Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ผู้ทอแสง [บทที่ 3 แสงสว่างและความมืด] ติดต่อทีมงาน

บทนำ http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12162460/W12162460.html
บทที่ 1 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12170224/W12170224.html
บทที่ 2 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12220282/W12220282.html
--------------------------------------------------------------
@คุณ scottie แหะ ๆ ขอโทษค่ะ คราวหน้าจะระวังให้มากกว่านี้ ยังไงก็ขอบคุณที่ยังอ่านอยู่นะคะ ^ ^
--------------------------------------------------------------

วิธีการเดินทางของทีแลนกับบิดานั้นเหมือนกัน คือให้ผู้โดยสารทั้งหมดนั่งบน 'เก้าอี้ลม' ซึ่งมีความหมายตามนั้นจริง ๆ บางช่วงของลมหนาแน่นกว่าบริเวณอื่น เกิดเป็นเสมือนที่นั่งซึ่งไถลไปมาได้ ระดับความมั่นคงของเก้าอี้ลมดังกล่าวขึ้นอยู่กับความสามารถของผู้ที่สร้างมันขึ้น ขามาที่เดินทางด้วย 'สายการบินทีแลน' นั้นเล่นเอาอาเธลตาลายทีเดียว

ทว่าการเดินทางด้วยสายลมของนักเวทหลวงทิ้งห่างบริการกระเด้งกระดอนของลูกชายนักเวทหลวงชนิดไม่เห็นฝุ่น ทั้งในด้านความราบรื่นและความเร็ว ไทซ์พาอาเธลลอยละลิ่วอย่างนุ่มนวลและว่องไวไปตามอุโมงค์ซึ่งมีกิ่งก้านเวียนของต้นเทียนเป็นดุจผนัง ความเข้าใจของชาวเมืองนั้นถูกต้องแล้วที่ว่าหากขึ้นบันไดนี้ไปจนถึงยอดของต้นเทียน จะพบหอแสงซึ่งเป็นที่อยู่ของผู้ทอแสง หากสิ่งที่คนทั่วไปไม่ทราบคือ หากไม่มีตราของกษัตริย์และตราอนุญาตจากหอแสงแล้ว ต่อให้อุตสาหะเท่าไรก็ไม่มีวันเดินถึงยอดได้ เพราะอาคมลวงตาที่ผู้ทอแสงรุ่นแรก ๆ ลงเอาไว้จะคอยยืดระยะทางออกไปเรื่อย ๆ เหตุนี้จึงไม่มีใครเคยทำสำเร็จ

อึดใจใหญ่ ๆ ทั้งสองก็มองเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ ที่สุดทางอุโมงค์นั้นเป็นซุ้มประตูไม้เลื้อย เครือเถาวัลย์พันเกี่ยวกันแซมด้วยใบไม้งดงาม เมื่อผ่านซุ้มประตูนั้นไปแล้ว เท้าของอาเธลก็สัมผัสกับพื้นแข็งแรงอีกครั้ง

หอแสงยังคงแปลกประหลาดและงดงามไปพร้อม ๆ กันอย่างที่อาเธลจำได้ ความดีประการหนึ่งของหอแสงคือมันมีแสงสว่างตลอดเวลาราวกับว่าตัวหอเองเรืองแสงได้กระนั้น ห้องหลักมีลักษณะคล้ายโถงรูปกลมขนาดใหญ่ ที่กลางโถงนั้นเป็นกี่กระตุกขนาดยักษ์ ใหญ่กว่ากี่ธรรมดาทั่วไปเกือบสิบเท่า แผ่ขยายส่วนต่าง ๆ จนเกือบเต็มห้อง ทุกชิ้นส่วนทำจากเงินซึ่งเงาวับเป็นประกาย กี่นี้มีไว้สำหรับทอผืนแสง ชิดผนังด้านหนึ่งเป็นที่ตั้งของเครื่องปั่นด้ายแสงซึ่งบัดนี้มีผ้าคลุมไว้มิด อาเธลไม่เคยเห็นตอนผู้ทอแสงทำงาน หากพอจินตนาการออกว่าคงไม่ต่างกับการปั่นด้ายและการทอผ้าธรรมดาเท่าไรนัก

เหนือขึ้นไปบนเพดานทรงโดมสูงลิบมีภาพสีน้ำมันวาดประดับไว้ ฝีแปรงไม่เลวเลย แปลกอยู่นิดหน่อยแค่ว่าภาพทู่งหญ้าเขียวขจีสุดลูกหูลูกตา มีโรงนาและระหัดวิดน้ำอยู่ที่ด้านหนึ่ง อีกด้านเป็นม้าสีขาวอ้วนพี กลับขึ้นไปอยู่บนเพดาน เขาเคยได้ยินมาว่าภาพนี้เป็นฝีมือของผู้ทอแสงรุ่นแรก ๆ และได้ยินมาอีกว่าผู้ทอแสงคนนั้นเคยเป็นเด็กเลี้ยงม้ามาก่อน คงจะวาดขึ้นมาจากความทรงจำก่อนมารับตำแหน่งกระมัง

ถัดลงมาจากเพดานเป็นหน้าต่างนับร้อยบาน หน้าตาของหน้าต่างแต่ละบานไม่เข้ากันแม้แต่น้อย บ้างเป็นกระจกใสในกรอบไม้ บ้างเป็นบานไม้ทึบ บ้างเป็นกระจกสีสวยงาม แต่สิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือทุกบานหับสนิทอยู่ตลอดเวลา

เมื่อคราวมาที่นี่ครั้งแรก อาเธลอายุเพียงห้าขวบ เขาพยายามจะเปิดหน้าต่างออกไปดูว่าทิวทัศน์จากสถานที่ซึ่งสูงเทียมเมฆจะงดงามแค่ไหน แต่พยายามทั้งดึงทั้งดันเท่าไรก็เปิดไม่ออก ยังไม่ทันที่เด็กชายตัวน้อยจะสรรหาวิธีอื่นมาลองดู เขาก็ถูกหนึ่งในสามนักบวชแห่งหอแสงหิ้วคอไปส่งให้ท่านพ่อโดยไม่ฟังเสียงประท้วง หลังจากกลับลงไปเบื้องล่างแล้ว ท่านพ่อ...ซึ่งแต่ไหนแต่ไรก็ไม่ได้ใจดีอยู่แล้ว...ลงโทษเขาฐานที่ซนเกินไปเสียเข็ดทีเดียว จะว่าไปนั่นอาจเป็นเหตุแรกที่ทำให้เขาไม่กินเส้นกับนักบวชแห่งหอแสงนัก

เพียงคิดถึง ร่างหนึ่งก็โผล่จากความว่างเปล่ามายืนนิ่งอยู่ที่ผนังด้านหนึ่งของโถงกลม ตรงช่องว่างระหว่างตู้สองหลัง หรือหากจะพูดให้ถูก ช่องว่างระหว่างตู้สองหลังในจำนวนร้อยกว่าหลังที่รายล้อมผนังห้องโถงอยู่ ตู้เหล่านั้นก็พันทางพอกับหน้าต่างนั่นเอง หลังใหญ่บ้าง เล็กบ้าง สีน้ำตาลธรรมชาติ สีแดง สีฟ้า สีขาว บ้างวิจิตรงดงามเสียยิ่งกว่าที่อยู่ในพระราชวัง บ้างโปเกชนิดน่ากลัวว่าจะพังลงมาเพียงเพราะมีคนจามใส่ ตู้ทุกบานปิดสนิทอยู่ตลอดเช่นกัน

ไทซ์คำนับนิดหนึ่งเป็นการทำความเคารพเมื่อเห็นนักบวชคนนั้น นักบวชแห่งหอแสงทั้งสามได้รับความเคารพนับถือเป็นอย่างสูงในฐานะนักบวชสูงสุดแห่งวินเดเมียร์ ฐานะของพวกเขาจะเป็นรองก็แต่เพียงผู้ทอแสงและองค์ราชาเท่านั้น

"เจ้าชายอาเธลมาถึงแล้วขอรับ"

นักบวชไม่พูดอะไร ขยับปากหรือเปล่ายังไม่รู้ด้วยซ้ำ เพราะเสื้อคลุมนักบวชตัวหนาหนักพร้อมผ้าคลุมศีรษะนั้นตกลงมาปิดหน้าปิดตาเสียสิ้น นักบวชยกมือซึ่งเต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่นขึ้น ก่อนทำสัญญาณเป็นเชิงให้ตามไป จากนั้นก็หันหลัง และเดินหายเข้าไปในผนังหินอ่อนระหว่างตู้สองหลังนั่นเอง

ไทซ์ทำเสียงอย่างหนึ่งเป็นเชิงไม่ชอบใจกับกิริยาที่เรียกได้ว่าไร้มารยาท หากไม่มีทางเลือกนอกจากเดินตามไป วินาทีที่ร่างของทั้งสองจะชนเข้ากับผนังหินอ่อนนั้น อาเธลพยายามฝืนอย่างมากไม่ให้ตัวเองหลับตา หากไม่สำเร็จ ความรู้สึกเหมือนพุ่งทะลุผิวน้ำที่เย็นเยียบวาบผ่านไป รู้ตัวอีกที เขาก็มายืนอยู่ที่อีกฝั่งของกำแพงหินอ่อนแล้ว

เบื้องหน้าเป็นทางเดินแคบยาวคล้ายสะพานที่มีหลังคา พื้นปูพรมสีขาวซึ่งสะอาดจนน่าแปลกใจ สองข้างทางเดินมีหน้าต่างเรียงราย หน้าต่างทุกบานมีแสงนวลตาส่องเข้ามา แต่เมื่อมองออกไปนอกหน้าต่างกลับไม่เห็นอะไรเลย มีแต่ความขาวและสว่างของแสงเท่านั้น ตลอดความยาวของทางเดินมีรูปปั้นประดับอยู่เป็นระยะ บ้างเต็มตัว บ้างครึ่งตัว บ้างหญิง บ้างชาย บ้างเด็ก บ้างผู้ใหญ่ สารพัดรูปแบบ เอธานเคยบอกเขาว่าทั้งหมดนั้นเป็นรูปปั้นของผู้ทอแสงรุ่นก่อน ๆ ดูเหมือนที่หอแสงนี้จะมีธรรมเนียมว่าเมื่อผู้ทอแสงลงจากตำแหน่ง จะมีการสร้างรูปปั้นหรือรูปสลักมาประดับไว้ ทำนองว่าเพื่อเป็นการระลึกถึง

'ทำไปทำไม ปั้นวางไว้บนหอแสงใครจะไปเห็นไประลึกด้วย ทั้งหอมีกันอยู่แค่สี่คน' เด็กชายอาเธลวัยสิบขวบเคยถาม เอธานซึ่งตอนนั้นอายุสิบเจ็ดก็ยิ้ม ส่ายหัวเป็นเชิงว่าไม่รู้เหมือนกัน

เจ้าชายองค์เล็กและนักเวทหลวงเดินไปตามทางเดินสีขาวนั้น ทางดูเหมือนยาว แต่อาจเพราะมีการลงอาคมไว้ เดินไปไม่เท่าไรก็สุดปลาย ที่จุดสิ้นสุดทางเดินนั้นคือประตูไม้บานใหญ่ มันลงดาลไว้ถึงสามตัว หากเมื่อทั้งสองเข้าไปใกล้ ดาลก็ค่อย ๆ เลื่อนเปิดออกเองทีละตัว กระทั่งพวกเขาเดินไปหยุดอยู่เบื้องหน้า ประตูบานใหญ่นั้นก็ค่อย ๆ แง้มเปิดออกช้า ๆ

อีกด้านของประตูเป็นห้องหน้าตาประหลาด กล่าวคือเป็นรูปสามเหลี่ยม  ทางที่อาเธลและไทซ์เข้ามาตั้งอยู่ตรงมุมหนึ่งของสามเหลี่ยม จึงมองเห็นห้องทั้งห้องได้ชัดถนัดตา ด้านหนึ่งของห้องมีเตียงหลังใหญ่ตั้งอยู่ข้างหน้าต่างบานสูง แต่นอกนั้นก็ไม่มีเครื่องเรือนใด ๆ อีก บนพื้นห้องเต็มไปด้วยกระดาษวาดเขียนซ้อนกันเป็นตั้งวางระเกะระกะ ผนังทั้งสามด้านเต็มไปด้วยภาพวาดและภาพวาด ภาพวาดครอบครองพื้นที่ทุกตารางนิ้ว สีน้ำ สีน้ำมัน สีไม้ แม้แต่กระดาษสีตัดปะก็ยังมี วิธีการใช้เส้น ใช้สีเป็นเอกลักษณ์ละมุนละไม มองปราดเดียวก็รู้ว่าภาพทั้งหมดเป็นฝีมือคนคนเดียวกัน และฝีมือไม่เลวเลย

หากสิ่งที่ทำลายความงามของภาพเหล่านั้นจนสิ้นในสายตาของอาเธล ก็คือร่างผอมสูงของนักบวชทั้งสามซึ่งกระจายกันยืนอยู่ชิดผนังคนละด้าน

"เจ้าชายอาเธล" นักบวชคนที่ยืนอยู่ไกลที่สุด ตรงด้านฐานของสามเหลี่ยม เอ่ยขึ้น ผ้าคลุมอย่างนักบวชร่วงลงมาปิดหน้าตา เห็นแต่เพียงริมฝีปาก หากอาเธลจำแนกได้จากเสียงแหบแห้งค่อนข้างต่ำ ว่านั่นคือหัวหน้านักบวช "ขอบพระทัยที่เสด็จมา ทรงเติบโตขึ้นจากเมื่อปีก่อนมาก"

"ขอบคุณ"  

"รบกวนท่านหาผู้ทอแสงมาคืนให้พวกเราด้วย" ปากว่ารบกวน หากน้ำเสียงสื่อว่าสั่งอย่างชัดแจ้ง ไทซ์จึงชักสีหน้าโมโหขึ้นทันควัน

"เรายังหารือกันไม่เรียบร้อย ไม่แน่ว่าเจ้าชายอาเธลอาจไม่เหมาะที่จะออกตามหาผู้ทอแสงนัก" นักเวทหลวงแย้ง "ที่ข้าพาเจ้าชายมาที่นี่ ก็เพียงหวังว่าอาจได้ร่องรอยอะไรเพิ่มเติมเท่านั้น ไม่ได้พามารับภารกิจจากพวกท่าน"

"ที่สุดเจ้าชายจะต้องออกเดินทาง นั่นคือสิ่งซึ่งถูกกำหนดไว้แล้ว" นักบวชซึ่งยืนอยู่ทางขวามือ...คนที่เสียงระคายหูน้อยกว่า...เอ่ยขึ้น

'ไม่มีใครสามารถฝืนชะตาที่แผ่นดินลิขิต แม้จะเป็นความมืดที่ถูกทำนายว่าเป็นผู้ที่จะลบแผ่นดินวินเดเมียร์ให้หายไป...เช่นเจ้าชายก็ตาม' เสียงที่สามดังก้องขึ้นในหูของคนทั้งสอง เป็นเสียงเรียบเย็นชวนขนลุก

อาเธลฟังอย่างสงบ ขณะที่ไทซ์กัดกรามกรอดจนเห็นเป็นสัน หน้าตาแดงขึ้นด้วยโทสะ ผมของเขาเป็นสีแดง และในยามนี้ก็ยิ่งดูแดงเจิดจ้าเหมือนเจ้าตัวพร้อมจะลุกเป็นไฟ

"พวกเจ้าที่ทำนายอะไรพล่อย ๆ สิจะทำลายแผ่นดินวินเดเมียร์ ไม่ใช่เจ้าชาย" เขาโต้กลับอย่างดุเดือด "คนหนึ่งตาบอด คนหนึ่งหูหนวก อีกคนก็เป็นใบ้ต้องคุยทางกระแสจิต ไม่แปลกที่จะทำผู้ทอแสงหายไปแบบหาร่องรอยไม่ได้"

"ท่านไทซ์" อาเธลเรียกเสียงเฉียบ ไทซ์เหลือบมองมานิดหนึ่ง ถอนใจกระฟัดกระเฟียด หากยอมปิดปากแต่โดยดี อย่างไรก็ตาม นักบวชทั้งสามไม่มีท่าทีว่าจะเดือดร้อนกับคำปรามาสนั้นเลย คงยืนสงบนิ่ง จ้องดูเจ้าชายองค์เล็กเป็นตาเดียว และอาเธลก็พยายามจะไม่สนใจแรงกดดันในสายตาเหล่านั้น

"ก่อนอื่นข้ามีเรื่องอยากถาม" เขาเอ่ย "ข้าบังเอิญพบเด็กสาวความจำเสื่อมคนหนึ่ง นางมีสร้อยข้อมือที่ร้อยจี้เงินประทับตราหอแสงติดตัว ชื่อของนางคือลูมินัส ข้าสงสัยว่านางอาจเป็นผู้ทอแสง อยากทราบว่าควรพามาให้พวกท่านตรวจสอบไหม"

"เด็กสาว"

"ตราหอแสง"

'ลูมินัส'

นักบวชทั้งสามเอ่ยขึ้นคนละครั้งราวกับรับต่อกันไปเป็นทอด ๆ จากนั้นก็เงียบกันไปอึดใจ

"นางไม่ใช่ผู้ทอแสง" หัวหน้านักบวชตอบ

"นางไม่เกี่ยวใด ๆ กับหอแสงแห่งนี้ทั้งสิ้น"

'กรุณาอย่าพานางมาที่นี่'

อาเธลมุ่นคิ้วขึ้น

ไม่เกี่ยวแน่หรือ หากไม่เกี่ยวจริง ทำไมต้องอึ้งไปด้วยเล่า

"นอกจากผู้ทอแสงแล้ว มีใครที่สามารถถือตราของหอแสงติดตัวได้อีก" เขาซัก

"ทั้งดินแดนวินเดเมียร์ ผู้ที่มีตราของหอแสงติดตัว มีเพียงผู้ทอแสงเท่านั้น"

"นอกจากผู้ทอแสงแล้ว ในดินแดนนี้ก็ไม่มีใครอีก"

'ตราของหอแสงเป็นสิ่งแสดงตัวตนของผู้ทอแสงแต่เพียงผู้เดียว'

"ถ้าอย่างนั้นแม่หนูนั่นเป็นใคร" ไทซ์แทรกขึ้นอย่างหงุดหงิดกับวิธีพูดวกไปวนมาของนักบวชทั้งสาม

"ขอความกรุณาพวกท่านช่วยหาตัวผู้ทอแสงมาคืนให้พวกเราด้วย" หัวหน้านักบวชตัดบท ทั้งสามคำนับพร้อมกัน ก่อนที่ร่างผอมสูงในเสื้อคลุมทั้งหมดจะก้าวถอยหลัง และกลืนหายเข้าไปในกำแพงหินอ่อนอย่างเงียบเชียบ

"อ้าวเฮ้ย กลับมาตอบก่อน ไอ้นักบวชกวนประสาท" ไทซ์กระโจนตามไปยังกำแพงด้านที่ใกล้ที่สุด หากมันกลับเป็นหินแข็งตามเดิมเรียบร้อยแล้ว "แล้วไม่ได้ฟังเลยหรือไง เจ้าชายอาจไม่ต้องออกแกะรอยผู้ทอแสงก็ได้ คำทำนายของนักบวชโรคจิตอย่างพวกเจ้าก็เป็นคำทำนายโรคจิตอยู่วันยังค่ำ งี่เง่า ไม่ได้เรื่อง"

"ท่านไทซ์" อาเธลเรียก

"เออ ๆ ข้ารู้ว่าไม่ควรกล่าวถึงนักบวชสูงสุดในดินแดนวินเดเมียร์ด้วยถ้อยคำอย่างนี้" นักเวทหลวง...ซึ่งแม้จะเป็นพ่อคนแล้ว หากนิสัยไม่ต่างกับลูกตัวเองเท่าไรนัก...ว่าอย่างหัวเสีย "แต่คราวนี้มันเหลืออดจริง ๆ"

"ขอบคุณ"

คำขอบคุณเรียบ ๆ บนดวงหน้าไม่แสดงอารมณ์นั้นทำให้ไทซ์ชะงัก ก่อนส่ายหัวอย่างกึ่งขันกึ่งอ่อนใจ

ไอ้เด็กขี้อายหน้าตายเอ๊ย

"เจ้าก็เหมือนลูกชายอีกคนของข้า เห็นกันมาแต่เล็กแต่น้อย ไม่จำเป็นต้องขอบคุณ" เขาว่าง่าย ๆ "ตอนนี้สิ่งที่เราควรจะสนใจคือ สรุปว่าแม่หนูนั่นเป็นใครกันแน่ มีตราหอแสงแต่ไม่ใช่ผู้ทอแสง"

"เป็นไปได้ไหมว่าพวกนักบวชโกหก"

"ไม่มีทาง นักบวชแห่งหอแสงนั้นมีกฎเหล็กว่าห้ามพูดปด คำเดียวก็ไม่ได้"

อาเธลจึงเงียบไปอย่างครุ่นคิด หากเมื่อคิดไม่ออก เขาก็ถอนใจ

"เรามาเริ่มตามหาร่องรอยผู้ทอแสงกันก่อนดีกว่าไหม ท่านไทซ์"

"ตามใจเจ้าสิ"

"ผู้ทอแสงหายไปจากห้องนี้ใช่ไหม" เขาว่าพลางก้าวยาว ๆ ไปที่ผนังห้องด้านหนึ่งและเริ่มก้ม ๆ เงย ๆ มองหาสิ่งที่อาจเป็นเบาะแสได้

"ใช่" ไทซ์เดินตามอาเธลไป "อันที่จริงเจ้ายืนอยู่เฉย ๆ ก็ได้ แค่ช่วยดูดเวทที่อาจมีคนลงเอาไว้ก็พอแล้ว ที่เหลือข้าจัดการเอง"

จากคุณ : พลอยฟ้าปรายฝน
เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 55 07:18:05




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com