บทที่ 18
แสงสลัวจากพระจันทร์ในคืนเดือนเต็มดวงสาดส่องเข้ามาในห้องพร้อมฉายให้เห็นถึงผู้มาช่วย ผู้ชายที่เธอคาดไว้ว่าจะต้องใส่สูทเซ็ตผมเนี้ยบเพราะเพิ่งมาจากงานเลี้ยงกลับกลายเป็นชายหนุ่มในเสื้อยืดสีขาวท่อนล่างกางเกงเลรองเท้าแตะเหมือนว่ากำลังอยู่บ้านแล้วถูกลากออกมา แม้จะเห็นไม่ชัดนักเพราะไร้แสงหลอดไฟ หากแต่ประกายแสงจากดวงจันทร์ที่ส่องกระทบแว่นตาก็ทำให้เธอรู้ดีถึงผู้มาเยือน
นี่เขาอีกแล้วหรือ... คนที่เธอเผลอเรียกปริ๊นซ์ออกไป
ไม่เป็นอะไรใช่ไหม อยู่ในห้องมืดแบบนี้ตั้งนาน
แม้ว่าจะรู้สึกดีใจอยู่ไม่เบาที่สามารถออกมาจากห้องมืดได้ หากแต่ทิฐิมันกลับมีมากกว่าที่จะเอ่ยขอบคุณผู้ที่มาช่วยเอาไว้
มาทำไม
มาช่วยคุณ
คำตอบซื่อๆตรงๆของภาคภูมิที่หลุดออกมาทำให้ดุจฝันรู้สึกร้อนๆที่หน้านิดหน่อย หากแต่เธอต้องรีบสละความคิดแบบนั้นออกไปแล้วรีบเดินออกมาจากห้องแต่งตัวให้เร็วที่สุด โดยยังไม่ทิ้งฟอร์มทำเป็นไม่สนใจในความทุกข์ร้อนของตัวเอง
อีกไม่นานเดี๋ยวก็เช้า ฉันอยู่ได้ ไม่ตายหรอก
ถ้าอย่างนั้นก็กลับเข้าไปอยู่ในนั้นอีกรอบไหม
คำดักของภาคภูมิทำเอาดุจฝันแทบคะมำ แค่เกือบสามชั่วโมงที่อยู่ในนั้นเธอยังกลัวแทบตาย แต่ผู้ชายคนนี้กลับเอาเรื่องนี้มาย้อนเข้าตัวเธอ พลางนึกโทษปากตัวเองที่ถึงแม้ว่าจะทิฐิแรงขนาดไหนก็ตาม ก็ไม่น่าพูดแบบนั้นออกไป
หน้าซีดเลยเหรอ แน่ใจว่าจะอยู่ไหว? กว่าจะเช้าก็อีกตั้งเจ็ดแปดชั่วโมง ออกมาได้ตอนนี้ล่ะดีแล้ว
ภาคภูมิถอนหายใจ เขาเองก็นึกเป็นห่วงเธอไม่น้อยที่ต้องไปติดอยู่ข้างในตั้งนานแถมคัตเอาท์ไฟก็โดนตัดไป ก่อนที่แสงไฟตามทางเดินจะสว่างพรึบขึ้นมาพร้อมทั้งไฟในห้องแต่งตัวที่มืดมานาน ดุจฝันมองโดยรอบอย่างโล่งใจ อย่างน้อยคืนนี้เธอก็ได้ออกมาเจอแสงไฟข้างนอกแล้ว...
เพียงครู่นึง ผู้ชายหล่อเหลาที่เธอคาดคิดไว้ว่าจะเป็นคนทีเดินเข้ามาช่วยเธอก็เดินเข้ามาพร้อมกับคุณลุงภารโรงประจำที่แห่งนี้
เจอคุณลุงพร้อมกุญแจแล้วครับ โทษทีที่หายไป ไปยกคัตเอาท์ขึ้น ปิลันธน์รีบพูดกับภาคภูมิก่อนจะสังเกตเห็นคนข้างตัวแล้วทักขึ้นอย่าง อ้าว... ออกมาได้แล้วเหรอฝัน
ไหนว่าจะมาเร็ว คนรอนานตัดพ้อ
ปิลันธน์แตะบ่าคาถามด้วยความรู้สึกผิด ก่อนจะขอโทษที่มาช้า ดุจฝันที่ยังหน้าซีดอยู่พยักหน้าอย่างไม่ว่าอะไรแล้วถาม
แล้วนี่ไปไหนมา
ตามหาลุงโชค เจออยู่ที่เซเว่น ขอให้คุณลุงมาช่วยเปิดให้ ว่าแต่... นี่คุณไพรด์เปิดได้อย่างไรครับ
ภาคภูมิเหลือบมองไปที่พื้น เลื่อยอันเก่านอนอยู่บนนั้น ทุกคนได้คำตอบทันที
ขอโทษนะครับคุณลุง พอดีผมใจร้อน เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะซื้อกุญแจล็อกชุดใหม่มาใช้คืน
ได้ๆพ่อหนุ่ม ลุงต่างหากที่ต้องขอโทษ ลุงขอโทษด้วยนะหนูดุจฝัน ลุงไม่รู้ว่าหนูยังอยู่ข้างใน
เอ่อ... แล้วคุณลุงไม่ได้ยินเสียงหนูเหรอคะ
แม้ว่าจะถามเช่นนั้น หากแต่ดุจฝันก็โล่งใจไม่น้อยที่รู้ว่าคนที่ลงกุญแจล็อกห้องไม่ใช่ผู้ประสงค์ร้ายที่ไหนหากแต่เป็นคุณลุงภารโรงผู้คุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างดี
ได้ยิน แต่ลุงนึกว่าเป็น...
ลุงโชคเงียบไปแล้วละไว้ในฐานที่เข้าใจ ดุจฝันเกาหัวแกรกๆ ...นี่เธอกลายเป็นผีห้องแต่งตัวไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย ก็ไม่แปลกเท่าไรที่ลุงจะคิดเช่นนั้นเพราะเคยได้ยินมาว่าที่นี่เฮี้ยนไม่เบา พอนึกไปถึงเสียงหมาหอนที่ได้ยินตอนนั้นด้วยแล้วทำให้ดุจฝันนึกอยากที่จะรีบออกจากโรงถ่ายละครแห่งนี้ให้เร็วที่สุด
ไม่เป็นไรค่ะ อย่างไรก็ออกมาได้แล้ว ถ้าอย่างไรรีบแยกย้ายกันดีกว่า ขอบคุณคุณลุงนะคะ
ผู้ต่ำอาวุโสกว่าทุกคนยกมือไหว้พร้อมกันก่อนจะเดินออกมา ดุจฝันเดินชิดกับปิลันธน์โดยที่ภาคภูมินั้นได้แต่เดินตามห่างๆ
ร้อนไหมฝัน ขอโทษนะที่มาช้า
ไม่เป็นไรปริ๊นซ์ อย่างน้อยก็มานี่
แต่คุณไพรด์เป็นคนที่ช่วยฝันเอาไว้ แถมมาถึงก่อนเราอีก
ดุจฝันเงียบไปเมื่อได้ยินเช่นนั้น แม้ว่าจะอยากรู้ว่ามาได้อย่างไรหากแต่เพราะอคติยังคงอยู่ที่เดิม ปิลันธน์เห็นท่าทีของเพื่อนที่เดินข้างๆก็พอเข้าใจ
ก็เราออกจากงานไม่ได้สักทีเลยโทรหาน้องฟ้า น้องฟ้าก็บอกให้โทรหาคุณไพรด์ คุณไพรด์มาถึงที่นี่ก่อนนานแล้วแต่คงหาทางช่วยฝันอยู่ เรามาถึงทีหลังเลยไปตามหาลุงโชคที่บ้านจะขอกุญแจมาเปิด...
ไม่ต้องอธิบายเพิ่มหรอก ไม่ได้อยากรู้
คนเกือบถูกขังทั้งคืนเอ่ยเสียงเรียบเย็น แต่ข้างในใจก็แอบคิดถึงตอนที่ชายหนุ่มผู้มาช่วยต้องเดินมาตามทางมืดๆผ่านหลายอาคารนี้เพียงคนเดียว เผลอๆก็อาจจะหลงอีกเพราะไม่เคยมาที่นี่... เขาใช้ความพยายามเท่าไรในการตามหาเพื่อจะช่วยเธอออกมา
ดุจฝันไม่หันไปมองคนเดินตามหลังเลยแม้แต่น้อย เธอยังคงรู้สึกถึงสายตาที่มองมา... ภาคภูมิคงเป็นห่วงเธอไม่ใช่น้อย ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่รีบออกจากบ้านมาในสภาพเสื้อยืดกางเกงเลขนาดนั้น เธออดถอนหายใจไม่ได้ก่อนจะหยุดเดินเมื่อมาถึงรถของเพื่อนสนิท สงสัยว่าวันนี้ต้องไหว้วานให้เขาไปส่งเสียแล้ว