Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
บันทึกความทรงจำบทที่ 19 การลาจาก ติดต่อทีมงาน

บทที่ 1 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12134405/W12134405.html

บทที่ 2 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12137466/W12137466.html

บทที่ 3 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12142609/W12142609.html

บทที่ 4 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12155159/W12155159.html

บทที่ 5 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12160123/W12160123.html

บทที่ 6 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12165127/W12165127.html

บทที่ 7 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12170398/W12170398.html

บทที่ 8 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12175926/W12175926.html

บทที่ 9 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12192814/W12192814.html

บทที่ 10 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12198174/W12198174.html

บทที่ 11 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12202507/W12202507.html

บทที่ 12 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12207363/W12207363.html

บทที่ 13 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12220562/W12220562.html

บทที่ 14 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12225332/W12225332.html

บทที่ 15 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12230280/W12230280.html

บทที่ 16 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12234999/W12234999.html

บทที่ 17 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12239919/W12239919.html

บทที่ 18 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12252213/W12252213.html


เราสิ้นสุดการเดินทางท่องเที่ยวแล้ว ตอนนี้เหลือเพียงแต่การตั้งหน้าตั้งตาทำ Dissertation ซึ่งเป็นงานชิ้นสุดท้ายของเราก่อนเรียนจบ สำหรับยุน จี เธอต้องมีสอบปฏิบัติด้วย ผมเห็นเธอตั้งหน้าตั้งตาฝึกซ้อมอย่างขมักเขม้น ส่วนผมเองก็ต้องอ่านหนังสือ ค้นคว้าอย่างต่อเนื่อง พร้อมก้บการเข้าพบอาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ (Supervisor) อย่างสม่ำเสมอ เพื่อนๆ แต่ละคนในแฟลทต่างก็ทุ่มเทกันเต็มที่เพื่อให้ผลงานชิ้นสุดท้ายออกมาดีที่สุด ไม่เว้นแม้แต่คริสตี้ สาวฮ็อทประจำแฟลท หรือจะบอกได้ว่าประจำมหาวิทยาลัยเลยก็ว่าได้ ที่หน้าดำคร่ำเครียดค้นคว้าหาข้อมูล  บางคนก็เดินทางไปเก็บข้อมูลข้างนอก วิธีการแตกต่างกันไปตามสาขาที่เรียน เราพูดกันในแต่ละวันแทบจะนับคำได้เลย เว้นแต่ช่วงทำอาหารเย็นเท่านั้น ที่แต่ละคนจะได้มานั่งสังสรรค์กัน

ผมทำไปก็ไม่วายคิดมาก กลัวการลาจาก กลัวว่าจะไม่ได้พบหน้าทุกๆ คนอีก โดยเฉพาะ ลี ยุน จี คนที่ผมรัก เพราะวันที่จะต้องจากเธอไปมันคืบคลานเข้ามาใกล้แล้ว ช่วงเวลานี้เป็นช่วงที่ผมกลัวมากที่สุด เพราะจนป่านนี้ผมยังไม่เคยบอกรักเธอให้เธอได้ยินชัดๆ ซักครั้ง ถ้าไม่นับตอนที่ผมเอ่ยมันออกไปตอนคืนวันคริสต์มาสครั้งนั้น ผมคิดว่า ความกังวลที่มีมันคงจะแสดงออกทางสีหน้าจนใครหลายคนสังเกตเห็น

“เป็นอะไรรึเปล่า ทำไมหมู่นี้สีหน้าดูไม่ดีเลย” ยุน จี เอ่ยถามผมตอนที่เรานั่งกินข้าวเย็นด้วยกันในครัว

“ไม่มีอะไรหรอก แค่เครียดเรื่องทำ Dissertation นั่นแหละ” ผมตอบเลี่ยงความจริง

“มีอะไรจะให้ช่วยมั้ย” เธอยังคงเอื้อเฟื้อ

“ไม่เป็นไรๆ ขอบคุณมาก แล้วเธอล่ะ ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง”

“ตอนนี้นอกจากจะเขียนเรื่องทฤษฎี เรื่องเนื้อหาแล้ว ก็ได้แต่ซ้อมปฏิบัติ พอดีเค้าซีเรียสเรื่องสอบปฏิบัติน่ะ เรื่องเขียน paper ไม่ต้องทำยาว”

“พยายามเข้านะ แล้วจะสอบวันไหน”

“วันที่ 15 สิงหา ฮ่าๆๆๆ ทำไม จะไปให้กำลังใจเหรอ” เธอถามแล้วตบไหล่ผมเบาๆ

“อืมมม ตั้งใจอยู่ อยากเห็นอัจฉริยะนักเปียโนชื่อก้องสอบซักครั้ง”

“โอ้โห อวยใหญ่เลยนะ ไม่ขนาดนั้นหรอก แต่ขอบใจมากนะที่อุตส่าห์จะไปให้กำลังใจ” เธอฉีกยิ้มกว้าง

ยังไม่ทันที่ผมจะพูดต่อ ก็ได้ยินเสียงเปิดประตู คนที่เดินเข้ามาเป็นผู้หญิงหน้าตาดี ที่เราค้นหน้าคุ้นตาดีอยู่แล้ว แต่วันนี้ผมเธอดูกระเซอะกระเซิง ไม่บอกคงรู้นะครับว่า เธอคือ คริสตี้ โหยว จอมแก่น ฮ่าๆๆ อย่างน้อยท่ามกลางความเศร้าซึม ก็ยังมีอะไรขำๆ อยู่ด้วย ผมคงคิดถึงเธอมากเหมือนกันเมื่อเราต้องจากกันไป เธอหยุดมองเราแว่บนึง พลันส่งสายตาแบบมีเลิศนัยบางอย่าง ก่อนเสยผมให้ดูดีกว่าเดิม

“มาทำอาหารเหรอ คริสตี้” ยุน จีถาม

“ใช่สิ เมื่อคืนอ่านหนังสือแทบไม่ได้นอนเลย ไหนจะต้องมีเรื่อง survey อีก พรุ่งนี้ต้องลุยแจกแบบสอบถาม ตอนนี้ง่วงมาก กะว่าจะหาอะไรกินซะหน่อยแล้วจะรีบนอน แล้วพวกเธอล่ะ ไปถึงไหนกันแล้ว”

“อ๋อ ปิงก็กำลังเครียดเรื่อง Dissertation อยู่ส่วนชั้นก็กำลังซ้อมเปียโนอยู่ ใกล้สอบแล้ว”

“เปล่าๆ ชั้นหมายถึงความสัมพันธ์ของพวกเธอน่ะ ไปถึงไหนกันแล้ว” คริสตี้พูด แล้วมีเหล่มาทางผม

“ฮ่าๆๆๆ ไม่มีอะไรมากหรอก ก็อย่างที่เห็นๆ นี่แหละ” ยุน จีพูด แล้วหันมาทาผม

“โอเค ไอ้เราก็นึกว่าจะไปถึงไหน โธ่ ไม่เห็นสนุกเลย” คริสตี้ทำหน้าเซ็งๆ

“เออนี่ พรุ่งนี้เธอมี survey ใช่มั้ย มีใครช่วยรึยัง”

“ยังเลย แต่ละคนก็ต้องทำ survey ไม่มีใครช่วยเลย ต้องลุยเดี่ยวซะล่ะมั้ง”

“เอางี้สิ เห็นปิงบอกว่าอยากพักมั่ง ก็ให้เค้าไปช่วยสิ” เธอหันมาขยิบตาให้ผม

อ้าว อยู่ดีๆ เธอหาเรื่องเดือดร้อนมาให้ผมซะนี่ อย่าบอกนะว่าเธอคิดจะจับคู่ผมกับคริสตี้ มันน่าโกรธนะครับ ผมอุตส่าห์เฝ้ารัก ดูแล แต่เธอจะผลักไสผมซะนี่ ผมเลยยักไหล่ ทำหน้าเซ็งๆ

“โอเค ไปช่วยก็ได้ๆ ก็ยังดีกว่าอยู่เฉยๆ น่ะนะ” ผมตอบก่อนเดินไปเบิร์ดกะโหลกคริสตี้หนึ่งที เพื่อเป็นการเอาคืนเรื่องที่แซวเมื่อกี้ ฮ่าๆๆๆ ขอนิดนึง แต่มันก็ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นนะครับ

รุ่งขึ้นผมเองก็ไปช่วยคริสตี้ตามสัญญา โทษทีนะครับ ผมรู้สึกเหมือนเป็นทาสเธอยังไงไม่รู้ เธอนั่งเฉยๆ ส่วนผมคอยเดินแจกเอกสารให้ฝรั่งตอบคำถาม ที่โน่นที ที่นี่ที บางคนก็ปฏิเสธแถมด่า บางคนให้ความร่วมมืออย่างดี คริสตี้บอกแค่ว่าเธอจะเลี้ยงอาหารผมเป็นการตอบแทน อ่ะ โอเค เอาก็เอา กว่าจะเสร็จก็เล่นเอาหมดแรง เฮ้อออ คุณลี ยุน จี ทำผมแทบแย่ แต่อย่างน้อยผมก็กินข้าวฟรีมื้อนึงล่ะจริงมั้ย ^___________^

นั่นคือ เรื่องราวเล็กน้อยๆ ระหว่างการทำ Dissertation ของผม ที่นึกถึงทีไรอดขำไม่ได้ซักที และมันก็ได้บรรจุอยู่ในหีบย่ามแห่งความทรงจำของผมไปเรียบร้อยแล้ว...............

ชีวิตการเรียนของผมเข้ามาถึงจุดสุดท้าย หลังจากที่ผมศึกษา ค้นคว้าอย่างหนัก จนถึงตอนนี้ผมก็ทำ Dissertation เสร็จสิ้น ผมจึงเริ่มทะยอยแพ็คของ จัดของเพื่อเตรียมตัวกลับเมืองไทย เพราะผมได้จองตั๋วเครื่องบินเอาไว้แล้ว ซึ่งผมจะกลับในวันที่ 24 สิงหาคม หลังจากที่ยุน จี สอบเปียโนเสร็จ 9 วัน แต่ที่ทำให้ผมตกใจยิ่งกว่านั้น ถึงกับพูดอะไรไม่ออกก็คือ ยุน จี จะเดินทางกลับหลังจากสอบปฏิบัติครั้งสุดท้ายในอีกสองวัน หมายความว่าผมจะอยู่ที่นี่โดยไม่มีเธอไปอีกอย่างน้อย 1 อาทิตย์ ทรมานใจมากนะครับ ทรมานใจจริงๆ ทำให้ผมไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรต่อ จนบางครั้งเมื่อนึกถึงเรื่องเก่าๆ ตั้งแต่เราได้พบกันมาจนถึงตอนนี้ น้ำตาของผมก็ใหลออกมาอีกครั้งและอีกครั้ง ไม่รู้ว่าจะทำยังไง แต่ยังไงผมก็จะยังอยู่เคียงข้างเธอ และให้กำลังใจเธอในวันสอบ และคงเป็นการได้เห็นเธอเล่นเปียโนเป็นครั้งสุดท้าย

วันสอบของเธอเป็นวันที่ท้องฟ้าค่อนข้างครึ้ม คงจะมีฝนตก ผมเดินไปกับเธอที่ห้องสอบ เห็นมีนักเรียนหลายคนรออยู่นอกห้อง รออาจารย์เรียกเข้าไปทีละคน ผมอดตื่นเต้นแทนเธอไม่ได้ แต่ดูเธอมีสีหน้าเรียบเฉย เหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ส่วนผมเองก็คิดวนไปวนมาว่า อีกเพียงสองวันเท่านั้น ที่ผมจะได้อยู่กับเธอ สองวันเท่านั้นจริงๆ....

พอได้เวลาที่เธอสอบ ผมก็ขออาจารย์เข้าไปดูด้วย แต่ไม่ได้รับอนุญาต ผมเลยเพียงแค่แอบดู แอบฟังอยู่ด้านนอก ตรงที่มีประตูแง้มไว้ เธอค่อยๆ นั่งลง หลับตา สูดลมหายใจ แล้วเริ่มบรรเลงเพลง ผมได้ยินเพียงแว่วๆ เท่านั้น แต่ก็ยังจำได้ เพราะเป็นเพลงที่เธอซ้อมบ่อยๆ นิ้วของเธอพริ้วไหว ทั้งสีหน้าและท่าทางได้อารมณ์ของเพลง ผมรู้สึกชื่นชมเธออย่างมาก ซึ่งทุกๆ คนก็คงคิดเหมือนกันกับผม เพราะพวกนักเรียนที่อยู่ด้านนอกต่างบอกกันว่า เธอเป็นนักเรียนที่ค่อนข้างโดดเด่นในชั้นเรียนทีเดียว พอเล่นจบ สีหน้าเธอดูสดชื่นแจ่มใจ เธอเดินออกมาพร้อมส่งยิ้มให้กับผม

“ขอบคุณมากนะ ที่มาให้กำลังใจ ชั้นจะไม่ลืมวันนี้เลยตลอดไป” นั่นคือคำพูดของเธอที่มาพร้อมกับหยดน้ำตา

ผมเองก็ได้แต่ข่มกลั้นความรู้สึกไว้ข้างในอยู่อย่างนั้น จนถึงคืนวันก่อนที่เธอจะต้องเดินทางกลับ เราสองคนต่างนั่งนิ่งในตอนช่วงอาหารค่ำ ไม่มีใครเริ่มพูดอะไรก่อน ความเงียบเท่านั้นที่กั้นกลางระหว่างเราสองคน ผมนั่งมองตาของเธอ ดวงตาที่ผมจะขอจดจำไปตลอด ผมมองเธอราวกับจะให้ภาพนั้นประทับในความทรงจำของผมตลอดไป เพราะพรุ่งนี้เราจะต้องจากกันแล้ว

“เราออกไปเดินเล่นข้างนอกกันดีมั้ย ไปเดินรอบๆ มหาวิทยาลัย ชั้นอยากจะเห็นมันเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะจากไป” เธอพูดทำลายความเงียบขึ้นมา

“อือ....อือ ได้สิ” ผมตอบได้เพียงเท่านี้เพราะพูดไม่ออก

เราสองคนต่างเริ่มเดินไปในแต่ละที่ของมหาวิทยาลัย ที่ๆ เราพบกันครั้งแรก ที่ๆ เคยเดินผ่าน เคยนั่งเล่น เคยมีกิจกรรมกับเพื่อนๆ ตึกเรียนแต่ละตึก บาร์ของมหาวิทยาลัย เราเริ่มคุยถึงความทรงจำเก่าๆ ที่ผ่านมา ความสุข ความทุกข์ที่เคยเจอ จนถึงดึก แล้วจึงเดินกลับไปยังหอพักพร้อมกับความเศร้า และความอาลัย......พรุ่งนี้จะต้องจากกันไปแล้วจริงๆ ใช่มั้ย นั่นคือสิ่งที่ผมคิดไปมาตลอดคืน และร้องไห้ออกมาอีกครั้ง..........

เช้าวันรุ่งขึ้น ผมช่วยยุน จี ทะยอยเอากระเป๋าเพินทางออกมาจากห้องของเธอ

“จะไปส่งชั้นเหรอ” เธอถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่สู้ดีนัก ผมเองก็เข้าใจเช่นกันว่าเธอเองก็ใจหายเหมือนกัน

“ใช่แล้วล่ะ จะไปส่งที่รถ เพราะที่จอดรถโค้ชก็อยู่หน้ามหาวิทยาลัยนี้เอง ขอให้ได้ไปส่งเธอเถอะนะ”

เมื่อได้ยินดังนั้นเธอยิ้ม แล้วก็ไม่ได้พูดว่าอะไร...เราสองคนเดินไปอย่างเงียบๆ ไม่มีการพูดคุยกัน จนใกล้ถึงรถ ยุน จีขอให้ผมส่งเธอแค่นี้ เพราะว่า กลัวผมจะเหนื่อยหลังจากเห็นผมลากกระเป๋าหนักๆ ของเธอมาไกลพอดี แต่ผมอยากไปส่งเธอที่รถเลย แต่เธอก็ยังคงยืนกรานที่จะให้ผมส่งเธอแค่นั้น ผมจึงไม่ขัด

เมื่อเธอรับกระเป๋าเดินทางจากผมไป เธอก็ลากมันออกไป ห่างจากผมไปเรื่อยๆ เธอเดินตรงไปอย่างมั่นคง อย่างที่ไม่คิดจะหันกลับมามองแม้เพียงซักวินาที จนถึงรถ คนขับรถมาช่วยเธอยกกระเป๋าเข้าไปที่ใต้ท้องรถ ผมเห็นเธอเดินขึ้นไปบนรถ ก็อดที่จะเดินไปที่รถไม่ได้ อย่างน้อยผมขอเห็นหน้าเธออีกครั้งก็ยังดี เมื่อผมเดินไปใกล้รถ มันก็ได้แล่นออกจากท่า จากเดิน ผมกลายเป็นวิ่ง จากวิ่งช้าๆ กลายเป็นวิ่งเร็วขึ้น เร็วยิ่งขึ้น น้ำตาของผมก็ใหลออกมาเมื่อเห็นเธอด้านบน แล้วผมก็ตะโกนออกมาอย่างสุดเสียงว่า “ยุน จีชี นอมู ซารางแฮ....นัน นอรึล นอมู ซารางแฮ!!!!”

ครับ...เราจากกันแล้ว........................

(พรุ่งนี้จะเป็นบันทึกบทสุดท้ายครับ)

จากคุณ : Red Boomer
เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 55 06:50:23




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com