Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
อ่านแล้วเข้าใจไหมครับ ? ติดต่อทีมงาน

ตามหัวข้อกระทู้เลยครับ

***********************

คือว่าน้องชายอ่านแล้วบอกว่า  งง  ไม่เข้าใจ ใครทำอะไรที่ตรงไหน ยังไง
ส่วนน้องสาวบอก อ่านแล้วเข้าใจ ลื่นไหลดี
แต่ติดใจตรงน้องชายนี่ล่ะ

ผมอยากถามว่าบทนี้ อ่านแล้วคุณคิดว่าเป็นยังไงครับ ?

********************
โอปาติกะคือ อะไร?
ข้าเองก็อยากรู้เหมือนกัน  ทุกอย่างมันเริ่มต้นในวันนั้น
วันที่หิมะตกพร่างพราว ทุกสิ่งขาวโพลนราวกับดินแดนแห่งพระผู้เป็นเจ้า  และอากาศหนาวเหน็บจับใจ
 ข้าหนีการตามล่าของบรรดาคนที่แม่เคยช่วยเหลือ ในหัวของข้ามีแต่คำว่า ทำไม ทำไม และทำไม ทำไมถึงเป็นแบบนี้  
ข้าเฝ้าถามตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่า ข้าเคยเชื่อว่าตัวเองฉลาดเหนือใคร แต่คำถามนี้ไร้ซึ่งคำตอบ  

ข้าสะดุดรากไม้ที่ถูกฝังในกองหิมะ ความเจ็บปวดที่ขาแล่นขึ้นมาทันที
ข้าได้ยินเสียง “มันอยู่แถวนี้  จับลูกนังแม่มดนั่นให้ได้“ และคำสุดท้ายคือคำว่า ฆ่ามัน   เสียงสุดท้ายนั่น ข้าจำได้ เป็นเสียงของอาโนด์  เด็กหนุ่มที่ครั้งหนึ่งเคยวิ่งเล่นกับข้า  เคยเป็นเพื่อน และครั้งหนึ่งข้าเคยหวัง....
 ข้าตะเกียกตะกาย  ข้าอยากลุกขึ้นแต่ขาข้าเจ็บเหลือเกิน มันเจ็บ.....แม้ในอกเจ็บยิ่งกว่า  แต่ตอนนี้ข้าต้องหนี
ข้าคลานไปที่โพรงไม้ใหญ่นั่น แล้วดึงพุ่มไม้หนาปิดปากโพรง  
พระเจ้า.....ได้โปรดเถอะ

ท่ามกลางหิมะที่กำลังตก ข้าเห็นแสงไฟ และเสียงคนก็เข้ามาใกล้ทุกที
ใจข้าเต้นระรัว มันดังจนข้าต้องกดหน้าอกเอาไว้  เสียงฝีเท้าและเสียงพูดคุยค่อยๆใกล้มาทุกที
ใจข้าเต้นแรงเกินกว่าครั้งไหน  ข้ากลัว  ข้าเจ็บ   และข้าไม่อยากตาย.....

“มันอยู่แถวนี้รึเปล่า “ เสียงนั่นเป็นคนของพระที่มาพร้อมๆกับกองทหาร มีคนเคยบอกว่า พวกเขามาล่าแม่มด

ข้าได้ยินเสียงลุงเซบาสเตียนตอบกลับไป
“ข้าว่าตามรอยที่เห็นนี่ มันเดินทางขึ้นไปทางเหนือน่ะขอรับท่าน“

ข้าจำรอยยิ้มในยามที่แกไม่เมาได้ดี  ลุงเซบาสเตียนเป็นนายพรานชั้นยอด กวางป่าที่แกล่า ตัวโตทุกครั้ง
แกต้องเห็นรอยเท้าของข้าแน่เลย  ข้ากลัวเหลือเกิน
แต่แล้ว  เสียงนั่นก็ค่อยๆห่างออกไป พร้อมๆกับที่ใจเริ่มสงบลง

เมื่อความเงียบเข้ามาแทนที่  ข้าก็เริ่มกลัวขึ้นมาอีกครั้ง
ป่านนี้แม่จะเป็นยังไงบ้าง แม่บอกให้ข้าหนีไป เมื่อตอนที่พวกชาวบ้านบุกมาที่ไร่แล้วเริ่มเผาทุกสิ่งที่เห็น
แม่บอกให้ข้าหนีไปแล้วไปเจอกันในป่า  ส่วนพ่อก็คว้าดาบที่แขวนไว้เหนือประตู  หน้าตาของพ่อน่ากลัว อย่างที่ข้าไม่เคยเห็นมาก่อน   แล้วแม่ก็เปิดประตูออกไป ตะโกนโหวกเหวก  เรียกผู้คนให้มาหา
บางทีข้าอาจจะช่วยแม่ก็ได้
แต่ข้ากลัวเหลือเกิน  ข้าจึงทำตามที่แม่บอก ข้าหนี  ข้ามันคนขี้ขลาด

แม่เป็นคนที่รอบรู้ในเรื่องสมุนไพร และแม่เคยช่วยเหลือผู้คนมานักต่อนัก ทุกคนในหมู่บ้าน เรียกแม่ข้าว่าแม่หมอ

ยาของแม่เป็นของดี  และราคาก็ถูกกว่าของโบสถ์มากมายนัก  และบ่อยครั้ง แม่ก็ให้ไปโดยไม่คิดเงิน
พ่อเคยเตือนแม่ว่า
“ระวังไว้เถอะ สักวันหนึ่ง จะมีคนหาว่าเจ้าเป็นแม่มด “

แม่ได้แต่ยิ้มและหัวเราะ
แม่ไม่เคยคิดว่า ชาวบ้านที่ใจดี และคุ้นเคยกันราวกับพี่น้องจะเป็นได้ถึงเพียงนั้น

ข้าหนาว ข้าคิดอ้อมกอดของแม่  ตัวของแม่อุ่นนัก แม่เคยจับข้านั่งตัก แล้วเล่าถึงที่ที่แม่จากมา  แม่บอกว่าที่นั่นเรียกว่าโยเดีย เมื่อถึงเวลาทั้งเมืองจะกลายเป็นทะเลสาป ที่นั่นไม่มีหิมะ ไม่มีความอดอยาก และทุกอย่างสวยงาม
ข้าเคยถามว่าที่นั่นสวยงาม แล้วเหตุใดแม่จึงจากมา  แม่บอกว่าเพราะแม่รักพ่อ
ข้าอยากเห็นโยเดีย

ข้ามองอะไรไม่เห็นเลย บางทีเมฆคงจะเคลื่อนมาบังแสงจันทร์ เงาวูบไหว เหมือนเจ้าวัวที่ข้าเคยเห็น
เสียดายที่มันตายไปแล้ว มันตายพร้อมๆกับพี่น้องมัน  และอีกหลายฝูงในหลายหมู่บ้าน  ไม่มีใครรู้ว่าทำไม
แต่แล้วทุกอย่าง ก็ดูเหมือนจะคลี่คลาย  เมื่อพระที่โบสถ์บอกว่า เป็นฝีมือของแม่มด  ทุกคนตามหาแม่มด
แต่แล้ว วันหนึ่ง คนที่ตามหาแม่มดก็มาที่บ้านเรา.........


ข้าขยับตัวเพื่อให้นั่งสบาย  ก่อนจะเลิกชายเสื้อขึ้น
ดูเหมือนเลือดจะหยุดแล้ว  ข้าจับปลายหน้าไม้ที่ปักเอวอยู่
ก่อนพยามดึงมันออก แต่ข้าก็ต้องยอมแพ้ มันเจ็บจนทนไม่ไหว  

ข้าเคยเห็นน้าแกว์โลร์ที่ตายไปเมื่อสองปีก่อน ตอนนั้นแกก็มาให้แม่รักษา  เพราะโดนลูกธนูลูกหลงตอนไปล่าสัตว์กับพวกผู้ชายในหมู่บ้าน แผลของแกเป็นสีม่วงดูน่ากลัว ข้าแอบได้ยิน แม่คุยกับพ่อ บอกว่า  แผลของน้าแกว์โลร์อาจเป็นซีตแล้วก็หาย หรือไม่ก็เลือดเป็นพิษแล้วก็ตาย   ชีวิตของน้าแกร์โลร์อยู่ในมือของพระเจ้า
ตอนนี้ชีวิตของข้า ก็อยู่ในมือของพระเจ้าแล้วสินะ

ข้าง่วง
ข้าเหนื่อย
ข้าหิว
แม้เป็นเด็กผู้หญิงอายุแค่ 14 แต่ข้าก็รู้ได้ว่า ข้ากำลังจะตาย....
แล้วทุกอย่างก็เริ่มพร่ามัว  ข้าเริ่มมองอะไรไม่เห็น ทุกอย่างค่อยๆมืดลง......มืดลง.....
แล้วข้า....ก็ไม่รู้สึกอีกอะไรเลย

เวลา ผ่านไปเท่าไหร่ไม่รู้   วันนึง  สองวัน เดือนหนึ่ง  หรือเป็นปี สิ่งเดียวที่รู้คือ
เมื่อข้าเริ่มรู้สึกอีกครั้ง ก็คือตอนที่ ยืนมองร่างตัวเอง  
ข้ารับรู้ได้ทันที
ข้าไม่ใช่คนเดิมอีกแล้ว

ข้าไม่ใช่คนตาย และไม่ใช่คนเป็น แต่ข้าก็เป็นทั้งคนตายและคนเป็น
ข้าคือ โอปาติกะ

จากคุณ : sillfai
เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 55 01:23:56




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com