Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
คฤหาสน์สนธยา ตอนที่ 10 ติดต่อทีมงาน

หาก ความเป็นจริง คือยางยืดผืนบางๆ ที่ถูกขึงจนตึง เมื่อวางลูกกลมเล็กๆ อันเป็นตัวแทนของ แต่ละชีวิต แต่ละเหตุการณ์ แต่ละความเป็นไปได้ลงไป พวกมันจะดึงผิวหน้าของความเป็นจริงให้ยุบตัวลง จนเกิดเป็นผิวโค้งขึ้นโดยรอบ ลูกที่ใหญ่ ลูกที่มีน้ำหนักมาก ย่อมทำให้ความเป็นจริงโดยรอบยุบตัวลงไปได้มาก ในขณะที่ลูกเล็กๆ อาจไม่สร้างความแตกต่างให้เกิดขึ้นได้เลย

แต่ลูกกลมทั้งหมดนั้นจะสร้างแรงกระทำต่อกันบนความเป็นจริงอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้

เมื่อแต่ละชีวิต แต่ละเหตุการณ์ แต่ละความเป็นไปได้เคลื่อนเข้ามาใกล้ ผิวโค้งมากมายพวกนั้นจะทั้งดึงดูด และผลักดันกัน ตามแต่แรง และทิศทางของพวกมัน ผลที่เกิดขึ้นนั้นจะซับซ้อนสับสนจนไม่อาจคิดโดยใช้เหตุผล หรือแม้แต่คาดเดาได้

บางครั้งถึงอยู่ห่างไกลกัน ก็มีโอกาสที่จะเคลื่อนเข้ามาใกล้ แต่ยิ่งอยู่ใกล้กันมากเท่าใด ก็ยิ่งมีโอกาสที่จะปะทะชนกัน หากการเคลื่อนที่ของแต่ละคนนั้น มีขนาดและทิศทางที่เหมาะสม ทั้งสองก็อาจอยู่ร่วมกัน เคลื่อนที่ไปพร้อมกัน เต้นรำไปพร้อมกัน ด้วยระยะห่างที่แปรปรวน แต่มั่นคง

จุดสำคัญในความสัมพันธ์ คือการปรับขนาดของแรง และทิศทาง เพื่อให้ต่างโคจรไปรอบๆ กันและกันได้อย่างเหมาะสมนั่นเอง

สองหนุ่มสาวจับมือกันแน่น ทุกสิ่งล้วนต้องการจุดเริ่มต้น ก่อนจะมีก้าวต่อไป และต่อไป ทั้งสองเดินขึ้นบันไดไปทีละขั้น ระยะห่างระหว่างคนทั้งคู่ค่อยๆ หดแคบลง ต่างยินยอมให้ฝ่ายตรงข้าม ได้เข้ามาอยู่ในระยะแห่งความเป็นส่วนตัว ระยะแห่งความปลอดภัยของกันและกัน

สัตว์นักล่าที่โดดเด่นมักอยู่อย่างโดดเดี่ยว พวกมันต้องมีชีวิตเพียงลำพัง เพราะการมีใครอีกคน ย่อมหมายถึงส่วนแบ่งอาหารที่เพิ่มขึ้น หมายถึงโอกาสรอดชีวิตที่ลดลง ครอบครัวคือความจำเป็นในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ที่ต้องรีบจบลงให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะแม้แต่ลูกของพวกมันเอง ก็คือคู่แข่งในอนาคตอันใกล้

สัตว์นักล่าที่ย่อมลงมาอาจอยู่รวมกันเป็นฝูงเล็กๆ การร่วมมือคือความสำเร็จในการล่าที่เพิ่มขึ้น หมายถึงโอกาสที่จะได้อาหารมากขึ้น โอกาสรอดชีวิตที่มากขึ้น แต่ก็จำเป็นที่จะต้องถ่วงดุลกัน ระหว่างขนาดของฝูง กับปริมาณของเหยื่อที่มีอยู่ ไม่เช่นนั้นอาจเป็นหายนะสำหรับพวกมันทุกตัว

ผู้ถูกล่า หรือ เหยื่อ หากไม่หลบซ่อนกายอย่างแยบคาย กลายร่างจนกลืนหายไปในถิ่นที่อยู่อาศัย ก็ต้องอยู่รวมกันเป็นฝูงใหญ่ ใช้จำนวนที่มากมายสับสน กับการเคลื่อนที่ไปพร้อมๆ กันซึ่งชวนให้ตาลาย เพื่อเพิ่มโอกาสในการอยู่รอด

ฝูงปลาที่มีจำนวนมากมายมหาศาล ว่ายหลบหลีกไปมาอย่างซับซ้อนได้พร้อมกันอย่างไม่น่าเชื่อ จนราวกับว่าทั้งฝูงนั้นเป็นปลาขนาดยักษ์เพียงตัวเดียว ฝูงสัตว์กินหญ้าที่รวมกลุ่มกันวิ่งตะลุยไปในท้องทุ่งกว้าง แม้แต่ลูกตัวน้อยที่พึ่งจะเกิดออกมาเดินอยู่บนโลกใบนี้ได้เพียงไม่นาน ก็ต้องพร้อมที่จะออกวิ่งไปกับฝูง เพื่อโอกาสในการเติบโตต่อไปในภายหน้า

แต่ก็ไม่ใช่สำหรับทุกตัว เหยื่อที่เข้มแข็งจะอยู่รอด เหยื่อที่อ่อนแอจะต้องตาย

ทุกชีวิตล้วนมีคุณค่า ไม่ว่าจะเป็นผู้ล่า หรือผู้ถูกล่าก็ตามที ไม่มีสิ่งที่เรียกว่าความสงสาร ไม่มีสิ่งที่เรียกว่าความเมตตา เพราะสองสิ่งนั้นไม่จำเป็นกับสิ่งมีชีวิตอื่นใดนอกจากมนุษย์ สัตว์ไม่เคยทำในสิ่งที่พวกมันไม่ควรกระทำ แม้ในบางครั้งพวกมันอาจดูเหมือนโหดร้าย ทำการฆ่าอย่างทิ้งขว้าง แต่พวกมันทั้งหมดต่างทำไปตามกติกาในเกมชีวิตของพวกมัน ทั้งหมดต่างอยู่ภายใต้กฏแห่งธรรมชาติทั้งสิ้น

แล้วมนุษย์จัดเป็นผู้ล่า หรือผู้ถูกล่า มนุษย์บางคนอาจเป็นผู้ล่าที่อยู่อย่างโดดเดี่ยว มนุษย์บางกลุ่มอาจเป็นผู้ล่าที่อยู่รวมฝูง แล้วมนุษย์ที่เหลือเป็นผู้ถูกล่า ซึ่งอยู่รวมกันเพื่อเพิ่มโอกาสในการรอดชีวิตอย่างนั้นหรือ

การอยู่รวมกันเป็นสังคมคือสิ่งที่ตกทอดมาจากสายเลือดไพรเมทอันเป็นต้นตระกูลของมนุษย์ เป็นความฝังใจในการเอาชีวิตรอดอยู่บนโลกใบนี้ตามกติกาที่เคยถูกกำหนดเอาไว้อย่างนั้นหรือ

บางทีอาจไม่ใช่เช่นนั้น

มนุษย์ไม่ได้เป็นทั้งผู้ล่า หรือผู้ถูกล่า ไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้น มนุษย์ก็คือมนุษย์ มนุษย์ไม่เคยสนใจกติกาใดๆ เป็นสิ่งมีชีวิตแปลกแยกบนโลกที่โดดเดี่ยวใบนี้

มนุษย์พยายามต่อต้านธรรมชาติในทุกรูปแบบ ทั้งโดยตั้งใจ และไม่ตั้งใจ มนุษย์ค่อยๆ สร้างสมสิ่งต่างๆ ขึ้นมาในจิตใจของตนเอง แล้วส่งต่อ สืบทอดกันไปอย่างที่ไม่มีสิ่งมีชีวิตอื่นใดจะสามารถเลียนแบบได้ ด้วยการทำให้พวกมันซับซ้อน และสับสนมากยิ่งขึ้น

สิ่งที่เรียกว่า อารมณ์ ความคิด จิตใจ ความรู้ และอื่นๆ อีกมากมาย ถูกสุมซ้อนทับถมกันจนสูงขึ้นไปเรื่อยๆ รอคอยเวลาที่จะถล่มลงมาใส่ทุกสิ่ง และดูเหมือนว่ามนุษย์ทุกคนต่างก็มีความสุขที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการทำเช่นนั้น

ความรัก ก็เป็นหนึ่งในสิ่งเหล่านี้ สิ่งมีชีวิตต่างต้องสืบพันธุ์เพื่อดำรงค์สายพันธุ์อันมีความเหมาะสมกับโลกในช่วงเวลานั้นๆ แต่มนุษย์ก็คือมนุษย์ ความจำเป็นในการดำรงค์สายพันธุ์อาจหลงเหลือเป็นเพียงติ่งความคิดเล็กๆ ในความซับซ้อนสับสนทั้งหมดนั้น ติ่งความคิดที่ไม่มีความสำคัญอันใดอีก ติ่งที่พร้อมจะถูกตัดทิ้งไปได้ทุกเมื่อ

ความรัก เกิดจากความต้องการทางเพศใช่หรือไม่ แค่จะบอกว่าสองสิ่งนี้มีความเกี่ยวพันกัน บางคนก็อาจส่ายหน้าไม่เห็นด้วย หากความต้องการทางเพศคือส่วนที่เป็นของธรรมชาติ ส่วนความรักนั้นเป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นมา มันอาจจะไม่เกี่ยวข้องกันก็เป็นได้

หากความรักเป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น สัตว์จะมีความรักได้หรือไม่ การเลือกคู่ การมีคู่ครองเพียงหนึ่งเดียวตลอดชีวิตของสัตว์หลายสายพันธุ์ จะใช่ความรักหรือไม่ แล้วทำไมมันจึงต้องทำเช่นนั้น มันเป็นกฎแห่งธรรมชาติสำหรับพวกมัน หรือความจริงแล้วมีปมอะไรที่ซับซ้อนคล้ายกับมนุษย์ ถูกซุกซ่อนอยู่ในสมองเล็กๆ เหล่านั้น

หรือจะเป็นความผิดพลาดตั้งแต่แรกแล้ว ที่เราใช้ความคิดอันแสนสับสนของมนุษย์ไปมองดู และตัดสินการกระทำของพวกมัน

ความสัมพันธ์ที่ดำเนินผ่านมาระหว่างคนทั้งสองนั้นคืออะไร ทั้งคู่ต่างยังไม่แน่ใจ มันอาจเป็นเหมือนกับการขึ้นบันได พวกเขารู้ว่ามันกำลังดำเนินไป แต่ยังไม่รู้ว่าชั้นต่อไปนั้นจะเป็นอย่างไร จนกว่าจะขึ้นไปถึง และมันก็จะยังคงดำเนินต่อไป ไม่ว่าจะมีบันไดอยู่กี่ขั้น ไม่ว่าจะมีอยู่อีกกี่ชั้น ที่ต้องก้าวขึ้นไป

ในตอนนี้สมองของมนุษย์ต่างเพศสองคนกำลังทำอะไรมากมายหลายอย่างในเวลาเดียวกัน ความคิด ความรู้สึก อารมณ์ สารเคมี กระแสไฟฟ้า ทั้งในร่างกาย ทั้งภายในจิตใจ กระบวนการอันแสนสลับซับซ้อนดำเนินไปพร้อมๆ กันในแต่ละเสี้ยววินาที ราวกับเป็นการจุดพลุเฉลิมฉลองครั้งใหญ่

ร่างของทั้งสองใกล้ชิดกันอยู่ในความมืด ร่างกายที่อบอุ่นนุ่มนิ่ม กลิ่นกายที่รวมกันเข้ากับกลิ่นสารเคมีที่ให้ความหอม กลิ่นที่ไม่มีกลิ่น ลมหายใจที่ไหลเวียนผ่านร่างกายของทั้งคู่สลับสับเปลี่ยนไปมา ลมหายใจที่เริ่มอึดอัด เสียงของเส้นเลือดที่เต้นอยู่ในความเงียบ เสียงร่ำร้องของหัวใจ ทั้งที่หมายถึงก้อนกล้ามเนื้อซึ่งต้องทำหน้าที่สูบฉีดเลือดไปเลี้ยงทั่วร่างกายตลอดทั้งชีวิต และสิ่งที่เป็นนามธรรมอันหมายถึงตัวตนของคนผู้นั้น

ร่างกายเบียดชิดใกล้กันอย่างตั้งใจ แต่ยังพยายามหลอกตัวเองว่าไม่ได้ตั้งใจ ความต้องการบางอย่างที่ค่อยๆ คืบคลานต่ำลงไป มันคือความรักใช่หรือไม่ คงไม่มีใครถามตัวเองในเวลาเช่นนี้ มันคือความต้องการทางเพศใช่หรือไม่ คงไม่มีใครอยากตอบในเวลาเช่นนี้

โยงใยอื่นใดอันไม่มีความจำเป็นต่อการมีชีวิตอยู่ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ นี้ ต่างถูกกีดกันออกไปจากสมอง ความคิด เหตุผล ผิดชอบชั่วดี ต่างถูกอารมณ์เพียงหนึ่งเดียวที่ในตอนนี้เข้ายึดครองพื้นที่เกือบทั้งหมดในสมองไปเรียบร้อยแล้ว มันคือความรักใช่หรือไม่ มันคือความต้องการทางเพศใช่หรือไม่

แรงขับดันตามธรรมชาติ หรือว่าความเป็นมนุษย์

ทั้งคู่หันมาสบสายตา ในระหว่างการเดินขึ้นบันได การไต่ขึ้นสู่ชั้นสอง การก้าวจากระดับหนึ่ง ขึ้นไปสู่อีกระดับหนึ่ง ภายใต้ความมืดที่ปลอดภัย ความมืดที่คอยปกป้องไม่ให้ผู้ใดมารับรู้การกระทำที่กำลังจะเกิดขึ้น ความมืดที่จะปลดปล่อยบางสิ่งซึ่งถูกเก็บซ่อนเอาไว้ออกมา

เราไม่กลัวสายตาของตนเอง แต่กลับกลัวสายตาของผู้อื่น ทั้งที่จริงๆ แล้วเสียงติติงที่เราจะได้ยินนั้น เป็นเสียงของผู้อื่นเพียงเล็กน้อย นอกจากนั้นจะเป็นเสียงที่ดังขึ้นจากภายในจิตใจของเราเองทั้งสิ้น ไม่มีความลับใดในโลกนี้ นอกจากสิ่งที่ไม่ได้กระทำลงไป เพราะอย่างน้อยจะต้องมีคนผู้หนึ่งที่รับรู้ นั่นคือตัวเราเอง

บางสิ่งที่แสดงออกมาบนใบหน้า ในดวงตา ที่ไม่อาจควบคุมบังคับได้ด้วยตัวเอง บางอย่างที่ซับซ้อน คำเชิญชวนอันไร้เสียง แรงดึงดูดไร้สภาพ เชื้อเชิญให้ริมฝีปากของทั้งสองเคลื่อนเข้าหากัน สัมผัสเบาๆ ที่ไม่คุ้นเคยเกิดขึ้นกับทั้งคู่ สัมผัสที่เปียกชื้น สัมผัสที่ชวนให้คิดต่อไปไกลอีกนิด และอีกนิด

ในระหว่างนั้นมีการแลกเปลี่ยนมากมายเกิดขึ้น ทั้งทางอารมณ์ ความรู้สึก สารเคมีนานาชนิด รวมถึงจุลชีพอีกสารพัดที่ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันกับช่องปาก วิวัฒนาการมาพร้อมๆ กับมนุษยชาติอย่างยาวนาน

จูบ นอกจากมนุษย์แล้ว ยังมีสิ่งมีชีวิตอื่นใดทำเช่นเราอีกหรือไม่

ดวงตาของทั้งคู่ปิดลง เพื่อเร่งให้ประสาทสัมผัสส่วนที่กำลังถูกเร้ามีความเฉียบคมมากยิ่งขึ้น ความรู้สึกที่เกิดขึ้นนั้นคืออะไร ความรัก หรือความต้องการทางเพศ คงไม่มีใครอยากตอบ แต่หากยังคงดำเนินต่อไป มันจะใช่ความรักหรือไม่ นั่นยากที่จะบอกได้ แต่มันคงจบลงที่ความต้องการทางเพศอย่างไม่ต้องสงสัย

ความเป็นมนุษย์ที่ยังคงไม่อาจเหนือกว่าธรรมชาติได้อยู่ดี หลายคนอาจเถียงว่า ความเป็นมนุษย์นั้นย่อมเหนือกว่า สูงส่งกว่า มนุษย์ที่แท้ย่อมสามารถเอาชนะความต้องการตามธรรมชาติเช่นนั้นได้ ก็อาจจะใช่ หรืออาจจะไม่เป็นเช่นนั้น

ความรู้สึกอย่างหนึ่งซึ่งมักจะเกิดขึ้นอยู่เสมอในช่วงเวลาเช่นนี้ ในระหว่างที่กำลังแอบทำอะไรที่ไม่ควรมีใครได้รับรู้ ความรู้สึกนั้นกำลังเกิดขึ้นกับคนทั้งคู่ ความรู้สึกว่าตนเองกำลังถูกจับตามอง ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะไม่มีใคร ที่รู้สึกนั้น แท้จริงแล้วก็คือสายตาจากภายในของตัวเรานั่นเอง

ทั้งคู่ขยับออกห่างจากกัน พร้อมกับมองขึ้นไปบนชั้นสอง ปุ้ยคิดว่าจะได้เห็นไหมผู้เป็นน้องสาว กำลังแอบมองลงมาพร้อมกับพยายามกลั้นหัวเราะเอาไว้ จริงคิดถึงอะไรที่คล้ายๆ กัน แต่น่ากลัวกว่า สิ่งที่แอบมองลงมานั้นอาจเพียงเคยเป็นคน ร่างที่มีผิวขาวเผือก ผมดำยาวสยาย ร่างหักๆ ที่จะค่อยๆ คืบคลานลงมาตามขั้นบันได

ส่วนใหญ่แล้วสิ่งที่จะได้พบ มักเป็นเพียงความว่างเปล่า แต่ครั้งนี้มันไม่ใช่

สิ่งที่ทั้งคู่ได้เห็น คือดวงตาสีทองซึ่งมีประกายวาวเป็นสีแดงอยู่ในความมืดมิด ดวงตาของสัตว์นักล่าที่ไม่เคยคิดจะอยู่ร่วมกับใคร ไม่ว่าพวกมันจะมีขนาดตัวเท่าใดก็ตาม ทั้งสองรู้สึกโล่งใจเมื่อรู้ว่ามันคือแมวดำตัวใหญ่ที่พวกเขาได้พบเจอที่หาดทรายเมื่อก่อนหน้านี้นั่นเอง

นั่นเป็นเวลาที่มันกำลังรอคอยอยู่ มันสามารถรับรู้ได้โดยไม่ต้องผ่านการขบคิด ช่วงเวลาที่เหยื่อผ่อนคลายขาดความระวังป้องกัน กรงเล็บทั้งหมดกางออกพร้อมเสียงร้องที่กรีดทำลายความเงียบ

มันตัดสินใจกระโดดเข้าจู่โจมเหยื่อทันที

#####

แมลงวันที่ตลอดทั้งร่างเปียกเปื้อนไปด้วยคราบไขมัน นอนหงายท้องปีกติดอยู่บนเศษไข่เจียวซึ่งเป็นอาหารมื้อสุดท้าย ขาทุกคู่สั่นกระตุกอีกครั้งก่อนจะแน่นิ่งไป อีกหนึ่งชีวิตที่ต้องลาลับ ความตายที่ไม่แตกต่าง ไม่ว่าขนาดของชีวิตนั้นจะเป็นอย่างไร ไม่ว่าจะเล็ก หรือใหญ่เพียงใดก็ตาม

แวบหนึ่ง รุริโกะคิดว่าสิ่งที่จะก้าวออกมาจากในห้องน้ำ ความตายของเธอจะต้องมีใบหน้าเหมือนกับชายผู้นั้น คนที่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืดของทางเดิน คนที่ทำให้เธอกลายเป็นสิ่งที่ไม่มีใครต้องการ

เธอพยายามคิดดิ้นรนต่อสู้อย่างไร้ผล เมื่อคาเมนไรเดอร์หมายเลขหนึ่ง หรืออาจจะเป็นหมายเลขสอง พยายามที่จะคล้องห่วงเชือกลงบนลำคอของเธอ สาเหตุที่เธอไม่รู้ว่ามันเป็นหมายเลขใดนั้น เป็นเพราะว่าไรเดอร์ทั้งสองมีใบหน้าที่แทบจะไม่แตกต่างกันเลย

เธอจำไม่ได้ว่าจุดที่แตกต่างนั้นคืออะไร ผ้าพันคอที่ยาวไม่เท่ากัน หรือจะเป็นลายเส้นที่อยู่บนแขนเสื้อ ซึ่งไรเดอร์ตัวนี้ไม่มีให้เห็นทั้งสองอย่าง มันเพียงสวมใส่ชุดสีเข้มเอาไว้เท่านั้น 'แต่มันสวมถุงมือด้วย' และทั้งหมดนี้คงไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรนัก 'ไม่ว่ามันจะเป็นหมายเลขใด ฉันก็ต้องตายอยู่ดี' ไม่ว่าสาเหตุจะเป็นอย่างไร มันก็นำไปสู่จุดหมายเดียวกันทั้งสิ้น ผู้คนมักแบ่งแยกสิ่งต่างๆ แม้แต่ความตายก็เช่นกัน

ความตายอย่างสงบ ความตายอย่างทุกข์ทรมาน ความตายท่ามกลางคนรู้จัก ความตายอย่างเดียวดาย ความตายที่คาดการณ์ไว้ล่วงหน้า ความตายอย่างเฉียบพลัน หรืออะไรก็ตามแต่ มันมีความแตกต่างเช่นนั้นจริง หรือเป็นเพียงมุมมองอันสับสนอีกอย่างหนึ่งของมนุษย์เท่านั้น

ความตาย ก็คือ ความตาย

ตอนนี้เธอทำอะไรได้ไม่มากนัก นอกจากขดตัวเป็นก้อนกลมอยู่บนเก้าอี้ เบียดร่างของตัวเองให้แนบชิดเข้ากับกำแพง ร่างกายของเธอไม่ยอมตอบสนองต่อการสั่งงาน ไม่ว่าจะเป็นการสั่งให้สู้ หรือหนี ในสมองของเธอมีความคิดประหลาดอัดอยู่เต็มไปหมด อย่างเช่นใบหน้าที่แท้จริงของคาเมนไรเดอร์ผู้นี้จะเป็นใครคนใดคนหนึ่งที่เธอรู้จักหรือไม่

รุริโกะคนอื่นๆ ก็นั่งอยู่กับเธอที่นี่

รุริโกะแต่ละคนก็คือความทรงจำของตัวเธอเอง ความทรงจำที่เรียงร้อยต่อกันเข้า จนกลายมาเป็นตัวเธอในทุกวันนี้ และรุริโกะทั้งหมดนั้นไม่ได้หายไปไหน

รุริโกะที่ใช้ชีวิตไปอย่างเหม่อลอยในแต่ละวัน ความทรงจำเหล่านั้นจะหดเล็กลง รวมกันเข้าจนเหลือรุริโกะเพียงคนเดียว รุริโกะที่น่าเบื่อ รุริโกะที่ไม่น่าสนใจ แต่รุริโกะในช่วงเวลาที่มีความสำคัญ รุริโกะที่น่าอาย รุริโกะที่ใช้ไม่ได้ รุริโกะที่ไม่น่าจดจำ รุริโกะเหล่านั้นต่างมีตัวตนอยู่อย่างชัดเจน

หลายคนเชื่อว่า ความทรงจำเก่าๆ จะผ่านเข้ามาอย่างรวดเร็วเมื่อความตายมาถึง เธอมองดูรุริโกะคนแล้วคนเล่า 'มันคงเป็นความจริง' แต่ที่อยู่ในนั้น มีเพียงเล็กน้อยที่เป็นรุริโกะซึ่งทำให้เธอรู้สึกภาคภูมิใจ ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นรุริโกะที่เธอไม่อยากจดจำแทบทั้งสิ้น

เชือกที่คอถูกดึงรัดให้แน่นขึ้นจากทางด้านหลัง ความเจ็บปวดค่อยๆ จืดจางลง ความอึดอัดกลายเป็นทุกสิ่ง และเหนือสิ่งอื่นใดนั้นคือความหวาดกลัว ความกลัวต่อความตายที่เคยหลีกเลี่ยงมาตลอดด้วยวิธีการง่ายๆ คือการไม่คิดถึงมัน หลอกตัวเองไปวันๆ ว่าตอนจบนั้นจะยังไม่มาถึง

ความกลัวต่อความตายนั้นยากจะทานทน หากขาดการเตรียมตัวที่ดี หรือการมีหัวใจที่ซื่อตรง

เธอพยายามใช้สองมือดึงรั้งเชือกที่กดลึกลงบนลำคอขาวนวลเนียน พยายามอย่างที่สุดเพื่อยื้อยุดฉุดชีวิตของตนเองเอาไว้ คุณค่าที่แท้จริงของชีวิตคืออะไร มันคือเป้าหมายอันสูงส่ง มันคืออุดมคติ มันคือการเข้าถึงความเป็นจริงของสิ่งทั้งปวงอย่างนั้นหรือ

ไม่เลย คุณค่าของชีวิต ก็คือ การที่ยังมีชีวิตอยู่นั่นเอง

เธอตระหนักถึงมันได้ในเสี้ยววินาทีสุดท้าย เมื่อรุริโกะทั้งหมดกำลังค่อยๆ เลือนหายไป ตัวตนของเธอทั้งหมดกำลังเลือนหายไป ลมหายใจสุดท้ายของเธอกำลังเลือนหายไป

'จงปลดปล่อยฉันกลับคืนสู่ท้องทะเล' เสียงอ่อนล้าของปลาฉลามวาฬกู่ร้องดังออกมาจากส่วนลึกของท้องทะเลแห่งความทรงจำ ยังมีสิ่งอื่นๆ อีกมากมายในชีวิต แต่มันกลับเป็นสิ่งสุดท้ายที่เธอนึกถึง มันช่างตลกสิ้นดี 'เจ้าก็ว่ายอยู่ในท้องทะเลมาตั้งแต่แรกแล้ว เจ้าเองต่างหากที่ไม่ยอมลืมฉัน เจ้าต่างหากที่เป็นฝ่ายไม่ยินยอมจากไป' เสียงกู่ร้องที่เหมือนกับเสียงลมหายใจของมันค่อยๆ ห่างออกไป ไกลออกไป

เธอไม่เอะใจเลยสักนิด ว่า การเขียนนิยาย ที่เธอเคยเข้าใจว่าเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตนั้น ไม่ได้เฉียดใกล้เข้ามาในช่วงเวลาแห่งความตายของเธอเลยแม้แต่น้อย นิยายเรื่องใหม่จะดำเนินต่อไปเช่นไร จะจบลงอย่างไร สิ่งสำคัญที่แท้จริงในชีวิตของเธอนั้น คืออะไรกันแน่

ความตายขี้อายที่เดินเคียงข้างเธอมาตลอดทั้งชีวิต ยินยอมกล่าวคำทักทายออกมาในที่สุด

#####

ร่างของทั้งสองหงายหลังกลิ้งตกลงไปตามขั้นบันได สิ่งที่ทำให้เป็นเช่นนั้นไม่ใช่แรงจากสัตว์นักล่าลึกลับตัวนั้น แต่เป็นการกระทำของสิ่งที่เรียกว่า แรงดึงดูด นั่นเอง

ทุกคนควรต้องเคยได้ยินเกี่ยวกับแรงดึงดูดมาก่อน แต่ในความเป็นจริงแล้ว แรงดึงดูดคืออะไร มันเป็นแรงที่เกิดจากสิ่งใด แล้วทำไมมันจึงสามารถกระทำต่อสิ่งต่างๆ ได้อย่างที่มันกำลังทำอยู่ในตอนนี้ เราสามารถหาค่าตัวเลขต่างๆ อันเป็นตัวแทนของแรงดึงดูดที่ว่า แต่เราก็ยังคงไม่เข้าใจถึงตัวตนที่แท้จริงของมันอยู่ดี

มีอยู่ สัมผัสได้ แต่ไม่อาจเข้าถึง นั่นฟังดูเหมือนกับ ปริศนาเซ็น หรือ เต๋า เหลือเกิน

ทั้งคู่หล่นลงมาถึงพื้นชั้นล่าง ทุกอย่างกลับคืนสู่จุดเริ่มต้นอีกครั้ง จริงใจ เหลือบตามองไปทางด้านข้าง ทุกอย่างดูพร่าเลือนเหมือนเป็นความฝัน ปุยฝ้าย นอนหลับตานิ่งอยู่ห่างออกไปไม่ไกล

เงามืดคืบคลานเข้ามากั้นกลางระหว่างคนทั้งคู่เอาไว้ ดวงตาสีทองแฝงประกายสีแดงจ้องลึกเข้ามาในดวงตาของเขา ในนั้นคล้ายมีคำถาม แต่เขาไม่รู้ว่ามันคืออะไร

สิ่งสุดท้ายที่เขาจำได้คือมือนุ่มนิ่มของเธอข้างนั้น มือที่เขาสาบานว่าจะไม่ยอมปล่อยอย่างเด็ดขาด

จากคุณ : zoi
เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 07:26:21




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com