Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
บันทึกความทรงจำบทสุดท้าย ความทรงจำสีจางๆ ติดต่อทีมงาน

บทที่ 1 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12134405/W12134405.html

บทที่ 2 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12137466/W12137466.html

บทที่ 3 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12142609/W12142609.html

บทที่ 4 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12155159/W12155159.html

บทที่ 5 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12160123/W12160123.html

บทที่ 6 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12165127/W12165127.html

บทที่ 7 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12170398/W12170398.html

บทที่ 8 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12175926/W12175926.html

บทที่ 9 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12192814/W12192814.html

บทที่ 10 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12198174/W12198174.html

บทที่ 11 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12202507/W12202507.html

บทที่ 12 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12207363/W12207363.html

บทที่ 13 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12220562/W12220562.html

บทที่ 14 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12225332/W12225332.html

บทที่ 15 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12230280/W12230280.html

บทที่ 16 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12234999/W12234999.html

บทที่ 17 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12239919/W12239919.html

บทที่ 18 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12252213/W12252213.html

บทที่ 19 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12257164/W12257164.html


หลังจากที่ผมจากกับเธอในวันนั้น ผมก็เดินคอตกพร้อมคราบน้ำตากลับไปยังหอพัก ทุกอย่างรอบตัวดูว่างเปล่า เงียบเหงา ถนนสายเล็กๆ จากวงเวียนกลับไปยังมหาวิทยาลัย เส้นทางเก่าที่เราเคยเดินด้วยกัน วันนี้เหลือเพียงผมคนเดียว สายลมแห่งฤดูร้อนพัดเข้ามา จนรู้สึกสะท้าน ความเงียบบนถนน ทำให้ผมรู้สึกเหงาอย่างบอกไม่ถูก ผมเดินช้าๆ กลับหอพักพร้อมกับความทรงจำที่เกิดขึ้นทุกๆวินาทีที่ผมได้เคยใช้ชีวิตอยู่กับเธอที่นี่ สิ่งรอบตัวยังคงเหมือนเดิม แต่ความรู้สึกกลับเปลี่ยนแปลงไป ผมจะกลับหลังจากเธอ 1 สัปดาห์ เพราะยังต้องจัดการกับของใช้ส่วนตัวที่มี บางชิ้นก็ให้กับเพื่อนๆ คนไทยที่เพิ่งมาถึง เสื้อผ้าบางส่วนก็บริจาคให้กับกลุ่มอาสาสมัครช่วยเหลือคนยากจน เพราะผมไม่อยากขนของกลับไปมาก แต่ตอนนี้ผมกลับไม่รู้สึกอยากทำอะไรเลยซักนิด ตอนนี้เธอจะเป็นยังไงบ้าง เธอจะถึงสนามบินฮีทโทรวโดยสวัสดิภาพมั้ย ผมเฝ้าคิดไปคิดมาตลอดเวลา จนเดินเข้าหอพัก ทุกอย่างยังคงเงียบเหงา ไม่มีเงาใครเลยแม้แต่คนเดียว เพราะเพื่อนๆ ต่างทะยอยกลับบ้านกันไปแล้ว น้ำตาก็ไหลลงมาอีกครั้ง เป็นแบบนี้ตลอดทั้งคืน วันนั้นผมไม่ได้ทานข้าวเย็น ได้แต่นั่งซึมเศร้า แต่ยังไงชีวิตก็ยังคงต้องดำเนินต่อไป ต่อให้ผมรักเธอมากแค่ไหน ซักวันนึงเราคงได้พบกันอีกครั้ง ผมสัญญากับตัวเองว่าผมจะต้องไปหาเธอให้ได้.....................

เมื่อผมกลับมาถึงเมืองไทย พ่อกับแม่เดินทางไปรับถึงสนามบิน (ตอนนั้นยังเป็นสนามบินดอนเมือง) สีหน้าผมยังคงดูเศร้าสร้อย แต่พ่อกับแม่ดีใจที่ผมกลับมาถึงโดยสวัสดิภาพ ตอนนี้เหลือเพียงผมคนเดียว ไม่มีคนที่ผมรักอยู่เคียงข้าง ผมยังคงทำใจรับไม่ได้กับความเหงาที่มี แต่เธอก็ได้ทิ้งสิ่งๆหนึ่งไว้กับผม นั่นคือ ความรู้สึกที่ดีต่อคนเกาหลี และวัฒนธรรมของเกาหลี ทำให้ผมอยากรู้จักคนชาตินี้มากยิ่งขึ้น อยากเรียนรู้วัฒนธรรม ภาษา อาหาร อะไรที่เป็นเกาหลีทั้งหมด แล้ววันนึงผมจะพูดภาษาเกาหลีกับเธอ เล่าเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับตัวผมเป็นภาษาเกาหลีให้เธอฟัง คิดว่าเธอคงแปลกใจไม่น้อยที่ได้ยินผมพูดภาษาเกาหลี

ผมเริ่มสอบเข้ารับราชการกับกระทรวงชื่อดังแห่งหนึ่ง แต่พลาดหวัง เพราะยากมากๆ จนสุดท้ายผมก็เข้ารับราชการที่ส่วนราชการแห่งหนึ่ง ผมจึงมีเงินเดือนเป็นของตัวเอง พอที่จะใช้จ่ายเป็นค่าเรียนภาษาเกาหลีได้ ช่วงเวลาที่ผ่านๆมา ผมก็ติดต่อพูดคุยกับเธอทางอีเมล คุยกันทาง MSN ได้รู้ข่าวคราวจากเธอว่า ตอนนี้เธอกำลังจะเป็นนักเปียโน และนักแต่งเพลง ผมรู้สึกดีใจมากที่เธอได้ทำในสิ่งที่เธอฝันไว้มาตลอด ในอนาคตคนเกาหลีคงได้รู้จักนักเปียคนสวยที่ชื่อ ลี ยุน จี แน่ๆ แต่ผมเองก็ไม่วายกังวลว่า ความสัมพันธ์ของเราจะเป็นยังไงต่อไป จะจืดจางลงไปรึเปล่า แล้ววันนึงมันคงเป็นแค่ความทรงจำเท่านั้น

จนเวลาผ่านไป 2 ปี ผมเปลี่ยนที่ทำงาน โดยโอนย้ายไปรับราชการอีกระทรวงหนึ่ง แต่ด้วยภาระงานที่รัดตัว และยุ่งตลอดเวลา ผมจึงไม่ค่อยมีเวลาได้พูดคุยกับเธอ และเธอเองก็เงียบหายไป จนไม่รู้ว่าเธอเป็นยังไงบ้าง เพราะเธอไม่ค่อยตอบอีเมลผมเหมือนเคย ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา การเรียนภาษาเกาหลีจนจบระดับกลาง สามารถฟัง พูด อ่านเขียนได้ในระดับหนึ่ง ความชื่นชอบเกาหลีเริ่มฝังลึกลงไปเรื่อยๆ ผมชอบดูหนัง ดูซีรีย์เกาหลี ฟังเพลงเกาหลี ทานอาหารเกาหลี เรียนรู้วัฒนธรรมเกาหลีมากมาย ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะเธอนั่นเอง ผมตั้งเป้าหมายที่จะเดินทางไปหาเธอในเดือนหน้า.....
วันนึงเมื่อผมเข้าออฟฟิศในตอนเช้า ผมได้รับอีเมลจากผู้หญิงเกาหลีคนนึงเป็นภาษาอังกฤษ เธอชื่อ คิมฮเยยอน พออ่านเนื้อความในจดหมายแล้วทำเอาผมลมแทบจับ เธอเขียนมาดังนี้ครับ

ถึง ปิง
ขอแนะนำตัวก่อนนะคะ ดิฉันชื่อ ฮเยยอน เป็นเพื่อนสนิทของ ลี ยุน จี ตอนนี้ยุน จี ไม่สามารถส่งอีเมลหาคุณได้ เธอได้วานให้ฉันส่งอีเมลแทนเธอ และเธอก็ได้ฝากข้อความถึงคุณด้วย ตอนนี้เธอไม่สามารถที่จะเขียนหรือทำอะไรได้ เพราะเธอกำลังนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลในกรุงโซล เธอเป็นมะเร็งกระเพาะอาหารระยะสุดท้ายค่ะ โชคร้ายมากๆ เลย เพราะปกติมะเร็งกระเพาะอาหารมักจะเกิดกับผู้ชายมากกว่าผู้หญิง และเกิดกับคนที่มีอายุเกิน 40 ปีเท่านั้น แต่ฉันเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงได้เกิดขึ้นกับเพื่อนคนนี้ที่ฉันรักมากที่สุด แม้ว่าเธอจะไม่เคยเล่าเรื่องของคุณให้ฉันฟัง แต่จากข้อความที่เธอบอกให้ฉันเขียน ฉันก็พอจะเดาได้แล้วว่าคุณสองคนมีความสัมพันธ์กันยังไง ฉันแนบรูปของเธอมาพร้อมๆ กับอีเมลฉบับนี้ด้วยค่ะ (ผมเปิดรูปภาพที่แนบมากับอีเมลก็ถึงกับช็อกกับภาพที่ปรากฎเบื้องหน้า ผมเห็นผู้หญิงคนนึงนั่งพิงหมอนอยู่บนเตียงคนไข้ เธอดูผ่ายผอม ผิวคล้ำ แต่แววตาและเค้าหน้าทำให้ผมจำเธอได้ในทันทีว่าเธอคือ ยุน จี คนที่ผมรักมากที่สุดนั่นเอง เธอสวมหมวกคงเพื่อปิดบังเส้นผมที่เริ่มบางลง แต่ยังคงฝืนยิ้มให้กล้อง ผมรู้สึกเจ็บปวดอย่างมาก) เธอไม่รู้ตัวมาก่อนเลยว่า เธอเป็นมะเร็ง จนเกิดอาการขึ้น หมอบอกว่าเธอเป็นมะเร็งกระเพาะมานานแล้ว ซึ่งตอนนี้มะเร็งได้ลุกลามไปยังอวัยวะส่วนอื่น จนหมดทางรักษา เธอจะอยู่ได้อีกไม่กี่วัน ให้เพื่อนๆ และญาติๆทำใจ เพราะเราจะต้องสูญเสียเธอไปในเร็ววันนี้ สิ่งเดียวที่ฉันพอจะทำให้เพื่อนคนนี้ได้คือ การส่งข้อความถึงคุณ คนที่เธอต้องการจะคุย และพบเจอมากที่สุดในเวลานี้ และนี่คือสิ่งที่เธออยากบอกคุณค่ะ

‘ปิงคนดีของชั้น
ขอโทษด้วยที่ชั้นขาดการติดต่อไป เพราะอาการป่วยที่เกิดขึ้น ตอนนี้อาการชั้นอยู่ในขั้นวิกฤต ซึ่งคงเป็นช่วงสุดท้ายของชีวิต ชั้นเองก็ไม่เคยรู้ตัวมาก่อนเลยว่าจะต้องเป็นแบบนี้ แต่พระเจ้าคงให้เวลาชั้นเพียงแค่นี้ แต่อย่างน้อยพระองค์ก็ประทานคนดีๆ ให้เข้ามาในชีวิตของชั้น นั่นคือ เธอ......
 
ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่แล้วนะ ตั้งแต่วันแรกที่เราได้พบกัน วันที่ชั้นอยู่ใต้ต้นไม้ นั่งเหงาอยู่คนเดียว แต่ก็เป็นเธอนั่นแหละที่เอาความสดใสร่าเริงมาให้ ชั้นชอบรอยยิ้มที่อบอุ่นของเธอจริงๆ เพียงครั้งแรกที่เจอกัน เราอยู่ใกล้ชิดกัน ร่วมทุกข์ร่วมสุขมาพร้อมๆกัน ชั้นเองก็ไม่รู้ตัวเลยว่าชอบเธอตั้งแต่ตอนไหน จนวันที่ชั้นเห็นคริสตี้เปิดประตูออกมาจากห้องของเธอชั้นรู้สึกเจ็บแปล๊บข้างใน รู้สึกแปลกใจเหมือนกัน จนดอง อุกสังเกตเห็นนั่นแหละว่าชั้นได้เปลี่ยนแปลงไป เค้าเองก็เปลี่ยนไปเหมือนกัน แต่ชั้นไม่เคยเสียใจเลยที่ได้อยู่ใกล้เธอ สุดท้ายชั้นก็ยอมรับกับเค้าไปตรงๆว่า ชั้นชอบเธอ แต่เธอคงไม่ว่าอะไรนะที่ชั้นไม่เคยแสดงอะไรให้เธอรู้เลย มีแต่เธอเท่านั้นที่ดูแล ห่วงใย เอาใจใส่ชั้นตลอด และคำสารภาพรักของเธอในโบสถ์วันนั้น ชั้นจำมันได้ดี แต่ก็แกล้งบอกเธอไปว่าไม่ได้ยินอะไรเลย ขอโทษด้วยนะ พอมารู้ตัวอีกทีก็สายไปแล้ว ไม่น่าเลยจริงๆ แม้แต่วันที่เราจากกันชั้นก็ยังไม่สามารถเอ่ยมันออกไปได้ว่าชั้นชอบเธอมากแค่ไหน ชั้นไม่กล้าหันกลับมามองเธอเพราะไม่อยากให้เธอเห็นชั้นตอนร้องไห้เมื่อจากกัน ชั้นเองก็ร้องไห้เมื่อขึ้นไปนั่งบนรถไม่อยากหันกลับไปมองเธอ รู้สึกเจ็บปวดทุกครั้งที่นั่งรถผ่านที่ๆ เราเคยเดินด้วยกัน เคยนั่งรถผ่านด้วยกัน
ตอนนี้ชั้นเองก็ไม่รู้จะพูดอะไรอีก ทุกอย่างมันอัดแน่นอยู่ข้างใน เธอเข้าใจความรู้สึกนี้ดีใช่มั้ย ชั้นเองคงอยู่ได้อีกไม่กี่วัน ตอนนี้ชั้นอยู่กับครอบครัว คนที่รักชั้น แต่ชั้นขาดเพียงสิ่งเดียวนั่นคือ เธอ คนที่สำคัญที่สุดของชั้น จำวันที่เราไปเที่ยว Bath กันได้ใช่มั้ย วันที่ชั้นพูดว่า ชั้นอยากเป็นสายลม อยากท่องเที่ยวไปทุกๆ ที่ เป็นสายลมที่เย็นสบาย ชั้นคิดว่า เมื่อชั้นจากโลกนี้ไปชั้นจะเป็นสายลม พัดไปหาเธอ ไปอยู่ข้างๆเธอ จำไว้นะว่า ชั้นจะอยู่ตรงนั้น อยู่ข้างๆเธอเมื่อเธอท้อใจ เสียใจ ชั้นจะคอยปลอบเธอ เมื่อเธอรู้สึกเหงาต้องการใครซักคน ชั้นจะอยู่ตรงนั้นอยู่เคียงข้างให้กำลังใจเธอเสมอ ขอให้เธออย่าลืมว่า ครั้งนึงในชีวิต เธอได้เคยเจอชั้น ลี ยุน จี คนนี้ หากเธอคิดถึงชั้นขอให้เธอฟังเสียงเปียโนนะ ชั้นจะอยู่ตรงนั้น เล่นมันให้เธอฟัง และชั้นจะมีชีวิตอยู่ในความทรงจำของเธอตลอดไป ชั้นจะไปรอเธอในที่แห่งนั้น นั่งรอเธอใต้ต้นไม้ที่สวยงามเหมือนครั้งแรกที่เราพบกัน เมื่อวันนั้นมาถึงหวังว่าเราคงจะได้พบกันอีกครั้ง....ชั้นรักเธอ’

พออ่านจบ ผมตัวชา หน้าชา รู้สึกมึนหัวเหมือนจะเป็นลม ขาไม่มีแรงแม้แต่จะยืน นี่ผมจะต้องเสียเธอไปตลอดกาลแล้วเหรอ ทำไมมันถึงกระทันหันแบบนี้ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอคงได้รับความทรมานจากโรคร้าย แต่ผมไม่ได้รับรู้อะไรเลยแม้แต่น้อย ผมเสียใจจริงๆ และนี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้รับรู้ความรู้สึกของเธอที่มีต่อผม เธอรักผมครับ แต่มันก็สายไปแล้ว ที่เราจะได้พบกันอีกครั้งในฐานะคนรัก เพราะที่ผ่านมาผมอยู่กับเธอในฐานะเพื่อนมาตลอด ผมอ่านข้อความในอีเมลนั้นอีกครั้ง ซ้ำไปซ้ำมา น้ำตาอาบแก้ม จนพี่ที่นั่งใกล้กันสงสัย แต่ผมก็ไม่ได้ตอบอะไร เพราะผมพูดไม่ได้ แต่จากถ้อยคำของเธอในอีเมลฉบับนั้น เธอจะเป็นสายลม เหมือนกับคำพูดที่ผมเคยได้ยินในหนัง ที่พระเอกตายจากไปแต่จะขอเป็นสายลม แต่นั่นคือหนังไม่ใช่ชีวิตจริงเหมือนกับที่ผมกำลังเผชิญ ผมกำลังจะเสียคนรักของผมไปตลอดกาล

ในหนึ่งปีมีคนเกาหลีเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งเป็นจำนวนมาก ซึ่ง ลี ยุน จี ก็เป็นหนึ่งในนั้น เธอเสียชีวิตในวันที่ 27 มีนาคม 2551 ตอนนั้นเธอมีอายุ 27 ปี

นับจนถึงวันนี้ผมรู้สึกว่าเธอยังอยู่ใกล้ๆ ผมตลอดเวลา ไม่ว่าผมจะอยู่ที่ไหน ผมรู้สึกว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ มีชีวิตอยู่ในความทรงจำของผม เวลาที่ผมรู้สึกท้อแท้หมดหวัง หรือกดดัน ผมมักจะเดินไปนั่งเล่นริมแม่น้ำหน้ากระทรวง เหม่อมองออกไปบนท้องฟ้า มองหาเธอ หาสายลมที่พัดผ่าน เมื่อผมได้รับสายลมเย็นสบายนั้น ใจผมค่อยผ่อนคลายลง เธออยู่ข้างๆผม คอยปลอบใจผม นั่นเป็นสิ่งที่ผมรู้สึก หรือในบางครั้งในตอนกลางคืน ที่ริมระเบียงผมนั่งเหม่อมองขึ้นไปบนท้องฟ้า เห็นพระจันทร์ เห็นดวงดาว มีสายลมเย็นสบายพัดผ่าน ผมนั่งนึกถึงเธอ เธอคงอยู่ในมุมใดมุมหนึ่งบนท้องฟ้านั่น แล้วผมก็เล่าให้เธอฟังเรื่องราวต่างๆ ที่ผมได้เจอ ความตั้งใจต่างๆ ที่ผมจะทำ บางครั้งก็พูดกับเธอถึงความทรงจำเก่าๆ ระหว่างเรา ถึงตอนนี้ผมมีคำพูดสุดท้ายที่อยากจะบอกเธออีกครั้งคือ

"ฉันรักเธอนะ...ลียุนจี"

           
-จบ-



จากผู้เขียน

เรื่องราวต่างๆ ในบันทึกความทรงจำได้จบลงแล้วนะครับ เรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด ผมเองก็ไม่สามารถจะบอกได้ว่ามันเป็นงานเขียนประเภทไหน มันยาวเกินกว่าที่จะเรียกว่าเป็นเรื่องสั้น และอาจสั้นเกินไปที่จะเรียกมันว่า นิยาย ผมจึงเรียกมันว่าเป็นบันทึกความทรงจำ ที่พอจะสื่อสารถึงกันได้ สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดนั้นเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับความรัก

แล้วความรักที่เกิดขึ้น หรือความรักที่มันควรจะเป็น เป็นอย่างไร ความรักมีรูปร่างหน้าตาแบบไหน คงไม่มีใครตอบได้ เพราะแต่ละคนก็มีรูปแบบความรักที่แตกต่างกันออกไป แม้แต่ความรักเองก็มีความแตกต่างในตัวของมัน ไม่ว่าจะเป็น ความรักที่มีต่อพ่อแม่ ความรักที่มีต่อญาติพี่น้อง ความรักที่มีต่อครูอาจารย์ ความรักที่มีต่อเพื่อน ไปจนถึงความรักที่มีต่อคนที่เรารักและพร้อมที่จะร่วมชีวิตไปด้วยกัน ความรักที่ผ่านเข้ามาแต่ละครั้ง มันจะกลายความทรงจำที่อยู่ในใจของเรา ไม่ว่าจะเป็นความรักที่ขมขื่น หรือความรักอันหวานชื่น มันเป็นประสบการณ์หนึ่งของชีวิต แต่ความรักที่ขมขื่นมันก็มีข้อดีอยู่อย่างนึงคือ มันมักจะสอนให้เรารักตัวเราเองด้วย

สิ่งที่ยากที่สุดในการแสดงออกซึ่งความรักสำหรับใครหลายคนคือ การบอกหรือพูดความรู้สึกของเราออกไป หลายคนกลัวความผิดหวัง หลายคนเขินอาย ทำให้เราขาดความกล้าที่จะบอกให้คนที่เรารักรับรู้ว่า เรารักเขาหรือเธอมากแค่ไหน อยากจะบอกว่า ไม่ต้องกลัวนะครับ ถ้ามีโอกาสก็ควรจะพูดออกไป อย่าเก็บไว้เนิ่นนานจนสายเกินไป เพราะเราไม่รู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต ถ้าไม่มีวันพรุ่งนี้ ถ้าเราหรือคนที่เรารักต้องจากไป โดยที่เราไม่ได้บอกความรู้สึกของเราให้เขาหรือเธอรับรู้ มันเป็นเรื่องที่น่าเสียใจ ดังนั้นเมื่อมีโอกาสก็ควรจะพูดออกไป อย่าไปกลัวความผิดหวัง สำหรับผมเองมันเป็นเรื่องยากเช่นเดียวกันในการที่จะเอ่ยคำว่ารัก แต่ผมก็ได้เคยพูดมันออกไปแล้ว เป็นคำพูดเพียงสั้นๆ เท่านั้น แต่ทรงอานุภาพมาก ผมจึงอยากเป็นกำลังใจให้กับใครหลายๆคนเช่นกัน

ขอบคุณอีกครั้งครับสำหรับการติดตามอ่านบันทึกความทรงจำนี้ ซึ่งผมพอจะรู้ว่ามีคนติดตามอ่านอยู่บ้าง หรือแม้ว่าจะไม่มีใครอ่านเลย แต่ผมก็มีความสุขแล้วที่ได้แบ่งปันประสบการณ์ชีวิต และความรักที่ครั้งหนึ่งเกิดขึ้น แต่บัดนี้มันได้ทิ้งไว้เพียงความทรงจำที่ค่อนข้างเลือนรางเต็มที ถึงแม้ว่าบันทึกนี้จะไม่ได้ปะติดปะต่อกันในแบบที่นักเขียนอาชีพทำกัน แต่ผมก็หวังว่ามันจะทำให้ใครหลายๆ คนรับรู้เรื่องราวของความรักในอีกแง่มุมหนึ่งและถนอมรักษามันไว้อย่างดีที่สุด ขอบคุณมากครับ

-----------------------------------------------------------------


WAITING (BOA)

우리 얼마 만인가요
มันผ่านมานานเท่าไหร่แล้วนะ ตั้งแต่ครั้งที่เราได้เจอกัน

참 오랜 시간이 흘렀네요
เวลาที่แสนยาวนานได้ผ่านไปแล้วจริงๆ

왜 자꾸 내 맘이 아픈 건지
ฉันไม่รู้ว่าทำไม หัวใจของฉันมันยังคงเจ็บปวด

왜 그리 아파하나요
ทำไมมันถึงยังคงรู้สึกเจ็บปวดอยู่อย่างนี้

혹시라도 힘든 일 있었나요
เป็นไปได้มั้ย ที่ช่วงเวลานี้ก็เป็นช่วงเวลาที่เจ็บปวดของเธอ เหมือนกัน

왜 아무말하지 않나요
ทำไมเธอถึงไม่มีคำพูดใดใด ออกมาเลย

지금인데 그대 앞인데
ทั้งๆที่ฉันยืนอยู่ต่อหน้าเธอในตอนนี้

말해야 하는데 나의 마음을
อยากจะบอกถึงสิ่งที่อยู่ในใจของฉัน

오랜 시간 그대를 향한
หลังจากช่วงเวลาทั้งหมดนี้

길었던 내 기다림을
ที่ฉันเฝ้ารอเพื่อจุดหมายของเธอ

바보 같죠 항상 그랬죠
ดูเหมือนว่า ฉันกำลังเป็นคนโง่ ใช่มั้ย

그래야 했죠 그댈 위해서
แต่นั่นเป็นสิ่งที่ฉันจะต้องทำเพื่อเธอ

사랑해요 여전히 감사해요
ฉันรักเธอนะ และฉันยังคงรู้สึกขอบคุณเธอมาก

왜 날 잡지 않았나요
ทำไมเธอถึงไม่สามารถกอดฉันเอาไว้ได้ล่ะ

왜 아무것도 묻지 않았나요
ทำไมเธอถึงไม่เคยเรียกร้องอะไรจากฉันเลย

그대 없는 내가 괜찮을 것 같나요
เธอคิดว่าฉันจะรู้สึกสบายใจอย่างนั้นเหรอ ถ้าอยู่โดยไม่มีเธอ

지금인데 그대 앞인데
ทั้งๆที่ฉันยืนอยู่ต่อหน้าเธอในตอนนี้

말해야 하는데 나의 마음을
อยากจะบอกถึงสิ่งที่อยู่ในใจของฉัน

오랜 시간 그대를 향한
หลังจากช่วงเวลาทั้งหมดนี้

길었던 내 기다림을
ที่ฉันเฝ้ารอเพื่อจุดหมายของเธอ

바보 같죠 항상 그랬죠
ดูเหมือนว่า ฉันกำลังเป็นคนโง่ ใช่มั้ย

그래야 했죠 그댈 위해서
แต่นั่นเป็นสิ่งที่ฉันจะต้องทำเพื่อเธอ

사랑해요 여전히 감사해요
ฉันรักเธอนะ และฉันยังคงรู้สึกขอบคุณเธอมาก

나 알고 있어요 내가 그대에게
ฉันรู้ว่าฉันสามารถทำอะไรให้เธอได้

마지막 한가지 해 줄 수 있는 것이
มันมีเป็นสิ่งสุดท้ายที่ฉันสามารถทำได้เพื่อเธอ

이별뿐이라는 것
ซึ่งเป็นสิ่งสุดท้ายสำหรับเรา ที่จะต้องแยกทางจากกันไป

이제서야 깨달은 나의
ฉันเข้าใจมากขึ้นแล้วตอนนี้

모자란 사랑을 용서해 줘요
ฉันเสียใจที่ความรักของฉันมันมีไม่พอ

사랑해요 여전히 감사해요
ฉันรักเธอนะ และฉันยังคงรู้สึกขอบคุณเธอมาก

사랑해요 이말이 하고 싶었죠
ฉันรักเธอ ฉันอยากจะพูด คำพูดเหล่านี้กับเธอ

แก้ไขเมื่อ 21 มิ.ย. 55 08:56:23

จากคุณ : Red Boomer
เขียนเมื่อ : 20 มิ.ย. 55 07:13:54




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com