14/1
แสงแดดยามเช้าสาดส่องผ่านผ้าม่านเข้ามาสู่เตียงใหญ่ภายในห้องนอน ร่างบางหรี่ตาพลางบิดตัวอย่างขี้เกียจ แต่แล้วเมื่อนึกขึ้นได้ว่าตนอยู่แปลกที่แปลกทางจึงกระเด้งตัวลุกขึ้นมา
เธอสวมเสื้อคลุมทับชุดนอนผ้าแพร เข็มนาฬิกาสีทองบนผนังชี้ยังเลขเก้า บ่งบอกว่าตนหลับลึกนานถึงแปดชั่วโมง ลลิลดานึกถึงเจ้าของบ้านขึ้นมา ป่านนี้เขาจะรอเธอกินข้าวหรือออกไปทำงานแล้วก็สุดรู้ ระหว่างที่เธอกำลังคิดว่าควรทำอย่างไรต่อไปดีนั้น หางตาก็พลันเหลือบเห็นกระดาษแผ่นหนึ่งใต้ประตูห้องนอน หญิงสาวเดินไปหยิบมันเปิดออก ก็เห็นลายมือภาษาอังกฤษเส้นคมเขียนบรรจง
ผมต้องไปทำงาน ไม่อยากไปเลยแต่มีประชุม ขอให้คุณพักผ่อนตามสบาย ทุกตารางนิ้วในบ้านเป็นของคุณ แล้วผมจะรีบกลับ รัก
เส้นน้ำหมึกคมชัดนั้นราวกับสลักลงไปบนใจคนอ่าน ริมฝีปากอิ่มแย้มยิ้มกับการกระทำอันอ่อนหวานเล็กๆ น้อยๆ ของเขา เธอหวนนึกถึงคำตอบที่ตนเคยตอบพี่ชายว่าเธอคงจะรักเขา...หากเขาทำให้รัก มาบัดนี้ลลิลดาแน่ใจแล้วว่าตนได้มอบหัวใจตัวเองให้แก่คาชาลไปแล้วง่ายดาย
แขกสาวมีเวลาจัดการกับตัวเองอย่างไม่รีบร้อน เธอเปลี่ยนมาสวมชุดทะมัดทะแมงเช่นเคย แล้วก็รู้สึกเหมือนตนกำลังทำผิดกาลเทศะ เมื่อเสื้อเชิ้ตลายทางและกางเกงผ้าขายาวดูจะไม่เข้ากับความหรูหราของสถานที่แห่งนี้ ราวกับเธอเป็นพรมเก่าๆ ที่ต้องระวังว่าฝุ่นจากตนจะไปต้องเครื่องเรือนมันวาว ถ้าคาชาลต้องการยกฐานะตัวเองให้ทัดเทียมเธอแล้วล่ะก็ ตอนนี้เขานำเธอไปไกลเสียแล้ว หญิงสาวส่ายหน้าขันๆ
เธอออกจากห้องผ่านโถงทางเดินซึ่งประดับด้วยแจกันสลับกับภาพเขียนบนกำแพง ภายในบ้านเงียบราวไร้ผู้คน ทว่าเธอกลับรู้สึกเหมือนตนถูกจ้องมองตั้งแต่ก้าวออกมา ลลิลดาแสร้งไม่รู้ไม่ชี้ เธอเปิดเข้าไปในห้องนั่งเล่น แต่เพียงชั่วอึดใจหนึ่งก็เลื่อนประตูเปิดออก ทันเห็นใครคนหนึ่งรีบหันหลังกลับจนเกือบชนเข้ากับแจกัน
ระวัง!
เด็กสาวในชุดพื้นเมืองประยุกต์ประคองแจกันด้วยใบหน้าซีดเผือด ลลิลดาเห็นท่าไม่ดีก็รีบเข้าช่วยอีกแรง
ขอโทษที่ทำให้เธอตกใจ แต่ทำไมต้องทำลับๆ ล่อๆ ด้วยฮึ
อีกฝ่ายทรุดนั่งกับพื้น หน้าเสียทีเดียว แขกสาวพลอยวางตัวไม่ถูก เพราะตั้งใจเย้าเล่นเท่านั้น ไม่ได้จะตำหนิเลย
เอาล่ะ ไม่เป็นไร ลุกขึ้นเถอะจ้ะ เธอเอ่ยช้า ชัด
เด็กสาวยอมปฏิบัติตามแต่ยังคงก้มหน้างุด เธอพิศมองพวงแก้มซับสีเรื่อของคนตรงข้าม อายุอานามเจ้าหล่อนไม่น่าเกินสิบแปดปี แล้วจู่ๆ เธอก็นึกถึงติลมาขึ้นมา ความสดใส ร่าเริงของติลมายังแจ่มชัดในความคิดคำนึง
เธอชื่ออะไร ลลิลดาพยายามสร้างสัมพันธ์
นินา ค่ะ อีกฝ่ายตอบอ้อมแอ้ม
นินาหรือ ฉันชื่อลิลลี่นะจ๊ะ
หญิงสาวสวมกอดร่างอวบอย่างรู้ธรรมเนียม ทว่านินามัวแต่ตื่นตะลึงจนลืมมารยาทกอดตอบ เธอคาดไม่ถึงว่าแขกของเจ้านายจะปฏิบัติต่อตนเช่นนี้เลย
เมื่อเช้า เธอบังเอิญเดินผ่านหน้าห้องอาหารขณะเจ้านายกำลังจะออกไปทำงาน จึงได้รับคำสั่งจากท่านให้ดูแลแขกให้ดี ไม่ให้มีสิ่งใดขาดตกบกพร่อง และอย่ารบกวนเวลาส่วนตัว เธอสับสนว่าควรวางตัวอย่างไรจึงได้แต่ตามดูแขกพิเศษห่างๆ แต่แล้วตนก็ถูกจับได้จนเกือบเกิดอุบัติเหตุ ดีที่อีกฝ่ายช่วยเหลือไว้ทัน
เธอทั้งกลัวว่าจะถูกตำหนิ แล้วยังเก้อกระดากเมื่อสตรีผู้นั้นสนทนาด้วย นินาขีดเส้นแบ่งเจ้านายกับลูกน้องไว้คนละชั้น จึงไม่คิดว่าการพูดจานอกเหนือเรื่องงานเป็นเรื่องสมควร เจ้านายคนเก่าที่เธอเคยทำงานรับใช้ไม่แม้แต่ถามชื่อเธอด้วยซ้ำ กระทั่งกับเจ้านายปัจจุบัน ท่านยังรับรายงานเรื่องลูกน้องแต่ละคนผ่านทางคนรับใช้ใกล้ชิดแทน และจะออกปากด้วยเมื่อจำเป็นเท่านั้น ดังนั้น การกระทำของลลิลดาจึงก่อให้เกิดความยำเกรงขึ้นจากใจจริงๆ ไร้ความหวาดกลัวปะปน
ฉันหิวแล้วน่ะ นินา มองหาใครไม่เห็นสักคน เธอจะช่วยฉันหน่อยได้ไหมจ๊ะ
ค่ะ แมม
เธอว่าอะไรนะ หญิงสาวนิ่วหน้า เมื่อกี้ฟังไม่ถนัด
ค่ะ แมม เด็กสาวตอบกลับประสาซื่อ
ลลิลดาสูดลมหายใจลึก คราวนี้เธอได้ยินสรรพนามเรียกตนเองชัดเจน ฟังแล้วก็ขบขันระคนขุ่นเคือง เธอยังเป็น มิส นี่นะ จะมาเลื่อนตำแหน่งกันได้อย่างไร คงเป็นความเข้าใจผิดไวยากรณ์ของอีกฝ่ายกระมัง
นินา ที่จริงแล้วเธอเรียกฉันว่า มิส ก็ได้ ตกลงนะจ๊ะ
เจ้าหล่อนค่อยผ่อนลมหายใจเมื่อคนฟังผงกศีรษะเข้าใจ ทว่า...
ค่ะ แมม
แขกสาวเม้มริมฝีปากสะกดกลั้นเสียงกรีดร้อง นึกขวางคนบ้านนี้เต็มกำลัง แล้วเลยพาลไปถึงเจ้าของบ้านที่ไม่ทำความเข้าใจกับลูกน้องถึงสถานะของเธอให้ดี
ความหมั่นไส้นั้นเกิดได้ด้วยความเอ็นดูเป็นพื้นฐานมากกว่าโกรธเกรี้ยวกัน เพราะลึกลงไปแล้วเธอมิได้ถือสาเรื่องนี้เป็นจริงเป็นจังนัก นอกจากเห็นขันเสียอีก ไม่นานความขุ่นเคืองก็ถูกสายลมพัดพาไป
..................................
ลลิลดาใช้เวลาว่างทั้งวันในห้องนั่งเล่น เธอไม่ได้เดินสำรวจทุกซอกทุกมุมของบ้านดังที่เจ้าของอนุญาตผ่านจดหมายน้อย เพราะยังรู้สึกว่าตนเป็นแขกอยู่นั่นเอง ไม่สมควรจะเดินโท่งๆ เข้านอกออกในห้องต่างๆ โดยไม่จำเป็น
นินาหายตัวไปเสียแล้วตั้งแต่เสร็จสิ้นมื้ออาหาร แต่พอเธอทำท่ามองหาอะไรสักอย่าง แกก็จะโผล่ออกมาอย่างน่าอัศจรรย์ หญิงสาวนึกรู้ว่าตนคงถูกเฝ้ามองอยู่ก่อนแล้ว แต่ครั้นจะชวนพูดคุยด้วย พอเห็นสีหน้าลำบากใจของอีกฝ่ายก็ฝืนใจแกไม่ลง เวลาว่างซึ่งมีมากเหลือเฟือจึงหมดไปกับการดูโทรทัศน์ช่องดาวเทียม
น่าแปลกที่บ้านหลังใหญ่นี้กลับไม่มีสิ่งบันเทิงเริงใจสำหรับเธอเลย ต่างจากกระโจมเล็กๆ ไร้เครื่องอำนวยความสะดวก แต่กลับมีของแปลกตาให้เธอชื่นชม แล้วยังกิจกรรมต่างๆ ที่อัมมาและติลมาคอยอธิบายให้คนต่างถิ่นอย่างเธอเข้าใจวิถีชีวิตพวกเขา
ลลิลดานึกถึงคำว่าครอบครัว ถ้าเธอจะสร้างครอบครัวกับใครสักคน เธอก็หวังเพียงบ้านเล็กๆ สักหลังที่ตนสามารถดูแลทุกข์สุขของคนในบ้านได้ทั่วถึง ไม่ใช่บ้านหลังใหญ่ที่มองหากันไม่เจอ คนงานในบ้านก็ราวกับพนักงานโรงแรม เธอแปลกใจว่าคาชาลทนอยู่ในสภาพนี้ได้อย่างไร ขนาดเธอมาจากบ้านเมืองเจริญวุ่นวายยังอึดอัดกับชีวิตเช่นนี้ แล้วคนที่ยึดถือในขนบธรรมเนียมของบรรพชนเช่นเขากลับมาใช้ชีวิตฟู่ฟ่า ผิดกับหลักการของชาวทิชกูราวฟ้ากับเหวได้อย่างไร
บางทีถ้าเธอกับเขาตกลงใจกันแล้วเรียบร้อย เธออาจพูดคุยเรื่องนี้กับเขาอย่างจริงจังก็ได้ หญิงสาวบอกตัวเองไม่ให้คิดมากเกินไป ถึงอย่างไรเขาก็ทำทุกอย่างด้วยเจตนาดี เพื่อให้เธอสุขสบาย เพียงแต่มันออกจะเกินฐานะไป
ลลิลดากดรีโมตปิดโทรทัศน์ แต่พอทำท่าจะลุกขึ้น ร่างเจ้าเนื้อของนินาก็โผล่พรวดมาจนถูกค้อนขวับ
ฉันจะกลับห้องล่ะ ถ้าคาชาลมาไปตามฉันทีนะ ว่าแล้วก็เดินจากไปทันทีโดยไม่รอฟังคำตอบรับจากอีกฝ่าย
เพียงแค่วันแรกที่ย้ายมาอยู่ร่วมชายคากับเขา แต่ละอย่างก็ไม่เป็นดังใจคิดเสียแล้ว เธอชักทดท้อใจ หากพอนึกถึงคำสอนของแม่เรื่องความอดทนและเสียสละแล้ว ก็ให้เคารพรักท่านที่สามารถเลี้ยงลูกมาได้ลำพังในต่างบ้านต่างเมือง เธอพยายามปลุกปลอบใจว่าตนคงมีเชื้อมารดาอยู่บ้าง และจะต้องทำได้ดีไม่แพ้ท่านเช่นกัน เพียงแต่ตอนนี้เธอแค่ฟุ้งซ่านประสาคนไม่เคยว่างงานเท่านั้นเอง
...........................
เย็นนั้น คาชาลกลับมาก่อนพระอาทิตย์ตกดิน เขากวาดสายตามองหาแขกพิเศษของตน ก่อนเด็กรับใช้คนหนึ่งจะรายงานว่าเจ้าหล่อนอยู่ในห้อง
ชายหนุ่มย่นคิ้ว เขาวาดภาพว่าลลิลดาจะมีความสุขกับเครื่องอำนวยความสะดวกทันสมัยทั้งหลายที่เขาสรรหามาให้ทัดเทียมกับเมืองนอกเมืองนา แต่กลับกลายเป็นว่าเธอเก็บตัวอยู่ในห้อง เจ้าของบ้านพลอยสูญเสียความมั่นใจ หรือจะมีสิ่งใดขาดตกบกพร่องอีก เขาเดินไปเคาะห้องทางอาคารปีกซ้ายด้วยตัวเอง
แขกสาวเปิดประตูรับพร้อมรอยยิ้ม เห็นดังนั้นคาชาลก็อยากดึงเธอมากอดให้สมกับความคิดถึงที่ต้องห่างกัน ยามไม่มีเธอข้างกาย เขาขวนขวายทุกอย่างเพื่อสร้างวิมานรองรับนางฟ้าซึ่งลอยลงมา ทว่าเมื่อนางฟ้าเมตตาลอยลงมาแล้ว ความหวาดกลัวว่าอาจสูญเสียเธอไปก็คอยบีบคั้นจิตใจเขา ให้ต้องพยายามยิ่งขึ้นไปอีกในการโน้มน้าวเธอไว้ไม่ให้จากไป
ทำไมไม่ออกมาข้างนอกล่ะครับ มีอะไรขาดตกบกพร่องหรือเปล่า
ลลิลดาสั่นศีรษะ ทุกอย่างสมบูรณ์พร้อม ขาดแต่ความมีชีวิตชีวาของสถานที่แห่งนี้เท่านั้น
พรุ่งนี้วันหยุด ผมมีเวลาให้คุณทั้งวัน เขาบอกราวรู้ใจ ถ้าคุณอยากไปไหน ทำอะไร ก็บอกผมได้เลย
จริงเหรอ
ครับ เขาตอบหนักแน่น ใจชื้นขึ้นบ้างเมื่อข้อเสนอได้รับความสนใจ
คาชาล ฉันอยากกลับไปเยี่ยมชาวทิชกู ไม่ต้องค้างเหมือนคราวก่อนก็ได้ แค่อยากเจอทุกๆ คนที่นั่นให้หายคิดถึง
ชายชาวทิชกูซึ่งผันตัวมาเป็นหนุ่มสังคมเมืองนิ่งงัน เขาไม่ได้กลับไปที่นั่นอีกนับแต่หนีออกมา และไม่คิดว่าตนจะกลับไปพบความว่างเปล่าได้ คนสองคนซึ่งเชื่อมเขาเข้ากับเขตสงวนแห่งนั้นไม่อยู่เสียแล้ว ราวกับเกิดช่องว่างสุญญากาศคอยดูดกลืนหากเขาเหยียบย่างกลับไป
ใบหน้าคมสันเผือดสี ลลิลดาก้มมองฝ่ามือเย็นชืดแต่ชื้นเหงื่อซึ่งกุมมือเธอไว้ ก่อนสอดนิ้วตนประสานนิ้วมือเขาแล้วบีบให้กำลังใจ การสูญเสียครอบครัวส่งผลต่อเขามากกว่าที่แสดงออก เธอละเลยความรู้สึกของเขาอย่างไม่น่าให้อภัย
บางทีเธออาจมีสถานที่อื่นแนะนำให้ฉัน แล้วเราค่อยคิดกันอีกทีนะคาชาล
คาชาลยกหลังมือบางขึ้นจุมพิต เขาขยับปากตอบรับเธอ ทว่าลำคอตื้อตันขึ้นมาจนไร้เสียงเล็ดลอดออกไป ดวงตาคมกล้าทอประกายหวานซึ้ง ซาบซึ้งที่เจ้าหล่อนเข้าใจ
เสียงกดแตรรถเรียกสติคนทั้งสอง หญิงสาวเลิกคิ้วมองเจ้าของบ้านซึ่งส่งยิ้มแห้งกลับมา ยังไม่ทันมีคนมารายงานเขาก็จำเสียงรถคันนั้นได้ดี
มื้อเย็นนี้เราคงมีแขก มิสหิวหรือยังครับ
...............................
แขกอีกคนที่ว่าไม่ใช่ใครที่ไหน วิคเตอร์มาพร้อมสุรานอกโดยอ้างว่านำมาเลี้ยงต้อนรับลลิลดา คนถูกเอ่ยอ้างค้อนขวับ เห็นใบหน้าอวบอูมซึ่งประดับด้วยรอยยิ้มอยู่เสมอของอีกฝ่ายแล้วก็พลอยหมั่นไส้เรื่องเมื่อวานขึ้นมา ดีที่วันนี้เขามาถูกเวลา ดึงคาชาลออกจากความเศร้าหมองได้ทันการณ์
หญิงสาวขอตัวเมื่ออดีตมัคคุเทศก์รินน้ำสีอำพันเติมให้คาชาลแก้วที่สอง และบทสนทนาของพวกเขาวกเข้าสู่เรื่องงาน ทว่าข้อมือเธอถูกรั้งไว้หลังออกจากห้องอาหารโดยคนที่ตามมา
ถ้าคุณไม่พอใจ ผมจะให้เขากลับ น้ำเสียงทุ้มร้อนรนพอๆ กับแสงตาซึ่งจ้องมา
อย่าทำอย่างนั้นเชียวนะคาชาล ฉันเพียงแต่จะโทรหาแม่และอาจใช้อินเตอร์เน็ตสักหน่อย เธออย่ากังวลไปเลย เอ่ยพลางแย้มยิ้มให้ความมั่นใจ
ชายหนุ่มค่อยคลายวิตก เขารีบเสนอเพื่อเอาใจเธอ ใช้ห้องทำงานผมก็ได้ครับ ที่นั่นมีอินเตอร์เน็ต
ลลิลดาเก็บซ่อนความตื่นเต้น แม้คาชาลจะไม่เคยหวงห้ามส่วนใดส่วนหนึ่งภายในบ้านหลังนี้ แต่เธอก็ให้เกียรติเขาโดยการไม่วุ่นวายกับห้องส่วนตัว วิคเตอร์เคยบอกว่าเขามักเก็บตัวในห้องทำงาน ถ้อยความนั้นก่อให้เกิดความหวามไหวในใจทันทีที่เหยียบย่างเข้าไป
พื้นไม้และผนังไม้ขัดมันสีน้ำตาลเพิ่มความอบอุ่นในห้อง ตู้เอกสารและโต๊ะทำงานทำจากไม้เนื้อหนาอย่างดี มีโคมไฟสีทองและหนังสืออ่านเล่มโตวางค้างอยู่บนโต๊ะ หญิงสาวคลับคล้ายคลับคลาว่าจะมองเห็นภาพคาชาลนั่งอ่านหนังสือหรือทำงานดึกดื่นทุกคืน ณ มุมนี้ เธอลูบโต๊ะไม้เนื้อเนียนขัดมัน ก่อนสายตาจะสะดุดยังขวดพลาสติกกลมซึ่งอิงแอบข้างปฏิทินตั้งโต๊ะ ฉลากบนขวดพิมพ์ชื่อยาแก้ปวดยี่ห้อดัง
ลลิลดานิ่วหน้า วันที่ผลิตไม่นานมานี้ตรงข้ามกับจำนวนยาที่เหลือเพียงหกเม็ดก้นขวด เมื่อเทียบกันแล้วพบว่าปริมาณยาหายไปมากเกินกว่าที่คนคนหนึ่งซึ่งไม่มีโรคภัยไข้เจ็บจะใช้ภายในระยะเวลาอันสั้น เว้นแต่จะใช้รักษาหลายคน หากความเป็นส่วนตัวของคนในบ้านนี้อีกนั่นแหละที่ทำให้เธอมั่นใจว่าคาชาลใช้ยากระปุกนี้ทั้งหมดคนเดียว
คนคิดไกลพลอยไม่สบายใจ อาการนิ่งงันของคาชาลยามเธอเอ่ยถึงชาวทิชกูหวนกลับมาให้เธอสัมผัสได้ถึงบาดแผลในใจเขา แล้วก็ช่วยตอกย้ำความมั่นใจยิ่งขึ้นไปอีกว่าตนทำถูกแล้วที่มาที่นี่ เธอไม่รู้ว่าเขาติดยาแก้ปวดมานานเท่าไร แต่จากนี้เธอจะคอยดูแลสุขภาพกายสุขภาพใจของเขาให้กลับมาสมบูรณ์ดังเดิม
หญิงสาวหมุนเก้าอี้นั่งมองเตาผิงว่างเปล่าอย่างเหม่อลอย หวนนึกถึงคืนก็องโกลันซึ่งเธอนั่งเคียงข้างเขาริมกองไฟ ชายชาวทิชกูคนนั้นหยิ่งทะนง เมื่อทราบว่าเธอเต้นรำกับเขาด้วยความเข้าใจผิด อารมณ์ของเขาก็ปะทุเหมือนฟืนในกองเพลิง
ต่างจากนักโทษหลบหนีคดีซึ่งยกกล่องเหล็กบรรจุเศษกระดาษติดไฟมาให้ความอบอุ่นแก่เธอในวันอันหนาวเหน็บที่รัสเซีย คาชาลคนนั้นมีสภาพร่างกายทรุดโทรมไปมาก ดวงตาทั้งคู่ลึกโหล ผ่ายผอมเสียจนเกือบบางเท่าเธอกระมัง เขาไม่ยอมสบตาเธอจนแล้วจนรอด ราวกับต้องการเก็บซ่อนจิตใจซึ่งอ่อนแอ ย่ำแย่พอกัน
ทว่าถ้าเปรียบเทียบนักโทษหลบหนีคดีคนนั้นกับชายหนุ่มคนปัจจุบัน น่าใจหายเหลือเกินที่เธอพบว่าเขาดูดีขึ้นเพียงแค่สุขอนามัยเท่านั้นเอง เขาผอมลงกว่าตอนไปหาเธอที่อเมริกา ดวงตาแม้ไม่ลึกโหลแต่ก็ไม่แจ่มใส โดยเฉพาะยามที่เขาไม่ได้จงใจหว่านเสน่ห์ใส่เธอ ต่างจากดวงตาคมกล้าของชายชาวทิชกูที่เคยมองเธออย่างเปิดเปลือย
เขายังป่วย เจ็บป่วยจากชีวิตซึ่งถูกโชคชะตาพัดพาให้เป็นไป ลลิลดาสรุปพร้อมกับน้ำอุ่นๆ รื้นคลอหน่วยตา หัวใจเธอเจ็บปวดยิ่งขึ้นไปอีกเมื่อคิดว่าถึงอย่างนั้นการกระทำทุกอย่างของเขาล้วนเป็นไปเพื่อให้เธอสบายใจ หากไม่มีขวดยานั้นมากระตุกความคิด เธอคงประเมินเขาอีกเกณฑ์หนึ่ง เช่นที่เธอทดท้อใจเมื่อกลางวัน
...............................
หญิงสาวจมจ่อมอยู่กับความคิดตนเองจนไม่ได้ยินเสียงประตูซึ่งเปิดเข้ามา คาชาลมองร่างบางบนเก้าอี้ทำงานของเขา เจ้าหล่อนนั่งหันหลังให้ประตูและไม่มีทีท่ารู้สึกตัว ฤทธิ์แอลกอฮอล์ในกายทำให้เขานึกครึ้มพอที่จะโอบเธอไว้ทั้งเก้าอี้นั้น
คาชาล...
เมื่อหายตกใจ ลลิลดาก็ยกมือลูบใบหน้าของเขาซึ่งโน้มลงมาใกล้ชิด ความคิดเกี่ยวกับตัวเขาเมื่อครู่ก่อให้เกิดความสงสาร การกระทำต่างๆ จึงเป็นไปอย่างอ่อนโยน
วิคเตอร์กลับไปแล้วหรือจ๊ะ
ครับ ผมเพิ่งออกไปส่งเขา คืนนี้ฟ้าโปร่ง มิสอยากออกไปนั่งดูดาวไหมครับ
ดูเถอะ เขายังพยายามเอาใจเธอเสมอ หัวใจสาวแทบหลอมละลาย ไม่ปฏิเสธเมื่อชายหนุ่มจับจูงเธอไปยังประตูอีกบานซึ่งเชื่อมต่อสู่ห้องนอนเขา ลลิลดากวาดตามองภายในห้องผ่านๆ ขณะก้าวตามเขาออกสู่ระเบียงที่กั้นด้วยกระจกใส พื้นที่กว้างเทียบเท่าห้องนอนเธอโล่งกว่าด้วยเครื่องเรือนน้อยชิ้น โดดเด่นด้วยเตียงใหญ่เท่านั้น
คาชาลพาเธอมานั่งเอนกายบนเก้าอี้พักผ่อนบุนวมนุ่ม กลิ่นอายผืนดินและหญ้าหอมรวยรินพาให้ประสาททุกส่วนค่อยผ่อนคลาย บนฟ้ากว้างแต่งแต้มด้วยดวงดาวทอประกายละลานตา
ผมนั่งมองดาวตรงนี้ได้ทั้งคืน เผลอหลับบนเก้าอี้นี้บ่อยๆ เสียงทุ้มของเขาเอ่ยช้าเสมือนกลอนขับกล่อม
เธอเชื่อว่าเขามิได้พูดเกินจริงแต่อย่างใด ร่างบางเอนหนุนแขน รู้สึกปลอดโปร่งราวคืนที่เธอเที่ยวไปกับเขาบนทุ่งหญ้าสุดลูกหูลูกตา
เจ้าบ้านหายเข้าไปในห้องพักหนึ่ง ตามมาด้วยเสียงเพลงภาษาพื้นเมืองทำนองอ่อนหวาน ก่อนชายหนุ่มกลับออกมาทรุดนั่งบนพื้นหญ้าข้างเธอ
เขาร้องว่าอะไรจ๊ะ
เขายิ้มบางขณะตอบพลางเว้นวรรคตามท่วงทำนอง ข้ามเนินเขาลูกนั้นไป ฉันมองไม่เห็นอะไร มีเพียงความว่างเปล่าเบื้องหน้า กระทั่งเธอปรากฏขึ้นมา เหมือนแสงจันทร์สาดส่องท่ามกลางความมืดมิด ฉันจะข้ามไปหาเธอ
คนแปลผินมาสบตาเธอด้วยประกายตาหวานเชื่อมจนคนถูกมองหวามไหวในใจ ต้องเป็นฝ่ายเสหลบตา อดคิดไม่ได้ว่าความหมายของเพลงนั้นมีไว้เพื่อเธอ
มิสอยากเต้นรำไหมครับ
เธอควรจะโค้งและชวนฉัน เธอแนะทั้งแก้มร้อนซู่
คาชาลปฏิบัติตามอย่างกระตือรือร้น เขาโค้งอย่างนอบน้อมก่อนยื่นมือมาตรงหน้าเธอ ลลิลดาแย้มยิ้มเอ็นดู วางมือตนลงบนฝ่ามืออบอุ่นของเขาพลางลุกยืน
ร่างสองร่างเคลื่อนไหวใกล้ชิดตามท่วงทำนองเพลงอ่อนหวาน หญิงสาวมองใบหน้าอมชมพูของคนขี้อายอย่างแสนรัก ความรู้สึกที่เธอมีต่อเขาแจ่มชัดในแววตาเจ้าหล่อน และเขาก็รับสาส์นที่ส่งมาด้วยหัวใจพองโต
ใบหน้าชายหญิงเคลื่อนหากันราวกับมีแรงดึงดูด ความดื่มด่ำลึกซึ้งแล่นซ่านไปทั้งกายทันทีที่ริมฝีปากสัมผัสกันเพียงแผ่วเบา ต่างฝ่ายต่างรู้สึกเหมือนผีเสื้อฝูงใหญ่พากันกระพือปีกในกาย ความรู้สึกแปลกใหม่ที่คนสองคนไม่เคยรู้จักมาก่อนชวนให้ลุ่มหลงที่จะลิ้มลอง
และเมื่อริมฝีปากแตะกันอีกครา คาชาลก็หาญกล้าอุ้มเจ้าหล่อนเข้าไปข้างใน
..............................
ชายหนุ่มนอนตะแคงข้างหนุนแขน พิศมองเสี้ยวหน้านวลอมชมพูระเรื่อของคนที่ตะแคงหันมา สายใยรักที่ทั้งคู่ร่วมกันถักทอยังคงร้อยรัดหนุ่มสาวไว้ด้วยความเสน่หา คาชาลจุมพิตปลายนิ้วมือนางฟ้าของเขาอย่างแสนรักและเทิดทูน เรียกสายตาขวยอายจากเจ้าหล่อนให้ช้อนมอง
ผมรักคุณ เขาย้ำคำด้วยการกดริมฝีปากยังปลายนิ้วเธอ รักมากกว่าจะหาคำไหนมาบรรยาย
ฉันก็รักเธอ คาชาล
คนฟังเต็มตื้นในหัวอก เขาพอรู้ว่าเธอรัก ทั้งจากการกระทำและสายตาของเธอ แต่นั่นก็เทียบไม่ได้เลยกับความรู้สึกยามคำว่ารักนั้นกระซิบผ่านออกมาจากปากเธอ มันช่วยเติมเต็มความมั่นใจให้แก่คาชาล คนที่ประมาณตนว่าต่ำต้อยเกินกว่าจะได้รับความรักจากเธอ
คุณจะอยู่ที่นี่ตลอดไปได้ไหมครับ มีคนบอกผมว่าคุณออกจากงานแล้ว อยู่กับผมนะ ลิลลี่
วิคเตอร์ล่ะซี
ชายหนุ่มนิ่วหน้า อย่าพูดถึงคนอื่นซีครับ ผมไม่อยากได้ยินชื่อใครเลย นอกจากเรื่องของเรา
ลลิลดาย่นจมูกใส่อย่างหมั่นไส้ คาชาลนึกมันเขี้ยวพอกันจึงจุมพิตหนักๆ ไล่จากปลายนิ้วขึ้นไปตามต้นแขนเนียน หญิงสาวหัวเราะกิ๊ก ใช้มือยันคางเขาไว้เมื่ออีกฝ่ายเริ่มรุกรานชายผ้าห่มเธอ
เดี๋ยวเถอะ เธอทำเสียงแข็งข่มขู่
คาชาลยอมหยุดง่ายๆ หากดวงตายังคงเปล่งประกายพราวระยับ แค่เพียงเธอมอบร่างกายให้เขาได้เชยชมสมรัก ได้นอนเคียงข้าง พูดจากันเสมือนโลกนี้มีเพียงเขาและเธอสองคน ความสุขนั้นก็ท่วมท้นล้นอกเขาแล้ว
เขากลับมานอนหนุนแขนพลางไล่สายตาทั่ววงหน้าลลิลดา ราวกับต้องการพิมพ์ภาพสวยงามนี้ให้ติดตาตรึงใจ มือหนาของตนยังคงกุมมือเจ้าหล่อนแนบชิดริมฝีปาก ไม่สนใจผ้าห่มซึ่งเลื่อนลงไปปิดท่อนร่างของตนอย่างหมิ่นเหม่
หญิงสาวลอบมองร่างเปลือยช่วงบนของอีกฝ่ายด้วยใบหน้าระเรื่อ เขามีมัดกล้ามเนื้ออย่างคนเคยใช้แรงงาน แต่ก็ผอมเสียจนเห็นชายโครงได้ชัดเจน ทว่าสิ่งที่เธอเพิ่งสังเกตเห็นจนต้องเพ่งพิศมองคือรอยแผลเป็นขนาดใหญ่บนต้นแขนเขา และบริเวณเอวก็มีรอยแผลเป็นคล้ายรอยไหม้
แผลพวกนี้... เธอหยุดคำพูดแค่นั้น สะเทือนใจขึ้นมาด้วยจินตนาการออกว่าเขาได้มาอย่างไร
คาชาลมองตามสายตาเจ้าหล่อน ก่อนยกมือบางมาสัมผัสรอยนูนบนต้นแขนตน
ผมถูกยิงตอนที่หนีมา กระสุนแค่เฉี่ยวไปเท่านั้น แต่ฝีมือทำแผลของผมคงไม่ดีเท่าไร เขาเล่าด้วยน้ำเสียงสบายราวเล่านิทาน
ลลิลดาเลื่อนสายตามองแผลเป็นอีกแผลตรงบั้นเอวอัตโนมัติอย่างรอฟังคำอธิบาย ชายหนุ่มยิ้มน้อยๆ ขณะเลื่อนมือเธอไล้ผ่านร่างกายเขามาสัมผัสมัน แต่จนแล้วจนรอดเขาก็ไม่ได้อธิบายที่มา จนเธอต้องช้อนตามอง
มิสอย่ารู้เลยครับ ฟังแล้วหดหู่เปล่าๆ
ทว่าดวงตาคู่งามยังคงจ้องเขาอย่างดื้อดึง หญิงสาวเอ่ยคาดคั้นเขาไปอีก บอกฉันมาเถอะ คาชาล แบ่งความเจ็บปวดของเธอมาให้ฉัน
มิส...
เราเป็นคนคนเดียวกันแล้ว อะไรที่ทำให้เธอเจ็บปวดฉันย่อมรู้สึกไปด้วย เธออย่าเก็บมันไว้คนเดียวต่อไปเลยนะ เธอยังมีฉันนะ คาชาล
ลำคอคนฟังตีบตื้อ น้ำตาลูกผู้ชายรื้นขึ้นมา หากเขายังคงฝืนกล้ำกลืนมันไว้ กระทั่งลลิลดายกตัวขึ้นจุมพิตโหนกแก้มเขา น้ำอุ่นๆ หยดหนึ่งจึงทิ้งตัวลงมาอย่างไม่อาจควบคุม
น่าแปลกที่เขากลับไม่รู้สึกเสียศักดิ์ศรี เมื่อมีเธอคอยจูบซับน้ำตาด้วยดวงตาแดงเรื่อเช่นกัน ราวกับเธอได้รับถ่ายทอดความรู้สึกของเขา และส่งผ่านความรัก ความเข้มแข็งมาปลอบโยนเขาเช่นกัน
ตอนที่ผมถูกจับ พวกมันทำร้ายร่างกายผม แผลนี้ได้มาจากเครื่องช็อตไฟฟ้า แล้วยังมีแผลที่พวกมันรุมซ้อม แต่มันจางไปหมดแล้วครับ
เออนะ ความเจ็บช้ำเหล่านั้นจางหายไปตามกาลเวลา หรือเพราะมีคนร่วมรับรู้ แบ่งปันทุกข์สุขด้วย เขาจึงรู้สึกว่าความเจ็บปวดในอดีตลดน้อยลง เมื่อย้อนนึกถึงก็ไม่คิดแค้น ความสุขในปัจจุบันนั้นมากล้นเสียจนความทุกข์จะมาช้อนตักตวงไปสักเท่าไรก็ไม่เป็นไร ตราบใดที่เขายังมีเธอคอยเติมเต็มความสุขกลับคืนให้ทบทวี
ผมเคยเลี่ยงที่จะนึกถึงมันอีก แต่มิสทำให้ผมรู้ว่าความจริงมันก็ไม่ได้เจ็บปวดอย่างที่เราคิด เพราะผมมีมิสคอยจูบให้กำลังใจ เขากลับมาหยอดใส่เธอได้อีกครา
ลลิลดาทุบอกคนปากดี คาชาลผู้ถูกพันธนาการด้วยปมในใจหายไป แทนที่ด้วยชายหนุ่มช่างหว่านเสน่ห์ แล้วตนก็ถูกเขารวบมือไปกุมไว้
เธอปล่อยให้เขาจุมพิตปลายนิ้วอันเป็นกิริยาที่เขามักจะปฏิบัติต่อเธอ ขณะเปลือกตาเริ่มหนักอึ้งเรื่อยๆ สัมผัสสุดท้ายคือไออุ่นจากริมฝีปากบางเคลื่อนมาจุมพิตยังหน้าผากเธอ ท่ามกลางเสียงเพลงท่วงทำนองอ่อนหวานขับกล่อมแผ่วเบา
จากคุณ |
:
ภาพิมล (thezircon)
|
เขียนเมื่อ |
:
20 มิ.ย. 55 12:30:30
|
|
|
|