Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
มนตราปาหนัน บทที่ ๑๒ : มนตราแห่งปาหนัน ติดต่อทีมงาน

บทที่ ๑๒ : มนตราแห่งปาหนัน


ทั้งสามตกลงใจเลือกห้องทำงานของสินธุเป็นจุดรวมพล เพราะความที่เจ้าของห้องชอบเก็บวัตถุหรือเอกสารโบราณเอาไว้เพื่อการศึกษา ทำให้บรรดาคนรับใช้ไม่กล้าเข้ามายุ่มย่าม นอกจากจะได้รับคำสั่งจาก 'คุณธุ' ให้เข้ามาทำความสะอาดเป็นคราวๆ ไป แต่ถึงอย่างนั้นก็เป็นไปด้วยความจำใจมากกว่าจะเต็มใจ เพราะแต่ละคนก็ฝังใจว่าของเก่าต้องมีเจ้าของเดิมที่ตามข้าวของมาด้วย สินธุบอกให้อติรุทธ์กับปาหนันรออยู่ที่ห้องก่อน แล้วผลุบหายออกไปครู่ใหญ่ๆ ก่อนจะกลับมาพร้อมกับพระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดหน้าตักห้านิ้วที่เจ้าตัวอุ้มเดินเข้ามาในห้อง อติรุทธ์เหลียวไปเห็นก็อดหัวเราะไม่ได้

“เอากันอย่างนี้เลยหรือวะไอ้ธุ ปลุกพระกันเลยเรอะ”

“เออ กันไว้ก่อนเว้ย ขึ้นชื่อว่าผียังไงก็ต้องกลัวพระ อาราธนาท่านมาอยู่ด้วยจะได้อุ่นใจหน่อย”

“แต่ไหนแต่ไรไม่เคยเห็นกลัว ห้องนี้ก็มีสารพัดสมบัติอยู่”

“เฮ่ย พวกนี้เขาไม่เคยแสดงอิทธิปฏิหาริย์นี่หว่า ไม่เหมือนรายนี้ เดี๋ยวนะ ขอหาที่วางท่านก่อน”

สินธุว่าพลางเหลียวหาที่เหมาะสมสำหรับตั้งบูชาองค์พระ ในที่สุดก็เลือกบนชั้นหนังสือชั้นบนสุดที่ยังว่างอยู่ เมื่อเรียบร้อยแล้วจึงเดินมานั่งที่โต๊ะทำงานซึ่งอติรุทธ์กับปาหนันนั่งรออยู่ก่อนแล้ว

ปาหนันไม่ยิ้มเลยนับแต่กลับมาจากบ้านของอติรุทธ์ ดวงหน้าสวยมีแววของการครุ่นคิดอยู่ตลอดเวลา และแทบไม่พูดจากับใครเลยหากไม่จำเป็นจริงๆ อติรุทธ์จับสังเกตหญิงสาวมานานพอดู เขาเอื้อมมือมากุมมือหล่อนที่วางอยู่บนตักบีบเบาๆ ปาหนันหันมาก็สบเข้ากับสายตาห่วงใยอาทรที่มองอยู่ก่อนแล้ว ความอบอุ่นผุดวาบขึ้นกลางใจ หล่อนวางมือข้างที่ว่างทับลงบนมือของอีกฝ่ายแล้วกุมแน่นเป็นเชิงบอกว่าหล่อนไม่เป็นไร

“ฮะแอ้ม ขอโทษนะครับคุณอติรุทธ์ คุณปาหนัน จะหวานกันผมไม่ว่า แต่อย่าทำต่อหน้าผมบ่อยๆ อย่างนี้ ผมอิจฉานะครับ”

อติรุทธ์กับปาหนันหัวเราะเก้อๆ รีบปล่อยมือจากกันทันใด ชายหนุ่มเสหยิบปั๊บสาออกมาจากถุงออกมาวางกางลงบนโต๊ะ หากยังไม่ทันได้อ่าน ไฟในห้องก็กะพริบติดๆ ดับๆ สามคนมองสบตากันทันที อติรุทธ์รีบเก็บปั๊บสาผูกนั้นคืนไว้ในถุงเหมือนเดิม แล้วถือเอาไว้ทันก่อนที่ไฟฟ้าจะดับพรึ่บลงเพียงเสี้ยววินาที

“มันดับจริงหรือแม่เล่นเราวะเนี่ย”

สินธุบ่น ร่างสูงอาศัยความเคยชินเดินสืบเท้าไปทางหน้าต่างห้อง เมื่อไปถึงก็เลิกผ้าม่านหนาที่บังอยู่ขึ้นและพบว่า ความมืดมิดนั้นไม่ได้จำเพาะที่บ้านของตนเท่านั้น หากเป็นทั้งหมู่บ้านทีเดียว

“ค่อยยังชั่วหน่อย เป็นทุกหลังเลย ไฟดับอย่างนี้อีกนานแหละกว่าจะมา  เอายังไงดี อ่านต่อหรือว่ายกยอดไปพรุ่งนี้ ถ้าอ่านต่อฉันจะได้ให้เด็กเอาเทียนเข้ามาให้”

“พักผ่อนดีกว่าค่ะ วันนี้พวกเราก็เหนื่อยกันมาทั้งวันแล้ว คิดเสียว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านอยากให้เราพัก”

ปาหนันชิงบอกขึ้นก่อน  ความผิดหวังและเสียใจที่ถูกคนเคยเป็นพี่สาวทรยศต่อความเชื่อใจ ทำให้หล่อนยังไม่พร้อมจะรับรู้อะไรทั้งสิ้นในตอนนี้ แต่ไม่กล้าพูดขัดใจสองหนุ่ม เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นหล่อนจึงโล่งใจไม่น้อย ขอให้ได้เตรียมใจสักคืนก็ยังดี จากนี้แล้วอะไรจะเกิดขึ้นหล่อนก็พร้อมยอมรับโดยปราศจากข้อเกี่ยงงอนอีก    

“ฉันเห็นด้วยกับหนันนะธุ สี่ทุ่มกว่าแล้วคงเข้านอนกันหมด ฉันว่าอย่าไปปลุกพวกเขาลุกมาหาเทียนให้เราเลย อีกอย่างพรุ่งนี้ฉันก็มีสอนตอนเช้าด้วย”

เสียงข้างมากสองเสียงเห็นพ้องต้องกันเสียแล้ว เสียงข้างน้อยอย่างเขาจะว่าอย่างไรได้ นอกจากทำตามต้องการแต่โดยดี สินธุอาศัยความเป็นเจ้าของสถานที่เข้ามาจูงมือเพื่อนให้เดินตาม อติรุทธ์จับมือปาหนันอีกต่อหนึ่ง แล้วเดินเรียงเป็นงูกินหางออกมาจากห้องทำงาน พอออกมาได้ แสงจากไฟฉายก็สาดมาปะทะ มนชนกนั่นเอง

“อ้าว เจ๊ยังไม่นอนอีกเหรอ”

“เกือบแล้ว พอดีนึกได้ว่าลืมกินยาก่อนนอนเลยลงมา พอเปิดประตูห้องไฟดันดับเสียอีก ดีที่วางไฟฉายไว้หัวเตียงพอดี แล้วพวกเธอล่ะ ทำไมยังไม่นอนกันอีก”  

“ผมลงมาตามเจ้ารุทธ์น่ะเจ๊ มันบอกว่าลืมของ แล้วไงไม่รู้หายจ้อยเลย ตามมาเลยถึงบางอ้อ ที่ช้าเพราะจีบหญิงอยู่นี่เอง”

สินธุอาศัยความกะล่อนลื่นไหลไปได้โดยที่มนชนกไม่สงสัย อติรุทธ์กับปาหนันลอบเป่าปากอย่างโล่งอก ถึงจะรู้สึกขัดหูกับเหตุผลนั้นก็ตาม แต่ทั้งสองก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า มันเป็นเรื่องที่ดูสมเหตุสมผลที่สุดแล้ว ถ้ามนชนกถามเขาหรือปาหนันคนใดคนหนึ่งคงแย่ เพราะไม่รู้จะตอบว่าอย่างไร


ชายหนุ่มเดินเข้ามาในภาควิชา อดยิ้มขันๆ ไม่ได้ที่เช้าวันนี้มิรันตีนั่งจิบกาแฟอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ที่โต๊ะพิมพ์ดีดกลางของภาควิชา ซึ่งตั้งอยู่ข้างๆ กับโต๊ะทำงานของเลขานุการภาคที่เจ้าหล่อนไม่ถูกชะตาด้วย อติรุทธ์ตวัดปากกาเซ็นชื่อลงเวลาทำงานแล้วก็ยักคิ้วให้กับยุวดีทีหนึ่งพร้อมกับบุ้ยปากไปทางคนที่ก้มหน้าก้มตาอ่านนวนิยายในหนังสือพิมพ์ติดพันอยู่อย่างไม่สนใจสิ่งใดรอบตัวทั้งสิ้น ยุวดีอมยิ้มตอบรับ แล้วทำมือข้างหนึ่งหมุนวนๆ อยู่ตรงหน้าแทนคำถามว่าเขาจะดื่มโกโก้ร้อนหรือไม่ อติรุทธ์พยักหน้าแล้วเดินหลบไปทางห้องของตนเองโดยไม่ให้เกิดเสียง ส่วนยุวดีก็ลุกจากโต๊ะเดินไปทางส่วนของแพนทรีซึ่งอยู่ทางด้านหลังของปีกขวา มิรันตีอ่านจบ จึงพลิกหน้าต่อไป เมื่อไม่เห็นใครอยู่เป็นเพื่อนก็ทำหน้าหวาดๆ รีบเหลียวซ้ายแลขวามองหายุวดีที่ตอนนี้หล่อนยอมสงบศึกเป็นการชั่วคราว เมื่อได้ยินเสียงก๊อกแก๊กและกลิ่นโกโก้ร้อน ประจวบเหมาะกับอาจารย์ท่านหนึ่งเดินเข้ามาพอดี หล่อนก็ค่อยใจชื้นขึ้น

เลขานุการสาวเดินถือถ้วยโกโก้จะนำไปให้อติรุทธ์ที่ห้องตามปกติ หล่อนทำหน้าหน่ายเมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่อของตนเอง แล้วปรับสีหน้าเป็นปกติหันมาทางต้นเสียง

“คะ”

“ถ้วยนั้นน่ะหล่อนจะเอาไปให้ใคร”    

“ภาควิชานี้มีคนเดียวเท่านั้นล่ะค่ะที่ดื่มโกโก้”

ยุวดีไม่ตอบตรงๆ ในเมื่ออีกฝ่ายเคยเป็นอดีตคนรักเก่าของอติรุทธ์ บอกเท่านี้ก็น่าจะรู้ แต่พอได้ยินคำตอบหล่อนก็แทบกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่ เพราะมิรันตีเอ่ยชื่ออาจารย์ท่านหนึ่งออกมา  

“อาจารย์หัสดินทร์น่ะหรือ”

หล่อนไม่เถียงว่าด้วยวัยใกล้เกษียณของอาจารย์หัสดินทร์อาจทำให้มิรันตีเข้าใจผิด หากที่ขำเพราะเจ้าหล่อนแสดงชัดว่าไม่เคยรู้จักอติรุทธ์เลยสักนิด

“คงอย่างนั้นมั้งคะ”

ยุวดีตอบแล้วก็ขอตัวผละไป กว่ามิรันตีจะรู้ความจริงก็ตอนที่อติรุทธ์เดินออกมาเตรียมจะไปสอนแล้ว อาจารย์สาวมองเลขาอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ หากยุวดีทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ก้มหน้าก้มตาทำงานของตนเองไป มิรันตีจะโวยวายก็ไม่ถนัด เพราะตอนนี้หัวหน้าภาควิชามาถึงแล้ว ซ้ำห้องพักยังอยู่ตรงกับส่วนที่ทำงานของยุวดีเสียอีก จึงได้แต่ฮึดฮัดขัดใจอยู่คนเดียว


นิ้วเรียวเคาะรัวลงบนโต๊ะเป็นเชิงทักทาย เจ้าของโต๊ะเงยหน้าขึ้นจากหนังสือตรงหน้า ก็เห็นอีกฝ่ายยืนยิ้มเผล่รออยู่ก่อนแล้ว อติรุทธ์บุ้ยใบ้ให้เพื่อนดูนาฬิกาเรือนใหญ่มุมห้องที่บอกเวลาจวนเที่ยง

“เที่ยงแล้ว หิวแล้วด้วย ไปกินข้าวข้างนอกกันเร็ว”

“ฉันกลายเป็นคนขับรถของนายตั้งแต่เมื่อไหร่วะ ชะๆ สั่งได้สั่งดี”

“ไม่ไปก็ตามใจ ขอยืมรถแล้วกัน”

“พูดง่ายดี ฉันปฏิเสธตอนไหนไม่ทราบ ไปน่ะไปได้ แต่มีข้อแม้นะ นายต้องชวนคุณยุไปด้วย”

“เมื่อวานยังไม่พออีกเหรอ”

“น่า ชดเชยช่วงเวลาที่ยายตีรันทำเสียอารมณ์ ช่วยหน่อยนะเพื่อน”

อติรุทธ์หัวเราะ ไม่ตอบว่าอะไร กลับนั่งลงที่เก้าอี้หน้าโต๊ะ มือลากโทรศัพท์เข้ามาใกล้ก่อนกดเบอร์ภายในของภาควิชาตนเอง พูดอยู่สองสามคำก็ทำหน้าขรึมก่อนวางสาย ท่าทีนั้นทำให้สินธุใจแป้ว

“คุณยุไม่ไปเหรอ”

“อืม ไม่”

“โธ่ เซ็งเลย”

“ฟังให้จบก่อนค่อยเซ็ง” อติรุทธ์ฉีกยิ้มกว้างแล้วบอกต่อไปว่า “คุณยุบอกไม่ปฏิเสธ แต่มีข้อแม้ว่าเราห้ามเลี้ยงเธอเด็ดขาด”

“พูดง่ายทำยากแฮะ ชวนเขามาแล้วยังให้จ่ายเองอีก” ใจที่พองฟูในตอนแรกกลับแฟบลงไปอีกเมื่อได้ยินข้อเสนอนั้น

“นายต้องเข้าใจคุณยุ เอาน่า ตามใจเธอเล็กๆ น้อยๆ ไม่เป็นไรหรอก ดีกว่าฝืนความรู้สึกเขา พูดไปแล้วก็อิจฉานายว่ะ คนที่นายชอบยังทำงานอยู่ที่เดียวกัน ฉันสิ จากธารารินไปโรงพยาบาลไกลไม่ใช่เล่น แถมถ้าไปก็ไม่รู้ว่าหนันจะว่างหรือเปล่า”

สินธุเอื้อมมือมาตบไหล่เพื่อนพลางบอกว่า

“อิจฉาอะไรวะ นายแค่ไม่ได้กินข้าวกลางวันกับเขาแค่มื้อเดียวเท่านั้นเอง อย่าลืมว่าช่วงนี้นายต้องไปนอนที่บ้านฉัน ยังไงนายก็ได้เห็นหน้าหนันก่อนนอน ตอนเช้าตื่นมาก็เจอกันอีก ดีกว่าฉันตั้งแยะ”

“มันจะดีกว่านี้ ถ้าไม่มีเรื่องบ้าๆ เข้ามาแทรกกลาง”

อติรุทธ์บอกอย่างขุ่นเคือง หน้าสารภีผุดเด่นขึ้นมาในความคิด เขาทำอะไรให้ หล่อนถึงตามจองเวรเขากับปาหนันไม่มีที่สิ้นสุด

หลังเสร็จสิ้นจากมื้ออาหาร ชายหนุ่มก็ขอให้สินธุช่วยไปส่งเขาที่บ้านซึ่งเป็นทางผ่านระหว่างร้านอาหารกับมหาวิทยาลัยพอดี สินธุทำตามความต้องการของเพื่อนโดยไม่ถามสักคำ ก่อนลงจากรถ อติรุทธ์ให้คำมั่นกับยุวดีว่าจะกลับไปที่ภาควิชาไม่เกินบ่ายสามโมง ระหว่างนี้ขอให้หล่อนช่วยบอกคนที่อาจจะบังเอิญมาหาเขาด้วย ซึ่งหญิงสาวก็รับคำอย่างเต็มใจ  


วัดเจ็ดยอดวันนี้นักท่องเที่ยวค่อนข้างบางตา อาจเพราะเป็นวันจันทร์ต้นสัปดาห์ก็เป็นได้ ถึงอย่างนั้นก็ยังมีคณะทัวร์สองสามคณะที่เดินชมและถ่ายรูปอยู่ตามจุดต่างๆ ร่างสูงเดินมาตามถนนเล็กๆ ที่ปูด้วยอิฐรูปตัวหนอน สองข้างทางร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่น้อย มุ่งตรงไปยังพระสถูปบรรจุพระบรมอัฐิของพระเจ้าติโลกราช

ลมทุ่งยังคงพัดแรงเหมือนทุกครั้ง อติรุทธ์ยกมือไหว้อนิมิสเจดีย์ แล้วเดินตัดลงข้างทางสู่สนามหญ้าเขียวขจี ผ่านแท่นปูนสำหรับบูชา ดอกไม้ช่อที่เขานำมาเมื่อวันก่อนแห้งเหี่ยวอยู่ตรงที่เดิม ชายหนุ่มเดินเข้าไปในพระสถูปนั้น กลิ่นหอมประหลาดอวลเข้าจมูกเหมือนหนึ่งการทักทาย

“เจ็บท้องข้องใจอันใดรึ หานไสสูง”

สุรเสียงกลั้วสรวลดังอยู่ข้างตัวโดยไม่ปรากฎพระวรกาย อติรุทธ์ยกมือไหว้สาพร้อมกับรอยยิ้มบางๆ

“มิได้ครับพญาเจ้า ผมแค่รู้สึกเหนื่อยกับเรื่องที่เกิดขึ้น เลยมาหาที่สงบเท่านั้นเอง”

“วัดอื่นก็มี ไยจำเพาะต้องเป็นโพธาราม”

พระเจ้าติโลกราชยังคงรับสั่งเย้าดุจเคย

“อาจเป็นเพราะพญาเจ้าอยู่ที่นี่กระมังครับ”

อติรุทธ์พูดทีเล่นทีจริง ชายหนุ่มทรุดตัวลงนั่งพิงผนังหลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อนกับสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่สนใจว่าจะมีใครผ่านมาเห็นหรือไม่ เขารู้สึกถึงน้ำหนักที่กดทับบนไหล่ตน เมื่อลืมตาก็เห็นหัตถ์ใหญ่วางอยู่ในตำแหน่งนั้น พอไล่สายตาสูงขึ้นไป พระเจ้าติโลกราชส่งรอยแย้มพระโอษฐ์ละไมมาให้อยู่ก่อนแล้ว ด้วยเครื่องทรงอย่างที่เขาเคยเห็นมาก่อนในนิมิต

“เรื่องใดๆ บนแผ่นดินนี้ย่อมมีเหตุที่มาด้วยกันทั้งสิ้น ความทุกข์นั้นก็เช่นเดียวกัน แม้นรู้เหตุแห่งทุกข์นั้นแล้ว ก็ย่อมที่จะคิดหาหนทางดับทุกข์นั้นลงได้”

“แล้วคนที่ไม่รู้ต้น แต่รู้เพียงเบื้องปลายนั้นเล่าพญาเจ้า จะทำอย่างไร”

“เดิมข้าตั้งใจจะไม่ยุ่งเกี่ยวเรื่องนี้ ทว่าวิญญาณดวงนั้นไม่ยอมปล่อยวาง ทั้งยังทำร้ายคนบริสุทธิ์ด้วย เจ้าเองก็ช่างกระไร ทั้งที่ความจริงอยู่ตรงหน้ากลับมองไม่เห็น มนตราแห่งปาหนันสำแดงเห็นประจักษ์ครั้งแล้วครั้งเล่า ไยไม่แจ้งซึ่งความ ฤๅต้องรอให้ถึงวันเดือนดับ ให้กงล้อแห่งกาลหมุนมาทับรอยเดิมก่อนจึงจะแจ้งใจ”

สุรเสียงนั้นไม่เจือสรวลอย่างเคย ตรงข้ามกลับมีแววตำหนิด้วยซ้ำ

“มนตราปาหนันหรือครับ หมายความว่ายังไง” อติรุทธ์ทวนคำอย่างไม่เข้าใจ

“หลับตาลง อุปนิกขิตแห่งข้า”

สุรเสียงกังวานเปี่ยมด้วยอำนาจ ทั้งที่อยากถามมากกว่านี้ แต่ชายหนุ่มกลับพูดอะไรไม่ออก ประกาศิตแห่งมหาราชเจ้าเชียงใหม่ส่งให้เปลือกตาของเขาหนักจนลืมไม่ขึ้นอีกแล้ว

..................................หอมเอยหอมปาหนัน.............ผูกพันใจไม่หน่ายหนี
.............ถนอมรักในฤดี..........................................จำหลักมั่นในวิญญา
.............อย่าเลือนอย่าลืมได้..................................ชาติภพไหนจงตรึงตรา
.............รักเดียวคือสัญญา.....................................ขอเคียงครองทุกชาติไป


บทลำนำแสนคุ้นเคยคล้ายแว่วมาตามลมพร้อมกับกลิ่นปาหนันที่อวลไปทั้งบริเวณ ภาพอดีตกาลที่ตกตะกอนอยู่ในความทรงจำค่อยๆ แจ่มชัดขึ้นทีละน้อย บัดนี้อติรุทธ์ได้ถอยกลับไปสู่ความเป็นหานไสสูงโดยสมบูรณ์


*** มีต่อค่ะ

จากคุณ : อินทรายุธ
เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 16:58:49




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com