมมาไม่ถึงห้าก้าวเลย ณพนาก็โทรศัพท์เข้ามา น้ำเสียงไม่ค่อยดีนัก เหมือนผิดหวังปนกับหงุดหงิด ถ้าหงุดหงิดเขาก็ไม่สงสัย เพราะชินเสียแล้ว ณพนาหงุดหงิดง่ายแม้แต่เรื่องขี้ปะติ๋วจำพวกกระดาษปลิวลงจากโต๊ะหนึ่งแผ่น หรือเสียบปากกาพลาด

"อย่าพาลใส่ผม เพราะผมก็อารมณ์ไม่ดีเบิกอรุณเหมือนกัน" เขารีบดักคอตอนหล่อนร้อง 'เว้ย'

"อย่ามาสู่รู้ไปหน่อยเลย ฉันยังไม่ได้แหวสักคำ"

"เว้ยคำเดียวก็พอแล้วนี่"

"นายอยู่ไหน"

"เมืองไทย"

"นายตรง"

ตรงฉัตรหัวเราะในลำคอ ถูกใจเสียงแหวดุๆ แน่แล้วล่ะ การอ่อยเหยื่อคราวนี้ล้มเหลวอีกแล้ว เขาก็เตือนแล้วว่าพ่อค้ารายนี้เขี้ยวจะตาย เขาขอไปด้วยก็อวดดีเองนี่นา ทะนงในความสวยไม่เข้าท่า หล่อนไม่น่าลืมว่าตัวเองเป็นสาวใหญ่ อาเสี่ยร้อยทั้งร้อยมักจะชอบคั่วสาวเอ๊าะๆ

"ใครว่า นายเดาผิดแล้ว" เจ้านายสาวใหญ่ย้อนอย่างสะใจ เมื่อเขาคายความคิดกึ่งสบประมาท

"อ้อ ผมเดาผิดจริงๆ ด้วย ไหน เฉลยมาซิ"

เขายอมรับยิ้มๆ ผลักประตูเข้าห้องทำงาน เดินไปนั่งเก้าอี้ เหลือบตามองซองรูปถ่ายเฮงซวยพร้อมกับฟังเสียงแหวๆ แต่แปลกนะ ใจกลับไพล่ไประลึกถึงแสงตาวาววับกับแข็งๆ ของปัญปัทม์

"มันตกลง" ณพนาเฉลยกระแทกๆ "แต่ลีลามันเยอะ ขออ่านรายละเอียดอีกหน่อย ขอเข้าที่ประชุม ขอหารือกับที่ปรึกษา ขอเฮงซวยอะไรของมันก็ไม่รู้ แล้วตบท้ายว่าให้ฉันรอสักสามสี่วัน ไอ้ทุเรศ"

"ทำไม ทุเรศอะไร ผมก็ฟังเงียบๆ นี่ พาลแล้วนะคุณนา"

"นายตรง" ณพนาตะคอก "อยู่ใกล้มือ ฉันจะฟาดปากให้"

ตรงฉัตรหัวเราะอีก เขาก็แค่แหย่เล่น รู้หรอกว่าหล่อนด่าพ่อค้าเขี้ยวยาวตัวแสบ เขาก็เดาดักล่วงหน้าไว้แล้วนั่นแหละว่านายนั่นต้องมาไม้นี้ เป็นห่วงหล่อนเหมือนกันที่ลุยเดี่ยว ถ้าเขาไปด้วยก็คงดี จะได้ช่วยคุมเชิงไม่ให้อีกฝ่ายก้อร่อก้อติกออกนอกหน้านัก

"ประชุมเรียบร้อยดีไหม" ณพนาเปลี่ยนเรื่อง หล่อนกระแทกนั่งบนเตียง เหวี่ยงกระเป๋าถือไปหล่นบนเก้าอี้ยาว

"เรียบร้อยดี แต่ว่ามีเรื่องห่วยเกิดขึ้นตอนเจ็ดโมงครึ่งนิดหน่อย"

"ทำไม จับได้ว่ามีคนสะกดรอยตามอีกแล้วหรือ"

"ใช่ ได้คุยกันด้วย แต่รายละเอียดผมค่อยเล่าอีกทีตอนคุณนากลับมาแล้วนะ ตอนนี้ผมหิว ขอไปกินข้าวก่อน"

ณพนาทางโน้นพยักหน้า หล่อนกดปุ่มตัดสายก่อน ตรงฉัตรลุกไปหยุดหน้าผนังกระจก เท้าสองแขนแล้วหรี่ตามองเปลวแดดเต้นระบำ

ผลสรุปของการประชุมย่อยวันนี้มันเห็นชัดแล้วว่าในบริษัทต้องมีหนอนบ่อนไส้ ไม่อย่างนั้น ลูกค้าสำคัญตั้งสามรายคงไม่ตบเท้ามาแจ้งยกเลิกการเจรจาราวกับนัดแนะกันไว้ก่อน

"ต้องเป็นคุณแน่ๆ ที่เล่นสกปรก ไม่ลูกผู้ชายจนแล้วจนรอด"

เขางึมงำผุดยิ้มดูแคลน พันศิลป์ไม่น่าก้าวกระโดดขึ้นไปนั่งเก้าอี้มาเฟียในวงการอสังหาริมทรัพย์ได้เลย เพราะตั้งแต่รู้จักชายคนนี้ เขายังไม่เคยเห็นว่าเจ้าตัวจะทำอะไรที่ลูกผู้ชายทั่วไปทำกัน

สงสารก็แต่ณพนา ไม่รู้ว่าจะต้องผจญกับสามีคนนี้ไปถึงเมื่อไหร่ นี่ถ้าไม่มีเขาคอยเคียงข้างและร่วมต่อสู้ หล่อนจะโดดเดี่ยวน่าสงสารยิ่งกว่านี้เสียอีก




คิดผิดไปแล้วที่ออกมาหาอะไรกินในร้านอาหารใกล้บริษัท ปัญปัทม์เป็นทนายความประหลาดเกินไป เธอปราดมานั่งร่วมโต๊ะ ยิ้มกว้างผูกมิตรว่องไว ท่าทางเหมือนว่าจะไม่ถือโทษโกรธเคืองที่เขาหยาบคายใส่ตั้งสองครั้งเมื่อตอนเช้า

"ไม่ต้องแปลกใจค่ะ ฉันก็ไม่ได้ไปไหนไกลเลย โต๋เต๋อยู่แถวบริษัทนั่นแหละ พอเห็นคุณออกมาปุ๊บ ฉันก็ตามมาเลย เดาถูกด้วยว่าคุณต้องเลือกร้านนี้ เพราะมันใกล้ที่สุด ฉันเป็นเจ้ามือนะคะ"

"เพื่ออะไร ให้ผมยอมรับข้อกล่าวหาแต่โดยดีหรือ"

"ค่ะ คุณฉลาด"

ปัญปัทม์ยอมรับเร็วมาก แม้จะหายใจขัดนิดหน่อยกับรอยยิ้มหยันบนปากหยักบาง ก็เธออ่านออกนี่ เขาด่าว่าเธอโง่ชะมัด

เอาเถอะ อยากด่าอะไรก็ด่าเลย เพื่อให้งานที่ได้รับมอบหมายบรรลุเป้าหมาย อุปสรรคแค่รอยยิ้มเฮงซวยมันสกัดขัดขวางไม่ได้อยู่แล้ว นี่ใครกัน ปัญปัทม์ท้ายตลาดเชียวนะ แถมยังเป็นพี่สาวของเพชรหนึ่งรูปหล่อที่สุดในซอยนั้นอีกด้วย

ระหว่างที่เขาก้มหน้าก้มตากินข้าวกลางวันมื้อง่ายๆ และในร้านธรรมดาไม่ติดเครื่องปรับอากาศ ปัญปัทม์ก็ถือโอกาสสำรวจเขาไปพร้อมกัน

ก็ได้ยินมาว่าเป็นเลขาเนื้อทองไม่ใช่หรือ แต่เท่าที่ดูแล้วก็ไม่ได้ทองตรงไหน อ้อ แต่ก็น้ำผึ้งไม่หยอกล่ะ ถ้าโดนแดดตรงๆ คงจะเปล่งสีออกทองๆ อยู่ล่ะ

ครั้นย้ายไปสำรวจกรอบหน้าคมคาย ปัญปัทม์ก็บอกตัวเองว่าเขาเป็นหนุ่มไม่หล่อแต่ความคมคายก็มีเสน่ห์ประหลาดที่อธิบายไม่ถูก พอได้แอบมองแล้วก็เหมือนต้องมนตร์ อยากตรึงตาไว้นิ่งๆ ให้นานๆ และจู่ๆ ก็นึกพิเรนทร์ทำนองว่า 'ตลอดไป'

"อิ่มแล้วหรือคะ" เธอหยุดสำรวจแล้วรีบถามเมื่อเขารวบช้อนหันไปดื่มน้ำ ซึ่งก็แค่น้ำแข็งเปล่าเอง

"คุณก็อิ่มนี่ นั่งเท้าคางสำรวจผมอยู่ตั้งนาน ได้อะไรไปบ้าง" ตรงฉัตรย้อนเย็นชา

"เยอะแยะ" เธอยักไหล่แจกยิ้มหวาน "หนึ่ง" ชูนิ้วประกอบด้วย "ผิวคุณสวยดี สีน้ำผึ้ง ฉันชอบ สอง" ชูเพิ่มอีกนิ้ว " โครงหน้าคุณเก๋ดี ถ้ามีโอกาสฉันก็อยากจะขอวาดรูปคุณเก็บไว้เป็นที่ระลึก อ้อ หรือจะเก็บไว้อวดตอนฉันเปิดร้านถ่ายรูป เปิดแกลลอรี่น่ะ"

"ครับ"

"สาม" ชูเพิ่มเป็นสามนิ้ว "ฉันไม่สงสัยเลยว่าทำไมคุณณพนาถึงเผลอใจคบชู้กับเลขาตัวเองได้"

"คุณคงมีคำตอบ"

"มีค่ะ เคยได้ยินโคแก่ชอบเล็มหญ้าอ่อนไหมคะ กรณีของคุณณพนาก็น่าจะเหมือนกัน"

"คุณนึกว่าผม.. "

"อันที่จริง คุณเองก็ไม่น่าคิดสั้นตัดอนาคตด้วยเรื่องเสื่อมศีลธรรมแบบนี้เลย อายุคุณยังน้อย ถ้าให้ฉันทายละก็ อาจจะแก่อ่อนกว่าฉันไม่เกินปีครึ่งปี"

"คุณปัญ.. "

"รู้ไหมคุณตรงฉัตรว่าโลกนี้มันกว้างใหญ่แค่ไหน แล้วอะไรก็ตามที่เรายังไม่เจอไม่เห็น นั่นแหละที่เราเรียกว่าอนาคต คุณไม่เสียดายบ้างหรือที่ทำลายมันทิ้งง่ายๆ แค่ว่าอยากมั่วภรรยาคนอื่น"

"ช่วยหยุด.. "

"หนทางมันยังอีกยาวไกลนะ ใครจะไปรู้ว่าบนถนนชีวิตสายนี้ของคุณ จะมีผู้หญิงสดๆ ซิงๆ รอท่าให้คุณเป็นเจ้าของกี่คน ไม่เสียดายหรือถ้าหนึ่งในนั้นอาจจะเป็นเนื้อคู่จริงๆ ของคุณ แต่คุณก็ชวดเพราะมัวแต่หลงยึดติดอยู่ในบ่วงรักผิดศีลกับภรรยาชายอื่น"

"คุณอายุเท่าไหร่"

"ปีนี้หรือคะ เบญจเพสแล้ว โสด สด สวย และ อุ๊ย เดี๋ยวก่อน อย่าเพิ่งไป นี่ คุณตรงฉัตร"

ปัญปัทม์ลุกปุบปับทำหน้าเลิ่กลั่ก เกือบจะผลุนผลันไล่ตามพ่อเลขาเนื้อทองออกไปแล้วล่ะ แต่ก็ไม่เข้าใจว่าเด็กในร้านมายืนขวางทำไม

โน่นแน่ะ จำเลยชู้รักผิดศีลของเธออ้าวๆ ลิ่วๆ ไปโน่นแล้ว แต่นายคนนี้สิ ผลักไหล่แล้วก็ยังไม่ยอมขยับ จนเธอมองหน้าพยักพเยิดก็แล้ว ตัวโย่งก็ยังตรึงแข็งทื่อกวนโมโหที่สุด

"คุณต้องจ่ายเงินค่าอาหารก่อน"

"อ้อ จริงสิ ลืมไป ฉันเป็นเจ้ามือนี่ ขอบใจนะที่เตือน แหม สงสัยว่าก่อนกลับบ้านวันนี้ต้องแวะซื้อน้ำมันตับปลากลับไปซดสักสองโหลนะ เท่าไหร่จ๊ะ"

เด็กในร้านต้องมองออกแน่ๆ เลยว่าเธอกัดฟันพูด แม้จะยิ้มหวานได้สวยหยาดเยิ้มก็เถอะ เฮ้อ ให้มันได้อย่างนี้สิ นี่เขาเป็นลูกผู้ชายหรือเปล่าถึงได้ยึดถือวาจาอารัมภบทของเธอเป็นจริงเป็นจังได้ขนาดนี้

เขาไม่รู้ละสิว่าตอนนี้เธอถังแตกอยู่นะ แล้วมันถูกเรื่องหรือนี่ อยู่ดีๆ ก็ต้องมาควักเนื้อ ไม่รู้ล่ะ เธอจะถือว่ามันเป็นค่าใช้จ่ายในระหว่างปฏิบัติงาน ใบเสร็จไม่ต้อง จดบัญชีไว้เฉยๆ แล้วทำเรื่องเบิกกันภายหลังก็พอ




เสียงน้ำกระฉอกกระทบต้นขาเพรียวดึงเปลือกตาเลขาเนื้อทองขึ้น ตาคมกล้าจับปลายอ่างด้วยแววครุ่นคิด สองสามวันที่ผ่านมา สมองมันถูกอัดด้วยปัญหาหนอนบ่อนไส้ที่ยังไม่มีบทลงเอย

ณพนาก็ติดพันกับเงินทุนเฮือกสุดท้ายอยู่ทางโน้น เสี่ยไต้หวันเรื่องมากหรือมากเล่ห์ก็ไม่แน่ใจ แต่ที่แน่ๆ เจ้านายสาวใหญ่ของเขาก็ตัดใจกลับเมืองไทยไม่ลงล่ะ

ลูกน้องที่ไหว้วานให้ไปจับตาดูพนักงานในแผนกสารสนเทศเพิ่งจะโทรรายงานความคืบหน้าเมื่อสิบนาทีก่อนเขาจะเข้ามานอนแช่น้ำว่า

"ผมก็ไม่แน่ใจ แต่นายสมเกียรติก็เป็นคนเดียวที่น่าสงสัยที่สุด เขาทำงานแผนกพัสดุ แต่จู่ๆ ก็เข้ามาบันทึกข้อมูลในห้อง อ้างว่าคุณเอ๋อนุญาตให้มาช่วยในระหว่างที่คุณปองลาพักร้อนครับ"

"ตรวจสอบหรือยังว่าเข้าไปตั้งแต่เมื่อไหร่"

"สามเดือนแล้วครับ ผมไปขอดูรายงานบันทึกเวลาทำงานที่ฝ่ายบุคคลมา ก็น่าจะไล่เลี่ยกับที่คุณรัตน์ลาออกด้วยพอดีครับ มันเข้าล็อกยังไงก็ไม่รู้"

"จับตาดูต่อไป"

ตาคมพริ้มหลับลงครู่หนึ่ง ก็ต้องจับตาดูนายคนนี้ล่ะ เพราะเขาก็สงสัยอยู่เหมือนกัน ผิดสังเกตตั้งแต่เห็นลายเซ็นในรายงานสรุปบัญชีลูกค้าประจำวันแล้ว

หากพิจารณาจากวันที่เข้าไปป้วนเปี้ยนมันก็ลงล็อกตามที่ลูกน้องคนเก่งเขาว่านั่นล่ะ ระวังตัวให้ดีเถอะ อย่าให้เขามีหลักฐานหรือจับได้คาหนังคาเขาทีเดียว รับรองว่าอนาคตไม่สวยแน่

การลืมตาครั้งนี้เป็นเพราะโดนรบกวนจากเสียงโทรศัพท์ เขาหยิบจากชั้นแก้วมาดูเบอร์แล้วเลิกคิ้ว แววหนักใจก็ฉายพราวทันทีทันใดเชียวล่ะ

"ฝนตกฟ้าร้องหรือครับ"

เขากรอกเสียงทุ้มทักไปก่อน วักน้ำสบู่รดอกเล่นไปด้วย นิ้วก็ไต่ไปเรื่อยจนกระทบกับแผลเป็นใต้ราวนม วันนี้มันก็เป็นแค่ร่องรอยที่เหลืออยู่ของความเจ็บปวด แต่วันที่เขาเจ็บปวด มันคือบาดแผลฉกรรจ์ที่เกือบจะคร่าชีวิต

"ฝนครวญฟ้าโหยหาต่างหาก"

'พลิ้วแพร' ย้อนกลั้วหัวเราะกลับมา หล่อนนี่ล่ะ แม่ยอดชู้ของเจ้านายสาวใหญ่ และเพราะหล่อนอีกเช่นกัน ที่ทำให้ณพนาต้องอดทนอดกลั้นยอมให้สามีกดขี่ข่มเหงครั้งแล้วครั้งเล่า

พลิ้วแพรติดพี่เขยมาก มันเป็นเหลี่ยมคูที่ฝ่ายโน้นงัดออกมาท้าทายกึ่งตอบโต้ เพราะรู้เต็มอกว่าณพนารักน้องสาวดั่งแก้วตาดวงใจ อะไรก็ยอมได้หมด ภาษาคู่แข่งก็ต้องเรียกว่า 'จุดอ่อน'

"อย่าเหลวไหลครับ ผมกำลังอาบน้ำ มีอะไรก็ว่ามาเร็ว ถ้าจะขอเงินอีก.. "

"ไม่ขอแล้วน่า แค่จะโทรมาบอกข่าวดีว่าสอบเสร็จแล้ว รอผลเกียรตินิยมอันดับหนึ่งออกเมื่อไหร่ จะหอบความภาคภูมิใจกลับไปอวด"

"ก็ให้ได้มาก่อนเถอะ เท่านี้ใช่ไหม"

"ยังไม่เท่านี้ อะไรกันน่ะ คนเขาคิดถึงใจจะขาดถึงได้โทรหา เอะอะก็ตัดบทอยู่เรื่อย รักกันจริงหรือเปล่านี่ หรือแค่ลมปาก ไม่ได้นะ พลิ้วไม่ยอม ถ้าพี่ตรงเบี้ยวละก็ พลิ้วจะฟ้องพี่นา ฟ้องพี่พันศิลป์"

"คุณพลิ้ว เหลวไหลน่า โทรไปหาพี่สาวหรือยัง คุณนาบ่นคิดถึงจะตาย คุณไม่ได้โทรหาเธอเกือบสองเดือนแล้ว"

"แต่ก็ยังน้อยกว่าที่พี่ตรงไม่เคยเป็นฝ่ายโทรหาพลิ้วเลย"

ตรงฉัตรอึดอัด เขามองฟองสบู่แล้วส่ายหน้ารำคาญ ความรักของเด็กสาววัยรุ่นใจแตกมันไร้แก่นสาร

เขาไม่เคยมีจิตพิศวาสพลิ้วแพร แต่หล่อนกล้าหาญเกินสาวสิบสี่ในปีนั้น ด้วยการดึงเขาหลบออกไปจากงานเลี้ยง แล้วจู่โจมจูบอย่างดุเดือด กว่าเขาจะรู้สึกตัวว่าโดนจาบจ้วง ปากก็หมดอิสระและร้อนฉ่าแล้ว

"เงียบทำไม ไม่มีอะไรจะเถียงละสิ"

"มี แต่มันเป็นคำอธิบาย หรือที่คุณพลิ้วเรียกมันว่าเถียงนั่นแหละ เอาล่ะ แม่คนดี แม่ทูนหัว ให้ผมอาบน้ำก่อน แล้วอีกสักยี่สิบนาทีผมจะโทรหา ตกลงไหม"

"ได้ ยี่สิบนาทีนะคะ พลิ้วจะเริ่มจับเวลาหลังจากกดปุ่มตัดสายเลย"

ตรงฉัตรเลิกคิ้วแล้วส่ายหน้าเบื่อๆ เขาไม่เคยรักษาคำพูดกับพลิ้วแพรสักครั้ง ตระหนักว่าหล่อนเป็นสาวใจแตกไร้สาระ สองพี่น้องคู่นี้แตกต่างกันอย่างสุดขั้ว จนบางครั้งเขายังนึกเสียดายว่าพลิ้วแพรไม่น่าจะเกิดมาเป็นน้องสาวของผู้หญิงเก่งแกร่งอย่างณพนาเลย

หรือไม่ก็ณพนาน่าจะรักน้องสาวไม่เอาถ่านคนนี้ให้น้อยลง เพื่อที่หล่อนจะได้ลดทอนทุกอย่างที่เผชิญเรื่อยมาลงไปด้วย อาทิ อดทน กล้ำกลืน ขมขื่น เจ็บปวด ทุกข์ทรมาน และที่สำคัญที่สุดก็คือ 'อย่างเดียวดาย'

จากคุณ : รัชนีกานต์
เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 55 11:02:00




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com